ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic b.a.p] All fiction of B.A.P

    ลำดับตอนที่ #5 : Shoes [Himjae] #5

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 56


    5



              ในที่สุดก็มาถึงวันครบรอบสองปีของการเกิดอุบัติเหตุนักเรียนตกตึก วันนี้ทางโรงเรียนไม่มีการเรียนการสอนเพราะมีการประกอบพิธีทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่วิญญาณนักเรียนสองคนนั้นและวิญญาณเจ้าที่สัมภเวสีภายในโรงเรียน ถึงจะทำทุกปีแต่ก็ยังมีนักเรียนเจอทุกปี ซึ่งนั่นก็แค่ส่วนน้อยจึงไม่มีผลกระทบอะไรมาก

    พิธีการเริ่มขึ้นตั้งแต่เช้าเด็กหนุ่มผมสีทองไม่ได้เข้ามาร่วมพิธีเพราะตอนนี้เขาอยู่ในห้องเรียนห้องหนึ่ง ร่างของเขาไม่ยอมขยับไปไหนเพราะตอนนี้หลายเป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้ว ร่างโปร่งใสเดินไปตามระเบียงทางเดินห้องเรียนดวงตาเรียวจ้องมองเข้าไปยังห้องต่าง ๆ เพื่อหาเป้าหมายเดินจนจะครบทุกห้องแล้วก็ยังไม่เจอซักที

    เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นมาจากตรงบันไดทำให้ร่างโปร่งใสหันรีหันขวางจนเจอมุมเสาเลยรีบเข้าไปแอบแล้วได้เพียงแอบดูการกระทำของทั้งคู่อยู่ห่างๆไม่ให้รู้ตัว

    “เลิกตามฉันซักทีเถอะหน่ายงกุก! ขอวันนี้ซักวันก็ได้” เสียงใหญ่ที่คุ้นเคยโวยวายทันทีเมื่อเดินขึ้นมาจนสุดบันได

    “ไม่ ฉันตามนายจนกว่านายจะยอมรับฉัน” เสียงทุ้มตอบกลับ ถึงจะเคยได้ยินไม่กี่ครั้งแต่เขาก็จำได้แม่นว่าเป็นเสียงยงกุก ผีที่เคยเกือบเอาชีวิตเขา

              คนตัวขาวมีท่าทีไม่พอใจอย่างมากรีบเดินนำร่างสูงเข้าห้องเรียนไป ยองแจที่แอบมองอยู่เมื่อเห็นว่าทั้งคู่เข้าห้องไปแล้วจึงค่อยๆออกมาจากมุมเสาแล้วเดินไปแอบดูอยู่หน้าประตู

              “น่ารำคาญ!! รู้อยู่ว่าคนเขาไม่ชอบยังจะหน้าด้านตามมาอีก” ผลั่ก! คำพูดที่รุนแรงถูกพ่นออกมาจากคนตัวขาวพร้อมกับสมุดที่ปลิวไปกระแทกเข้าที่ตัวของยงกุก

              “อะไรกัน! ทั้งที่ฉันทำดีกับนายทุกอย่างแต่ทำไมนายถึงไม่รักฉัน!!” ขายาวก้าวเข้าไปหาคนตัวขาวแล้วบีบเข้าที่แขนอย่างแรงจนคนถูกบีบเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด

    “ปล่อยฉันนะ! ฉันเจ็บนะยงกุก” ฮิมชานพยายามสะบัดแขนออกมาการจับกุมของคนตรงหน้าแต่เหมือนว่ายังกุกจะแรงเยอะเหลือเกิน สะบัดเท่าไหร่ก็ไม่ได้ทำให้เขาคลายมือลงเลย

    “หึ ความเจ็บเนี่ยมันไม่ได้เสี้ยวกับความเจ็บปวดที่นายมอบให้ฉันโดยการไม่สนใจกันหรอกนะ!” สิ้นคำพูดก็จับใบหน้าสวยของคนตรงหน้าเข้ามาหมายจะจูบแต่ฮิมชานรีบผลั่กร่างสูงออกไป

    เสียงบทสวดมนต์ใกล้จะจบแล้วยองแจที่แอบดูอยู่นานพอตั้งสติได้จึงนึกถึงคำที่ฮิมชานเคยบอกไว้

    ถ้าบทสวดมนต์จบเมื่อไหร่นายจะไม่มีโอกาสช่วยฉันอีกเมื่อคิดได้ดังนั้นร่างโปร่งจึงรีบวิ่งเข้าไปในห้องที่สองคนนั้นกำลังทะเลาะกัน จังหวะเป็นจังหวะที่ฮิมชานกำลังผลักยงกุกออกไปแล้วขาของร่างสูงก็สะดุดกับโต๊ะอย่างแรงจนชนกับขอบหน้าต่างมือหนายังจับมือของฮิมชานเอาไว้

    ถ้าหากปล่อยไว้ยงกุกต้องตกตึกและดึงฮิมชานลงไปด้วยแน่! ท่อนสุดท้ายของบทสวดร่างโปร่งใสรีบพุ่งเข้าไปกระชากฮิมชานออกมาอย่างแรงจนมือของฮิมชานหลุดจากมือของยงกุก ร่างยงกุกตกลงไปยังเบื้องล่างโดยที่ใบหน้าคมเต็มไปด้วยน้ำตาและเลือดที่ไหลอาบเต็มหน้า ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองขึ้นมายังด้านบน คนตัวขาวหอบเล็กน้อยจากเหตุการณ์เมื่อซักครู่ ฮิมชานเงยหน้าขึ้นมองคนตัวเล็กเบื้องหน้าที่เป็นร่างโปร่งใสเช่นเดียวกับเขาในตอนนี้

    “ขอบคุณนะยองแจ” กล่าวขอบคุณทั้งน้ำตา น้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความดีใจและเศร้าใจไปพร้อมๆกัน ถึงความจริงยงกุกจะตายไปตั้งนานแล้วแต่ทำแบบนี้เหมือนคนเห็นแก่ตัวยังไงยังงั้นเลย

    “เท่านี้นายก็กลับเข้าร่างได้แล้วใช่มั้ย” เสียงบทสวดเริ่มเบาลงเรื่อย ๆ พร้อมกับภาพตรงหน้าที่จางลงไปพร้อมกับเสียงสวด หน้าขาวพยักขึ้นลงเบาๆก่อนจะทันเอ่ยประโยคสุดท้ายออกมา

    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ฉันมีอะไรจะบอกนาย” วูบ ภาพตรงหน้ากลายแสงสว่างสีขาวและมืดดำลงไปทันที ถึงแม้จะแผ่วแต่เสียงนั่นก็ชัดเจนในความทรงจำมาก ฉันจะรอให้นายกลับมาบอกด้วยตัวนายเองฮิมชาน

    “เฮ้ย ยองแจๆ ตื่นดิ่วะ” แรงเขย่าจากเพื่อนผิวเข้มทำให้ร่างที่นอนสลบบนเตียงตื่นขึ้นมา ยองแจมองไปรอบๆตัวก็พบว่าเขานอนอยู่ในห้องของเขาเอง

    “ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เพราะสถานที่ๆเป็นความทรงจำสุดท้ายของยองแจก็คือโรงเรียน

    “ก็ฉันปลุกแกตั้งแต่โรงเรียนแล้วแต่แกไม่ยอมตื่นเลย ครูพยาบาลมาตรวจก็บอกว่าไม่ได้เป็นไรคงเพลียมากจนหลับลึก ฉันเลยวานเพื่อนคนอื่นแบกแกฃับมาที่ห้องเนี่ยแหละ ฮู้วรุงรังจริงๆ” สบโอกาสก็ร่ายซะยาว เก็บกดมากเลยรึไงห้ะนังดำ เสียงความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวร่างเล็กที่ตอนนี้เอาแต่นั่งทำหน้ามุ่ยเพราะอาการมึนหัว แต่พอนึกเรื่องของฮิมชานได้ยองแจก็รีบลุกพรวกพราดออกจากห้องทันที

    “เฮ้!! ยองแจนายจะไปไหนเนี่ย”

     

    มาถึงก็พบว่าชั้นวางรองเท้าไม่มีรองเท้าคู่นั้นวางอยู่อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะหันซ้ายหันขวาก็เจอแต่ความว่างเปล่า ไม่ว่าจะไปตามหาที่ไหนก็ไม่เจอทั้งโรงพยาบาล หอพักที่เคยไปหรือแม้กระทั่งสวนหลังโรงเรียน คนตัวเล็กค่อยๆรู้สึกสับสนและอ่อนล้า นายไปอยู่ที่ไหนกัน? ฉันจะได้เจอนายอีกมั้ยนะฮิมชาน

     

    ผ่านไปกว่าสองเดือนตอนนี้นักเรียนหลายคนก็ต่างพากันอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสำหรับการสอบปลายภาคที่กำลังจะมาถึงอีกแค่เพียงหนึ่งอาทิตย์เท่านั้น จากวันนั้นยองแจก็ใช้ชีวิตเหมือนเด็กนักเรียนธรรมดาทั่วไป ไม่มีอีกแล้ววิญญาณตัวขาวที่เจอทุกวันตอนเย็นมันทำให้เขารู้สึกเหงาขึ้นมาแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

    มือเล็กถอดแว่นสายตาออกวางไว้บนโต๊ะแล้วบิดตัวเพื่อคลายความเมื่อล้า จะว่าไปออกไปเดินยืดเส้นยืดสายหน่อยก็ดี แม้บรรยากาศจะดูอึมครึมแต่ยองแจก็ยืนยันที่จะออกไปข้างนอก ยิ่งเห็นฝนทำท่าจะตกก็นึกถึงวันนั้น วันที่มีร่มมาวางไว้ตอนฝนตกซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าเป็นคนเอามาไว้เอง คิม ฮิมชาน..

    แหมะ แหมะ น้ำฝนเม็ดเล็กเริ่มลงเม็ดมาเรื่อยๆ อีกไม่นานคงเม็ดใหญ่และนักกว่านี้ คนผมสีทองรีบมองหาที่ที่จะสามารถเข้าไปหลบฝนได้ แต่ดันเดินมาอยู่ตรงที่โล่งซะได้ต้องวิ่งไกลหน่อยหล่ะกว่าจะถึงที่ร่มคงเปียกไม่น้อย จู่ๆก็มีร่มคันสีดำมากันฝนให้พอเหลือบหันไปมองคนกางให้ยองแจถึงดีใจจนเผลอกระโดดกอดคนตรงหน้า

    “ฮิมชาน!” เสียงใสตะโกนดังลั่นพร้อมพุ่งเข้ากอดแน่น ความรู้สึกต่างๆที่ถ่ายทอดผ่านอ้อมกอดมันบ่งบอกว่าคิดถึงแค่ไหน

    “โอ๊ะ ใจเย็นๆสิครับ ฮ่าๆ” เสียงใหญ่หัวเราะร่าพร้อมกับลูบหัวคนอ้อมกอดอย่างแผ่วเบา

    “นายหายไปไหนมา” ยองแจถามหลังจากผละออกจากคนตัวสูง

              “พอฉันฟื้นทางครอบครัวก็พาฉันกลับบ้านหน่ะสิ กว่าจะจัดการเรื่องอะไรเสร็จไหนจะตามหานายอีกมันเลยนานนิดหน่อยหน่ะ” คำอธิบายยาวจากฮิมชานทำให้คนตัวเล็กมู่หน้าอย่างน่ารัก

              “นิดหน่อยตรงไหนตั้งสองเดือน! ฮิมชานหน่ะยังไม่ได้ทำอะไรเป็นการขอบคุณที่ฉันช่วยนายเลยนะ” พูดจบก็ทำแก้มป่องแบบเด็กๆงอน จุ้บ! การกระทำของฮิมชานทำให้คนถูกจุ้บแก้มรีบหันมาโวยใส่ทันทีด้วยความเขินอาย

    “ย๊าห์ คิมฮิมชานทำไมนายฉวยโอกาสแบบนี้เนี่ยห้ะ” มือเล็กลูบแก้มตัวเองที่แดงแปร๊ดอย่างกับมะเขือเทศ

    “นี่ไงครับรางวัลสำหรับที่รักของผม”

    “อะไรนะ นายว่าไงนะ?

    “ยังไม่ได้บอกเรื่องที่ว่าจะบอกเมื่อตอนนั้นเลยนี่นา” ว่าพลางเสมองไปทางอื่น

    “คิม ฮิม ชาน” เสียงใสกดลงต่ำ

    “ฮ่าๆๆ เรื่องที่ฉันจะบอกก็คือ” ร่างสูงเลื่อนใบหน้าขาวกับไปใกล้หน้าหวาน

    “ฉันรักนายนะ ยูยองแจ” เสียงใหญ่กระซิบเบาๆที่ข้างหูทำให้คนฟังอย่างยองแจหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้งจนตอนนี้ใกล้จะระเบิดแล้ว

    “แล้วนายหล่ะ” คนตัวสูงเอ่ยถามคนตรงหน้าที่ตอนนี้เหมือนสติจะไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว

    “คนอุตส่าห์รอนานขนาดนี้แล้วยังจะถามอีก”

    “ห้ะอะไรนะ” หน้าขาวขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันและยื่นหูเข้าไปใกล้ ๆ

    “ฉันรักนายคิมฮิมชาน!!” เสียงใสที่ตะโกนขึ้นแข่งกับสายฝนที่โปรยปรายลงมา ท่ามกลางถนนกว้างแห่งนี้ซึ่งตอนนี้มีเพียงร่างสองร่างยืนอยู่ใต้ร่มคันสีดำ ทั้งคู่หัวเราะและยิ้มให้กันอย่างมีความสุข แม้จะหนาวหรือเปียกแต่ไหนก็ไม่กลัวอีกแล้วขอแค่มีอีกคนคอยอยู่ข้างๆให้อยู่แบบนี้ตลอดเลยก็ได้

    ________________________
    ดองไว้นานป่ะ ?555555
    คือแต่งจบนานแล้วแต่เน็ตไรท์ไม่ดีเลยไม่ได้เข้ามาอัพ
    มีสเปด้วยนะสนป่าว ?ไม่สนจะลงเรื่องใหม่ละ ฮ่า ๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×