ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] To Be With You

    ลำดับตอนที่ #2 : chapter 1 : Rebirth

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 56






    REBIRTH

     
    ทันทีที่ผมลืมตาขึ้น กลิ่นหอมของฤดูใบไม้ผลิกับแสงแดดอ่อนๆยามเช้าคือสิ่งแรกที่ผมรับรู้ ผมยืดแขนของผมออกไปในอากาศ
    แล้วบิดขี้เกียจจากความเมื่อยขบ แล้วก่อนที่ผมจะทันได้ตั้งตัว

     

    ตุ้บ!


    (;>_<;)

     

    ผมก็ลื่นตกลงมากองที่พื้น สงสัยกระดูกสะโพกผมคงจะเคลื่อนแล้วล่ะ
     

    ตกลงมาแรงขนาดนี้
     

    โอ้ย เจ็บชะมัด 

    ผมค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะปัดเสื้อผ้าเอาฝุ่นกับดินออกจากตัว

     

    ผมเพิ่งมองสำรวจตัวเองว่าเสื้อผ้าที่ผมใส่อยู่ตอนนี้เป็นเพียงใบต้นไฮเดรนเยียสีเขียวอ่อนที่ดูจะผ่านการตัดเย็บมาอย่างปราณีตที่แซมด้วยดอกเล็กๆของไฮเดรนเยียสีขาวและม่วงอ่อน
     

    ผมเงยหน้ามองลำต้นสีเขียวที่โผล่พ้นจากดินสีน้ำตาลออกดำตรงหน้า แล้วไล่มองไปยังใบสีเขียวที่ดูอุดมสมบูรณ์ดี แล้วก็เห็นสาเหตุที่ผมร่วงตกลงมาดังตุ้บใหญ่
     

    หยดน้ำค้างยามเช้าที่เกาะอยู่ตามใบสีเขียวของผมนั่นเอง คุณไม่ได้เข้าใจผิดหรอก ต้นไฮเดรนเยียต้นนี้เป็นของผมจะพูดให้ถูกก็คือ  
    ไฮเดรนเยียต้นนี้เป็นบ้านของผม

     

    ผมไม่รู้อะไรมากนักหรอกเกี่ยวกับการถือกำเนิดของผม แต่ทันทีที่ผมลืมตาตื่นผมก็รู้ว่าผมเป็นอะไร
     

    ผมขยับตัวเดินตรงไปยังโคนต้น
     

    มองสำรวจอยู่สักพักใหญ่ก็ไม่เห็นสิ่งที่ควรจะมี ความจริงมันต้องมีบันไดให้ผมปีนกลับขึ้นไปสิ

     

    อ่าาาา

     

    พระเจ้าใจร้ายกับผมจัง ()

     

    สุดท้ายผมเลยต้องถกชุดสวยของผมให้ขึ้นมาอยู่ที่เข่าก่อนจะค่อยๆปีนลำต้นกลับไปที่เดิมที่ผมตกลงมา


    กว่าจะขึ้นมาถึง ก็รู้สึกปวดหลังปวดเอวไปหมด


    แหมะ
     

    อะไรบางอย่างร่วงลงมาใส่หัวผมจนผมเซไปทั้งตัว ปวดหัวตุ๊บๆเลย ผมยกมือขึ้นสัมผัสหัวก่อนจะรู้สึกถึงความเปียกชื้น
     

    อ่าาาาา
     

    น้ำค้างเองหรอกหรือนี่
     

    แหมะ
     

    อีกหยดทำเอาผมทรุด
     

    จะไม่ทนแล้วนะ
     

    ฮึ่ย
     

    ผมเอามือยันตัวเองลุกขึ้น แล้วเดินไปยังลำต้นอวบอ้วน ก่อนจะมุดเข้าไปข้างใน
     

    ไม่มีน้ำค้าง

    ไม่ลื่น

    ไม่ร่วง


     

    ผมมองสำรวจพื้นที่สีเขียวอ่อนจางๆของสถานที่ที่เป็นบ้านของผม ไม่มีอะไรมากนัก นอกจากเตียงเล็กๆที่ทำจะกลีบดอกไฮเดรนเยียขนาดใหญ่ ข้างบนนั้นมีกลีบที่เล็กกว่าประกอบกันเป็นเหมือนผ้านวมผืนหนา

    สวยจัง

     

    นั่นคือสิ่งที่ผมคิด ก่อนจะวิ่งไปกระโดดใส่เตียงเล็กๆนั้น จนละอองเกษรสีขาวปนเหลืองกระจายออกจากเตียงมาติดตามตัวผม
    แล้วก็ส่องประกายวิบวับอย่างน่ารัก

     

    ผมขยับตัวมองสำรวจทั่วบริเวณ มีสระน้ำเล็กๆอยู่ตรงข้ามกับเตียงข้างในมีดอกเล็กๆของไฮเดรนเยียลอยผุดขึ้นผุดลงเต็มไปหมด


    อ่าาาาา


    ทุกอย่างดูแปลกใหม่สำหรับผม


    แต่อีกความรู้สึกหนึ่งนั้นกลับเจือปนไปด้วยความคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด
     

    ผมก้าวลงจากเตียงเดินตรงไปยังสระน้ำใสนั้น ค่อยๆชะโงกหน้าลงไปมองน้ำที่ใสราวกับกระจก
     

    ภาพสะท้อนของผู้ชายแก้มกลมผิวขาวๆปากแดงๆสะท้อนกลับมา
     

    น่ารัก
     

    คงเป็นคำอธิบายตัวผมได้เป็นอย่างดี
     

    อ่าาา
     

    สงสัยพระเจ้าท่านจะรักผมมากนะ
     

    ผมถึงได้น่าตาน่ารักแบบนี้
     

    แต่ว่าทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆแบบนี้นะ ผมขยับตัวออกห่างจากสระน้ำก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น


    มันรู้สึกโหวงๆในอกแปลกๆ


    ความรู้สึกโหยหาบางอย่างที่อยู่ๆก็พุ่งชนผม


    ความรู้สึกแบบนี้มันอะไรกันนะ


    แล้วจู่ๆผมก็ออกมายืนอยู่ข้างนอกใต้ต้นไม้ใหญ่
     

    ผมรู้สึกว่าตัวของผมใหญ่ขึ้น พอมองไปรอบๆผมก็เห็นไฮเดรนเยียที่เป็นบ้านของผม มันสูงไม่ถึงเข่าของผมด้วยซ้ำ ผมมองเลยมันไปตรงนั้นมีเนินหญ้ากับแท่งหินสีขาว ผมขยับตัวเข้าไปใกล้มันด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด
     

    แท่งหินนั้นมีตัวอักษรสลักเอาไว้ แต่มันไม่ใช่ภาษาที่ผมอ่านออก ถ้าจะพูดให้ถูกผมอ่านอะไรไม่ออกด้วยซ้ำ
    สงสัยพระเจ้าจะลืมใส่ฟังก์ชั่นมาให้ผมแน่ๆ

     

    ผมเลิกสนใจเนินประหลาดตรงหน้าแล้วหันไปตามทิศทางที่เป็นทางเดิน ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังเดินไปไหน
     

    แต่ความรู้สึกบางอย่างบอกว่าให้ผมเดินไปทางนี้
     

    หลังจากเดินมาสักพัก ผมก็เห็นมนุษย์ผู้หญิง หน้าตาสะสวยเดินมาทางผม ผมหยุดยืนมองเธอที่เดินยิ้มเข้ามาใกล้
     

    "สวัสดีค่ะ"
     

    " o( '' ) น่ะ นี่คุณมองเห็นผมด้วยเหรอ"

    ผมมองหน้าเธอสลับกับมองตัวเอง ผมเข้าใจว่ามนุษย์ไม่สามารถรับรู้การมีตัวตนของผมได้ แต่ทำไม เอ๊ะ หรือเธอจะเป็นแบบผม ตอนนี้เธอหยุดเดินแล้วยืนอยู่กับที่ผมเลยเดินเข้าไปใกล้เธอ


    ทำไมถึงรู้สึกดีใจแบบนี้นะ
     

    "คิดว่าคุณลืมนัดของฉันแล้วซะอีก"
     

    ผมขมวดคิ้วมุ่นกับสิ่งที่เธอพูด
     

    "งั้น เอาเป็นว่าเจอกันที่ล็อตเต้เวิร์ลเลยแล้วกันนะคะ"
     

    ผมงงหนักกว่าเดิม แล้วจู่ๆเธอก็เดินทะลุผ่านตัวผมไปเลยทำเอาผมเซถลาไปข้างหลัง แล้วก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมมนุษย์คนนั้นถึงพูดอยู่คนเดียวนะ
     

    จู่ๆผมก็รู้สึกเหมือนจะเป็นลม
     

    การที่มนุษย์เดินทะลุผ่านผมไปแบบนั้น มันทำให้ผมรู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงขึ้นมาเฉยๆ
     

    ผมควรจะต้องกลับไป
     

    กลับไปที่บ้าน.....

     

    ******* ******* ******* ******* *******


     

    ผมหลับไปนานแค่ไหนไม่รู้อาจจะหนึ่งหนึ่งอาทิตย์ หรืออาจจะมากกว่านั้น ผมก็ไม่แน่ใจ รู้แต่เพียงว่าพอตื่นมาอีกที สายฝนก็เทกระหน่ำลงมาจนต้นของผมสั่นไหว จนผมรู้สึกมึนหัวไปหมด สุดท้ายเลยต้องออกไปดูด้านออก ท้องฟ้ามืดครึ้มพร้อมเม็ดฝนเม็ดใหญ่ๆที่เทกระหน่ำลงมา ผมเพ่งมองฝ่าความมืดออกไปเห็นเพียงแสงไฟตามเสาไฟเท่านั้นที่พอจะให้แสงสว่างอยู่บ้างและโชคดีที่แถวๆบ้านของผมก็มีเสาไฟเล็กๆอยู่ ผมไม่ค่อยชอบอากาศแบบนี้เลย มันดูน่ากลัวชะมัด แถมอากาศยังเย็นลงแบบนี้อีก
     

    สุดท้ายผมเลยรีบมุดเข้าไปในต้นเหมือนเดิม ผมนั่งกอดเข่ารอฝนหยุดตกเพราะผมคงนอนไม่หลับเป็นแน่ถ้าฝนยังเทกระหน่ำแบบนี้ แล้วอีกอย่างผมเพิ่งจะตื่นจากการที่หลับไปยาวนาน อาจเพราะทันทีที่ผมเริ่มชีวิตใหม่ ผมก็ใช้พลังงานไปเยอะมากเกินไปละมั้ง
     

    เสียงฟ้าร้อง กับเสียงฝนเหมือนมีมนตร์สะกดที่เรียกผมกลับไปยังเตียงนอน ผมล้มตัวลงนอน แล้วหลับไปอีกครั้ง

     
     

    ******* ******* *******

     

    หมอกสีขาวลอยค้างอยู่กลางอากาศ  ความจริงไม่ใช่แค่หมอกที่เป็นสีขาว แต่พื้นที่รอบตัวของร่างเล็กต่างหากที่เป็นสีขาว เจ้าของแก้มกลมกวาดสายตามองไปรอบตัว เมื่อพบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย
     

    " นายต้องมีชีวิตอยู่นะ "
     

    เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นราวกับแว่วมาจากที่ที่ไกลแสนไกล ดวงตากลมโตหรี่มองเพื่อหาที่มาของเสียง แต่กับไร้ซึ่งวี่แววของสิ่งใด
     

    " มีชีวิตอยู่เพื่อฉัน "   เสียงนั้นดังแว่วมาอีกครั้ง
     

    แต่คราวนี้เสียงนั้นกลับใกล้เข้ามา
     

    "ใคร คุณเป็น...." ปากเล็กที่กำลังเปล่งเสียงหยุดชะงักเพียงเท่านั้น ก่อนจะตระหนักได้ถึงบางอย่าง

    เพราะเสียงที่เอ่ยออกมา ช่างเหมือนกันราวกับคนพูดคือคนเดียวกันทำให้ร่างเล็กเบิกตากว้าง
     

    " นายคือตัวแทนของฉัน "
     

    สองมือเล็กยกขึ้นกุมศรีษะเอาไว้ เมื่อจู่ๆก็รู้สึกปวดหัวราวกับมีใครมาบีบเค้นสมองเอาไว้
     

    " อยู่เพื่อฉัน "

    เสียงนั้นยังคงดังต่อไป แต่คราวนี้เขารู้ที่มาของเสียงนี้แล้ว

     

    เสียงที่ดังมาจากในหัวของเขาเอง

     
     

    ******* ******* ******* *******


     

    "สามเดือนแล้วนะคะคุณหมอ ลูกชายของดิฉันยังไม่ฟื้นเลยนะคะ" หญิงวัยกลางคนเอ่ยด้วยสีหน้าอมทุกข์ ใบหน้าที่ซูบลงไปกับรอยคล้ำใต้ดวงตา แสดงให้เห็นว่าผ่านการอดนอนเป็นเวลานานติดต่อกัน
     

    "จากผลการเอ็กซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมองเมื่อเช้า ตอนนี้อาการสมองบวมของคนไข้กลับมาเป็นปกติแล้วนะครับ
    จากนี้เราก็ได้แต่รอให้คนไข้ฟื้น"

     

    "แต่อีกนานแค่ไหนล่ะคะ" ดวงตาของผู้สูงวัยทอแววเศร้า
     

    "หมอเองก็ไม่สามารถให้คำตอบที่แน่นอนได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจแล้วความพร้อมของคนไข้ ถ้าเขาเลือกที่จะหลับไปแบบนั้น..." หมอหนุ่มเลือกที่จะไม่เอ่ยท้ายประโยคออกไป
     

    มีเพียงสีหน้าที่แสดงถึงความวิตกกังวลเท่านั้นที่แสดงออกมา ไม่บ่อยนักที่เขาจะเจอคนไข้ดังเช่นเคสนี้
     

    และมันคงจะขัดกับความเชื่อทางวิทยาศาสตร์แต่ประโยคสุดท้ายที่เอ่ยกลับเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น
     

    "ผมเชื่อว่าปาฏิหาริย์จะทำให้เขาฟื้น"



    to be continued


     

     

    เข็นตอนแรกมาเสิร์ฟแล้ว
    รู้สึกยังไงบ้างคะ
    แต่คนแต่งนี่เครียดมาก 555
    เห็นหลายคอมเม้นต์ดูจะเศร้าที่พี่หมินตายตั้งแต่ต้นเรื่อง
    ความจริงเรื่องนี้ไม่ดราม่า
    รึเปล่านะ?
    ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ
    ขอบคุณค่ะ
    Jyploy


     

    :-Daisy ✿
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×