ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพื่อน! เรารักกันตอนไหน

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่่1

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 57


    พงษ์

                    วันนี้ ผมได้มาเจอกับเธอ ที่ๆเราบอกรักกันครั้งแรก ที่ๆเราตกลงคบกัน และที่ๆเราเลิกกัน ใช่ แต่ที่นี่ ก็เป็นที่ๆผมบอกรักลูกกลมๆสีส้ม ใช่ ลูกบาสเก็ตบอล ที่นี่ ผมบอกตัวเองมานานแล้ว ว่าผมรักสิ่งนี้ ตอนนี้ ผมเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลของมหาลัย  ผมต้องมาซ้อมอาทิตย์ละ5วัน พูดง่ายๆคือมาทุกครั้งที่ว่าง อีก2เดือนเราจะมีแข่ง เอาเถอะ ผมข้ามเรื่องแข่งไปก่อน ผมต้องมาซ้อมแทบจะตลอดเวลา  นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเลิกกัน  ผมคงไม่มีเวลาให้เธอ ตลอดเวลาที่มหาลัย เรียน   และ ซ้อมบาส     ผมเจอกับเธอก็ที่นี่ เจอกัน เห็นหน้ากัน สบตากัน ยิ้มให้กัน  ก็ที่นี่ เธอมาส่ง เธอมารับ ที่นี่...ที่สนามบาส เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ก็

                    “ลิลลี่ มีอะไรรึเปล่า เดี๋ยวพี่ต้อง..”

                ผมจะบอกเธอ ว่าเดี๋ยวแก๊งค์เล่นบาสเขาที่คัดตัว ที่นี่จึงวุ่นวายเป็นพิเศษกว่าทุกครั้งที่เรานัด ห้ามขาดด้วย

                “ซ้อมบาส! ใช่มั๊ยล่ะ พี่พงษ์ พี่พงษ์รู้มั๊ย  พี่พงษ์ไม่มีเวลาให้ลิลลี่เลย ทำไมอ่ะ บาสมันน่าสนใจกว่าลิลลี่งั้นหรอ”

                ลี่อยู่ในอารมณ์ที่...   ผมไม่พร้อมจะคุยกับเธอตอนนี้หรอก

    “ลี่ ใจเย็นสิ  เรากำลังโมโหพี่นะ  ไว้โอเคแล้วเราค่อย..”

                    “เวลาของพี่พงษ์น่ะ บาสใช่มั๊ยล่ะ ตอบลี่มาสิ”

                “ลี่”

                ผมใช้เสียงที่ดังขึ้นเพื่อเรียกสติกลับมา

                “ลี่รู้ ว่าลี่กำลังงี่เง่า กำลังโมโห พี่พงษ์ ลี่เป็นแฟนพี่พงษ์นะ พี่พงษ์ยังจำได้อยู่รึเปล่า”

                “...” บทของผมควรจะเงียบ  ให้เธอระบายความในใจออกมาสินะ

                “วันเกิดลี่น่ะ พี่พงษ์จำได้รึเปล่า...”

                “...”

                “มัน พะ เพิ่งผ่านไป1อาทิตย์”

                เสียงเธอสั่น  พยายามไม่ให้ร้องไห้สินะ  ผมช่างเป็นคนรักที่แย่มากๆ

                “พี่พงษ์รู้มั๊ย  ว่าลี่รอ ตอนเที่ยงคืนนะ ลี่รอว่าบางที...”

    “...” เธอหายใจเข้าลึกๆ พยายามกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา

    “พี่พงษ์จะมาแฮปปี้เบิร์ดเดย์เป็นคนแรก  แต่ก็ไม่ใช่”

    “พี่... ขอโทษ”  ผมยอมรับว่าผมลืม  ผมนี่แย่เนาะ   เรียนกับซ้อม  ยิ่งต้องเตรียมพรีเซนต์ยิ่งวุ่น

    “แต่ลี่ก็รออีก  จนถึงเที่ยงคืน  มันดูบ้าเนาะ ทั้งๆที่รู้ว่าพี่พงษ์ยุ่งจนไม่มีเวลามาให้แม้กระทั่งวันเกิด  ลี่ก็รอ รอเผื่อว่าพี่พงษ์จะมาเป็นคนสุดท้าย  คนสุดท้ายที่ลี่รอ แต่ก็ไม่ใช่  ฮึก  ทำไมกัน”

    “...” ทำไม ผมถึงไม่รู้สึกเจ็บกับสิ่งที่เธอพูดล่ะ  เมื่อก่อนเราเคยทะเลาะกัน  และลิลลี่ก็ว่าผม โกรธผม  ผมรู้สึกแย่มาก ผมรู้สึกว่าผมงี่เง่าที่ทำให้ลิลลี่ต้องเสียใจ พยายามทำให้เธอหายโกรธ เธอไม่คุยกับผม1อาทิตย์ ผมแทบไม่เป็นอันทำอะไรเลย  แต่ตอนนี้ มันไม่ใช่ความรู้สึกแบบนั้น

    “เรายังเป็นแฟนกันอยู่รึเปล่า?”

    น้ำเสียงของเธอทีเศร้า เศร้ามากๆ น้อยใจ  น่าแปลกที่ผมสงสารเธอ  แต่ผมไม่ได้เจ็บปวดกับประโยคที่น่าจะปวดร้าวกับคนที่เป็นคนรักกัน  มันออกแนว...สงสาร  ลิลลี่ไม่น่ารักคนอย่างผมเลย

    “ตอบลี่สิ พี่พงษ์  ตอบลี่สิ”

    เธอเขย่าแขนผม

    “พี่...  ขอโทษ”

    ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ผมได้แต่กล่าวขอโทษ

    “พี่พงษ์เปลี่ยนไปนะ  เปลี่ยนจนลี่ว่า พี่คงอยากเปลี่ยนความสัมพันธ์ของเราไปด้วย”

    “...”

    “ลี่รู้ ว่ายิ่งเรียนภาระมันยิ่งเยอะ  แต่...”

    “...”

    “แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ พี่พงษ์  มันคงไม่ใช่เพราะเรื่องเรียนที่จะทำให้พี่พงษ์เปลี่ยนไปขนาดนี้”

    “...”

    “เรายังเป็นแฟนกันอยู่เหรอ”

    คำถามเดิมถูกกล่าวซ้ำ  ผมได้แต่เงียบ

    “หรือเพราะรักของเราไม่มีตัวมาเกี่ยวข้อง”

    เราสองคนเป็นแฟนกัน  แต่ผมไม่เคยนอนกับลิลลี่  ไม่เคยนอนกับใคร  ผมให้เกียรติผู้หญิง ให้เกียรติแฟนของผม

    “แต่คงไม่หรอก พี่พงษ์ให้เกียรติลิลลี่เสมอ”

    “...”

    “วันนี้ลี่คงงี่เง่ามากสินะ   แต่ลี่คิดมาแล้ว ลี่คิดมาซักพักแล้ว...”

                “...”  ผมว่าผมเดาได้ว่าเธอจะพูดอะไร

                “ลี่ว่า... เรา เลิก กัน เถอะ!

                ผมรู้ ว่าวันที่คำพูดนี้ถูกเอ่ยมันต้องมาถึง  ในระยะเวลา1เดือนใกล้ๆนี้แน่   แต่   ผมก็อึ้งนะ

    “ลิลลี่ว่านะ  พี่พงษ์  วันๆก็อยู่กับบาส  พักหลังๆมานี่ พี่พงษ์ไม่สนใจลิลลี่เลย  ไลน์ไปก็กว่าจะอ่าน  ลี่ส่งไปตั้งเยอะ  ตอบกลับแค่อืม  โทรไปหาก็ไม่ค่อยรับ ไม่ว่างคุย ทำรายงานบ้างล่ะ อ่านหนังสือบ้าง เหนื่อยบ้าง ลิลลี่ล่ะพี่พงษ์ ลี่เป็นแฟนพี่พงษ์นะ  นี่ยังไม่รวมเรื่องยัยฝนอะไรนั่นอีก    ลี่ว่านะ  เราเลิกกันดีกว่า...”

    ถ้าผมดูไม่ผิด  ในสายตามีความตัดพ้อ ในน้ำเสียงมีความน้อยใจ แต่ผมก็ยอมรับ ว่าที่เธอพูดมา  มันจริง  ถ้าไม่ซ้อมบาส  เราก็ตั้งใจเรียน  ทำงาน  เท่านี้ก็เบียดเวลานอนเราไปหมดแล้วนะ  ลิลลีเอง ทั้งสวย น่ารัก มีเสน่ห์ ผมคงไม่ควรรั้งเธอไว้กับผม ถ้าเธออยากออกไปจากชีวิตผม ผมไม่ห้ามหรอก จะวิ่งตามหรืออะไร  ผมขยับจะเดินไป

    “พี่พงษ์ อย่าเดินหนีสิ”

    “โอเค ลิลลี่  ถ้าเราต้องการให้พี่ทำแบบนี้  ได้  เราอยากจบความสัมพันธ์กับพี่ พี่ไม่ห้าม ไม่รั้งเราไว้ เลิกกัน ก็ขอให้โชคดีนะ”

    “อื้ม  โอเค  เราจบกันตรงนี้”

    ผมว่าเหมือนผมจะเห็น..  ช่างมันเถอะ  พวกมันคงจะรอกันอยู่ที่ห้องพักนักกีฬามั้ง

    “อื้มมม  ใช่  โอเค  บางทีลี่ก็แอบคิดนะ  ว่าพี่พงษ์ขอให้ลี่อยู่ต่อ  ขอให้ลี่คิดดูใหม่  หรือ... ฮึก...หรือที่พี่พงษ์ปล่อยลี่ไปง่ายๆแบบนี้... ฮึก...เป็นเพราะพี่พงษ์  พี่พงษ์ไม่ได้รักลี่เหมือนเดิมแล้ว”

    หยาดน้ำใสๆไหลจากดวงตาคู่สวย หรือที่เธอพูดมา  มันออกแนวประชด  แต่ผม ยังไงก็ต้องเลิกกับเธออยู่ดี  ไหนๆเธอก็พูดเลิกๆ ผมก็เลิกไป

    “พี่ว่าเราสองคนรู้นะ  ว่าวันนี้ต้องมาถึง  แต่คนที่พูดกลับเป็นลี่  ลี่เข้มแข็งมากนะ  มากกว่าที่ลี่รู้ด้วยซ้ำ”

    “อืมม  ขอบคุณนะ” เธอยิ้มให้ผม  ทั้งน้ำตา

    “ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง   ทุก   ทุกๆอย่างที่ผ่านมา  ตลอดที่ผ่านมาน่ะ  ลี่รักพี่พงษ์นะ  ลี่ต้องอยู่ให้ได้ถ้าไม่มีพี่พงษ์  ฮึก”

    “ลี่อยู่ได้ พี่เชื่อว่าลี่อยู่ได้”

    “ไว้วันไหนที่ลี่ทำใจได้แล้ว  ลี่จะกลับมาเป็นน้องของพี่พงษ์นะ”

    “ได้สิ  น้องลิลลี่” เธอยิ้มให้ผม

    “อืมมม  ลี่ไปก่อนนะ”  เธอรีบเช็ดน้ำตาแล้วออกไปทันที

    กลับมาถึงตอนนี้  ผมยืนดราม่าอยู่ที่เดิมมาซักพักแล้ว  ก็ยังไม่มีใครมา  ได้ข่าวว่าคัดตัว ห้ามสาย ห้ามโดดนะเว้ย

     

    ---ข้างนอกสนาม---

    “มึงๆ  กูเข้าไปได้ยังวะ”เจมส์ปีสามถามขึ้นมา

    “เออๆ นั่นดิพวกพี่  ไอตั้มกับผม  เข้าไปได้ยัง  คัดตัวห้ามเลท...”  ตั๊กและตั้มถาม

    “ปีหนึ่งอย่างพวกมึงจะรู้ไรวะ  เฮ้ยๆ พี่อาร์ม  คิดว่าพี่พงษ์มันจะโอเคป่ะวะ  ดูทะเลาะกันแรงว่ะ”ภีมถามขึ้นบ้าง

    “พี่ปีสองก็ไม่รู้นะครัชชช”ตั้มย้อนขึ้นมา

    “มึงคิดว่าไงวะ อาร์ม  พวกกู เข้าไปได้ยังวะ”ไปป์ถามอีกคน

    “ไออาร์ม/พี่อาร์ม”หลายเสียงดังขึ้น

    “เรียกกูไม  กลัวกูลืมชื่อรึงไงวะ”ทุกสายตามองมาที่อาร์ม  คือกดดัน  แปลความว่า มึงสนิทกับพงษ์ที่สุด มึงต้องรู้

    “กูว่า  มึงถามผิดคนว่ะ”อาร์มพูดขึ้น

    “ฝน”เนมนึกขึ้นและเรียก

    ทุกคนมองไปที่ฝน  สายตาของเธอมองไปยังเพื่อนที่ยืนอยู่กลางสนาม  ที่เปลี่ยนอิริยาบถจากการยืนนิ่งมาเป็นขยับตัวบ่งบอกว่า

    “อื้ม  มันโอเคขึ้น  เข้าไปได้แล้วมั้ง”สิ้นเสียงฝน  เหล่าชายวัยเกรียนเดินเข้าไปในสนาม  คนที่ยืนอยู่ก่อนส่ายหน้าน้อยๆเมื่อรู้ว่าพวกเรายืนรออยู่ข้างนอก  คนอื่นๆเข้าไปเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมคัดตัว

    “ฝน วันนี้ไม่เล่นด้วย?”อีกฝ่ายเลิกคิ้วถามเมื่อเธอไม่ไปเปลี่ยนชุด เขาเปลี่ยนแล้วแต่เธอไม่ เขาแปลกใจเมื่อเธอส่ายหน้า

    “ไม่ละ มึงคัดพวกตัวจริงไปเหอะ”  เธอดูหงุดหงิด

    “แล้ว มาทำไมวะ”

    “อาร์มให้กูมาช่วยดู  มึงก็เคยพูดไว้ด้วยป่ะ”

    “อืม ขอบใจมากเว้ย”

    “ไม่เป็นไรเว้ย เพื่อนกัน”

    “แล้ว  มารอกันนานป่ะวะ”

    “แล้วมึงดราม่านานมั๊ยล่ะ”

    “ก็ไม่เท่าไหร่นะ  แต่...”

    “เลิกกันแล้วว่างั้น”

    “มึง ...  ใช่ เลิก     แปลกที่กูไม่เสียใจเลยว่ะ  กูออกแนวโล่งๆ ยังไงก็ไม่รู้ ฟู่ว์”

    พงษ์หายใจออกแรงๆ

    “ฝน กูว่ามึงเล่นเหอะ” อาร์มตะโกนมาจากห้องแต่งตัวที่อยู่ไม่ไกล

    “มึงบอกให้กูมาดูๆนะเว้ย”

    “กูรู้ว่ากูบอกงั้น... แต่  กูว่า พงษ์  มึงไม่พร้อมจะคัดใครว่ะ เล่นเองมึงเล่นได้กูเชื่อ  แต่มึงไม่พร้อมจะคัดให้ใครเป็นตัวจริงว่ะ” อาร์มพูดพร้อมเดินตรงมาหาเราสองคนที่นั่งอยู่ที่สแตนด์ข้างสนาม

    “เออ  กูก็ว่างั้น”พงษ์ยอมรับ

    “แล้วคือจะให้กูช่วย   ว่างั้น” เธออ่านสายตาของสองหนุ่มออก

    “ตามนั้น  มึงเป็นคนคุมทีมหญิงนี่วะ  ไม่ใช่มึงแล้วใคร”อาร์มตอบ

    “พี่ปีสี่ล่ะ”

    “ให้ปีสามทำ  ตามดูเอาทีหลัง” พงษ์พูดขึ้น

    “แต่ ทีมหญิงมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทีมชายขนาดที่..”

    “ทีมหญิงไม่ใช่  แต่มึงใช่  ฝน  มึงน่าจะรู้นะว่าทีมพวกกูยอมรับมึง  มึงเป็นถึงเจ๊เลยนะเว้ย” อาร์ม สมแล้วที่เป็นเขา นิ่งๆ ในยามที่เพื่อนซี้เขาไม่ไหว เขาจะทำงานแทน

    “เอางั้นก็ได้ งั้นกู..”

    “อยู่คุยกันแปปดิ ฝน กูว่ากูจะคุยกับพงษ์  แล้วมึง ต้องอยู่”

    “เรื่องเชี่ยไร  ใช้งานกูอีกอะดิ”

    “กูรู้ว่ามึงจะพูดเรื่องไร อาร์ม  กู...  ตอนนี้กูโอเค  กูทำงานไหว”

    “เจ๊ค้าบบบบบบบบ   คนครบแล้วนะ”ตั๊กเห่าขึ้นมา

    “เชี่ยพงษ์ มึงนี่...”

    “กูให้เลยมึง เย็นนี้ หลังคัดตัว กูว่า  กูยกให้มึงถามเลยอาร์ม  ฝนด้วย”

    “มึงนะมึง พงษ์”

    “มึงก็ไม่ต่างจากกูหรอก เวลาที่เป็นเงี้ย”

    “เชิญพวกมึงตามสบายนะคะ กูไปเปลี่ยนชุดระ” ฝนแยกออกไป

    “...”

    “...”

    “ไปทำงานเหอะมึง”

    “อืม”  พงษ์โอเคแล้วล่ะ  แค่ตอนนี้  แค่พอทำงานได้

    ---หลังคัดตัว---

    “พี่พงษ์ง่าาาาาาา  ทำไมเขี้ยวแบบนี้  ผมเหนื่อยแทบขาดใจแล้วน้าาาา ”เสียงที่ดูอ้อนของตั้มแต่ความจริงคือกวนอวัยวะที่เรียกว่าเท้าสุดๆ  การที่มันนอนกลางสนามแล้วเอาเท้าเขี่ยคนที่เดินผ่านมัน

    “เฮ้ย  กี่โมงแล้ววะ  กูว่าเราเล่นกันนานแล้วนะเว้ย  มึงได้นางทั้ง5ยังวะ อาร์ม”

    “ถามเวลา กูตอบได้นะไปป์ว่า ทุ่มครึ่ง  ส่วนนางอะไรของมึง คนถือสคริปป์เลยครับ”อาร์มแขวะกลับไปที  ไม่ใช่แค่มึงที่เหนื่อย  พวกกู กู กู ก็เหนื่อยนะเว้ย

    “เจ๊ฝนอ่ะนะ  ตายๆๆ ตายแน่ๆ ตั้ม มึงช่วยกูดิ กูยิ่งกวนเจ๊เค้าบ่อยด้วย”ตั๊กโอดครวญ

    คนอื่นๆที่ยังซ้อมกันก็เล่นอยู่กลางสนาม  พงษ์เดินไปหาฝนที่ปรึกษาอยู่กับพี่ๆปี่สี่

    ปีสี่ถึงจะวางมือไปบ้างแต่เราก็เหนียวแน่น  มาช่วยกันตลอด  ยังมีไม่กี่คนที่ลงทีมด้วย แต่ส่วนใหญ่มักเป็นปีสาม  ปีสี่จะตามมาดูที่หลัง

    ----

    -ฝน-

    “คิดว่าไง เฮีย”ฝนถามเฮียใหญ่ รุ่นพี่ที่เคยคุมทีมมาก่อน

    “กูว่าก็โอเคนะที่มึงว่า  แยกพวกที่เหมือนๆกัน  แบ่งๆกันลง  ปีสี่นี่ มึงแยกเลย”

    “ตามนี้ป่ะ”ฝนยื่นสคริปป์ที่จดรายละเอียด ให้ค่าการเล่นของแต่ละคน ตำแหน่งที่เหมาะและความสามารถเหมือนกัน รวมทั้งเรียงความสามารถโดยรวมให้ด้วย

    “อืมๆ กูว่าโอเคนะ  มึงนี่จดละเอียดว่ะฝน ตั้งแต่กูอยู่มา มึงเป็นผู้หญิงคนแรกที่มีอำนาจสั่งการ”

    “ก็คงงั้นมั้งพี่ป้อ  เอาตามนี้เลยป่ะ”

    “มึงว่าไงใหญ่”

    “กูโอเคว่ะ ยังไงตอนแข่งก็ต้องปรับอีกไม่ใช่หรอวะ เออ มึง พงษ์ มาก็ดี  มึงมาดู กูสองคนว่าโอเค”

    เฮียใหญ่ยื่นสคริปป์ของฝนมาให้ดู  ละเอียดดี  เหลือแต่ว่าจะให้ใครตัวจริงก็แค่นั้น

    “อาร์มมมม มึง  มาเช็คดิ๊”พงษ์ตะโกนข้ามเรียกอาร์มให้ช่วยตัดสินใจ

    “เอาไงวะครัช”

    “ฝน มึงสุดๆ  กู...  กูว่าเอาเบอร์1ของแต่ละตำแหน่งดีป่ะ”

    “อืมๆ กูก็ว่างั้น”

    “เออมึง ให้เลิกซ้อมเลยป่ะวะ  ซ้อมกันนานแล้ว”ฝนถาม

    “มึงก็บอกพวกมันสิ”อาร์มบอก

    “พวกมึงทั้งหลาย  กูเก็บข้อมูลเสร็จแล้วนะเว้ยยยย” พลังเสียงของเธอสะกดให้ทุกคนหยุดและมาสักการะรุ่นพี่ปีสี่เป็นนัยว่า  เลี้ยงข้าวพวกกูเถอะ-นะ  กูเหนื่อย

     

    “พวกมึงมองกูสายตางี้ หมายความว่าไรวะ”  เฮียใหญ่ถึงกับพูด  ก็อย่าที่บอก สายตาโคตรสื่อว่า มื้อนี้พี่ต้องเลี้ยง

    “เฮียใหญ่ญ่ญ่ญ่ญ่ญ่” ตั๊กออกตัวคนแรก ตามติดๆด้วยลูกคู่อย่างตั้ม ปีสองอย่างภีม เจมส์ ก็เนียนด้วย

    “อะไรพวกมึง กูกลับดีกว่าแค่มาช่วยปีสาม  เชี่ยป้อ กลับเหอะ”เฮียใหญ่บ่ายเบี่ยง  ใช่ว่าเฮียไม่รู้นะว่าต้องทำอะไร     รู้ค่ะรู้  เป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันในวันที่ซ้อมทีมแบบเหนื่อยโฮก  รุ่นใหญ่ต้องเลี้ยงข้าว

    แน่นอนว่าเสี่ยจำเป็นพวกนี้ก็อิดออด   เป็นแบบนี้ทุกปี   ปีหน้าเจ๊ฝนจะโดนมั๊ย  ช่างเถอะ  ปีนี้ยังเป็นรุ่นน้อง

    “พี่ป้อสุดหล่อออออออออออ”

    ภีมที่สนิทกับพี่ป้อเริ่มพาดพิง

    “อย่ามาพาดพิงกูเว้ย  เชี่ยใหญ่กลับ” บ่ายเบี่ยงกันนะทุกคน

    “เจ้ค้าบบบบบบบบบ  ช่วยหน่อยสิ”ตั้มอ้อนเจ้หรอลูก

    “เฮีย พี่ป้อ  อย่าฝืนเถอะ พี่หลีกเลี่ยงมันไม่ได้หรอก” อาร์มตอกหน้าจังๆ

    “อาร์ม พูดถูกใจกูว่ะ”งานนี้เจ้ขอออกตัวละกัน

    “แล้วรุ่นใหญ่ที่ยังไม่วางมืออยู่ไหนว้าาาาาา”อันนี้ไปป์ค่ะ

    “ไปป์  มึงพูดได้ดีมาก วันนี้เป็นวันแรกที่หมาในปากมึงทำงานดีเยี่ยม”อันนี้เนมแขวะ

    “ด่ากูเหรอเนม”

    “กูชมเว้ย ไปป์ อย่านะเว้ย”

    “มึงสองตัวหยุดเดี๋ยวนี้เว้ย  ปีสี่อย่าชิ่งสิครับ” พงษ์พูดดักปีสี่ทั้งสี่

    “ฝน กูว่า ตามึงว่ะ” อาร์มเรียก

    “พี่ปีสีทั้งสี่ เฮียใหญ่ พี่ป้อ  พี่ต้นและพี่เพน สองคนหลังไม่ต้องเนียนค่ะ เจ้ไม่พลาดค่ะ 2:2:1:1โอเคนะคะ ต้นเพนคะ จะจ่ายเท่ากันหมดก็ไม่ว่านะคะ”

    “มาเป็นชุดเชียวนะมึง  คิดว่ามึงเป็นใครวะ...ครับเจ้” พี่ป้อก็พี่ป้อนะ เจอสายตายเจ้ก็จอดค่ะ

    “โอเค เป็นอันว่าตกลง กินอะไรกันดี”ฝนพูดอย่างอารมณ์ดี  เหนื่อยๆเรื่องบาส แถมวันนี้มีเรื่องให้หงุดหงิด กวนตีนรุ่นพี่วันละนิด ชีวิตก็มีความสุข

    “เดี๋ยวนะเว้ย เชี่ยตั๊ก อย่าฝันว่าจะเป็นอะไรหรูๆ กูช็อดเว้ย”ป้อโวยเมื่อตั๊กแม่งฝันถึงงงงง

    “ช็อดเหมือนกัน”สามเสียงประสานจากสามรุ่นพี่

    “เฮีย พี่ต้น พี่เพน  น้องฝนอยากกินนนน  ข้าวมันไก่อ่ะ”เสียงอ้อนๆของเจ้เองค่ะ เห็นทีว่า ตั๊ก ตั้ม ภีม เจมส์ ไปป์ เนม อาร์ม พงษ์ อึ้งแดกค่ะ

    “มึงๆๆทั้งหลาย อึ้งแดกไมวะ”

    “เจ้ วันนี้เจ้เป็นไรป่าว” ตั้มพูดขึ้นมา  ใช่ๆ ต้องตั้ม เพราะแฝดนรกสนิทกับเจ้ที่สุดในบรรดารุ่นน้อง

    “เจ้ก็ปกติดี  แต่เห็นหน้าพี่ป้อแล้ว อยากกินข้าวมันไก่” งง  งงอีก แหม ไม่รู้อะไรซะเลย  พี่ป้ออ่ะนะ เรียบร้อยค่ะ นิ่ง เงียบ ไม่พูด หึ! จุก พูดไม่ออกสินะ ปีสี่ทีเหลือก็ยิ้มแป้นแล้นล้อพี่ป้อกันใหญ่

    “งงไรกันค่ะ เจ้อยากไปร้านข้าวมันไก่” สะดุ้งอีก  นี่เจ้าตัวออกอาการขนาดนี้  ยังยืนงงอีกหรอ

    “ฝน มึงเป็นไรกับเจ้าของร้านข้าวมันไก่ป่ะวะ” อาร์มอมยิ้มน้อยๆที่พอจะรู้อะไรบางอย่างจากท่าทีของฝนและพวกปีสี่

    “กูไม่ได้เป็นไรกับเจ้าของร้านเว้ย  แต่คนแถวนี้แม่งเป็น” พี่ป้อแม่ง นิ่งเว้ย แต่หูนี่ แดงเถือกอ่ะ

    มึงก็บอกเค้าไป ป้อ ว่ามึงตามจีบลูกสาวร้านข้าวมันไก่อยู่!สิ้นเสียงเฉลยของพี่ต้น  เสียงโห่ร้องก็ดังลั่นสนาม

    “โห พี่ป้อ หูแดงด้วยเว้ย” ภีมทัก

    “สวยป่ะวะ  ถ้าไม่ติดตั๊กขอนะเว้ย”

    “แหมๆๆๆๆ  เดี๋ยวนี้ปิดบังน้องหรอพี่”

    “พ่อดุป่ะวะ ถึงต้องร้านข้าวมันไก่”

    “พวกมึง พอเลยๆ เพน เอาโทสับกูไปไมวะ”

    “กูก็แค่ อยากจะโทรจองโต๊ะกับน้องแตงกวาสุดสวยน่ะสิ”เพนตอบ

    “โห ชื่อแตงกวาหรอพี่  น่ารักป่ะ ”อันนี้เป็นเจมส์นะ  ส่วน ไปป์ เนม อาร์ม พงษ์ กำลังยืนไว้อาลัยให้กับพี่ป้อที่ตอนนี้ ระเบิดตัวเองตายแล้ว

    “กูว่าพวกมึงพอเหอะ  พี่ป้อ มึงโทรไปหาแตงกวาเดี๋ยวนี้  ว่าจะพาน้องๆไปแดกข้าว   ร้านปิด4ทุ่ม กูรู้  ถ้ามึงไม่โทร จาก  สอง สอง หนึ่ง หนึ่ง กลายเป็นมึง6คนเดียวนะเว้ย”  เจ้ขู่เองค่ะ ได้ผลเว้ย  พี่ป้อแม่งโทรไปคุยกันเสียงหวาน

     

    “กูว่า ไปเอาของเหอะ ยิ่งช้าเดี๋ยวกลับดึก พรุ่งนี้กูต้องส่งงานเว้ย  ใครช้ากูไม่เลี้ยงนะ”พี่เพนไล่ให้บรรดาน้องๆไปเอาของ

     

    --หน้าโรงยิม—

    อาร์ม

    ตอนนี้พวกเกรียนอยู่ที่ห้องพักนักกีฬา นานว่ะ  แต่คงไปล้างหน้าล้างตาด้วยมั้ง  แหงล่ะ เล่นกันขนาดนี้  ได้นั่งแล้วไม่อยากลุก ตอนคัดตัวจริงปีที่แล้วก็เหมือนกัน  เข้าใจเว้ยว่าโคตรเหนื่อย  ตอนนี้มีมีแค่ผมกับฝน

    “ฝน  เดี๋ยวไปด้วยกันใช่ป่ะ ” ผมถามขึ้น

    “อืม  ไปดิ  ถามไมอ่ะ ไม่อยากให้กูไปหรอ” ฝนทำหน้างงๆ เพราะปกติ ผมไม่ค่อยมาถามอะไรแบบนี้หรอก ส่วนใหญ่จะเป็นไอตั๊กมากกว่าที่เซ้าซี้

    “ไม่ใช่เว้ย  คือ แล้วมึงจะกลับไง”  ผมถามสิ่งที่ผมสงสัย  ก็ ปกติฝนมันไม่เอารถมานิ  ทุกทีเห็นเดินกลับหอตลอด  แล้วคือวันนี้เลิกกันมืด  พวกผู้ชายก็มีรถกัน  ไม่ก็อยู่หอเดียวกัน  เดินไปหลายๆคน   ถึงฝนจะอยู่หอแถวนั้น มันก็คนละซอย  ยังไงก็ไม่ได้   อีกอย่าง ฝนเป็นผู้หญิง แถมมาช่วยงานเราอีก  จะทิ้งให้กลับเองคงไม่ใช่

    “หรอ เออ  ไม่รู้ดิ ค่อยใช้ซักคนเอามั้ง ถามไมวะ”

    ฝนตอบแบบชิวๆ  แต่ย้อนผมแรงๆ

    “กูก็เผื่อว่า  มึงจะไปประกาศให้โลกรู้ว่าพวกกูใช้งานมึงเสร็จทิ้ง ไรงี้”

    “อาร์ม  มึงพูดเหมือนกูโดนฟันแล้วทิ้งไงไม่รู้   พูดงี้กูเสียหายนะเว้ย”

    “มึงมีไรให้เสียวะ  เอ๊ย  ไอ--”  ไม่ได้พลั้งปากนะครับ  พูดไม่จบ ฝนตีเข้าที่แขน  อย่าใช้ว่าตี  ฟาดเหอะ  กูชาแล้วนะ ไร้ความรู้สึก  อัมพาตชั่วคราว

    “เออๆ กูขอโทษ  แล้วเดี๋ยวมึงกลับไงวะ  ให้กูไปส่งป่ะ”

    “เอ้า  เป็นไรป่ะวะ  ทุกทีไม่เห็นคิดจะมาส่งกู”

    “กู...  อยากคุยเรื่องไอพงษ์ด้วยวะ”

    “อืมม  กูก็เหมือนกัน  ไปดิ”

    ทำไมรู้สึกแปลกวะ  พออาร์มบอกจะไปส่งกู  ปกติก็ไม่คิดจะสนเรื่องหยุมหยิมนี่ เออๆ  ช่างเหอะ

    ---ร้านข้าวมันไก่---

    “มึงๆ นั่งเลย  พ่อค้าบบบ  หวัดดีค้าบ /หวัดดีครับ”ทุกคนสวัสดีพ่อของแฟนพี่ป้อ

    ต่างคนต่างสั่งต่างกินไป มีเพียงโต๊ะผมเท่านั้นแหละที่กินได้น้อยกว่าโต๊ะอื่นๆ  โต๊ะเราเน้นคุยมากกว่า  อีกอย่างก็ไม่ได้ลงไปวิ่งกันนัก  โต๊ะเราที่ว่าก็มีผม มีพงษ์ ฝน เฮียใหญ่  จริงๆมีพี่ป้อด้วย  แต่หนีไปหาแฟนแล้ว

    “นี่มึงถูกทิ้ง ไมมึงดูเฉยๆจังวะ”เฮียใหญ่ถามพงษ์

    “กูไม่รู้ว่ะ  เฮีย  หลังๆมากับลี่ก็เฉยๆอ่ะ  บางทีก็รำคาญด้วย  เลิกๆไปก็ดีมั้ง”  พงษ์ มึงรู้ตัวป่ะวะ ตอนนี้มึงดูไม่เข้าใจตัวเองมากๆเลยว่ะ  แต่กูว่า  เหมือนกูจะรู้ว่าทำไม มึงถึงเบื่อลิลลี่ว่ะ

    “เห็นเมื่อก่อน ลิลลี่เยอะกว่านี่ มึงก็ยังโอเคอยู่ไม่ใช่หรอวะ” กูถามมึงนะเว้ย ตอบกูดิวะ

    “กูว่านะ  ไอพงษ์  มึงคบกันมาเป็นปี ไม่น่าจะเลิกกันเพราะเบื่อนะเว้ย”  เฮียใหญ่พูด

    “เค้าบอกว่ากูไม่มีเวลาให้  แล้วให้กูทำไง กูเรียน กูซ้อมนี่วะ”

    “แต่เมื่อก่อนก็ไม่เห็นเป็นไรนี่วะ”

    “แล้วมึงก็เต็มใจที่จะเลิกอ่ะนะ  มึงหมดรักมานานแค่ไหนวะ มึงถึงเลิกง่ายๆแบบนี้”

    “เฮีย แต่ช่วงนี้หนักไป ทั้งงี่เง่า  วีนใส่กูบ่อยๆด้วย”

    “ก็เมื่อก่อนมึงก็โอเค”

    “ก็ใช่  แต่ตอนนี้เบื่อ  เบื่อโคตรๆ”

    “มึงนี่ไม่เข้าใจตัวเองเลยนะ  กูว่าไม่แปลกหรอก  มึงเลี่ยงที่จะเจอ จะรับสายแบบนั้นอ่ะ”

    “จริงป่ะฝน  กูว่าใช่  ใช่ชัวว์ๆ  มึงหมดใจแล้วเว้ย  พงษ์  เชื่อเฮีย”

    “นี่หาว่ากูนอกใจด้วยดิ  คิดมาก”

    “แล้วไปเอาข่าวมาไงวะ”

    “คิดเอาเองมั้ง  แค่กูไม่ค่อยรับโทสับอ่ะนะ”

    “เอ้า มึงก็ไลน์ดิวะ”  เอ้า ก็จริงนี่หว่า ไม่ว่าคุยโทสับ ไลน์ทิ้งไว้ดิวะ

    “เฮีย  อันนี้ก็ด้วย  ไลน์  อ่านช้า ตอบช้า  ผู้หญิง เข้าใจอยาก”

    “เฮ้ยมึง ฝนนั่งอยู่นะเว้ย”  ยังไงซะฝนก็ผู้หญิง  เข้าใจอยากนี่จี๊ดสุดๆ

    “ช่างเหอะอาร์ม  กูว่านะ  ผู้หญิงทุกคนอ่ะ เข้าใจง่ายเข้าใจยากมันไม่เกี่ยวว่ะ แต่อยู่ที่ว่ามึงอยากเข้าใจรึเปล่า” ฝนตอกมาแรงๆ  ก็จริงนะ  ถ้าเราอยากจะเข้าใจซะอย่าง   แต่ถ้าไม่  ก็คือไม่  ยังไงก็ไม่

    “โอ๊ะ โอ๊ะ   จุกป่ะว้า”เฮียแซว

    “กูว่าพอเหอะ  ยังดูอึ้งๆอยู่เลย  ปล่อยมันเหอะเฮีย  เออๆ   นี่กี่โมงแล้ววะ”

    “สามทุ่มว่ะ  ไมวะ  รีบกลับ  งานค้างเหรอคะน้องฝน”  ไม่แปลกที่เฮียใหญ่จะแซว  ปกติฝนไม่ถามเรื่องเวลา ถ้าไม่ติดว่ามีงานที่รีบส่ง

    “เออ   กูงานค้าง  แล้วหมาตัวไหนลากกูมาวะ  รับผิดชอบด้วย”

    “คร้าบบ  กูเองแหละหมา  กลับเลยป่ะ เออ  กูไปส่งเอง”

    “กูไปนะ  ไอพงษ์  ถ้ามึงอยากอึ้งแดกทั้งวัน  มึงอย่าหาข้อสรุปในชีวิตละกัน  ไปอาร์ม  เจ้ไปก่อนนะทุคน”

    ฝนทิ้งท้ายไว้ให้ไอพงษ์และบอกลาคนอื่น

    ---บนรถ---

    อาร์ม

    “อาร์ม มึงว่าพงษ์มันแปลกๆป่ะ  มันดูไม่เสียใจเลยวะ ไม่ใช่ว่ามันเบื่อลิลลี่... ” ฝนพูดทำลายความเงียบขึ้นมา แต่ผมก็ขัดเธอก่อน

    “กูว่านะ  มันไม่ใช่แค่เบื่อ มันไม่ได้รักมาซักพักแล้ว  ไม่ได้ชอบแล้วด้วย”   ผมว่าผมรู้มาซักพักแล้ว   รู้ด้วยว่าเพราะอะไร

    “แล้วเสือกไม่รู้ตัวเอง”

    “กูว่า มันก็ไม่ได้อยากเป็นงี้ป่ะ”

    “แล้วเพราะอะไรวะ  เพื่อนกูยังไลน์หากูเลย  ว่าลิลลี่ตอนนี้ร้องน้ำตาหมดบ่อแล้วมั้ง”

    “ความรักมันไม่แน่นอนเว้ย  ถ้าไม่เป็นคนที่ใช่”

    “ใช่ ไม่ใช่อ่ะนะ  กูว่าลิลลี่มันฝืนป่ะ  ก็น่าจะรู้นะเว้ย”

     

     

     

     

    “กูว่ากูรู้ว่าเพราะใครว่ะ ฝน”  ตอนนี้ผมขับรถมาถึงหอของฝนแล้ว  ผมจอดรถไว้ข้างๆและหันมาพูดด้วยท่าทีจริงจัง

    “หืมม  ใครอ่ะ” ฝนดูพูดไปงั้นๆ  สายตาที่ตอบกลับดูกังวลกับสิ่งที่เราจะคุยกันต่อ

    “มี2ใครว่ะ”

    “...”

    “กูว่าลิลลี่เล็งเด็กมออื่นอยู่”  ผมพูดตามจริงนะ  สายของผมบอกมา ว่าลิลลี่เล่นหูเล่นตาให้กับเด็กมออื่น  มาซักพักแล้วด้วย 

    “หรอ  เฮ้ออออ  ชีวิตตตตต อยู่ยาก”

    “ทำใจเหอะมึง  เชี่ยพี่พงษ์ก็   ยอมๆมาตลอด”

    “เหอะ   เชี่ยพี่พงษ์  เรียกได้น่ารักน่าตบ  ช่างมันเหอะ  เรื่องมันจบก็ให้มันจบนะกูว่า”

    “ไอพงษ์ก็เปลี่ยนไปชอบใครอีก    เสือกมาดราม่าวันคัดตัว  ลำบากมึงอีก”

    “พอเลยมึง  มึงเริ่มบ่นแล้วนะ อีกอย่าง  ได้ข่าวว่า หมาที่ไหนให้กูอยู่ต่อวะ”

    “หมาอย่างกูไง  พอใจยัง”

    “ฮ่าๆๆๆๆ   เชี่ยอาร์ม  รู้ตัวด้วย น่ารักน่าตบ”

    “มึง... ”  ผมนิ่งไป  กับคำของฝนนี่แหละ

    “เอ้า  เป็นไรวะ อ่ะๆ อย่างอนดิน้า  เดี๋ยวพาไปกินหนม”

    “อีฝน  มึงจะด่าหรือจะอะไรก็ตรงๆเหอะ  แล้วถ้าจะอยู่เพื่อด่ากู  ลง-ไป-ซะ  กูจะได้กลับ”

    “โอ๋ๆ   งอนหรอลูก  อีนี่โตกว่าควายยังน้อยใจ  เออๆเดี๋ยวกูไปแล้วน่า” ฝนส่งสายตาแบบ...

    “...” ผมใช้สายตาแบบ  มีอะไรจะพูดใช่มั๊ย

    “...” สายตาเธอตอบมาว่า  มึงจะให้กูพูดป่ะล่ะ

    “มีอะไรจะพูดก็พูดดิวะ”

    “มึง...  ใครที่ว่าพงษ์ชอบอ่ะ  คนเดียวกับที่มึงชอบใช่ป่ะ”ฝนใช้สายตาเจ้าเล่ห์มองผม

    “ฝน...  มึงรู้หรอว่ากูชอบ...”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2025

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×