ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic b.a.p] All fiction of B.A.P

    ลำดับตอนที่ #7 : Strong heart [Daeup] Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 56


    1



    หัวใจเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดของร่างกาย
     
    เพราะหัวใจต้องสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะทุกส่วน
     
    ถ้าหัวใจอ่อนแอ….ร่างกายก็อ่อนแอตามไปด้วยใช่มั้ย ?
     
    ผมถึงอยากดูแลหัวใจดวงนี้ให้ดีที่สุด
     
    แม้ว่ามันจะอ่อนแอแค่ไหนก็ตาม
     
     
     
                     “กินยารึยัง ?” ผมถามคนตัวเล็กที่เอาแต่นั่งวาดอะไรยิก ๆในสมุด
     

                     “กินแล้วครับ” เสียงเล็กตอบกลับและยังนั่งวาดรูปต่อไปผมจึงเดินมานั่งลงแล้วสวมกอดจากด้านหลัง ปอยผมนุ่ม ๆทำให้อดที่จะเอาหน้าเข้าไปคลอเคลียไม่ได้ กลิ่นแชมพูหอมอ่อน ๆจากผมสีน้ำตาลมันยิ่งทำให้ติดใจถึงแม้จะเป็นกลิ่นเดียวกับผมก็เถอะ
     

                     “คิกคิก มันจั๊กจี้นะฮยอง” จงออบทนไม่ได้จนต้องละมือจากสมุดตรงหน้าแล้วหันมาทางผมทำให้ปลายจมูกเราชนกัน  ดวงตาเราทั้งคู่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายจนรู้สึกตัวอีกทีริมฝีปากของเราทั้งสองคนก็ประกบเข้าหากันแล้ว 

                     ผมไม่ลุกล้ำเข้าคนตัวเล็กเพียงแค่ประกบปากเบา ๆเท่านั้นแต่มันก็ทำให้ได้ยินเสียงหัวใจจากแผ่นหลังของคนตรงหน้า การที่ทำให้หัวใจของจงออบสูบฉีดเลือดบ่อย ๆเนี่ยมันจะดีรึเปล่านะ ผมเกือบจะเคลิ้มแต่ก็ต้องผละใบหน้าออกมา
     

                     “ดึกแล้วนะนอนได้แล้ว” จงออบร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเท่าคนทั่วไปเพราะเขาเป็นโรคหัวใจ ต้องทานยาตลอด ผมจึงให้เขานอนเร็ว ๆเพื่อจะได้มีร่างกายที่แข็งแรง 
     

                     “ก็รอฮยองนั่นแหละ” คนตัวเล็กว่าแล้วจูงมือผมเดินไปยังเตียงที่คุ้นเคย เตียงที่ผมนอนกอดคนหัวใจอ่อนแอคนนี้ทุกคืน 
     

                     “ฝันดีนะครับ” ผมพูดแล้วพรมจูบลงบนหน้าผากของคนตัวเล็กที่มุดตัวอยู่ในอ้อมกอดของผม

                     “ครับผมจะฝันถึงฮยอง” เสียงลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอของคนในแผงอกทำให้ผมรู้ว่าจงออบหลับไปแล้ว ผมจึงค่อย ๆปิดเปลือกตาลง
          .
          .
          .
          .

     

                     ช่วงปิดเทอมบางคนก็หากิจกรรมอะไรทำเช่นเรียนเต้น เรียนร้องเพลง ไปเที่ยวกับครอบครัวหรือหางานพิเศษทำ บางส่วนก็อยู่กับบ้านเฉย ๆเหมือนผม
     

                     ไม่ใช่ว่าผมปล่อยเวลาอยู่บ้านให้ผ่านไปวัน ๆซะที่ไหนกัน ผมอยู่ดูแลคนตัวเล็กนี่ต่างหากหล่ะ เต็มใจที่จะอยู่ด้วยไม่อยากไปไหนทั้งนั้น อยากอยู่กับ ‘ จงออบ  ’
     

                     “แดฮยอนฮยองไม่ต้องอยู่ดูแลผมก็ได้นะ ผมแข็งแรงเหมือนคนปกติแล้วหล่ะ” ประโยคที่เจ้าเด็กตาตี่พูดออกมาเกือบทุกวันเพื่อให้ผมสบายใจ
     

                     “ฮยองอยากอยู่กับนายนี่นาหรือว่านายไม่อยากให้ฮยองอยู่ด้วย” ผมพูดแล้วเดินไปสวมกอดจงออบจากด้านหลัง คางของผมเกยบนไหล่คนตัวเล็กทำให้ได้กลิ่นแชมพูที่ยังคงลอยมาแตะจมูกเหมือนเดิม
     

                     “เปล่าซักหน่อย แค่กลัวจะรบกวนฮยองเผื่อฮยองมีธุระจะต้องไปไหนไง” 
     

                     “ธุระของฉันคือนาย” ผมพูดแค่นั้นแล้วพลิกตัวจงออบให้หันมาทางผม
     

                     “ฉันอยากดูแลนายถ้าไม่มีนายฉันก็ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไร” ผมพูดน้ำเสียงจริงจังและจ้องลึกเข้าไปดวงตาเล็กคู่นั้น จงออบยิ้มออกมาด้วยความสดใสรอยยิ้มนั่นเห็นทีไรก็มีความสุข ผมชอบเวลาจงออบยิ้มมาก ๆ เทวดาน้อยของผม
     

                     “งั้นก็ตามใจ” จงออบว่าด้วยน้ำเสียงขัดเขินเล็กน้อยแล้วเดินตรงไปในครัว ผมยืนยิ้มอยู่ซักพักจึงค่อยเดินตามเข้าไปก็เห็นคนตัวเล็กกำลังเอื้อมหยิบแป้งจากตู้ชั้นบน แต่ดูเหมือนจะเอื้อมไม่ถึงหล่ะ -_-
     

                     ผมเดินไปเอื้อมหยิบแป้งลงมาให้จงออบ คนตัวเล็กมองหน้าผมนิดหน่อยแล้วคว้าถุงแป้งเดินไปตรงเค้าเตอร์ครัว
     

                     “จะทำอะไรหน่ะ” ผมถามคนที่เอาแต่ง่วนกับส่วนผสมต่าง ๆที่ดูแล้วเหมือนจะทำเบเกอรี่
     

                     “ฮยองคนดื้อชอบกินอะไรหล่ะ” เสียงเล็ก ๆถามกลับมาโดยมีสรรพนามพ่วงท้ายแถมมาให้อีกต่างหาก

                     “ชอบกินจงออบ..” โผล่ะ!! เต็ม ๆครับ แป้งเต็มหน้าแดฮยอนคนนี้เลยครับ! 
     

                     “แดฮยอนฮยองคนบ้าเดี๋ยวก็ไม่ทำให้กินเลย” เสียงเขินเล็ก ๆนั่นทำให้ผมยิ้มออกมา ไม่โกรธคนตัวเล็กซักนิด โกรธไม่ลงด้วยผมโกรธคน ๆนี้ไม่ลงหรอก
     

                     “ตกลงจะให้พี่เป็นคนดื้อหรือคนบ้ากันแน่ครับ ?” 
     

                     “ทั้งดื้อทั้งบ้าเลย แบร่” ลิ้นเล็กแลบออกมามันน่าขยี้จริง ๆเลยนะว่ามั้ย
     

                     ผมพยามยามช่วยคนตัวเล็กทำขนมที่ว่านั่นทั้งที่ยังไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร หรือว่าจะทำขนมจงออบจริง ๆนะก็ผมชอบกินจงออบนี่นา
     

                     คนที่ไม่เคยทำขนมพอมาลองทำมันก็เลยดูเงอะงะแบบนี้จนคนตัวเล็กอดที่รำคาญไม่ได้ต้องมาทำให้ผมดูเป็นตัวอย่างเกือบทุกครั้ง
     

                     “เอาที่ร่อนแป้งกระทบกับมือเบา ๆอย่างนี้นะครับอย่ากระแทกแรงเดี๋ยวมันฟุ้งหมด”
     

                     “ตีไข่ให้ละเอียดสิครับนี่ไข่ขาวยังลอยบุ๋ง ๆอยู่เลยเนี่ย”
     

                     “อ้ะ แป้งตรงนั้นยังนวดไม่ทั่วเลยนะ”
     

                     “อย่าทำก้อนใหญ่สิครับไม่งั้นมันจะไม่สุกนะ”
     

                     “เดี๋ยวผมทำไส้มันเองครับฮยองไปนั่งรอเถอะ” นั่นแหละประโยคสุดท้ายก่อนที่ผมจะโดนไล่ออกมาตรงนั้น ถ้าอยู่ต่อก็คงมีเสียงเล็ก ๆนั่นค่อยเตือนผมอีกยาวเลยหล่ะ
     

                     กลิ่นหอม ๆของชีสและกลิ่นสตอเบอรี่ลอยออกมาในครัว แสดงว่าคงเสร็จแล้วแน่เลย อะไรกันครับกลิ่นมันหอมมากต่างหากไม่ใช่ผมจมูกเร็วต่ออาหารซักหน่อย
     

                     “ไม่ต้องเรียกก็มาเองได้พอดีตลอดเลยนะ” จงออบแซวผมนิดหน่อยแต่ผมไม่ได้ว่าอะไร เพราะตอนนี้ผมสนแต่เจ้าขนมตรงหน้านี่ต่างหาก น่ากินชะมัด
     

                     “ตกลงมันคือขนมอะไร ?” ผมถามเชฟตัวน้อยมุนจงออบที่ตอนนี้กำลังตั้งใจตกแต่งเจ้าขนมนี่อยู่
     

                     “ไม่รู้เหมือนกันครับ พอดีผมดัดแปลงเองจากหลาย ๆสูตร”
     

                     “เหรอเก่งจังน้าจงออบ” ผมว่ายิ้ม ๆแล้วหยิบเจ้าขนมปังนุ่มนิ่มสีน้ำตาลที่มีกลิ่นชีสหอมหวาน บวกกับด้านบนที่ตกแต่งด้วยครีมและสตอเบอรี่สด สัมผัสแรกที่รู้สึกมันหอมหวาน นุ่มนวล และก็เปรี้ยวนิด ๆพอให้สดชื่นรสชาติที่เรียงลำดับกันมามันอร่อยจนผมแทบลอย ไม่ได้โม้นะพูดจริง!
     

                     “อื้มอร่อย” ผมเอ่ยชมทั้งที่เคี้ยวขนมอยู่เต็มปาก
     

                     “จริงเหรอ” คนตัวเล็กถามด้วยน้ำเสียงดีใจ
     

                     “อื้มอร่อยเหมือนคนทำเลย ^^ ” ผมว่าแล้วยิ้มกวนให้เจ้าของขนมที่ยังไม่มีชื่อ
     

                     “งั้นฮยองจะตั้งชื่อมันว่าขนมจงออบละกัน” 
     

                     “แดฮยอนฮยองคนบ้า” จงออบเขินจนจะเอาขนมมาฟาดใส่หน้าผมถ้าไม่ติดว่าหน้าผมหล่อ เอหรือว่าเสียดายขนมมากกว่านะ
     
     

                     วันหยุดสบาย ๆของเราสองคนก็ไม่มีอะไรมาก ผมเปิดหนังที่เช่ามาดูหลังจากที่เราจัดการกินขนมจงออบเสร็จ ตกลงมันชื่อขนมจงออบจริงเหรอเนี่ย -.-
     

                     คนตัวเล็กนั่งอิงผมอยู่บนโซฟาพร้อมกับดูหนังที่กำลังฉายบนจอ เสียงหัวเราะเล็ก ๆดังออกมาเป็นระยะเพราะหนังที่ผมเลือกเป็นหนังตลกคอมเมดี้ ใครจะบ้าเลือกหนังสงครามมาดูกัน
     

                     พอหนังดำเนินไปเกือบครึ่งเรื่องผมก็ไม่ได้ยินเสียงหัวเราะจากคนที่นั่งอิงผมจนไหลไปนอนตักแล้ว พอก้มลงไปดูถึงได้รู้ว่าไปแล้วหลับนี่เอง ผมลูบหัวสีน้ำตาลของจงออบอย่างอ่อนโยน คนอะไรน่ารักชะมัดทั้งตอนตื่นทั้งตอนหลับ
     

                     ปลายจมูกของผมฝังลงไปบนแก้มนุ่มของคนที่นอนอยู่ ผมเปล่าฉวยโอกาสนะตอนตื่นก็ทำได้แค่เจ้าตัวเล็กนี่จะเขินหน้าแดงไปถึงหูเท่านั้นเอง ฮ่า ๆ
     
     
     
     
     

                     ผมค่อยตื่นขึ้นมาหลังจากเผลอหลับไปตอนดูหนังนั่น แดฮยอนฮยองอุตส่าห์เช่ามาให้ดูแต่ผมดันหลับซะได้นะ ว่าแต่เขาหายไปไหนกัน
     

                     ผมลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินหาแดฮยอนฮยองไปทั่วห้องแต่ก็ไม่เจอ หรือจะออกไปข้างนอกไปไหนกัน ช่างเถอะเริ่มเย็นแล้วเตรียมอะไรไว้กินดีกว่า ผมเปิดตู้เย็นเพื่อสำรวจว่ามีอะไรที่พอจะเอามาทำอาหารได้บ้างแต่ก็ต้องยู่ปากด้วยความไม่พอใจละครับมันไม่มีอะไรเลย หรือว่าแดฮยอนฮยองจะสูดมันเข้าปอด(?)หมดนะ
     

                     แกร๊ก! เสียงเปิดประตูทำให้ผมหันไปมองผู้มาใหม่ ไม่มีใครหรอกครับที่จะเข้าห้องมาโดยไม่เคาะนอกจากแดฮยอนฮยอง
     

                     “ตื่นแล้วเหรอ” แดฮยอนเดินเข้ามาหาผมด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ผมคิดว่ามันดูอบอุ่นสุด ๆไปเลย

                     “ฮยองไปไหนมาอ่ะ”

                     “อ่อ ไปเช็คของว่ามาส่งรึยังหน่ะพอดีสั่งของไว้”

                     “ในตู้เย็นไม่มีอะไรกินเลย” ผมพยักหน้าแล้วแจงประเด็นของกินในเย็นนี้ ที่มันไม่มีอะไรให้กิน….

                     “งั้นไปหาไรกินข้างนอกกัน”

                     “ไปแวะซื้อของที่มาร์ทแล้วค่อยไปหาไรกินนะครับ” 

                     “ครับ ๆ” แดฮนอนฮยองว่าแล้วยิ้ม น่ารักเหมือนแมวเลยเหมียวของออบ. . .
     

                     หลังจากที่ผมกับจงออบเลือกซื้อของในมาร์ทกับจงออบจนพอใจเราทั้งสองคนก็เลือกเข้ามานั่งในร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านนี้  ร้านนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยมเลยหล่ะเพราะก็เยอะพอสมควร
     

                     “เอาอันนี้ครับจงออบหล่ะ” จงออบไม่พูดอะไรแต่ใช้นิ้วเล็ก ๆนั่นชี้มาที่อาหารในเมนูแทนแล้วยิ้มหวานให้กับพนักงาน เอ่อพนักงานครับยังมีชีวิตปลอดภัยดีใช่มั้ยครับโดนมุนแอทแทคเข้าไป ._.

                     หลังจากอาหารมาเสิร์ฟแล้วเรากินกันไปได้ซักพักผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้
     

                     “นี่ ๆพรุ่งนี้เราไปเที่ยวกันเถอะ” ผมเอ่ยปากชวนจงออบออกไปข้างนอกเพราะวัน ๆจงออบอยู่แต่ในหอพักไม่ค่อยได้ออกไปไหนเท่าไหร่ด้วยร่างกายที่ไม่ค่อยสมบูรณ์เหมือนคนปกติ

                     “อ่า ไปไหนเหรอครับ”

                     “กลับบ้านกัน” 
     
     

                     คนตัวเล็กหยิบเสื้อผ้าออกมาจากตู้พับลงกระเป๋าอย่างเรียบร้อยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุข คงจะดีใจที่ได้ออกไปไหนสินะ

                     “เตรียมเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็อย่าลืมกินยาด้วยนะฮยองเตรียมไว้บนโต๊ะข้างเตียงนี่”

                     “ครับ”

                     “เสร็จแล้วก็รีบมานอนหล่ะ” ผมว่าแล้วก็เลื้อยลงมานอนด้วยความอ่อนเพลียวันนี้ก็ไม่ได้ไปทำอะไรซักหน่อยแต่ทำไมมันง่วงจัง เปลือกตาหนักปิดลงอย่างบังคับไม่ได้
     
     

                     “แดนนี่!!~~” เสียงใสของจงออบตะโกนเรียกชื่อสุนัขตัวสีขาวทันทีที่รถมาจอดยังหน้าบ้านหลังนี้ ใช่ครับมันคือชื่อสุนัขที่คล้ายชื่อผมมาก ผมเคยถามว่าทำไมถึงตั้งชื่อมันว่าแดนนี่จงออบเลยตอบว่ามันคล้ายชื่อผมดีจงออบรักมันมากเหมือนผมเลยตั้งให้คล้ายกัน เอาผมไปเปรียบเทียนกับหมาได้ยังไงกันเด็กเอ๋อนี่ -*-
     

                     กระเป๋าสองใบถูกลากมาโดยจองแดฮยอนผู้นี้คนเดียวเพราะอีกคนที่มาด้วยเอาแต่กอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่กับเจ้าหมาแดนนี่นั่น กับผมนะแค่หอมแก้มก็เขินแทบระเบิดทีกับหมาหล่ะทั้งกอดทั้งรัด เห้ย! ไม่ได้อิจฉาหมานะ!

                     “อ้ะคุณหนูมาเดี๋ยวป้าเอากระเป๋าไปเก็บให้ค่ะ เดินทางมาซะไกลพักดื่มน้ำเย็น ๆก่อนนะคะ” คุณป้าแม่บ้านที่ดูแลบ้านหลังนี้เข้ามาต้อนรับผมตามหน้าที่ แต่ผมไม่ได้เห็นว่าเค้าเป็นคนใช้หรอกเพราะป้าเขาอยู่กับครอบครัวเรามานานเลยถือเป็นผู้ใหญ่ในบ้านซะมากกว่า

                     “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมเอาขึ้นไปเก็บเองได้ครับ ^^” ผมรับน้ำมาดื่มก่อนจะรีบปฏิเสธ

                     “แหม่ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณหนูเชิญตามสบายเลยค่ะ โน่นดูโน่นสิคะ” คุณป้าว่าพลางชี้ให้ผมหันออกไปมองข้างนอกก็เห็นจงออบกำลังถือสายยางพร้อมกับเจ้าแดนนี่ยืนยิ้มแป้นอยู่ข้าง ๆความจริงผมก็ไม่เคยเห็นหมายิ้มหรอกแต่ผมรู้สึกอย่างนั้นว่ามันยิ้มเยาะผมอยู่ 

                     “ฮ่า ๆๆ ฮยองผมจะอาบน้ำให้แดนนี่นะ” จงออบตะโกนบอกด้วยน้ำเสียงร่าเริง นานแค่ไหนแล้วนะที่ผมไม่ได้เห็นคนตัวเล็กมีความสุขขนาดนี้นับจากตอนนั้น
     
    ปี๊ด!

                     “โอ๊ะ!! ” อาการเจ็บจี๊ดที่หน้าอกด้านซ้ายทำให้ถาดผลไม้ที่ถืออยู่ในมือร่วงลงสู่พื้นจนกระจายไปทั่วพื้นห้อง
    ร่างเล็กทรุดลงคุกเข่ากับพื้นด้วยลมหายใจที่เหนื่อยหอบ มือบางกุมหน้าอกแน่นด้วยความเจ็บรัดที่เหมือนจะมากขึ้นเรื่อย ๆเหงื่อเริ่มซึมออกมาทั่วใบหน้าหวาน

                     “แฮ่ก ๆๆ” หัวใจมันบีบรัดจนเริ่มหายใจไม่ออก สมองไม่สามารถสั่งงานอะไรได้อีกต่อไป ร่างเล็กทนไม่ไหวจนร่วงลงไปนอนกับพื้น แผงอกที่เคลื่อนขึ้นลงตามแรงหายใจเริ่มช้าลงเรื่อย ๆจนแทบไม่ขยับ
    แกร๊ก!

                     “จงออบ!!”
     

                     “อาการโรคหัวใจกำเริบหน่ะครับถ้าช้ากว่านี้คงไม่รอดแต่ตอนนี้อาการของคนไข้ก็ดีขึ้นแล้วอีกซักสองสามวันคงกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้  แล้วหมอจะเพิ่มยาให้อีกตัวละกันนะครับแต่ต้องทานอย่างสม่ำเสมอไม่อย่างนั้นอาการอาจกลับมากำเริบอีกแล้วจะอันตรายกว่าเดิมได้”
    ผมได้แต่พยักหน้าฟังที่หมอพูด นี่เป็นครั้งแรกที่อาการโรคหัวใจของจงออบกำเริบ ต่อไปนี้ผมคงประมาทอีกไม่ได้แล้วหล่ะ ถ้าวันนี้ผมไม่ลืมรายงานไว้ที่ห้องจงออบก็คง…
     

                     “ฮยองฮะมาช่วยกันอาบน้ำให้แดนนี่มั้ย ?” จู่ ๆคนตัวเล็กมายืนอยู่ตรงหน้าผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

                     “อะ อืม” พยักหน้าแล้วเดินตามจงออบออกมาหน้าบ้าน ได้เวลาแก้แค้นแกแล้วเจ้าแดนนี่ หึหึ
     

                     “เฮ้ย! อยู่ดี ๆสิเจ้าแดนนี่อ้ะจะวิ่งไปไหนกัน ทำไมจงออบไม่มัดมันเนี่ย” ผมทั้งบ่นทั้งวิ่งตามเจ้าหมานี่เพราะมันเอาแต่วิ่งไปรอบ ๆตัวผมกับจงออบ

                     “ไม่เอาอ่ะผมสงสารมัน ไม่อยากมัดแดนนี่กลัวมันเจ็บ” เจ้าเด็กตาตี่พูดแล้วยู่ปากเข้าหากันอย่างน่ารัก

                     “งั้นก็จับมันไว้สิอย่าให้มันวิ่งไปทั่วแบบนี้ อ้ะเห้ย!” ยังพูดไม่ทันขาดคำมันก็วิ่งลอดหว่างขาผมตรงไปหาจงออบที่เอาแต่ยืนยิ้ม ฮึ่ยน่าหมั่นไส้ชะมัดฉันเป็นเจ้าของแกแท้ ๆนะไอ่แดนนี่

                     มันเป็นการอาบน้ำหมาที่ทุลักทุเลมากครับตกลงว่าผมจะแก้แค้นหมาหรือหมามันจะเล่นงานผมกันแน่ เสื้อเชิ้ตสีเทาที่ใส่มาตอนแรกเปียกไปหมดจนผมทนไม่ไหวเลยถอดเสื้อเชิ้ตออกเหลือแต่เสื้อกล้ามสีดำข้างในเหมือนจงออบที่ตอนนี้มีเพียงเสื้อกล้ามสีขาว 

                     “เย้ ๆแดนนี่จะตัวหอมแล้วน้า~” จงออบว่าอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับเอาสายยางรดน้ำไปตามขนขาว ๆของเจ้าหมาทรยศ -*- ผมก็ได้แต่เอามือถูกไปมาเพื่อเอาฟองออกจนในสุดก็หมดซักที

                     “โอเค เสร็จแล้วครับคุณแดนนี่ ^^” จงออบก้มลงไปพูดกับแดนนี่ด้วยรอยยิ้มสดใสแบบมุนแอทแทค นั่นไงขนาดหมายังค้าง…
    พอจงออบเงยหน้าขึ้นมาเท่านั้นแหละไอ่หมาทรยศนี่ก็สะบัดน้ำออกจากขนใหญ่เลยครับ แอ๊ไม่เห็นว่าคนยืนตรงนี้รึไงครับคุณหมา! เปียกหมดแล้วหรือมันจงใจวะเออช่างเถอะ

                     “แก้มเปื้อนน่ะจงออบ” ผมว่าแล้วใช้นิ้วเช็ดฟองออกอย่างเบามือทำเอาแก้มใสขึ้นสีกันทีเดียว แค่นี้ก็เขินเนี่ยนะ คนหล่อเพลียครับ ฮ่าๆๆ

                     “ดูดิ่ตัวเปื้อนหมดเลยอ่ะ” เอ้อเหอไม่ใช่แค่เปียกครับก่อนหน้านี้เจ้าแดนนี่มันวิ่งไปตะกุยโคลนพอผมวิ่งตามไปก็โดนเต็ม ๆเลย

                     “งั้นเดี๋ยวผมเปิดน้ำล้างให้นะ” จงออบว่าแล้วเอาสายยางมารดน้ำตรงขาของผมที่เปื้อนแต่

                     ปิ๊ด! คนตัวเล็กแกล้งฉีดน้ำใส่หน้าผม หน่อยแหน่ะ ผมวิ่งเข้าไปแย่งสายยางจากจงออบมาฉีดใส่คนตัวเล็กที่ตอนแรกเปียกนิดหน่อยแต่ตอนนี้เปียกไปทั้งตัวเลยหล่ะ เสื้อกล้ามสีขาวของคนตรงหน้าชุ่มไปด้วยน้ำจนแนบติดกับเนื้อทำให้ผมเผลอมองจนโดนแย่งสายยางกลับไป

                     “นี่แน่ะ ๆ ฮ่า ๆๆ” เสียงคนตัวเล็กหัวเราะชอบใจที่เอาคืนผมได้แต่มีเหรอผมจะยอม ผมวิ่งเข้าไปกอดจงออบจากด้านหลังแน่นทีนี้จะฉีดน้ำใส่ผมตัวเองก็ต้องเปียกหล่ะ

                     “ฮ่ะ ๆฮยองอ่ะปล่อยเลย” คนตัวเล็กดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของผม รู้มั้ยนะว่าทำแบบนี้มันน่ารักจนผมทนไม่ไหวเลยแอบจุ้บแก้มนุ่ม ๆไปทีนึงทำเอาคนตัวเล็กที่ดิ้นไปมานิ่งกันเลยทีเดียว

                     “เป็นอะไรเขินเหรอครับ” ผมกระซิบข้างหูเพื่อแกล้งจงออบทำให้เจ้าเด็กนี่เอาแต่ก้มหน้างุด ๆไม่ตอบอะไร แหน่ะทีกับผมนี่เขินทีกับหมาหล่ะ เฮ้อ

                     “ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดในบ้านเถอะ ตัวเปียกอย่างนี้เดี๋ยวสบายเอานะ” ผมว่าแล้วพาคนตัวเล็กเดินเข้าบ้านไป
     

                     จงออบสวมเสื้อยืดสีน้ำตาลอ่อนกับกางเกงผ้าร่มขาสั้นเดินเอาผ้าขนหนูเช็ดหัวตรงมายังโซฟาซึ่งมีผมที่อาบน้ำเสร็จก่อนนั่งรออยู่แล้ว

                     “มานั่งนี่สิ” ผมเรียกจงออบพร้อมตบเบาะเพื่อให้มานั่งข้าง ๆแต่พอคนตัวเล็กเดินมาผมก็ฉุดแขนให้ลงมานั่งตรงหว่างขาผมแทน

                     “อ้ะฮยองจะทำอะไรเนี่ย”

                     “มาจะเช็ดผมให้” ผมว่าแล้วดึงผ้าขนหนูจากมือเล็กมาเช็ดหัวให้อย่างเบามือ กลิ่นแชมพูที่ต่างไปจากเดิมแต่ก็ยังทำให้แดฮยอนคนนี้หลงใหลอยู่วันยังค่ำ

                     “อืมแห้งละ” ยังไม่ทันที่ผมจะทำอะไรจงออบก็รีบลุกออกมานั่งข้างผมอย่างรวดเร็ว ตาเล็กจ้องมองผมซักพักแล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหม่มาแทน

                     “หัวฮยองก็ยังไม่แห้งเหมือนกันนะ” คนตัวเล็กว่าแล้วเอาผ้าผืนใหม่นั่นมาเช็ดหัวผมอย่างเบามือเช่นกัน ทำตัวน่ารักแบบนี้ใครจะทนไหว จงออบนั่งหันหน้ามาทางผมทำให้เราจ้องตากันอยู่นานใบหน้าของผมเคลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าหวานขึ้นเรื่อย ๆแต่ก็โดนนิ้วเล็กนั่นดันหน้าผากออกมา

                     “ไม่ต้องเลยนะฮยอง” จงออบว่าแล้วรีบลุกหนีเดินออกไปหลังบ้าน ผมคว้าถุงขนมที่วางบนโต๊ะแล้วจึงเดินตามออกไป
     

                     บรรยากาศร่มรื่นด้วยเงาต้นไม้ใหญ่ บ้านสองชั้นสีขาวที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ กลิ่นสดชื่นของดอกไม้หลากสีสันที่ปลูกล้อมรอบบ้านหลังนี้ สายลมเย็นพัดพาเอากลิ่นฤดูใบไม้ผลิมายังผมกับจงออบที่นั่งอยู่บริเวณระเบียงหลังบ้าน จงออบชอบธรรมชาติผมจึงทำให้บ้านหลังนี้มีต้นไม้ดอกไม้เยอะ ๆเพื่อที่จะทำให้คนตัวเล็กมีความสุขมากที่สุด

                     บ้านของผมที่ต่างจังหวัดหลังนี้ผมมันค่อนข้างห่างไกลจากตัวเมืองจึงมีความสงบและมีบรรยากาศธรรมชาติ  ผมจึงตกแต่งภายในบ้านโดยใช้สีและเฟอร์นิเจอร์แนววินเทจซึ่งดูเหมือนคนตัวเล็กจะชอบมากเลยหล่ะ

                     จงออบชอบมานั่งตรงนี้เพราะเป็นที่ที่สามารถมองเห็นสวนดอกไม้และไร่ผลไม้ต่าง ๆได้กว้างมาก ซึ่งสวนพวกนั้นก็เป็นของครอบครัวผมเองหล่ะครับที่ปลูกเอาไว้ ตอนแรกกะจะปลูกเล่นเพราะเนื้อที่มันกว้างและโล่งแต่เอาไปเอามาก็กลายเป็นอาชีพเสริมที่ผมต้องคอยมาดูแลเป็นระยะ

                     “ฮยอง~”คนตัวเล็กว่าพลางเอาหัวมาซบไหล่ผม

                     “อะไรเหรอ”

                     “เปล่าครับอยากเรียกเฉย ๆ” ดวงตาเล็กปิดลงด้วยความเคลิบเคลิ้มกับธรรมชาติ 

                     “เย็นนี้ไปเที่ยวสวนกล้วยไม้กัน” ผมเอ่ยปากชวนเด็กที่นั่งแกว่งขาไปมาอย่างอารมณ์ดี

                     “จริงเหรอ” จงออบยกหัวหันมาถามผมด้วยดวงตาวาวผมจึงพยักหน้าให้แล้วหัวนุ่มนั่นก็กลับมาซบไหล่ผมเหมือนเดิม
     

                      มือหนาของผมเขียนบันทึกเกี่ยวกับความสมบูรณ์ของดอกกล้วยไม้ในแต่ละแถว สองเท้าก็ก้าวไปเรื่อย ๆโดยมีคนตัวเล็กเดินนำอยู่ข้างหน้าแล้วเอาแต่จับดูนั่นดูนี่ด้วยความสนใจ

                     “ฮยอง~ ดอกนี่สวยจังเขาเรียกว่าพันธุ์อะไรเหรอ” คนตัวเล็กชี้ให้ดูดอกกล้วยไม้สายพันธุ์หนึ่งที่มีสีดอกสีเขียวแซมพูและมีสีม่วงเป็นจุดแซมไปทั่วดอก ตาเล็กวาวด้วยความอยากรู้

                     “มันเป็นพันธุ์ที่ผสมขึ้นมาใหม่น่ะยังไม่มีชื่อหรอก” 

                     “งืมเหรอ งั้นผมจะตั้งชื่อมันว่าดอกแดฮยอนละกัน”
    “ชื่อฮยองเนี่ย

                     นะ ?” เอาอีกละนี่ให้ผมเป็นหมาไม่พอยังดอกไม้อีกนะเนี่ย เออก็ดีกว่าเป็นอย่างอื่นละมั้ง
    “ทีฮยองยังเอาชื่อผมไปตั้งเป็นขนมเลย” จงออบว่าแล้วเดินไปดูดอกอื่นต่อ ผมอมยิ้มให้คนตัวเล็กแล้วก้มหน้าก้มตาจดบันทึกต่อไป
     
     

                     “นายเนี่ยมีความสุขตลอดเวลาเลยนะจงออบ” ผมว่าขณะที่เราเดินอยู่ถนนที่มีพุ่มดอกไม้หลากหลายชนิดเรียงกันไปตลอดสองข้างทาง ข้างซ้ายเป็นเนินหญ้าที่ทอดลงไปเป็นแม่น้ำสายเล็ก ๆทำให้ที่แห่งนี้ยังไม่เงียบเกินไปเพราะมีเสียงน้ำไหลเอื่อยและเสียงรองเท้าสองคู่ที่เดินไปตามพื้นกรวด

                     “ทำไมฮยองถึงคิดอย่างนั้นหล่ะครับ” ตาเล็กหันมามองทางผมด้วยความสงสัย

                     “ก็ฉันเห็นนายยิ้มตลอดเวลาเลยน่ะสิ” ผมตอบโดยเอาแต่มองถนนที่ทอดยาวไปข้างหน้า

                     “ในหนึ่งวันผมก็แค่อยากยิ้มให้มากที่สุด เผื่อวันพรุ่งนี้ผมอาจจะไม่ได้ยิ้มหรือต้องร้องไห้” คนตัวเล็กตอบพร้อมรอยยิ้มสดใสแต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกโหวงในใจอย่างบอกไม่ถูก

                      “ฮยองก็เหมือนกันนะต้องยิ้มให้เยอะ ๆผมชอบเวลาฮยองยิ้มที่สุดเลย” มือเล็กสองข้างยกขึ้นมาดึงแก้มผมแยกออกจากกันเพื่อที่จะให้ผมยิ้มออกมา

                     ผมยิ้มออกไปทั้งที่ยังรู้สึกแปลก ๆมือหนาของผมขยี้หัวนุ่มของจงออบด้วยความหมั่นไส้



     

                     “อึก อ่ะ แฮ่ก ๆ” เสียงอึกอักดังออกมาจากคนตัวเล็กที่นอนขดไปมาอยู่บนเตียง เหงื่อกาฬซึมออกมาเต็มใบหน้าหวาน อาการเจ็บรัดที่หน้าอกข้างซ้ายมันกลับมาอีกแล้ว ถึงจะเจ็บมากแค่ไหนก็ไม่อยากให้ร่างสูงที่นอนด้านข้างตื่นขึ้นมา

                     ขาเล็กก้าวลงจากเตียงด้วยความลำบาก มือบางปัดป่ายในลิ้นชักข้างเตียงเพื่อหายาจนเจอกล่องสี่เหลี่ยมจึงรีบคว้าขึ้นมาแล้วหยิบเม็ดยากรอดลงปากตามด้วยน้ำเปล่าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอยู่แล้ว

                     เพียงแค่ไม่ได้กินยาสองคืนอาการก็กำเริบอีกแล้ว ทั้งที่คิดว่าจะหายเหมือนคนปกติแล้วซะอีก หลังบางพิงกับเข้ากับขอบเตียงด้วยความอ่อนล้า มือข้างซ้ายที่กุมหน้าอกไว้แน่นเริ่มคลายออกมา

                     “แฮ่ก…แฮ่ก” เกือบ เกือบไปแล้ว เกือบไม่รอดแล้วมั้ยหล่ะจงออบ โง่จริงที่ดันคิดว่าไม่ต้องกินยาก็ได้ทั้งที่แดฮยอนฮยองก็ย้ำอยู่ตลอด

                     ดวงตาเล็กเริ่มมีน้ำใส ๆซึมออกมาจากหางตาแต่ก็ถูกมือบางปัดออกไปอย่างไม่ใส่ใจแล้วลุกขึ้นไปนอนบนเตียง แต่พอลุกขึ้นมาก็เห็นไปหน้าคมของคนที่เป็นห่วงตัวเองมาตลอดกำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่

                     “ผมขอโทษนะครับที่ต้องให้พี่มาคอยห่วงผมตลอดต้องมาดูแลผมตลอด ทั้งที่ผมคิดว่าตัวเองแข็งแรงแล้วแต่มันก็ ฮึก มัน…” สุดท้ายน้ำใส ๆก็ไหลออกมาอย่างไม่หยุด ราวกับว่ารอยยิ้มที่สร้างมาทั้งวันมันซ่อนความอ่อนแอไว้ตลอดเวลา ยิ่งยิ้มมากเท่าไหร่น้ำตาก็ไหลออกมามากเท่านั้น
     

     
    ‘ หนึ่งสาเหตุที่ทำให้เสียใจ คือการไปคาดหวังอะไรกับสิ่งที่ไม่มีวันเป็นจริง ’

     
    ________________________
    เรื่องนี้มีแค่สองตอนเอง มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ แฮ่
    ตอนที่ออบบอกว่าทำของที่แด้ชอบกินอ่ะ หลาย ๆคนอาจนึกถึงชีสเค้กใช่ป่ะ ?
    แต่ผิดค่ะ...ชองแดชอบกินทุกอย่าง 5555555
    เม้นกันด้วยนะคนดี ~
    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×