คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 : ห่วง
"เฮ้ย!!!"
ทันทีที่เดินลงบันไดจากชั้นสองลงมา ก็ทำเอาลู่หานใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม กับภาพใบหน้าขาวๆที่หันมามองเขา
"อะไรๆ" คนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วหันรีหันขวางหาสาเหตุของเสียงอุทานเมื่อครู่ จนหันไปเห็นคนที่ยืนช็อคอยู่บนบันไดนั่นล่ะคริสถึงได้ถอนหานใจออกมาอย่างโล่งออก
ลู่หานยกมือขวาขึ้นมาลูบหน้าอกอย่างโล่งใจเมื่อรู้ว่าใบหน้าขาวนั้นเป็นของใคร ก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาฝั่งตรงกันข้าม
"ทำไมลงมามาร์กหน้าข้างล่างล่ะ" เอ่ยถามพร้อมมองอุปกรณ์ประทินผิวของอีกฝ่ายที่วางอยู่เต็มโต๊ะด้านหน้า
"ก็จงแดน่ะสิ ตื่นมาเห็นฉันมาร์กหน้าก็โวยวาย แล้วไล่ฉันออกมาแบบนี้ล่ะ"
"ตอนฉันเดินลงมาก็เกือบหัวใจวายตายเหมือนกัน" ลู่หานว่าเข้าให้ ก่อนจะหยิบกระปุกครีมใกล้มือขึ้นมาดู เมื่อไม่มีอะไรจะทำ ยกขายาวๆขึ้นมาไขว่ห้างขณะที่เอนตัวพิงโซฟา
“แล้วมินซอกเป็นไงบ้างล่ะ อยู่ด้วยกันสองคน คงไม่ตีกันตายซะก่อนหรอกนะ”
ลู่หานพ่นลมหายใจออกมา กับคำถามของคริส พวกเขานอนห้องเดียวกันมาอาทิตย์กว่าๆ นอกเหนือเวลางานพวกเขาก็แทบจะไม่เคยคุยกันดีๆสักครั้ง ไม่ใช่เขาหรอกนะที่มีปัญหา คนที่มีปัญหาคือมินซอก และก็ไม่มีใครกล้าออกปากว่าอะไรพี่ใหญ่อย่างมินซอกด้วย
“ก็ไม่แน่หรอกนะวันดีคืนดีอาจจะลุกขึ้นมาฆ่ากันจริงๆก็ได้นะ” คริสมองลู่หานที่แค่นยิ้มฝืนๆก่อนจะพาเปลี่ยนประเด็น
“แล้วนี่มินซอกยังไม่ตื่นอีกเหรอ” ถามออกไปแล้วก็อยากจะตะครุบปากตัวเองให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ทั้งๆที่พยายามเปลี่ยนประเด็น แต่มันก็วนกลับมายังเรื่องของรูมเมทของลู่หานอีกจนได้
“มินซอกไม่ค่อยสบายน่ะ ฉันเลยให้นอนต่อ”
“แล้วจะไหวเหรอบ่ายนี้มีงานนะ” คริสถามอย่างเป็นห่วงเมื่อคิดถึงพี่ใหญ่ตัวเล็กๆของวง
“ไหวไม่ไหว ต่อให้ห้ามยังไงหมอนั่นก็ดื้อจะไปให้ได้อยู่แล้ว นายก็รู้ว่ามินซอกดื้อจะตายไป”
“ฉันรู้เหรอ บ้า ไม่เห็นรู้อะไรเลย มีแต่นายคนเดียวที่รู้รึเปล่าลู่หาน” ลู่หานเหลือบมองคริสที่ทำหน้าตายพลางหยิบกระปุกครีมตรงหน้าขึ้นมาดูราวกับไม่เคยเห็นมันมาก่อน ท่าทางกวนประสาทแบบหน้าตายของคริสกับคำพูดที่ฟังดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจจะพูดเหน็บเขา อย่างคริสน่ะเหรอจะไม่รู้ว่านิสัยมินซอกเป็นยังไง สุดท้ายเขาเลยอดไม่ได้ที่จะคว้าหมอนอิงใกล้ๆมือปาใส่อีกคนที่นั่งเพลินๆ
คริสปล่อยกระปุกครีมในมือลงพื้นขณะที่ยกมือขึ้นมากันหน้าตัวเองไว้อย่างอัตโนมัติ ขายาวๆก็พากันมาขดรวมไว้บนโซฟา จนลู่หานกั้นขำกับภาพโอเวอร์แอคติ้งท่าทางการกลัวนั้น จนคนที่รู้ตัวว่าถูกขำอยู่ได้สติก็จัดที่จัดทางให้กับแขนขาตัวเองก่อนจะส่งสายตาพิฆาตกลับไปให้กวางน้อยที่เริ่มไม่เชื่องแล้วสำหรับเขา
และเขาคงกระโจนเข้าใส่ลู่หานไปแล้วถ้าไม่ติดที่ เทาที่เดินหาวผ่านหน้าพวกเขาไปราวกับไม่มีใครอยู่ตรงนั้น
ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงขายาวย้วยๆนั้น ไปหยุดยืนที่ทางเข้าห้องครัว อาการที่พยายามจะงัดประตูตู้เย็นของน้องเล็กเรียกสายตาทั้งของคริสและลู่หานให้มองตาม ก่อนจะทันได้สังเกตว่าดวงตาที่มีรอยคล้ำเหมือนคนอดนอนของเทายังคงปิดสนิท เสียงปึงปังยังคงดังมาจากตู้เย็นที่ไม่ยอมเปิดออกตามแรงของมนุษย์
คริสหันมาสบตากับลู่หานที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะรีบคว้ามือถือขึ้นมา อัดวีดีโอน้องเล็กที่นอนละเมอ
“ย๊า ตุ้ยจ่างเอามาเลยนะ” เสียงโวยวายของเทาดังขึ้นเป็นระยะภายในรถตู้คันใหญ่ของบริษัท มินซอกพยายามข่มตาหลับลงเป็นครั้งที่สาม หลังจากที่เทาโวยวายขึ้นมาทุกครั้งที่เขากำลังจะเคลิ้มหลับ
สุดท้ายเลยต้องมุดหน้าลงไปกับกระเป๋าเป้ที่เขากอดเอาไว้ แต่ยังไม่ทันที่หัวเขาจะได้สัมผัสกับเป้ใบเก่ง ฝ่ามือเย็นๆของใครสักคนก็ยื่นมาดันหน้าผากของเขาเอาไว้ มินซอกเงยหน้ามองเจ้าของมือตาขวาง ปากซีดที่ดูแห้งผากคว่ำลงอย่างไม่พอใจ
ลู่หานเปลี่ยนมาใช้หลังมืออังหน้าผากอุ่นๆที่ดูจะยังมีไข้อยู่นั้นเบาๆ มองสบตาขุ่นมัวของมินซอก มันไม่ได้จิกกัดอย่างที่ควรจะเป็นเพราะตาเยิ้มๆของคนป่วยนั่นแหละ ลู่หานผลักหัวกลมๆนั้นมาวางบนไหล่ตัวเองก่อนจะปลดหูฟังที่เปิดเพลงช้าๆคลอไว้ไปใส่ให้คนที่พยายามจะขืนแรงไม่ยอมนอนบนไหล่เขา แต่สุดท้ายลูกแมวแสนดื้อก็หมดฤทธิ์ แล้วยอมอยู่นิ่งๆ ลู่หานจึงก้มลงมองเครื่องเล่นMP4ในมือ ก่อนจะตั้งเพลย์ลิตส์ที่ดูจะฟังสบายหูให้คนป่วย
“โอ้ย คริส เอามาเลยนะ” เสียงเทาโวยวายทำให้ลู่หานขมวดคิ้วมุ่น
“นายเรียกใครว่าคริสห๊ะ เทา ฉันแก่กว่านายนะ” เสียงที่ไม่ยอมกันของคริสดังขึ้นพร้อมกับที่เจ้าตัวปีนเบาะแล้วหันมาตีหัวเทา ที่ร้องโอดโอย อยู่ข้างๆเลย์
หัวกลมๆของมินซอกขยับเหมือนจะตื่น ลู่หานใช้ฝ่ามือประคองใบหน้านั้นไว้เบาๆ ก่อนจะหันไปทำตาดุใส่หัวหน้าวงที่เล่นกันป็นเด็กๆ
“นี่พวกนาย เบาเสียงหน่อยสิ มินซอกไม่ค่อยสบายนะ”
บรรยากาศในรถเงียบสงัดขึ้นมาในทันทีหลังสิ้นเสียงของลู่หาน เลย์หันกลับไปมองใบหน้ากลมๆที่วางอยู่บนไหล่ของลู่หาน ใบหน้ากลมๆที่มีปอยยผมลงมาปรกหน้าดูซีดเซียวไม่เหมือนมินซอกฮยองที่ชอบแจกยิ้มให้เขาอยู่เสมอ ไล่สายตาไปมองใบหน้าที่ติดจะน่ารักของลู่หาน ที่เวลานี้มันค่อนข้างจะบึ้งตึง น้อยนักที่เจ้ากวางสองขาตัวนี้จะทำหน้าตาหงุดหงิดใส่ใคร
สงสัยเขาคงต้องจับตามองเจ้ากวางเกเรตัวนี้ให้ดีซะแล้วล่ะ
“มินซอก ถึงแล้วนะ” กระซิบเบาๆที่ข้างหูเหมือนกลัวอีกคนจะตื่น จนเลย์ต้องกระแอมไอเสียงดัง ลู่หานเหลือบมองเขาเพียงชั่วครู่ ก่อนจะเขี่ยเบาๆที่แก้มนิ่มของอีกคน “มินซอก ได้เวลาทำงานแล้วนะ”
“อือ ปวดหัวจัง” เสียงงึมงำพร้อมมือคู่เล็กที่ยกขึ้นมาปัดมือเขาออก มันเกือบจะฟาดหน้าเขาจนต้องหดคอหนี
หัวกลมๆค่อยๆยกออกจากไหล่ของเขา พร้อมใบหน้าที่ดูงัวเงียของพี่ใหญ่ของวง ปากเล็กเบะออกอย่างขัดใจ ก่อนจะเอ่ยพูดประโยคเดิมซ้ำๆ “ปวดหัว”
เหมือนจงใจจะอ้อนเมื่อร่างที่โงนเงนของคนตัวเล็กที่ลุกขึ้นมานั่งทำท่าจะล้มใส่เขา จนลู่หานต้องเอื้อมมือไปดันไหล่เอาไว้
“นี่ฮยอง เสร็จยังจะได้ลงรถ” เสียงเทาถามมาด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นัก เมื่อนอกหน้าต่างมีบรรดาแฟนคลับมารายล้อมรอบรถของพวกเขา
“อือๆ” ส่งเสียงตอบกลับไปก่อนจะดีดลงบนหน้าผากมน จนคนที่ถูกดีด ลืมตามามองเขาด้วยแววตาขุ่นมัว “ลงรถได้แล้ว ฉันถามนายตั้งแต่ที่หอแล้วนะ ว่าไหวไหม นายบอกไหวก็อย่ามาลีลานะ”
มินซอกจ้องลู่หานตาวาว ตอนแรกก็นึกว่าจะญาติดีกันแล้วที่ไหนได้ ฮึ่ย
มินซอกคนนี้ล่ะอยากจะกัดไอ้กวางไม่มีเขาตัวนี้ให้คอขาดไปเลย
คนป่วยทำหน้ายุ่งก่อนจะผุดลุกขึ้นแล้วผลักไหล่อีกคนจนล้มไปกับเบาะรถ เอื้อมคว้าเป้ของตัวเองขึ้นมาแล้วก้าวข้ามอีกคนไปพร้อมเสียงหัวเราะกวนประสาทที่ดังไล่หลังมา
เขาล่ะอยากจะบ้านักเชียว นิสัยแบบนี้ของลู่กานนี่แหละที่เขาเกลียดที่สุด
ลู่หานที่ตามลงมาเป็นคนสุดท้ายรีบเดินตีคู่ไปกับคนตัวเล็กกว่า เอื้อมไปคว้าข้อมือเล็กๆเอาไว้แน่น เมื่อรู้สึกถึงละอองฝนที่โปรยลงมา ก่อนจะดึงฮู้ดสีเหลืองสดของมินซอกไปคลุมที่หัวกลมๆนั้น
“ปล่อยนะ ฉันเดินเองได้”
ยังไม่ทันขาดคำ แรงเบียดจากข้างหลังก็แทบจะทำเอามินซอกหัวขมำ โชคดีที่มือของลู่หานรั้งเอวของเขาเอาไว้ทัน
“เป็นไงล่ะ ทำเป็นอวดเก่ง” หันมาพูดกับคนตัวเล้กกว่า ก่อนจะดึงตัวอีกคนเข้ามาใกล้
มินซอกได้แต่ทำหน้าตูมเพราะขัดขืนไปก็เท่านั้น อีกอย่างเขายอมอ่อนให้ก็ได้ เพราะว่าวันนี้เขาป่วยหรอกนะ ไม่อยากจะทะเลาะกับใครให้มันปวดหัวหนักขึ้น
ภาพที่ลู่หานคอยหาน้ำหาขนมมาให้มินซอกที่ทำหน้ายู่เวลาพักเรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากเหล่าทีมงานนิตยสารที่พวกเขามาถ่ายแบบในวันนี้เป็นอย่างดี
ฉายาเปาจื่อของมินซอกมันช่างเหมาะกับแก้มกลมๆที่หันหน้าหนีอีกคนด้วยความรำคาญ
เพราะวันนี้ทางทีมงานได้รับแจ้งจากเมเนเจอร์ว่ามินซอกไม่สบายนิดหน่อย พวกเขาเลยไม่ค่อยแปลกใจที่ลู่หานดูจะเอาใจใส่มินซอกเป็นพิเศษ แม้กระทั่งตอนที่ถ่ายรูปเดี่ยว ก็เอาแต่ชะเง้อมองหามินซอกที่นั่งห่างออกไป แล้วอาการชะเง้อยามที่ช่างแต่งหน้ามาคอยซับหน้าให้เขาทำเอาสาวๆในกองต่างร้องกรี๊ดกร๊าดกัน เพราะท่าทางที่เม้มปาก แล้วใช้สายตาสอดส่ายผ่านมือที่ซับหน้าอยู่นั้นมันน่ารักมาก
“โอเค เสร็จแล้วครับ” หลังจากเช็คภาพเซ็ตสุดท้ายในมอนิเตอร์ บรรณาธิการนิตยสารจีนชื่อดังที่วันนี้ลงมายลโฉมนักร้องในสังกัดเกาหลีที่ดูจะโด่งดังที่สุดในช่วงนี้ก็บอกเลิกกอง ก่อนจะเดินเข้าไปทักทายเด็กหนุ่มที่โค้งขอบคุณพร้อมคำพูดภาษาจีนที่ไม่ค่อยชัดนั้นออกมาจากปาก ของคนที่มีเสตจเนมว่าซิ่วหมิน
ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยชมสำเนียงจีนน่ารักๆนั้นเลย ลู่หานก็ตรงดิ่งเข้ามาหาคนร่างเล็ก ส่งยิ้มน้อยๆมาให้เขาก่อนจะพากันเดินเลี่ยงไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่จัดไว้แตกต่างหาก
แวบแรกถ้าเขาตาไม่ฝาด เขาเห็นแววตาที่ดูเหมือนหึงหวงมาจากแววตาคู่นั้น
to be continued
ตอนนี้สั้นๆนะคะ รู้สึกไม่ค่อยถนัดกับการแต่งฟิคอะไรใสๆ
เลยต้องเค้นสมองเยอะมากๆ
ขอคุณที่ติดตามอ่านนะคะ ถ้าสนุกฝากติดแท็ก #วอทออน กันด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
Jyploy
ความคิดเห็น