คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : chapter 11 : Luhan
Luhan
"ลู่ห่าน"
เสียงเพี้ยนวรรณยุกต์ทำให้คนฟังขมวดคิ้วมุ่น
"ลู่หาน"
"ลูฮัน?"
"ลู่หาน"
"ลู่ฮัน!"
"ไม่ใช่ ลู่ ฮัน ดูปากนะ ลู่ - หาน"
ดวงตากลมจับจ้องริมฝีปากบางที่ขยับพูด ก่อนจะทำปากตามบ้าง "ลู่ ฮาน"
"ลู่หาน น่ะ ลู่หาน!"
"ลู หาน"
"โอ้ย นายอยากเรียกว่าอะไรก็เรียกไปละกัน"
ใบหน้าหวานของลู่หานงองุ้ม กับแค่ชื่อของเขาทำไมมันถึงได้เรียกยากเรียกเย็นนัก ผุดลุกขึ้นอย่างขัดใจก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัวทิ้งภูติน้อยแก้มป่องให้นั่งพึมพำชื่อของเขาอยู่บนเตียง
"ลู่ฮาน ลู ลู ฮัน ฮาน ลู่ฮ่าน ลู่ห่าน ห่าน ลูห่าน ทำไมชื่อนายมันเรียกยากจังน้า..."
บ่นพึมพำอยู่กับตัวเองเบาๆ แก้มใสทั้งสองข้างๆค่อยๆพองออกโดยไม่รู้ตัวเมื่อเจ้าของแก้มกำลังทำหน้ายู่ ใช้มือเคาะหัวตัวเองไปมาเมื่อมันไม่ยอมจำให้ได้ว่าต้องออกเสียงลู่... (อะไรนั่นแหละ) ยังไง
ลู่หานยกน้ำขึ้นดื่มขณะที่ยืนพิงกรอบประตูห้องครัว มืออีกข้างที่ว่างก็ยกขึ้นมากอดอกไว้หลวมๆ เฝ้ามองปฏิกิริยาของเปาจื่อที่เอามือเขกหัวตัวเอง พลางบ่นพึมพำ แก้มย้วยๆดูเหมือนจะพองออกจนเขากลัวว่ามันจะปริแตกซะเหลือเกิน
"เหมือนเปาจื่อจริงๆนะ" มองหน้าขาวๆกับริมฝีปากเล็กๆที่ขยับมุบมิบนั้นอย่างเพลินเพลิน
การที่เขายอมให้ภูติมาอยู่ในบ้านเขาแบบนี้มันเป็นสิ่งที่เขาควรทำแล้วจริงๆใช่ไหม? ปรายตามองร่างเล็กๆนั้นที่ยังนั่งพึมพำชื่อของเขาอย่างเห็นใจ เขาก็พอจะรู้อยู่แหละนะว่าชื่อของเขามันออกเสียงยากแค่ไหนสำหรับคนเกาหลี
แต่ว่า ภูติแบบเปาจื่อนี่ จัดเป็นคนเกาหลีได้รึเปล่านะ?
ยกน้ำขึ้นดื่มเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะถือแก้วเปล่ากลับไปวางไว้ที่ซิงค์ล้างจาน ลู่หานไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังฝัน ประสาทหลอน หรือว่ามันมีเรื่องแปลกๆแบบนี้เกิดขึ้นกับเขาจริงๆกันแน่ เขาพยายามจะหาคำตอบให้กับเรื่องพวกนี้
สองวันที่ผ่านมาหลังจากปล่อยให้ภูติน้อยนอนหลับไม่ได้สติที่ห้อง เขาลองไปหาชานยอลที่บ้าน ลองเรียบๆเคียงๆถามถึงเรื่องแปลกๆในบ้าน หรืออาจเป็นอาการพูดคนเดียวของพี่ยูรา แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาจากเพื่อนหูกางคืออาการมองหน้าเขาด้วยสายตาแปลกๆ
"แกไข้ขึ้นเหรอ" มือใหญ่ทาบลงมาบนหน้าผากเขา ลู่หานเบี่ยงตัวหลบแล้วปัดมือนั้นออกห่างจากใบหน้าทันที
"ไข้บ้าไข้บออะไร แค่แบบ เรื่องแปลกๆ หรืออะไรบางอย่างที่มากับต้นไม้ที่แกซื้อมาอ่ะ มีบ้างไหม" ชานยอลขมวดคิ้ว บางทีสิ่งที่เขาได้ยินกับสิ่งที่ลู่หานอาจจะต้องการสื่อมันคือคนละเรื่องกันก็ได้ เพราะอีกสิ่งที่เขาลืมไปไม่ได้ก็คือลู่หานไม่ใช่คนเกาหลี บางทีการใช้คำของลู่หาน ก็ต้องได้รับการแก้ไขบ้าง
"หมายถึงหนอนหรือแมลงงั้นเหรอ มันก็มีนะ รวมถึงพวกหอยทากตัวเล็กๆด้วย" ลู่หานยกมือขึ้นมานวดขมับเบาๆ เป็นอันว่าคงไม่มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นหรือติดมาเหมือนกับต้นไม้ของเขา
หลังจากล้างแก้วเสร็จ ก็ตีหน้ายุ่งเดินเข้ากลับไปที่ห้องนอน แล้วก็ทันได้เห็นภาพภูติตัวกลมๆที่มุดลงไปอยู่ใต้ผ้าห่มของเขา ขาเล็กๆฟาดกับเตียงไปมา ขณะที่มีเสียงงึมงัมออกมาจากม้วนผ้าห่ม
"ทำอะไรน่ะ" เอ่ยถามเสียงเข้ม ขณะที่เปาจื่อรีบมุดออกมาจากม้วนผ้าห่ม ทำหน้าตาเหล๋อหล๋าจนเขาเกือบหลุดยิ้ม มองเส้นผมหน้าม้าที่ชี้ไปมาคนละทิศละทางนั่นด้วยแววตาขบขัน
จะว่าไปมีภูติมาอาศัยอยู่ด้วยแบบนี้ก็ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากรับเด็กมาเลี้ยงเลยจริงๆ
"ลู่...." จะเรียกชื่ออีกฝ่ายแต่ลืมไปว่าแค่เสียงเรียกเขายังพูดไม่ถูกเลย เลยได้แต่เงียบเสียงไป
"ถ้ามันเรียกยากนัก นายอยากเรียกว่าอะไรก็เรียกเถอะ" สุดท้ายลู่หานก็ยอมใจอ่อนกับหน้าเศร้าๆที่เขามองว่ามันเหมือนซาลาเปา
"ไม่ๆ ชื่อมันสำคัญมากเลยนะ ฉันอยากเรียกให้ถูก ลู่หานน่ะยังตั้งชื่อให้ฉันเลย ฉันก็อยากจะเรียกชื่อลู่หานให้....." เปาจื่อทำตาโตกับรอยยิ้มมุมปากของลู่หานก่อนจะนึกได้ว่าเมื่อครู่เขาเพิ่งเรียกชื่อที่ถูกต้องของลู่หานออกไป
"ลู่หาน ลู่หาน เย้ นายฟังสิลู่หาน ฉันออกเสียงชื่อนายถูกแล้วใช่ไหม" ลู่หานพยักหน้าให้เป็นคำตอบ รู้สึกประหลาดใจเหมือนกันที่เปาจื่อดูจะใส่ใจกับชื่อของเขามากขนาดนี้ ท่าทางดีใจเมื่อรู้ตัวว่าออกเสียงถูก ท่าทางซื่อๆนั้นทำให้เขารู้สึกดีจริงๆ
บางทีการมีเปาจื่ออยู่ด้วยกันมันอาจจะทำให้เขาไม่รู้สึกเหงาเวลาอยู่ไกลบ้านเกิดแบบนี้ก็เป็นได้
ลู่หานคิดแบบนั้น
ใช่ ลู่หานเคยคิดแบบนั้น
"ลู่หาน ลู่หาน ลู่หาน"
ปึก
เสียงดินสอไม้ราคาแพงที่วางกระทบกับโต๊ะเขียนแบบดังขึ้นชั่วครู่ แต่ก็เรียกความสนใจภูติตัวน้อยที่นั่งห้อยขาเล่น อยู่บนดอกไฮเดรนเยียให้หันไปมองได้
เปาจื่อฉีกยิ้มอย่างไร้เดียงสาให้กับสายตาขุ่นมัวที่มองมา
ลู่หานพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะคว้าเจ้าดินสอแท่งเดิมขึ้นมาขีดเขียนลงไปบนแบบที่ต้องแก้ส่งอาจารย์
"ลู่หาน ลู่ฮัน ลู่ห่าน ความจริงลู่ห่านเรียกง่ายกว่าลู่หานอีกนะ ลู่ห่าน "
ไส้ดินสอที่ถูกกดลงบนกระดาษหักดังเป๊าะลู่หานหยิบยางลบขึ้นมาลบรอยดำๆนั้นออกไปจากเส้นลายเดิมที่เขาร่างเอาไว้
"ลู่หาน ลู่ห่าน ลู่หาน"
เอื้อมมือไปหยิบกบเหลาดินสอขึ้นมา ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะเขียนแบบเสียงดัง
"เปาจื่อ นายเงียบๆหน่อยได้ไหม ฉันต้องใช้สมาธินะ"
ลู่หานหันไปมองหน้ากลมๆที่สลดลง ก่อนจะหันมาสนใจงานตรงหน้า พอเหลือบมองไปยังกระถางไฮเดรนเยียที่เขาเอากลับไปวางที่มุมห้องก็เห็นหลังไวๆของเปาจื่อที่เดินคอตกหมุดเข้าไปในต้นไฮเดรนเยีย
ถึงจะรู้สึกแย่ที่เป็นแบบนี้ แต่ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อตอนนี้เขาต้องการสมาธิไม่ใช่การที่เปาจื่อคอยเรียกชื่อเขาทุกสิบวินาทีแบบนี้
หลังจากไฟในห้องนอนดับลงคนตัวสูงก็ลากเท้าเดินไปยังมุมห้องตั้งแต่ที่เขาโวยใส่ภูติตัวจิ๋วไปเมื่อบ่ายจนป่านนี้ก็ยังไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตอื่นใดออกมาจากต้นไฮเดรนเยียเลย
"ฝันดีนะ" เอ่ยพูดเบาๆทั้งที่ไม่รู้ว่าเปาจื่อจะได้ยินรึเปล่าก่อนจะเดินกลับไปนอนที่เตียง พรุ่งนี้เขาต้องรีบไปมหาวิทยาลัยแต่เช้าเพื่อเอาแบบที่แก้ไปให้อาจารย์ตรวจและมันคงจะดีถ้างานชิ้นนี้ผ่าน เพราะนั่นเท่ากับว่าเขาจะได้เรียนอย่างสบายๆไปจนหมดเทอม
ภูติตัวน้อยขยับตัวเปลี่ยนท่านอนมือเล็กๆเกี่ยวเอาหมอนข้างผ้าเนื้อดีที่ได้รับเป็นของขวัญมาจากคยองซู ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าภูติแห่งฝันตนนั้นคงไปบังคับขู่เข็ญบรรดาภูติตัดเย็บให้เย็บเสื้อผ้าและเครื่องใช้ให้กับเขา
ภายนอกคยองซูดูเหมือนเด็กตัวเล็กๆน่ารักแต่นิสัยนั้นช่างตรงกันข้าม ทั้งเขาและแบคฮยอนต่างก็ไม่กล้าจะขัดใจคยองซู
ซุกหน้าลงกับหมอนใบใหม่สูดกลิ่นหอมอ่อนๆของเกสรดอกไม้ที่ถูกถักทอเป็นเส้นใยผ้า
ไม่รู้ทำไมตอนนี้เขาถึงคิดถึงเตียงนุ่มๆของลู่หานขึ้นมา
อยากไปนอนบนเตียงนายจังเลย ลู่หาน
To be with you
"ลู่หาน" หยุดมือที่กำลังจะจับลูกบิดประตูก่อนจะหันไปหาต้นเสียง คราแรกที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อ เขาแทบจะสะดุ้งกับเสียงนั้น เพราะเคยชินกับการอยู่คนเดียวมาตลอดตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย แต่พอมีเปาจื่อมาอยู่ด้วยแบบนี้ เขาเองก็ยังไม่ค่อยชินกับภูติที่แวบไปแวบมาแบบนี้
ใบหน้ากลมๆนั้นกำลังฉีกยิ้มจนแก้มปริ
"ว่าไง เปาจื่อ"
"นายจะไปข้างนอกใช่ไหม" ลู่หานมองตามนิ้วเล็กๆที่ชี้ไปยังประตูก่อนพยักหน้ารับ
"คือว่า .... เอ่อ... คือถ้าฉัน"
"ถ้านายเบื่อๆ นายก็ออกไปเดินเล่นข้างนอกได้นะ หมายถึงถ้านายทำได้น่ะนะ" เขารีบเข้าประเด็นเพราะพอจะมองออกจากท่าทีอึกอักและสายตาล่อกแล่กนั้นว่าเปาจื่อคงอยากจะออกไปข้างนอกตอนเขาไม่อยู่
แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าภูติแบบเปาจื่อนั้นจะต้องอยู่ใกล้ๆกับต้นไม้ตลอดเวลารึเปล่า
"ฉันออกไปพร้อมนายเลยได้ไหมอ่ะ ตอนนี้พลังฉันยังไม่พอจะหายตัว"
"นายจะไปไหน" ลู่หานหันไปกระซิบถามเปาจื่อด้วยเสียงแผ่วเบาเพราะกลัวคนที่เดินสวนมาจะคิดว่าเขาบ้าที่พูดคนเดียว
"ฉันจะกลับไปที่ร้านขายต้นไม้ พวกซูโฮต้องดีใจแน่ที่รู้ว่าฉันมีชื่อแล้ว"
"ซูโฮ? เหมือนเคยได้ยินนายพูดเกี่ยวกับผู้ทักษ์?"
"เจ้าของร้านขายดอกไม้ไง เค้าเป็นเทพ อุ๊บ ฉันพูดได้รึเปล่านะ"
ลู่หานเหลือบมองเปาจื่อที่รีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้ สีหน้าที่แสดงออกถึงความยุ่งยากทำให้เขาต้องกลั้นยิ้ม
"ฉันจะทำเป็นว่าไม่ได้ยินที่นายพูดละกัน" ถึงเขาจะพูดออกไปแบบนั้นแต่สมองของเขากำลังประมวลผลเรื่องราวอย่างหนัก นอกจากจะมีภูติแล้วยังมีเทพที่อาศัยปะปนอยู่กับมนุษย์งั้นเหรอ
ถ้าเขาไม่ได้ประสาทหลอนไปเอง บางทีเขาอาจจะเป็นบ้าไปแล้วก็ได้
ลู่หานมองแผ่นหลังของร่างเล็กๆที่เดินนำหน้าเขา ท่าทางกระย่องกระแย่งที่ย้ำไปบนหิมะนั้นดูเหมือนกับเด็กเล็กๆ ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากเตือนภูติตัวเล้กให้เดินระวังๆหน่อยพอหันไปอีกทีร่างของภูติตัวเล็กก็หงายหลังล้มไปบนพื้น
ลู่หานยืนตะลึงกับภาพที่เขาเห็นตรงหน้า เมื่อตัวของเปาจื่อค่อยๆหดเล็กลงจนเหลือขนาดเพียงแค่ฝ่ามือของเขาเท่านั้น
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” ช้อนร่างที่หดเล็กลงของเปาจื่อขึ้นมาบนฝ่ามือของเขาอย่างรวดเร็ว ปากเล็กๆหยุดส่งเสียงร้องก่อนจะเงยหน้ามองใบหน้าของลู่หานที่เขารู้สึกว่ามันใหญ่มากกว่าปกติ ก่อนจะก้มลงมองสำรวจตัวเองอีกครั้ง
“ไม่นะ” ปล่อยเสียงครวญครางออกมาอย่างน่าสงสารขณะที่ใช้มือเล็กนั้นลูบคลำตามแขนและขาของตัวเอง “ทำไมตัวฉันถึงหดลงอีกแล้ว”
เงยหน้าขึ้นมาถามเจ้าของฝ่ามือที่เขานั่งอยู่ราวกับว่าอีก ฝ่ายจะสามารถให้คำตอบกับเขาได้
“แป๊บนะ” ลู่หานหย่อนเปาจื่อลงในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตของตัวเองก่อนจะรีบเดินหลบเข้าไปในซอกตึก ที่ลับตาคนเพราะเขารู้สึกถึงสายตาแปลกๆที่พากันมองมาที่เขาเป็นตาเดียว
ก็แน่ล่ะผู้ชายหน้าตาจัดว่าดีคนนึงยืนคุยกับฝ่ามือตัวเองไม่ว่าดูยังไงมันก็คงไม่ปกตินัก
หันมองซ้ายขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ตรงบริเวณนั้นก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อก่อนจะใช้นิ้ว คีบตัวภูติตัวจิ๋วขึ้นมาอย่างเบามือแล้ววางลงบนฝ่ามืออีกข้าง “ทำไมนายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ เปาจื่อ”เอ่ยถามพลางพิจารณาร่างจิ๋วๆ ถึงจะเคยเห็นเปาจื่อตัวเล็กๆนั่งเล่นอยู่บนดอกไฮเดรนเยีย แต่จากท่าทางเมื่อกี้ เหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ซะมากกว่า
“สงสัยฉันจะตกใจตอนลื่นล้ม โถ่เอ้ย ทำไมต้องกลับมาตัวเล็กแบบนี้ด้วยเนี่ย” ทำหน้ามุ่ยอย่าง น่ารักจนลู่หานอดไม่ได้ที่จะใช้นิ้วของเขาเขี่ยที่แก้มใสๆและคงเพราะเขาใช้แรงมากไปหน่อย เปาจื่อเลยหงายหลังลงไปบนมือเขาอีกรอบอย่างช่วยไม่ได้
พอลุกขึ้นมานั่งได้ก็ส่งค้อนวงใหญ่ให้คนที่เป็นเจ้าของปากแดงๆเบะออกอย่างไม่พอใจ จนลู่ หานหลุดหัวเราะกับกริยาท่าทางแบบนั้น
“นายทำตัวเหมือนพวกผู้หญิงเลยรู้ไหม”
“ไม่รู้!” ตอบคำถามด้วยเสียงห้วนๆ “วางฉันลงเลย ไม่อยากคุยกับนายแล้ว”
เปาจื่อเกี่ยวนิ้วของลู่หานเอาไว้แล้วใช้ฟันกระต่ายน้อยๆของตัวเองกัดลงไปบนนิ้วที่เขาคว้าไว้ได้แต่มันแทบไม่ ได้ส่งผลกระทบอะไรกับลู่หานเลย
“นี่เปาจื่อ มันจะมีวิธีที่ฉันจะคุยกับนายโดยที่ฉันไม่ถูกคนอื่นมองว่าบ้าบ้างไหม” ภูติน้อยหยุดงับนิ้วมือตรงหน้าก่อนจะเงยหน้ามองสบตากับเจ้าของดวงตาคู่สวยพลางทำท่า ครุ่นคิด
มันก็มีนะ
“ยังไงล่ะ”
นายได้ยินเสียงฉันใช่ไหมล่ะ
ลู่หานขมวดคิ้วกับคำถามที่ได้รับ “ทำไมฉันจะไม่ได้ยินเสียงนายล่ะในเมื่อนายก็พูดอยู่”
ฉันพูดเหรอ ลู่หาน
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อเขาแน่ใจว่าเสียงที่ได้ยินไม่ได้ออกมาจากปากของภูติในมือเขา “นาย ทำได้ยังไงน่ะ” เอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“เพราะใจฉันสื่อถึงนายได้ยังไงล่ะ นายลองนึกถึงฉันแล้วก็พูดมันในใจสิฉันจะได้ยินทุกอย่าง ที่นายอยากจะสื่อถึงฉัน ไม่ว่าฉันจะอยู่ไกลจากนายแค่ไหนก็ตาม”
ลู่หานหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะพยายามรวบรวมสมาธิกลับมา ใบหน้าเล็กๆของเปาจื่อผุดขึ้นมาใน มโนภาพของเขา
ได้ยินฉันรึเปล่า
ชัดแจ๋ว ยิ้มกว้างขณะที่ยกนิ้วโป้งเล็กๆของตัวเองขึ้นมาประกอบ
ลู่หานมองรอยยิ้มนั้นก่อนจะยิ้มตาม แล้วก็ต้องทำตาโตเมื่อนาฬิกาที่ข้อมือของเขาบอกเวลาว่าเขาต้องไปให้ถึงมหาวิทยาลัยภายในสิบนาทีนี้แล้ว
"แย่แล้วเปาจื่อ ฉันต้องรีบไปแล้วล่ะ ก่อนที่ฉันจะส่งงานไปทัน" เปาจื่อนั่งมองอาการร้อนรนของลู่หานอย่างทำอะไรไม่ถูก เมื่อใบหน้าเล็กๆของคนที่เป็นเจ้าของหันมองซ้ายมองขวาราวกับมองหาอะไรสักอย่างอยู่
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยถามอะไร ใบหน้าที่แสดงออกถึงความกังวลกับหัวคิ้วที่ขมวดชิดกันก็ก้มลงมามองเขา
"นายจะไปที่ร้านนั้นยังไงล่ะเปาจื่อ ตัวนายหดเหลือแค่นี้เอง ไปมหา'ลัยกับฉันก่อนไหม เดี๋ยวเลิกเรียนฉันจะพานายไปที่ร้านนั้นเอง"
เปาจื่อส่ายหน้าพรืดจนเส้นผมสะบัดไปมา "ฉันไปเองได้ นายสิรีบไปเถอะเดี๋ยวส่งงานไม่ทันนะ"
"แล้วนาย..."
"วางฉันลงเถอะลู่หาน ถ้านายยังลังเล นายจะไปไม่ทันจริงๆนะ ฉันไม่อยากให้นายเดือดร้อนเพราะฉัน"
ลู่หานจำใจวางร่างเล็กจิ๋วบนฝ่ามือลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง หันมองร่างเล็กๆที่โบกมือให้เขาก่อนจะรีบโบกแท็กซี่ที่ผ่านมาทันที
"เอ็กโซยูครับ" เอ่ยบอกสถานที่คนขับก่อนจะทิ้งตัวลงกับเบาะ หลับตาพลางหอบหายใจ โกยเอาอากาศเข้าปอดอย่างยากลำบาก
ขอให้ไปทันนะลู่หาน
เสียงเล็กๆที่ดังขึ้นในโสตประสาททำให้ดวงตาคู่สวยลืมขึ้นแทบจะในทันที
ขอบใจนะเปาจื่อ
To be continued
หายไปนานเลย หวังว่ายังคงไม่ทิ้งกันนะคะ อยู่รอเปาจื่อกันอยู่ใช่ไหมคะ
แต่ว่านะ เปาจื่อเค้ากระซิบมาว่า ฝากให้ช่วยเม้นกันด้วยนะ ถือว่าเป็นกำลังใจให้กัน 555
ตอนต่อไปพยายามจะไม่ช้านะคะ
ความคิดเห็น