ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Captivate (KYUMIN)

    ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER 3

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ค. 58


     

                ตุบ

                “โอนเงินใส่เล่มนี้ แล้วอัพเดทบัญชีด้วย”

                เสียงเข้มๆกับหน้านิ่งๆ มาพร้อมกับความเจ็บปวดของผม

                แม่ง! ไม่ได้เขวี้ยงใส่หน้าผม แล้วจะขี้ไม่ออกรึไงวะ

    พึมพำในใจ แต่ก็ก้มเก็บสมุดบัญชีครับ เบ๊จิปาถะ นี่มันเบ๊จริงๆครับ

    “เท่าไหร่ครับ”

    “50”

    “อ๋อ 50...”

    50?  หน่วย สิบ ร้อย .......  50 ล้านวอน?!!!

    ความเปล่งประกายเข้าตาผมทันทีที่ผมเห็นตัวเลขในสมุด

    “ไม่ใช่แค่ 50 วอน ใช่มั๊ยฮะ”

    “พูดบ้าอะไร”

     

    แม้ก่อนออกมา จะโดนบอสเหน็บนิดหน่อย แต่มันก็ไม่ช่วยลบความตื่นเต้นของผมไปได้เลยครับ ตอนนี้เงิน 50 ล้านวอนอยู่ในมือผม

    อ่า หรือผมควรให้ตำรวจช่วยคุ้มกันดีมั๊ย

    แต่อย่าเลย แค่สมุดบัญชีเอง ไม่เป็นไรหรอก

              ระหว่างทางที่ผมเดินทางจากออฟฟิศไปธนาคารนี่ตื่นเต้น พอๆกับการไปจิบน้ำชาในป่าอะเมซอนเลยครับ ผมระแวงซ้าย ขวาตลอดทางจนคอผมแทบเคล็ดแน่ะ

     

     

                “อัพเดทมาแล้วครับ ทั้งสองเล่มเลย”

                หลังจากผมภจญภัยกลับมาแล้ว ผมก็รายงานความเรียบร้อยเสร็จสัพครับ

                แล้วสายตาบอสนี่มันอะไรกัน เหล่ผมทำไม ผมทำอะไรผิด?

                “ทำไมครับ ผมทำไม่ถูกใจรึว่ายังไง”

                “...”

                “...”

                “นายไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง ที่ฉันทำแบบนั้นกับแฟนเก่าตัวเอง ต่อหน้าต่อตา”

                “...”

                “เห็นแบบนั้นยังอยากทำงานที่นี่อยู่อีกเหรอ”

                    “ต่อให้หนี...ก็โดนจับกลับมาอยู่ดี”

                “ถูก”

                “อะไรนะ”

                นี่ผมแค่พูดเล่น ทำไมเขาเอาจริงวะ โอ่ย

                “ได้ยินว่าติ๊อฮยอกแจเพราะชอบ แต่ฉันว่าไม่มั้ง”

                “....”

                อ่า นั่นสินะ แสดงว่าบอสรู้

                “เอ่อ...”

                ทำไงได้ล่ะ ก็ผมเป็นฝ่ายผิด

                “เฮ่อ”

                ถึงจะเลิกกันแล้ว แต่ก็ต้องง้อจนกว่าฮยอกแจจะหายโกรธ

     

                “โป๊ก!

                เจ็บโว้ย แล้วที่เขี่ยบุหรี่นี่จะขว้างมาทำไมวะ - -

                “เอ่อ อ่าอยู่ได้ พูดไม่เป็นรึไง!” อ่า พิโรธแล้วครับ

                “ไอ้ไก่อ่อน แมนทั้งแท่งป่ะวะ”

                “เฮ้ย!

                ถามอย่างเดียวไม่ได้หรอครับ ส่งมือมาทักทายมินน้อยของผมทำไม - -

                “ไม่เลวนี่” พูดอย่างเดียวไม่พอ สายตานี่โคตรกรุ้มกริ่มเลยครับ แม่ง!

                “คะ..คิดจะทำอะไรน่ะครับ”

                “หน้างี้เป็นไปไม่ได้ ขอเช็คอีกที”

    มะ...มาแล้วครับ บอสมันลุกมาแล้ว

    “ว๊ากกกก จะทำอะไรน่ะบอส หยุดเดี๋ยวนี้นะ! 

    ผมได้แต่ร้องห้าม พร้อมกับเบี่ยงตัวหลบในทุกกระบวนท่า

    “ผมจะฟ้องฮยอกแจ ว่าบอสรังแกผม!

    “เอาเลย ถ้าไม่กลัวฉันจะหักคอ มัดมือ มัดเท้า แล้วโยนลงแม่น้ำคัง”

    ฮือ ไหนว่าไม่ใช่มาเฟียไงวะ นี่มันขู่ฆ่าชัดๆเลย

    “อย่าทำอะไรผมเลยนะ”

    แทบจะอ้อนวอนขอชีวิตอยู่แล้วครับ

     

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    ขอบคุณพระเจ้า! เสียงเคาะประตูทำให้ผมรอดตายแล้ว

    “เชิญคร้าบ”

    แน่นอนว่าผมรีบวิ่งแจ้นไปต้อนรับแขกเลยครับ แต่ยังไม่ทันถึงประตู มันก็ถูกเปิดออก แถมกระแทกหน้าผมอย่างจัง นี่มันวันอะไรเนี่ย

    แต่แว๊บแรกที่ผมเห็นผู้มาเยือน  ผมนึกถึงหมีครับ  เขาหน้าเหมือนหมีเดี๊ยะเลย



    “นายเป็นใคร เด็กใหม่หรอ ยังเด็กอยู่เลยนี่”

    เขาถาม พร้อมๆกับมองสำรวจผม

    “เอ่อ คือ ผม”

    “นายลืมรูดซิบแน่ะ”

    เฮือก!

    เลือดสูบฉีดครับ ฉีดมายันหน้า แดงมันทั้งหน้านั่นแหละ ฮึ่ย เจ็บใจ ไอ้บอสบ้า

    ผมได้แต่หันสาปแช่งบอส ที่เอาแต่ยืนเก็กอยู่ข้างหน้าต่าง ประหนึ่งทัศนียภาพด้านนอกมันโคตรจะน่าสนใจ

     

    “อ่อ อย่างนี้นี่เอง บอสนี่เล่นของแปลกไม่เปลี่ยนเลยนะครับ”

    คือพี่หน้าหมีครับ พี่พูดทำม๊ายย คนที่พูดถึงน่ะ เขาไม่รู้สึกหรอกนะครับ!

     

     

    “อ้าว พี่คังอิน”

    “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”

     พวกรุ่นพี่ที่ยืนไร้บทอยู่นานสองนาน ต่างก็หันมาทักทายพี่หน้าหมี

    ว่าแต่เขาคือใคร?

     

     

    “สวัสดีครับบอส”

    “พวกนายสบายดีนะ” โค้งให้บอสเสร็จ ก็หันไปทักทายพวกรุ่นพี่ ประหนึ่งคนคุ้นเคย

    “ใครหรอครับ ทำไมทุกคนดูเกรงใจจัง” ผมหันไปถามรุ่นพี่ซังซอล

    “อ๋อ นายคงไม่รู้จัก” ครับพี่ รู้จักผมคงไม่ถาม

    “พี่คังอินเป็นตำนานของที่นี่เชียวนะ”

    “ยังไม่ตาย ทำไมต้องเป็นตำนานล่ะครับ” นี่ผมเปล่ากวนตีนนะ

    “สมัยก่อน ตอนเรากำลังสร้างอิทธิพลน่ะมีแก๊งคู่ปรับอยู่แก๊งนึง สู้กันยังไงก็ไม่เคยรู้ผล เราจึงต้องตัดสินโดยการเลือกตัวแทนมาคนละข้าง ฝ่ายเราส่งคยูฮยอน บอสน่ะเก่งมากนะ ทั้งๆที่อายุยังไม่ถึง 20ด้วยซ้ำ”

    อู้วว บอสอันธพาล

    “ส่วนอีกฝ่ายส่งพี่คังอินออกมา”

    “เอ๊ะ อยู่กันคนละแก๊งหรอครับ”

    “อื้อ การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ผลสรุปบอสเราก็เป็นฝ่ายชนะ แล้ววันต่อมาพี่คังอินก็มาคุกเข่าขออยู่แก็งเรา ทั้งที่ตอนนั้นบอสเพิ่งเป็นแค่เด็กในแก๊งธรรมดาเอง”

    แหม่ะ อย่างกับละคร

    “พอแก๊งเราโตขึ้น ก็เลยได้เป็นมือขวาของบอส ตอนนั้นแก๊งเรามีอิทธิพลมาก พี่คังอินก่อวีรกรรมอย่างโชกโชนเลยล่ะ”

    โถ่ว ละไหนว่าไม่ใช่มาเฟีย – 3-

    “จนเมื่อ 3 ปีก่อนนั่นล่ะ เขาถึงล้างมือจากวงการไปแต่งงาน และมากกว่านั้นนะ ประวัติเขาก็พิเศษกว่าคนอื่นนิดหน่อย”

    ประวัติสมาชิกแต่ละคนกิ๊บเก๋ทั้งนั้น ขืนอยู่ที่นี่ต่อไปจะรอดมั๊ยเนี่ย...บรึ๊ยย

     

     

     

     

    แต่ถึงยังไงก็ต้องยิ้มรับแขก

    “กาแฟครับ”

    “...”

    ยิ้มมม

    “ฮึ่ม”

     การที่เขานิ่งไปเป็นสิ่งยืนยันว่ายิ้มการค้าประสบความสำเร็จ ฮี่ๆ เขาว่ากันว่า ผู้ชายเย็นชาส่วนใหญ่มักแพ้ความอ่อนโยน

    “มารยาทใช้ได้ ตอนนี้ทำอะไร”

    “ครับ?”

    ถามทำไมน่ะ

    “เอ่อ เป็นนักศึกษาครับ”

    “แล้วอายุล่ะ”

    “20”

    “พ่อ แม่ ทำงานอะไร”

    “เอ่อ..”

     

     

    โป๊ก!’

    “ถามไปทำซากอะไรไม่ทราบ ห๊า”

    มาอีกแล้วครับ ที่เขี่ยบุหรี่พิฆาตร แต่ครั้งนี้ไม่ใช่หัวผมนะ หัวพี่คังอินนู่น

     

    “ได้ยินว่าช่วงนี้ไม่ค่อยสบาย ธุรกิจเป็นไงบ้างครับ” หลังจากมหกรรมจานบินเมื่อกี้ พวกรุ่นพี่ก็เข้ามามีส่วนร่วมในบทสนทนา

    “ชีวิตมันดูย่ำแย่ไปหมด แค่ร้านอาหารเล็กๆจะไปพอยาไส้อะไร”

    “ครั้นจะหางานทำ ใครเขาจะยอมรับ จะกลับเข้าวงการเมียก็บ่น ต่อไปอยากให้ลูกถูกประจานรึไงว่าทีพ่อเป็นมาเฟีย”

    “ฮ่า ฮ่า ซ้อเรานี่ร้ายไม่เบา”

    “ลูกโตขึ้นทุกวัน ค่าเช่าที่ยิ่งแพงหูฉี่ วันนี้พรุ่งนี้จะกินอะไรยังไม่รู้เลย”

    “...”

    “ทำอะไรไม่ได้ดีสักอย่าง โลกนี้คงไม่มีที่ว่างสำหรับฉัน จะหางานมั่นคงก็แสนยาก”

    อ่า ชีวิตรันทดจัง

    “โง่เง่า มือเลอะขี้ แกยังอยากจะหยิบข้าวกินอีกรึไง”

    เอ๊อะ คำคมภายใต้ใบหน้าเย็นชา กริบกันทุกคนครับ

    “ฉันถามว่า แกคิดจะเอามือเลอะขี้มาหยิบข้าวกินอีกใช่มั๊ย”

    “ในเกาหลีไม่ได้มีแค่โซล รูเท่าหนูดิ้นตายจะทนอยู่ไปทำไม”

    “เหม็นขี้หน้าชิบ”

    “บะ...บอสสส!

    ปัง!’

    บ่นเสร็จก็จากไป กับเสียงประตูเลยครับ เฮ้อ ฟอร์มจัดนักนะบอส

    “ตามไปสิครับ”

    “...” พี่จะงงอะไรครับ ตามไปซี่

                “เร็วครับ”

     

     


    ==

     


     

                ‘ตุบ

                “ใช้ประหยัดๆหน่อยล่ะ”

                “อะไรครับ”

                “...”

                “บอส! ให้เงินผมเยอะแยะขนาดนี้ทำไม”

                “อึดอัดนักก็กลับไปตั้งหลักที่บ้านเกิด”

                “ผม...ผมรับไว้ไม่ได้หรอก”

                “จำไม่ได้รึ ว่าเมื่อก่อนเราสัญญากันว่าจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน”



               “...”

                “ผมเข้าใจแล้วครับ”

                “แต่ก่อนไป ผมมีเรื่องอยากจะขอร้อง”

    อ๊า ซึ้งใจจัง ความผูกพันธ์ของชายฉกรรจ์

                ตอนนี้ผมกำลังทำตัวประหนึ่งตุ๊กแกครับ การเกาะประตูแอบฟังเป็นงานสำคัญจริงๆ

                “อยากให้พาแฟนไปเปิดหูเปิดตาบ้าง..

                “แฟน? นายไปรู้จักแฟนฉันตั้งแต่เมื่อไหร่”

                “โธ่ เลิกทำเป็นไก๋เถอะครับ ผมทำงานกับบอสมาตั้งกี่ปี”

                “..?..”

                “เด็กหนุ่มหน้าวอก ตัวเล็กๆ คนนั้นไงครับ”

                เอ๊ะ

    หน้าวอก?

    เอ๊ะ

    พวกรุ่นพี่มองผมทำไม?

     เอ๊ะ

     ตัวเล็ก?           

    เห!!

    “ฉัน?! หมายถึงฉันเหรอ?!

    ทรุดครับ ถึงผมจะไม่เคยลองวัดความสูงกับใคร แต่ถ้าเทียบกับคนในนี้...ก็เศร้าครับ

    ตอนนี้ผมละสังขารจากประตูมาที่พื้นละครับ เรื่องความสูงนี่ทำใจไม่ได้จริงๆ

     

    แกร๊ก

                เอ๊ะ ใครกู้ชีพผมจากพื้น

                “ไปเที่ยวกัน”

                เอ๊ะ

                “อ๊ากก ผิดตัวแล้วว ไม่ใช่ผมนะ!

                “บอส วันนี้ต้องเข้าสำนักงานใหญ่นะครับ”

                “ฉันรู้”

                ฮื๊อ ไม่มีใครคิดจะช่วยผมเลยหรออ ฮยอกแจ๊

     

     


    ==



     

    และหลังจากนั้น

    “นี่ เห็นตอนแรกดูติ๋มๆ ไม่นึกว่านายจะขี้เล่น”

    “...”

    “ฉลาดทันคนแบบนี้ เข้ากับบอสได้แน่”

    “แหะ แหะ”

     

    โป๊ก

    “เงียบน่า! นี่ไม่ใช่เวลามาดูตัว”

    อะไรลอยก็ไม่รู้ล่ะครับ ถึงจะขอบคุณที่ชม แต่สมน้ำหน้า

    นี่ผู้ชาย 3 คน มาทำอะไรบนกระเช้าลอยฟ้ากันครับ ฮรึก นึกถึงหน้าพนักงานเฝ้ากระเช้าคนเมื่อกี้แล้ว...


    ครับ หลังจากโดนหิ้วคอออกจากห้องมาตอนนั้น ตอนนี้ผมมาอยู่บนกระเช้าแล้ว อาจจะถูกมองว่าพิลึก 

    แต่ถ้าลองคิดในแง่ดี

    งืม เมื่อไหร่น้อ เราจะได้ขึ้นกระเช้าชมวิวกับผู้ชายหล่อสักคน งั้นสมมุติว่ามาเดทกับแฟนแล้วกัน 

    อ่า ใช่แล้ว

    “จำได้มั๊ยครับบอส ตอนนั้นผม...”

                จิตนาการเมื่อกี้แตกกระเจิงครับ พี่คังอินพังมโนภาพผมซะไม่เหลือเลย

                อ๊ะ บอสยิ้ม เพิ่งเคยเห็นแฮะ

                จะว่าไปบอสตั้งใจเตรียมเงินไม่รอ ปลีกตัวมาทั้งๆที่งานยุ่ง พี่คังอินคงมีความหมายต่อบอสมากแน่ๆ

     

                อ๊ะ!

                “มองอะไร”

                “บอส เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนรึเปล่าฮะ”

                “คิดจะจีบฉันหรอ”

                เห้ย คิดอะไรของเขาเนี่ย

                “ปะ...เปล่า”

                “โอ๋...อย่าดุนักสิครับ เด็กตื่นหมด”

                พี่คังอินแกเข้ามาโอ๋ผมครับ ช่างป่ะ....

                โป๊ก

              “อย่าสอด!

                อะไรก็ไม่รู้ล่ะครับ แต่ขอสมน้ำหน้าอีกทีละกัน เหอๆ




     

     

     

                “บอส”

                “...”

                “ก่อนไป ผมอยากเห็นอะไรอย่างนึง”

                “อะไร”

                “ผมอยากเห็นบอสมีความสุข”

                “...”

                “เห็นแล้วผมจะได้ไปอย่างวางใจ”

                “เฮ่อ”

                อะไร บอสมองผมทำไม ความสุขของบอสไม่เกี่ยวกับผมนะ!?

                

                เฮ้ย!

                มะ...มาแล้วครับ และสองแขนที่เหมือนขังตัวผมในอ้อมกอดนั่นคืออะไร

                “อ้าปาก”

                “เดี๋ยว!! ใจเย็นก่อนฮะ!!

                “ถ้าไม่ทำ นายเจ็บตัวแน่”

                ฮืออ กระซิบทำไม ขู่ผมทำไม๊

                “ตะ...แต่ อุ๊บ”

                “...”

                “อ๊ะ...อืมมม”

    นานกว่านาที ที่เขาจูบผมอยู่อย่างนั้น ไม่ใช่แค่เพียงริมฝีปากแตะกัน หากแต่ลิ้นเรียวที่ส่งเข้ามาทักทายผมมันช่างซุกซน กวาดต้อนผมไปทั่วโพรงปาก ราวกับจะกลืนกินผมไปจนหมด

    จนกระทั่งของเป็นฝ่ายถอนจูบไป

    อ่า...

    จะ...จะ จูบเก่งจัง

    ไม่! จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว ไอ้บอสบ้า!!!!

    ขอโทษนะฮยอกแจ T____T



     

    “กระเช้าจอดแล้วครับ”

    ทำไมไม่จอดเร็วกว่านี้วะครับ

    “ลงไปคราวนี้ ผมคงไม่ขึ้นมาอีก ดูแลตัวเองด้วยนะครับ”

    “ต่อไปฉันคงหาใครซื่อสัตย์อย่างนายไม่ได้อีก”

    “...”

    “ที่ผ่านมา ขอบใจนะที่ยอมลำบากเพื่อฉัน” บอสพูด พร้อมกับยื่นมือออกมาจับมือกับพี่คังอิน

    “บอส”

     พี่เขาเช็ดมือกับเสื้อใหญ่เลย

    “รักษาตัวด้วยนะครับ” พูดจบก็โค้ง

    อ่า ซึ้งใจจัง เป็นภาพที่ประทับใจมากครับ เลือดความเป็นแมนของผมมันสูบฉีดไปหมดแล้ว กระซิก

    “นายก็ด้วย”

    เอ๊ะ เอ๋?

    “ฝากบอสด้วยนะ

    “แหะ แหะ”

    ไหนๆพี่เขาก็เข้าใจผิดมาขนาดนี้ ผมก็ตามน้ำเลยละกัน

    แล้วนั่นเหล่ผมอีกทำไม?

    “ทำไมฮะ?”

    “ถ้าฉันน่ารักเหมือนนาย บอสเสร็จฉันแน่”

    ห๊ะ!...อะไรนะ

    “น่าเสียดายที่ดันเกิดมากหน้าตาห่วย ถึงมีเมียแล้วก็เหอะ”

    เอ่ออ สิ่งที่ลอยกระทบหู ตอนที่พี่แกเดินจากไปนี่มัน...

    ช่างรับได้ยากในความเป็นจริงนะครับ


    “ดูท่าทางบอสฮอตมากเลยนะฮะ”

    “เหลวไหล”

    “แต่ผมว่าดีนะ”

    “...”

    “อย่างน้อยก็มิตรภาพในหมู่มาเฟีย”

     

    เปรี้ยง!’

    บาทาบอสกลางหลังผมเลยอ่ะ

    “ใครมาเฟีย”

    “...”

    “ฉันเป็นนักธุรกิจถูกกฏหมายต่างหาก”

    อูย เอวเคล็ด นี่บอกดีๆก็ได้มั๊ย ถีบมาทำไม

    “จะกลับแล้วใช่มั๊ยครับ?”

    “งั้นผมขอตั๋ว”

    “...”

    “มันเอาไปขายต่อได้นะฮะ”

    แคว่กก

    “เรื่องอะไรฮันต้องเชื่อฟังคนอย่างนาย

    ฮึ่ม คนอย่างบอสนี่มัน คนใจดำ ไม่เห็นต้องฉีกทิ้งเลยอ้ะ

    อดเงินเลยเรา เห่อ คิดซะว่าได้มาเที่ยวฟรีละกัน

     

     

     

    ==



     

    “มาแล้วหรอครับ”

    “เนคไทด์”

    ร่างสูงที่เดินออกมาจากตัวสำนักงาน ในชุดสูทที่ดูภูมิฐาน มาดนักธุรกิจ พร้อมกับผมที่จัดเป็นทรง ส่งให่ร่างนั้นยิ่งดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

    “ไปสำนักงานใหญ่”

    “ครับ บอส”

     

     

     

    ณ สำนักงานใหญ่บริษัทสินเชื่อแซฮัน บริษัทหลักทรัพย์ C&M

    “เชิญครับ”

    “อืม”

    “อ้าวว นึกว่าใคร ราศีดูดีไม่เปลี่ยนเลยนะ”  คำกล่าวทักทายของผู้มาใหม่ ทำให้ขายาวที่กำลังจะก้าวเข้าตึกชะงักไปเล็กน้อย

    “...”

    “เราไม่เจอกัน 2 เดือนแล้วมั้ง”

    “ใคร”

    “หัวหน้าคิม นัมฮยอง รับผิดชอบ สาขาคังบุก บอสเคยเจอหน้า 2 ครั้งครับ”

    “ไม่รู้จัก จำไม่ได้”

    “ถุย หยิ่งนักนะ ไอ้เด็กข้างถนน”

    “...”

    “ถึงจะโง่จนโดนไล่ออกจากโรงเรียน แต่ก็น่าจะรู้นะว่าต้องทักทายผู้ใหญ่ยังไง”

    “ฉันว่านายมากกว่า”

    “...”

    “ฉันทำงานกับท่านมา 8 ปี นายแน่มาจากไหน ถึงมาทำกร่างที่นี่” เสียงทุ้มที่โต้ตอบกลับไปเรียบๆนั้น เป็นเหมือนน้ำมันที่ราดบนกองไฟให้ความโกรธให้ ไฟลุกโชนมากขึ้น

    “อ๋อ..เหรอ งั้นที่ได้ยินมาคงไม่ผิด”

    “ว่านายอยู่กับท่านมาตั้งแต่ม.ต้น”

    “...” ร่างสูงที่ไม่สนใจคำพูด และกำลังจะจากไป

    “แล้วที่ว่าทำงาน คงหมายถึงเรื่องที่ทำกันบนเตียงนอนงั้นสิ”

    “เขาลือกัยให้แซด ว่าแกอาศัยหน้าตาจนได้เป็นหัวหน้าสาขาคังนัม”

    เพราะคำพูดพล่อยๆ จากอีกฝ่าย เสมือนกรรไกรที่ตัดเส้นความอดทนของร่างสูงให้ขาดลง

    สายตาคมตวัดมองอีกฝ่าย ราวกับสัตว์ป่าที่กำลังจะอาละวาด ก่อนจะเดินตรงเข้าไป

    “บอส! ใจเย็นก่อน”

    “หึ เข้ามาเลย”

    หากแต่มีดที่อีกฝ่ายดึงออกมาใช้นั้น ไม่ได้มีประโยชน์แต่อย่างใด

    “ท่าน!!

    โครม!’

    รองเท้าคู่หนาที่ร่างสูงสวมใส่ ถูกส่งไปเป็นตัวช่วยในการเปิดประตูแทนอารมณ์ที่คุกรุ่นทั้งหมด

    “บอกมันใช่มั๊ย ว่าผมกับท่านมีความสัมพันธ์กันยังไง!!

    “ประตูพังหมด แกนี่” เสียงของชายกลางคนที่ตำหนิชายหนุ่มด้วยความเอือมระอา

    “ฮึ่ย ไหนว่าจะไม่พูดไง!

    “ฉันเตือนแล้วนะ ว่าให้หัดระงับอารมณ์หน่อย”

    “ปกติผมก็เป็นแบบนี้”

    “หึ”

     

     

    ==

     


     

    ภายในห้องผู้บริหาร ตลาดหลักทรัพย์ C&M ของ ฮัน กอนอุง

    “ว่าแต่ท่าน คิดจะเลี้ยงหมอนั่นไว้ถึงเมื่อไหร่”

     “คนแบบนั้นผมเห็นมานักต่อนักแล้ว ระวังเถอะ จะแว้งกัดเอาเข้าสักวัน”

    “การทำธุรกิจ ต้องรู้จักใช้คน”

    “...”

    “ถึงจะเก็บไว้ได้ไม่นาน แต่งานบางอย่าง มีแต่คนพวกนี้เท่านั้นที่ทำได้”

    “เหอะ”

    “แกยังอ่อนหัดนัก เพิ่งเป็นแค่มือใหม่”

    “...”

    บรรยากาศภายให้ห้องเงียบสงบ จะมีก็เพียงเสียงของลูกกอล์ฟที่กลิ้งอยู่บนพื้นเป็นครั้งคราว

    “ถ้าท่าน ยังอยากเล่นกอล์ฟอยู่ งั้นผมขอตัว”

    “...”

    “เสียเวลา ในใจอยากจะกอดรัดฟัดกับผมจนเต็มแก่ไม่ใช่รึไง”

    “อย่ามาสามหาวให้มากนัก หัดก้มลงมองเงาตัวเองซะบ้าง”

     “ตามที่สัญญา ว่าผมจะยอมเป็นหมาเชื่องๆของท่านจนกว่าจะอายุ 30”

    “แต่จากนั้น ผมก็อาจจะแว้งกัดท่านได้เหมือนกัน”

    “แว้งกัด หึ อย่างแกน่ะหรอ”

    “เอาเลย ฉันจะคอยดู”

    เสียงลูกกอล์ฟหยุดลงแล้ว พร้อมกับที่ฮัน กอนอุงละจากกิจกรรมที่ทำอยู่เมื่อสักครู่ เดินเข้ามาหาคยูฮยอน

    “...”

    “ถ้าทำได้ ฉันยินดียกให้ทุกอย่าง”

     





    Talk...
    First oart
    หายไปนานมากๆ
    เนื่องด้วยความไม่ว่างหลายๆประการ
    จนถึงตอนนี้ก็ยังคงไม่ว่าง ฮ่าา
    ไม่รู้ว่าจะยังมีคนอ่านอยู่มั๊ย
    แต่ก็อยากอัพค่ะ 55555
    วันนี้เอามาลงสัก 20 เปอร์เซนมั้ง
    ถึงมั๊ยไม่รู้ =w=
    คอนอังกอร์ ss6 วันนี้
    รู้สึกพลาดมากค่ะ พลาดที่ไม่ได้ไป ถถถถ
    มาเป็นกำลังใจให้เบ๊จิปาถะกันเถอะค่ะ
    :)

    Second part
    ครบ 100 เปอร์
    ฉลองวัน Joy's day ค่ะ
    มีอะไรผ่านเข้ามามากมาย
    แต่เราก็ยังอยู่เนาะ
    'คยูมิน' ชิป ผู้แข็งแกร่ง
    ขอให้มีความสุขค่ะ ฮี่ๆ
    13.07.2015

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×