ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic b.a.p] All fiction of B.A.P

    ลำดับตอนที่ #4 : Shoes [Himjae] #4

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 56


    4


             “อีกสามวันจะเป็นวันครบรอบ 2 ปีนับจากวันที่เกิดเรื่องนั่น” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ

    “แล้ว?

    “เหตุการณ์ในวันนั้นจะกลับมาวนซ้ำอีกครั้งเหมือนฟิล์มหนังที่ฉายวน ถ้านายอยากช่วยฉันให้หลุดพ้นจากการกระทำซ้ำวนพวกนั้น”

    “เข้าใจมั้ย?” ใบหน้าหวานส่ายไปมาทำให้ร่างสูงถอนหายใจออกมาเบาๆ

    “ง่ายๆเลยนะ อีกสามวันนายต้องกลายเป็นวิญญาณเหมือนฉันแล้วเข้าไปช่วยฉันไม่ให้ฉันตกตึก” ยองแจที่นั่งฟังได้แต่ทำหน้านิ่ง ทำเอาคนอธิบายและคนฟังเหงื่อตกไม่แพ้กัน

    “นายสามารถกลับเข้าร่างได้ถ้าฉันไปช่วยนายไม่ให้ตกจากตึกในวันครบรอบที่เกิดเหตุการณ์นี้ ?” อมชานพยักหน้ายิ้ม ๆให้ยองแจ

    “คล้ายกับว่าเพราะฉันหาทางออกจากเหตุการณ์นั่นไม่ได้ฉันถึงหาทางเข้าร่างไม่ได้”

    “ฉันว่าฉันพอเข้าใจนะแล้วฉันต้องทำไงบ้าง”

     

    ยังไงคนตัวเล็กก็ติดนิสัยคิดอะไรไปเรื่อยและพูดคนเดียวระหว่างเดินไปไหนมาไหนอยู่ดี แต่เพราะมัวแต่ก้มหน้าคุยกับตัวเองจึงเดินผ่านร่างสูงที่ยื่นตรงมุมตึกไปโดยไม่ทันมองเห็น

    “นี่!!” เสียงใหญ่ทักขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างไม่พอใจ คนผมสีทองหันหน้ามาก็ต้องตกใจเมื่อคนที่ยื่นอยู่ตรงมุมตึกคือผู้ชายที่เขาเห็นในฝันตอนนั้นคนที่บอกว่าห้ามยุ่งกับฮิมชาน ถึงจะมองเห็นหน้าไม่ชัดเพราะนี่ก็เริ่มมืดแล้ว แต่ด้วยน้ำเสียงและท่าทางแบบนี้ทำให้คนตัวเล็กมั่นใจว่าต้องใช่แน่

    “อะ อะไร” น้ำเสียงสั่นตอบกลับไปอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย เท้าสองข้างค่อยๆถอยออกมาช้าๆอย่างหวาดระแวง ผมสีทองสะบัดไปตามแรงหันซ้ายขวาแต่ไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย ซวยละ

    “หึ นายน่าจะรู้ว่าฉันออกมาเจอนายทำไม!” ขายาวก้าวออกมาจากเงามืดของมุมตึกเผยให้เห็นใบหน้าที่เละไปแถบหนึ่งมีคราบเลือดและน้ำหนองย้อยเต็มแผลที่เน่าเฟะ ดวงตาแดงก่ำจ้องมองเขม็งมายังยองแจส่งผลให้คนตรงหน้าถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจและทรุดลงไปกับพื้น

    “ฉันเคยบอกแกไปแล้วว่าอย่ายุ่งกับฮิมชาน!” ยิ่งถอยหนีไปเท่าไหร่ขายาวก็ก้าวตามมาเท่านั้นและดูเหมือนว่าจะเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ แผ่นหลังบางชนเข้ากับกำแพงตึก ไม่มีทางหนีอีกแล้ว! ชุดนักเรียนขาดวิ่นรอยแผลเหวอะหวะมีแต่เลือดเต็มตัว แขนข้างหนึ่งบิดเบี้ยวผิดรูปเละจนมองเห็นกระดูกและเส้นเอ็นที่เต้นตุบๆอยู่ข้างใน

    ดวงตาใสเริ่มมีน้ำตาเอ่อขึ้นมาด้วยความกลัวร่างเล็กสั่นเทายกมือขึ้นป้อง แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดีเมื่อคนตรงหน้ายังก้าวเดินเข้ามาเรื่อย ๆ เสียงร้องเท้าที่กระทบพื้นเป็นจังหวะมันทำให้หัวใจที่เต้นรัวแทบจะทะลักออกมา

    “หึหึหึ ฮ่าๆๆ ในเมื่อแกไม่เชื่อฉัน แกก็ต้องตาย!!” สิ้นประโยคมือหนาพุ่งเข้ามาบีบแก้มของยองแจอย่างแรงเพื่อบังคับให้คนตัวเล็กจ้องมองสิ่งตรงหน้า ยิ่งเข้าใกล้มันทำให้ภาพตรงหน้าชัดเจนแผลที่เน่าเฟะส่งกลิ่นเหม็นชวนให้อ้วกออกมา

    มือหนาเลื่อนมาบีบคอร่างเล็กอย่างแรงถึงจะแค่มือเดียวแต่มันก็ทำให้เขาหายใจไม่ออก แขนแกร่งยกขึ้นเรื่อยๆส่งผลให้คนถูกบีบต้องลุกขึ้นมาตามแรงยกจนสุดความสูงทำให้เท้ายองแจไม่แตะพื้นแล้ว ใบหน้าหวานจากสีแดงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวแม้จะดิ้นแค่ไหนก็ไม่ได้หลุดจากมือแกร่งนี่เลยซักนิด

    “อั่ก อั่ก อะ” มือเล็กพยายามแกะมือหนาที่บีบคอของตนออกแต่ไม่เป็นผล สองขาที่ปัดป่ายไปมาเริ่มอ่อนแรงลงตามลมหายใจที่รวยริน ผลั่ก!! เสียงอะไรบางอย่างกระแทกลงพื้นที่ไม่รู้ว่าเป็นเสียงหล่นของร่างเล็กหรือเสียงใครทำอะไรกันแน่ เพราะตอนนี้สติของเขาเลือนรางลงไปทุกทีภาพสุดท้ายตรงหน้ามันเหมือน..เหมือนฮิมชานกำลังต่อสู้กับร่างสูงนั่น

    “นายห้ามทำอะไรเขา!” เสียงสุดท้ายก่อนสติจะดับวูบลงไป

     

    แสงสว่างที่ผ่านเข้ามาทางหน้าต่างลมเย็นพัดผ่านร่างเล็กบนเตียงสีขาวสะอาด ดวงตาคู่ใสค่อยๆลืมตาขึ้นและปรับให้ชินกับแสงสว่างรอบข้าง มือเล็กยกขึ้นมาป้องตาเล็กน้อยเมื่อมองไปยังระเบียงที่มันสว่างมากๆ มีร่างร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นแต่พอจะลุกขึ้นก็รู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าจนเผลอร้องออกมา

    “อ้ะ ฟื้นแล้วเหรออย่าเพิ่งขยับสิไม่รู้ว่านายบาดเจ็บตรงไหนบ้าง” คนผมสีดำในเครื่องแบบชุดนักเรียนรีบวิ่งเข้ามาประคองคนเจ็บที่พยายามจะลุกขึ้น

    “นั่งลงก่อนนะขอดูหน่อยว่าเจ็บตรงไหน” มือเย็นจับที่ข้อเท้าเล็กอย่างแผ่วเบา สองมือลองนวดเบาๆก็ทำให้รู้ว่าข้อเท้าของคนตัวเล็กแพลงเพราะตกลงมากระแทกพื้นโดยไม่ทันตั้งตัว

    หลังจากพันผ้าที่ข้อเท้าเสร็จแล้ว คนตัวสูงก็ลุกขึ้นมาสำรวจบริเวณอื่นที่คาดว่าน่าจะเจ็บจนเห็นรอยช้ำที่คอมือเย็นทายาแก้ฟกช้ำลงบนคอขาวอย่างเบามือที่สุด ตึก ตึก ตึก เสียงหัวใจเต้นที่ไม่แน่ใจว่าเป็นของใครกันแน่หรืออาจเป็นของทั้งคู่

    “ที่นี่ที่ไหนอ่ะ” เสียงใสเอ่ยถามคนในครัวที่กำลังเตรียมอาหารอะไรซักอย่างอยู่

    “น่าจะเป็นหอพักเก่าของฉันหล่ะมั้ง จำไม่ค่อยได้อ่ะน่าจะอย่างนั้นแหละ”

    “อะไรกัน เรื่องของตัวเองยังจำไม่ได้” บ่นอุบอิบแต่ก็จับนู่นมองนี่ไปเรื่อย ถ้าเป็นหอพักของฮิมชานจริงๆเขาคงมีรสนิยมการแต่งห้องที่ดีไม่น้อยเลย การเลือกสีเตียง ผ้าม่าน การตกแต่งดูดีมากเลยหล่ะ

    “อ่ะเสร็จละกินซะ” เสียงใหญ่เอ่ยพร้อมถ้วยข้าวต้มร้อนหอมฉุยที่วางอยู่ตรงหน้าคนผมสีทอง

    “ผีทำข้าวให้คนกินได้ด้วยเหรอ” น้ำเสียงใสที่พูดแหย่ทำให้ร่างสูงทำหน้ามุ่ย

    “ฉันไม่ได้เป็นผีซักหน่อยฉันคือวิญญาณ ผีหน่ะมันคือที่นายเจอเมื่อคืนต่างหากหล่ะ” พอพูดถึงเรื่องเมื่อคืนมันก็ทำให้สีหน้าคนตรงหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาใสกลอกไปมาด้วยความหวาดกลัวกับเหตุการณ์ระทึกขวัญเมื่อคืน

    “อย่ากลัวไปเลยนายยังมีฉันอยู่ทั้งเอ่อ ทั้งคน” จะให้ใช่คำว่าคนก็ดูแปลกๆแต่ก็ไม่รู้จะใช้คำไหน มือขาวตักข้าวต้มป้อนคนตรงหน้า

    “ฉันไม่ได้เจ็บเเขนซักหน่อยกินเองได้จะป้อนทำไม” น้ำเสียงไม่พอใจเล็กๆที่คนตัวสูงดันพูดถึงเรื่องน่ากลัวเมื่อคืน คนตัวขาวเอาแต่ยิ้มหวานทำให้ร่างเล็กต้องยอมอ้าปากงับข้าวต้มตรงหน้าแต่โดยดี ทำอย่างกับเป็นเด็กแต่ก็ยอมให้ป้อนจนหมดถ้วย

    “เก่งจังเลยน้า!~” เมื่อป้อนข้าวหมดก็เอาแต่ยิ้มโชว์ฟันจนมองไม่เห็นตา ภาพตรงหน้าทำให้คนบนเตียงอดที่จะขำไม่ได้

              “จะไปทำอะไรก็ไปเลยป่ะ” ไล่ให้ไปก่อนจะใจเต้นกับความน่ารักของวิญญาณตัวขาวไปมากกว่านี้

     “ทำอะไรงั้นเหรอ อยากอยู่กับยองแจไงครับ” ว่าแล้วก็นั่งลงข้างเตียงเอาหัวหนุนลงบนตักเล็กโดยไม่ถามความเห็นกันซักคำ

    “อ้ะ!?ทำอะไรของนายเนี่ย” ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่แก้มใสก็แดงไม่ใช่น้อย ดีนะที่คนบนตักหันไปอีกทางเลยไม่เห็นไม่งั้นอายแย่ ตึก ตึก ตึก เอาอีกแล้วใจเต้นอีกแล้ว

    “เล่าเรื่องของนายให้ฉันฟังหน่อยสิ ได้มั้ย”

    “อยากฟังเหรอครับ” พูดพร้อมยกขาขึ้นมานอนหงายบนเตียงอย่างเต็มตัวแต่หัวก็ยังอยู่บนตักนิ่มเหมือนเดิม

    “อืม ฉันอยากรู้จักนายให้มากกว่านี้” มือเล็กค่อยเอื้อมไปลูบหัวคนที่นอนอยู่อย่างอ่อนโยน

    ฉันก็จำอะไรได้ไม่มากหรอกนะ เพราะว่าเป็นวิญญาณความทรงจำบางอย่างเลยไม่ค่อยชัดเจน จำได้บ้างลืมไปบ้างแต่ก็ช่างมันเถอะ เป็นวิญญาณนี่เรื่องพวกนั้นหน่ะไม่จำเป็นอะไรหรอก เท่าที่จำได้เหมือนครอบครัวฉันจะพอมีตังค์อยู่มั้งแล้วฉันก็ขอแยกตัวมาพักอยู่ที่หอนี่ มีคนไปรับส่งแต่ก็ชอบขี่มอไซค์มาโรงเรียนเองมากกว่า ชีวิตเหมือนนักเรียนปกติทั่วไป แค่นี้แหละ หลังจากสาธยายประวัติที่ไม่ค่อยจะมีอะไรให้คนตัวเล็กฟัง ดวงตาคมก็เอาแต่จ้องมองใบหน้าหวานของคนด้านบน

    “แล้วนายตกตึกได้ยังไง แล้วคนคนนั้นคือใครทำไมต้องห้ามฉันไม่ให้ยุ่งกับนาย” เสียงใสเอ่ยถามออกมาอย่างไม่ค่อยมั่นใจในสิ่งที่ถามออกไปนัก ว่ามันสมควรมั้ยแต่เมื่อสงสัยจะเก็บไว้ทำไม

    “คนคนนั้นชื่อ บัง ยงกุกเป็นเพื่อนห้องเดียวกับฉันแต่มันบอกว่ามันชอบฉัน ก็ตามสไตล์เถื่อนของมันอ่ะนะแต่ฉันไม่ชอบ ฉันก็ปฏิเสธมันมาตลอดจนวันนั้นเราทะเลาะกันแรงมากถึงขั้นลงมือ แต่มันก็พลาดเราทั้งคู่ตกลงมาจาดตึก ยงกุกสิ้นใจทันทีเพราะเขาเอาตัวเขาลงกระแทกพื้นและให้ตัวฉันทับเขา”

    “นายถึงรอดเขาถึงตายใช่มั้ย?” ใบหน้าขาวพยักขึ้นลงเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งประจันหน้ากับคนตัวเล็ก

    “นายไม่ต้องกลัวนะฉันจะอยู่ข้างๆนายเสมอ” คำพูดที่เอ่ยเหมือนสัญญาจากร่างสูง ฮิมชานโผเข้ากอดคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน วิญญาณตัวเย็นแต่ตอนนี้กลับอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกมือเล็กเอื้อมขึ้นมากอดตอบเบาๆ

              “อื้ม ฉันไม่กลัวหรอกถ้ายังมีนายอยู่ข้างๆ” น้ำเสียงที่ไว้วางใจเอ่ยขึ้นเบาๆในอ้อมกอดอุ่นของคนตรงหน้า



    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×