คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Shoes [Himjae] #1
รองเท้านักเรียนชายคู่นั้นที่วางอยู่บนชั้น
ไม่มีเจ้าของมาเอาคืนไป..มันอยู่บนนั้นมานานมาก
รู้ได้ไงงั้นเหรอ ? เพราะมันมีหยากไย่และฝุ่นเกาะเต็มรองเท้าเลยหน่ะสิ
ทำไมเจ้าของรองเท้าถึงไม่มาเอาคืนไปนะหรือถ้าเขาลืมแล้วทำไมไม่มีภารโรงมาเก็บไป
ทำไมถึงปล่อยให้มันวางอยู่ตรงนั้นมานานขนาดนี้. . .
ยู ยองแจ รู้มานานแล้วว่ามีรองเท้านักเรียนชายที่วางอยู่บนนั้นไม่มีใครเอาไปแต่ไม่ได้สนใจ เพราะชั้นวางรองเท้าชั้นนั้นไม่ได้อยู่ที่ตึกเขา จนเขาได้ย้ายมาเรียนที่ตึกนี้ทุกวันที่ถอดรองเท้าวางบนชั้นวางเขาก็มักจะมองมันเสมอ มีเรื่องเล่าเกี่ยวรองเท้าคู่นี้แต่อาจจะแค่เป็นเรื่องที่แต่งมาก็ได้ร่างเล็กจึงไม่ได้สนใจ จนกระทั่งวันที่เขาเจออะไรแปลก ๆ ในวันที่ฝนตก. . .
ครืน..เปาะ แปะ แปะ เสียงฟ้าร้องและไม่นานฝนก็เริ่มลงเม็ด ร่างเล็กที่นั่งทำงานอยู่ในห้องเรียนรีบเก็บข้าวของยัดลงกระเป๋านักเรียนอย่างเร่งรีบถึงจะรีบวิ่งลงมาแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว สายฝนเทลงมาอย่างหนัก เสียงถอนหายใจเล็ก ๆ ดังขึ้นก่อนที่ยองแจจะเดินไปยังชั้นวางรองเท้าซึ่งมีรองเท้าวางอยู่สองคู่ คู่หนึ่งเป็นของเขาแต่อีกคู่ไม่รู้ว่าเจ้าของคือใคร
คนตัวเล็กได้แต่นั่งกอดเข่ามองสายฝนที่เทลงมาด้านนอกอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดด้วยความหนักใจ จะกลับบ้านยังไง? หันหลังกลับไปก็เจอแค่ชั้นวางรองเท้ากับรองเท้าคู่นั้น.. คงทำได้แค่รอให้ฝนหยุดตกสินะ ผ่านไปหลายนาทีฝนก็ยังไม่ซาลงไปอากาศเริ่มเย็นขึ้นมาเรื่อย ๆ จนรู้สึกหนาว มือบางลูบท่อนแขนของตัวเองเพื่อคลายความหนาวเย็นแต่คงช่วยอะไรได้ไม่มาก หรือจะตัดสินใจวิ่งออกไป? พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นร่มสีดำวางอยู่ข้าง ๆ ชั้นวางรองเท้า ทำไมไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย ยองแจลุกขึ้นไปหยิบร่มคันสีดำนั้นขึ้นมา
“ขอยืมก่อนนะครับ” คำพูดที่เอ่ยออกไปแม้รู้ว่าไม่มีคนฟัง
วูบ เฮือก! หางตาเหลือบเห็นเงาดำวูบผ่านหลังเขาไป ความเย็นที่พัดผ่านทำให้ขนลุกชันขึ้นมาทันที เมื่อหันไปก็ไม่พบใคร ถ้าเจอสิแปลกเพราะนี่มันตั้งหกโมงกว่าแล้วอีกอย่างฝนก็ตกด้วยใครมันจะมาอยู่ที่ตึกนี้ได้ เมื่อไม่มีอะไรจึงกางร่มสีดำแล้วรีบกลับหอทันที
“เฮ้ย เป็นไรว่ะยองแจ”
“ฮะ ไม่ได้เป็นอะไร” เหมือนสติจะเพิ่งกลับมาเลยตอบไปอย่างตะกุกตะกัก คนตัวเล็กเงียบไปซักพักเหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่จนเอ่ยคำถามนึงขึ้นมา
“แดฮยอนแกรู้เรื่องรองเท้าที่ถูกวางทิ้งไว้ตรงชั้นล่างป่ะวะ”
“เอ่อ..ก็พอรู้นะ”
“เล่าให้ฟังหน่อยดิ่”
“มันก็มีหลายเรื่องเล่านะแต่เท่าที่ฉันฟังมาแล้วเหมือน ๆ กันคือ เจ้าของรองเท้าประสบอุบัติเหตุที่โรงเรียนนี้แต่ตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่รองเท้าหลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นเขาอีกเลย ไม่รู้ว่าเป็นหรือตายเพราะโรงเรียนปิดข่าว”
“แล้วทำไมไม่เอารองเท้านั้นไปเก็บที่ไหนซักที่หล่ะ”
“ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งกับมันหน่ะสิ คงจะรอให้เจ้าของรองเท้ากลับมาใส่มันอีกครั้งมั้ง แต่จะว่าไปก็มีเรื่องหลอน ๆ เกี่ยวกับรองเท้านี้เยอะเหมือนกันนะ”
“เรื่องหลอน ๆ ?”
“อืม เขาเล่าว่าถ้ามีใครไปยุ่งกับรองเท้านั่นวิญญาณเจ้าของจะออกมาหลอก”
“หึหึ ไร้สาระจริง ๆ” เด็กหนุ่มสายหน้าอย่างเอือมระอา
“เขาว่าถ้าใครกลับบ้านค่ำก็จะเจอ บ้างก็เป็นเสียงเดิน บ้างก็เห็นเงาดำๆ วูบไปมา บางคนนี่ถึงกับรู้สึกเหมือนมีมือเย็นมาแตะเลยหล่ะ บรื๋อ! นายหน่ะชอบกลับบ้านค่ำระวังไว้ด้วยหล่ะ” พูดจบเพื่อนผิวเข้มก็หันไปสนใจอาจารย์ที่กำลังสอนหน้าห้องต่อ
ผิดกับยองแจที่ถึงกับนิ่งเมื่อได้ฟังประโยคสุดท้ายจากปากเพื่อนของตัวเอง ผมสีทองสบัดไปมาเพื่อขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปให้พ้น
กริ๊งงง!~ เสียงกริ่งเลิกเรียนปลุกให้ยองแจหลุดออกจากภวังค์ คนตัวเล็กเก็บสมุดและปากกาลงกระเป๋าแล้วเตรียมตัวเดินลงไปทานข้าวเที่ยง เมื่อลงมาถึงชั้นล่างสายตาก็เหลือบไปมองยังรองเท้าคู่นั้นก็ต้องเอะใจ เพราะเมื่อเช้าเขาเอาร่มมาวางคืนไว้ข้างๆแล้วแต่ตอนนี้มันไม่มี
“เฮ้ย! มัวแต่เหม่ออะไรอยู่ยองแจ เร็วเดี๋ยวไม่มีที่นั่งกินข้าวกันพอดี” เสียงเรียกจากเพื่อนทำให้ยองแจรีบวิ่งตามไป
เย็นนี้ก็เช่นเคย ห้าโมงกว่าแล้วแต่คนผมสีทองก็ยังคงนั่งทำงานอยู่ในห้องเรียน จู่ ๆ ก็มีเสียงคนเดินผ่านหน้าห้องไปตามระเบียง เย็นขนาดนี้แล้วยังมีคนอื่นอยู่อีกเหรอ แต่พอนึกถึงเรื่องนั้นมือเล็กก็หยุดเขียนทันที สองขาค่อยๆก้าวไปที่ประตูห้องแล้วชะเง้อออกไปดู ไม่มีใคร… แต่พอหันกลับมาก็ทำให้คนตัวเล็กตกใจจนถึงกับเกือบร้องออกมา
!!
“สวัสดี”
“สวัสดี” ร่างสูงในชุดนักเรียนเช่นเดียวกับเขาเอ่ยทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“อ่ะเอ่อ สวัสดี” ร่างเล็กที่กำลังหายตกใจทักตอบกลับไป
“ฉันชื่อคิม ฮิมชานนายหล่ะ” ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าของยองแจด้วยความเป็นมิตร
“ยู ยองแจ” เมื่อยองแจตั้งสติได้ก็ตอบกลับพร้อมยิ้มแห้งๆ
“นายเนี่ยกลับบ้านค่ำจังนะ” คนตัวสูงเดินนำเข้าในห้องแล้วขึ้นไปนั่งบนโต๊ะเรียนตรงข้ามกับโต๊ะของยองแจ ก่อนจะตามมาด้วยร่างเล็กที่เดินกลับมานั่งทำงานที่โต๊ะตัวเอง
“ทำไมนายถึงกลับค่ำจังหล่ะ”
“อยู่ทำงานหน่ะ” ตอบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ
“ไม่กลัวคนที่บ้านเป็นห่วงเหรอ” ประโยคคำถามของฮิมชานทำให้มือของยองแจหยุดเขียนลงอีกครั้งแล้วค่อย ๆ เงยหน้าหวานขึ้นมามองคนตรงหน้าที่ตอนนี้ก็ยังมีสีหน้ายิ้มแย้มอยู่
“ไม่มีคนที่บ้านเป็นห่วงเวลาฉันกลับบ้านค่ำหรอก ฉันอยู่หอคนเดียวกลับมืดแค่ไหนก็ไม่มีใครว่า” ยองแจตอบแล้วก้มลงไปเขียนงานต่อให้เสร็จ
“แต่ฉันเนี่ยแหละที่จะว่านาย รู้มั้ยที่นี่ไม่มีใครอยากอยู่ค่ำ ๆ หรอกนะ” น้ำเสียงที่จริงจังขึ้นของฮิมชานเหมือนจะทำให้ยองแจสนใจจนตั้งใจที่จะคุยกับคนตรงหน้ามากขึ้น
“ทำไมหล่ะ” มือที่จับปากกาเลื่อนขึ้นมาเท้าคางมองคนตรงหน้า ใบหน้าของร่างสูงจากที่มีรอยยิ้มร่าเริงก็แปรเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มที่เยือกเย็นทันที
“ที่นี่เขาว่าผีดุ” จบประโยคยองแจก็รู้สึกได้ถึงความเย็นรอบ ๆ สีหน้ายองแจซีดลงทันทีมันทำให้เขาคิดได้ว่าควรรีบกลับบ้านได้แล้ว
มือบางรีบหยิบของแล้วหันไปยัดใส่กระเป๋าแต่พอหันมาหยิบสมุดก็สัมผัสได้ถึงความเย็นจนต้องรีบชักมือกลับ มือยองแจเลยจับโดนมือฮิมชานที่ยื่นสมุดมาให้พอดี
“แล้วทำไมนายก็ยังไม่กลับบ้านซักทีว่าแต่คนอื่น” คนผมสีทองพูดโดยหันหลังไปหยิบกระเป๋าขึ้นมา
“ฉันกลับบ้านไม่ถูก” น้ำเสียงเศร้าเอ่ยออกมาทำให้ยองแจหันไปมองใบหน้าคนตัวสูงที่ตอนนี้ดวงตามีแต่ความเศร้า
“อะไรนะกลับบ้านไม่ถูก นายก็เรียกให้ใครมารับสิ”
“ไม่มีใครมารับฉันซักที ฉันรอมานานมากแล้ว ฉันเหงามากเลยยองแจ” ร่างสูงก้มหน้าต่ำลงไปเพื่อดวงตาคู่เศร้านั้นไว้
“อีกซักพักคงมามั้งเดี๋ยวฉันอยู่เป็นเพื่อนนายก็ได้”
“ไม่เป็นไรขอบคุณมากนะ นายรีบกลับไปเถอะ” ฮิมชานเงยหน้าขึ้นมายิ้มขอบคุณแต่มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่มีความสุขเลย
“ไม่เป็นไรระ..อ้ะ” ไม่ทันที่ร่างเล็กจะพูดจบคนตัวสูงก็ผลักหลังให้เขาเดินออกจากห้องไป
พอถึงชั้นล่างยองแจก็คว้ารองเท้าของตัวเองมา จนตอนนี้ที่ชั้นวางรองเท้าเหลือเพียงแค่รองเท้าคู่เดียว ทำให้ยองแจเพิ่งสังเกตเห็นว่าฮิมชานก็ไม่ได้ใส่รองเท้า
“รองเท้าคู่นี้ของนายรึเปล่าเนี่ย” ยองแจพูดติดตลกเล็กน้อย เขาไม่ได้คิดว่ารองเท้าคู่นี้จะเป็นของฮิมชานหรอกเพราะมันมีหยากไย่เกาะเต็มไปหมดแล้ว
ร่างสูงไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้มบาง ๆ ให้ยองแจ ร่างเล็กโบกมือให้แล้วเดินจากไป
“ไว้พรุ่งนี้เจอกันใหม่นะ ยู ยอง แจ”
ตลอดทั้งวันสายตาของร่างเล็กก็มัวแต่ชะเง้อมองหาร่างสูงที่เจอเมื่อวาน แต่ไม่ว่าจะมองหายังไงก็ไม่เจอหรือโรงเรียนนี้จะกว้างและนักเรียนเยอะเกินไปยองแจเลยหาฮิมชานไม่เจอ
“มัวแต่มองหาใครอยู่นั่นแหละ”
“อ้ะ เปล่า ๆ” ร่างเล็กส่ายหน้ารัวแต่สายตาก็ไม่วายแอบมอง อยู่ไหนกันนะ?
“วันนี้คาบบ่ายว่างนายจะไปไหน” แดฮยอนถามด้วยสีหน้ามีความสุขสุด ที่วันนี้ไม่มีเรียนคาบบ่ายที่แสนจะน่าเบื่อ
“ไม่รู้สิ แล้วนายจะไปไหน” ถามพลางตักข้าวเข้าปากคำโต
“ฮิฮิ ฉันก็จะไปอยู่น้องจงออบน้อยของฉันหน่ะสิ ว่าจะไปหาไรกินด้วยกัน” แววตาวาวใสด้วยความสุขจนคนมองอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้
“แหวะหมั่นไส้ นายเนี่ยก็ดีแต่หาอะไรกินนั่นแหละเดี๋ยวได้กลายเป็นคู่รักหมูหวานซะหรอก อู๊ดๆ” คนผมทองว่าล้อเลียนโดยเอานิ้วดันจมูกขึ้นให้เหมือนหมู
“นายอิจฉาฉันละสิ ฮ่าๆๆ น่าสงสารคนไม่มีแฟนเนอะแบร่” เพื่อนหน้าแมวว่าแล้วรีบลุกหนีเพื่อเอาจานไปเก็บก่อนที่จะโดนส้อมจากเพื่อนรักจิ้มตาซะก่อน
ขาเรียวเดินมาเรื่อย ๆ เพื่อหาพักสงบให้กับตัวเองจนมาถึงสวนหย่อมหลังโรงเรียน บรรยากาศที่นี่ดีมาก มีแสงแดดที่ลอดมาจากต้นไม้เล็กน้อยกระทบลงบนพื้นหญ้าสีเขียวนุ่ม สายตากวาดมองไปรอบ ๆ เพื่อหาทำเลดี ๆ ในการพักผ่อนแต่ก็ต้องสะดุดเข้ากับร่างร่างหนึ่งที่นอนอยู่บนพื้นหญ้าไม่ห่างจากเขามากนัก
สองเท้าค่อย ๆ ย่องเข้าไปใกล้อย่างแผ่วเบาจนสามารถมองเห็นใบหน้าผู้ที่นอนอยู่ได้ จมูกโด่งเป็นสันตรงสวยใบหน้าขาวที่ตัดกับผมสีดำ นี่มันฮิมชานนี่นา
“สวัสดี” เสียงใสเอ่ยทักทายคนที่นอนอยู่บนพื้นทำให้คนที่นอนอยู่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองบุคคลผู้มาใหม่
“สวัสดียองแจ” ร่างสูงที่นอนอยู่กับพื้นเอ่ยทักทายกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนกันที่เจอกันครั้งแรก ร่างเล็กค่อย ๆ ย่อตัวนั่งลงข้างฮิมชานที่ตอนนี้ยังคงนอนอยู่
“แล้วตกลงเมื่อวานกลับบ้านยังไง”
“ถ้าจะคุยกับฉันอย่าถามเรื่องนี้อีกเลยนะ” คำขอของฮิมชานทำให้คนฟังแอบงงนิดๆแต่ก็พยักหน้ารับ
“งั้นเปลี่ยนคำถามก็ได้ นายมาทำอะไรที่นี่ไม่มีเรียนรึไง”
“ไม่มีหรอกฉันว่างจะตายไปว่างจนเบื่อเลยมานอนเล่นแก้เซ็งที่นี่ ฮ้าว~ ว่าแต่นายเถอะไม่มีเรียนเหรอ”
“อืม คาบบ่ายว่างไม่มีไรทำเลยเดินมาเรื่อย ๆ แล้วก็เจอนายพอดี”
“งั้นเหรอ เออนี่ยองแจนายเชื่อเรื่องวิญญาณมั้ย?”
“หืม? ไม่รู้สิยังไม่เคยเจอเลยจะให้เชื่อเต็มๆก็คงไม่ได้”
“แล้วถ้านายเคยเจอแล้วหล่ะ นายจะเชื่อมั้ย”
“ไว้รอเจอก่อนนะ ฮะฮะ” เจ้าของใบหน้าหวานพูดพร้อมหัวเราะติดตลก
“ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ” ร่างสูงเอ่ยขึ้นมา
“อะไรเหรอ?”
“ถ้าฉันไม่ได้ดีอย่างที่นายคิดไว้หล่ะ นายจะทำยังไง”
“หืม ถามอะไรเนี่ย? แค่เป็นแบบตอนนี้ก็พอแล้วหล่ะ” ตอบพร้อมยิ้มน่ารัก
“นายจะไม่รังเกียจหรือกลัวฉันสินะ” ถามด้วยน้ำเสียงหม่น
“แน่นอน! ทำไมฉันต้องรังเกียจนายด้วยหล่ะฮิมชาน นายเป็นเพื่อนฉันนะ”
“เพื่อนที่เพิ่งรู้กันเนี่ยเหรอ”
“อื้ม” ^^
“ว่าแต่ทำไมนายไม่ใส่รองเท้าลงมาหล่ะ ไม่กลัวถุงเท้าเปื้อนเหรอ”เสียงใสเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อสังเกตเห็นเท้าของร่างสูงมีเพียงถุงเท้าแต่ไม่ได้รองเท้ามา
“ขี้เกียจใส่อ่ะ เดินมาแค่นี้เอง” ร่างสูงตอบพร้อมเลื่อนมือหนาขึ้นไปรองบนหัว
“แสดงว่าตึกที่นายเรียนอยู่แถวนี้หล่ะสิ” คนตัวเล็กค่อยๆเอนตัวลงไปนอนข้างๆฮิมชาน
“อย่างงั้นหล่ะมั้ง”
ยองแจเผลอหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ยกนาฬิกาออกมาดูก็พบว่าตอนนี้สี่โมงเย็นเป็นเวลาที่นักเรียนคนอื่นทยอยกันกลับบ้านไปค่อนข้างเยอะแล้ว เมื่อลุกขึ้นมาก็ไม่พบร่างของฮิมชานนอนข้างๆ ลุกขึ้นมามองหาจนทั่วก็เห็นคนที่ต้องการเจอยืนอยู่ริมสระน้ำและเหม่อมองออกไปโดยไม่รู้ว่ากำลังมีคนเดินเข้ามาหา
“ฮิมชาน” เสียงใสเอ่ยเรียกอย่างแผ่วเบาจากด้านหลัง ทำให้คนตัวสูงหันหลังมามอง
“อ่าวตื่นแล้วเหรอ เมื่อกี้เห็นหลับอยู่เลยไม่อยากเรียก” คนตัวเล็กเดินมาหยุดยืนด้านข้างของฮิมชาน
“วันนี้จะกลับ อ้ะ เอ่อ….ไปกินข้าวเย็นด้วยกันมั้ย?” ว่าพลางเกาหัวแก้เขิน
“ห้ะ ไปกินข้าว?” ร่างสูงถามด้วยความประหลาดใจ
“อืม ฉันมีร้านอร่อย ๆ เยอะแยะเลยนะ”
“ฮะฮะ อย่าเพิ่งดีกว่า” ร่างสูงยิ้มกลับอย่างอ่อนโยน
“ไม่ใช่ว่ารังเกียจนายแต่เราเพิ่งรู้จักกันฉันอาจจะไม่ได้ดีอย่างที่นายคิดก็ได้ นายรีบกลับบ้านเถอะอย่าอยู่ค่ำ ๆ เลยนะ”
“ทำไมชอบไล่ให้ฉันกลับบ้านเร็ว ๆ ตลอดเลยหล่ะ” ว่าแล้วก็ทำหน้าบู้เหมือนเด็กน้อย
“นายนี่ก็แปลกไม่มีใครในโรงเรียนอยากกลับบ้านค่ำเลยนะ มีแต่นายนี่แหละ” คนตัวสูงพูดยิ้ม ๆ
“ไม่เห็นจะแปลกเลยโถ่ วันนี้ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนนายเองฮิมชานนายกลับเมื่อไหร่แล้วฉันจะกลับ” ถึงจะดูเหมือนคำพูดของเด็กเอาแต่ใจนิดๆ แต่ก็แอบทำให้ฮิมชานดีใจ
“อย่าเลยหน่าเสียเวลาเปล่า ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็เจอกัน” ฮิมชานส่งยิ้มที่สดใสให้ยองแจ
“แล้วฉันจะเจอนายได้ที่ไหนบ้างหล่ะ”
“ที่ไหนก็ได้เพียงแค่นายอยากเจอฉัน รีบกลับได้แล้ว” ว่าพลางดึงแขนคนตัวเล็กให้เดินตามออกไปที่หน้าโรงเรียน เดินออกไปทั้งที่ไม่ใส่รองเท้า
“กลับบ้านดี ๆ นะ”
“นายก็เหมือนกันนะฮิมชาน” มือเล็กโบกไปมาให้พร้อมรอยยิ้มน่ารักที่ใครเห็นอาจละลายได้
ตึก….ตึก….ตึก มันจะกลับมาเต้นอีกครั้งแล้วสินะ ภาพตรงหน้าทำให้ที่ริมฝีปากบางของร่างสูงมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบoใบหน้าคม ใบหน้าที่ไม่มีรอยยิ้มมานานแล้วจนได้เจอกับเด็กคนนี้ ยู ยองแจ
__________________
มาต่อให้แล้วกลัวรอนาน 5555
เค้าจะบอกว่าความจริงเรื่องแต่งจบนานแล้วแหละ
จะทยอยอัพให้นะถ้าเม้นเยอะจะอัพเร็ว ๆ เลยค้าบ -w-
ยังไงก็ช่วยติดตามด้วยนะ <3
ความคิดเห็น