ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Captivate (KYUMIN)

    ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 2

    • อัปเดตล่าสุด 31 มี.ค. 58


     CHAPTER 2


     

    “ทวงหนี้หรอ...แต่ผมเป็นแค่นักศึกษาธรรมดา”

    “เลือกเอา จะไปจากโซลหรือจะให้ฉันฝังไว้ที่นี่”

    “ครับผ๊ม! แค่นี้จิ๊บจ๊อบมากครับ” จิ๊บกับผีสิครับ

    “ซฮงมินเอ๊ย ไม่น่าอายุสั้นเลย”

    “ไปทำอีท่าไหน บอสถึงโกรธซะขนาดนั้น”

    ผมหันไปมองรุ่นพี่ที่เดินเข้ามาปลอบผม ทุกคนดูเห็นใจผมนะครับ แต่ทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ หรือสงสัยชะตาผมจะขาดแน่ๆแล้ว

    ผมได้แต่มองหน้าพวกรุ่นพี่ พร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ ภาพนักเลงหัวไม้หน้าโหด ที่เตะต่อยคนเพื่อทวงเงินวิ่งเข้ามาในหัวผมโดยอัตโนมัต ฮือ ผมไม่อยากเป็นแบบนั้นอ่ะ หรือผมควรจะหนีดี ถ้าผมหนีแล้วไม่รอดล่ะ แต่ถ้าต้องถูกฝังอยู่ที่นี่...ก็ไม่ดีเหมือนกัน

     

     

     

    ที่นี้หรอ เฮ่อ

    ผมถอนหายใจหลังจากเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านค้ากึ่งโกดังแห่งหนึ่ง สุดท้ายผมก็รักตัวกลัวตายครับ ผมยังไม่อยากโดนฝัง

    สถานที่ตรงหน้าผมเรียกได้ว่าซอมซ่อ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นหนี้ตั้ง 320 ล้านวอน

    อ่า หมูทอด 100 จาน หนังสือ 20000 เล่ม บะหมี่ 20000 กล่อง ค่าเช่าห้อง 125 ปี ผมคิดสาระตะถึงเงิน 320 ล้านวอน นี่ถ้าผมมีบ้าง ผมทำอะไรได้เยอะแยะเลยนะ คิดแล้วก็ตาลุกวาว

    ไม่ได้ๆ ผมต้องทวงหนี้

    ผมเลิกคิดไร้สาระก่อนจะเปิดประตูบานเลื่อนเข้าไปข้างใน

    “ขอโทษครับ”

    ผมกล่าวตามมารยาท ผู้ชายสองคนที่อยู่ข้างในหันมามองผมด้วยความสงสัย

    “ผมมาจากบริษัทสินเชื่อแซฮันครับ”

    ทันทีที่พูดจบ ผู้ชายสองคนนั้นมีท่าทางตกใจ ก่อนจะรีบโค้งให้ผม

    “ขอประทานโทษอย่างสูงครับ!

    “ผมอยากใช้หนี้ใจจะขาด แต่สภาพก็เป็นอย่างที่คุณเห็น ค้าขายไม่ได้กำไร แถมไม่มีเงินติดกระเป๋าสักแดง ลูกต้องกินแต่บะหมี่มาหลายเดือนแล้ว”

    หนึ่งในสองรัวคำพูดใส่ผมไม่ยั้ง ผมคิดว่าเขาคงเป็นเจ้าของที่นี่ ท่าทางซื่อๆ ของเขาทำให้ผมรู้สึกสงสารจับใจ ผมเข้าใจความรู้สึกของเขาดีเลยล่ะ ตอนอยู่มัธยมปลายผมเคยกินแต่บะหมี่ตั้งครึ่งปี

    “รอให้ถึงสิ้นเดือน ผมขายร้านกับข้าวของเครื่องใช้ได้แล้วจะรีบใช้หนี้”

    “กรุณารออีกสักหน่อยนะครับ” เขาพูดในขณะที่โค้งให้ผม

    จะไป

    “ได้โปรด”

    หรือจะให้ฉันฝังไว้ที่นี่

    “ได้โปรด”

    คำพูดของบอสกับผู้ชายตรงหน้าตีรวนกันในหัวผม ใจนึงผมก็สงสารเขานะ แต่ผม...กลัวบอส

    “ก็ได้ครับ”

    อ่า ผมใจอ่อนซะแล้ว

    “ขอบคุณครับ ขอบคุณมาก” เขาดูดีใจมากเลยครับ

    “แต่ให้เวลาแค่ถึงสิ้นเดือนนี้เท่านั้นนะ”

    “ครับ ผมรับปากแน่นอน”

    เขารับปากผมด้วยท่าทางเป็นสุข จากนั้นก็เชิญผมไปทานข้าว เป็นการตอบแทนเล็กๆน้อยๆ ผมที่อดอยากมาหลายเดือน ก็แน่นอนครับว่าไม่ปฏิเสธ พอเสร็จผมก็เดินทางกลับบริษัทด้วยความเบิกบานใจ อ่า ทำดีแล้วสดชื่นดีจริงๆ

    แม้สิ่งที่ตามมาทีหลังจะน่ากลัวมากก็ตาม

    พอผมกลับถึงออฟฟิศ ผมก็ได้แต่ทำตัวให้ลีบที่สุด เพราะหลังจากผมแจ้งผลการทวงหนี้ครั้งแรกของผมให้บอสฟัง สายตาเย็นชาที่เหี้ยมโหดก็ถูกส่งตรงมายังผม พร้อมกับดาร์คออร่าในทันที

    “เขาน่าสงสารมากเลยนะครับบอส”

    แต่ตอนนี้ผมจะน่าสงสารกว่าก็ตาม

    ผมพยายามพูดโน้มน้าวบอสเผื่อบอสจะเผลอคล้อยตามผมบ้าง

    “เฮ้อ โดนหลอกจนได้ กะอยู่แล้วเชียว” เสียงรุ่นพี่สักคนในออฟฟิศพูดขึ้น

    ไม่หรอก เขาดูน่าสงสาร เขาไม่หลอกผมหรอก

    ผมแย้งคำพูดของรุ่นพี่ในใจ ก่อนจะส่งยิ้มเจื่อนๆไปให้บอส

    “แล้วแต่นาย ยังไงฉันขอแค่ได้ฝังคนก็พอ”

    คำพูดนิ่งๆจากปากบอสทำให้ผมสะอึก รู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ แต่ไอ้ท่าทางที่พูดทั้งที่ปากยังคาบบุหรี่นั่นโคตรจะดูดีเลยเถอะ

     

    ==

     

    ตลอดเดือนที่ผ่านมาหลังจากที่ผมไปทวงหนี้วันนั้น งานเบ๊ในออฟฟิศของผมก็ไม่เป็นสุขอีกเลย มันเหมือนคนที่มีโทษจำคุก รอวันศาลตัดสิน ชะตาชิวิตน้อยๆของผมประหนึ่งแขวนอยู่บนเส้นด้าย

     

     

    และตอนนี้ผมก็กลับมาที่ร้านนั้นอีกครั้ง พอเปิดประตูเข้าไป ผมก็อึ้งไปเลยทีเดียว

    “ขอโทษครับ ผมขอเวลาอีกอาทิตย์เดียวนะ” เจ้าของร้านขอร้องผม

    อ่า เห็นท่าทางซื่อๆของเขา แล้วผมสงสารจับใจเลยครับ

    สุดท้ายผมก็ใจอ่อนอีกแล้ว และชะตากรรมของผมหลังจากกลับมาที่ออฟฟิศก็ไม่ต่างจากครั้งที่แล้วเท่าไหร่นัก เพียงแต่รอบนี้บอสนั่งท้าวคางมองผมอย่างใจเย็น พร้อมกับประโยคที่ว่า

    “จองซู เตรียมลับมีดไว้ด้วย”

    ผมภาวนาให้มีดพี่จองซูไม่คมครับ

     

     

    พอครบกำหนดเจ็ดวัน ผมกลับไปที่นั่นใหม่ครับ แล้วก็เหมือนเดิม

    “ผมขออีกสักเดือนเถอะนะ ไม่งั้นพวกเราต้องฆ่าตัวตายกันทั้งครอบครัวแน่ๆ”

    ถึงผมจะสงสาร ผมก็ไม่ได้อยากยอมเขาหรอกนะ แต่จะให้ผมไปซ้อมเหมือนพวกนักเลงที่ผมเคยจิตนาการไว้ ผมก็ทำไม่ลง ผมเลยได้แต่กลับออฟฟิศด้วยสภาพที่ห่อเหี่ยว ผมใช้เวลาเตรียมใจมาตลอดทาง

     

    และทันทีที่ผมกลับถึงออฟฟิศ

    “ซังซอล เตรียมขุดหลุมรอได้เลย”

    ครั้งนี้บอสเปลี่ยนจากลับมีดเป็นขุดหลุมแล้วครับ ฮือ ชีวิตน้อยๆของผม

     

    ผมวนอยู่ระหว่างมหาลัย รานงาน ทำความสะอาด สอบ และทวงหนี้  ดูเหมือนชีวิตผมช่วงนี้มันจะวนลูปอยู่แค่นี้ ดูเหมือนไม่มีอะไรนะครับ แต่ก็ทำเอาผมหัวหมุนเลยทีเดียว ผมมึนกับชีวิตผมช่วงนี้มาก

    และตอนนี้ผมกำลังจะต้องไปทวงหนี้อีกแล้ว

     

    “โง่เง่า” เสียงแหลมหวานที่ดังกระทบโสตประสาททำให้ขาผมชะงัก

    “นายน่ะ ชอบมองคนในแง่ดีไม่เปลี่ยนเลย”

    “ตาลุงนั่นตัวร้ายเลยล่ะ มีเงินแต่เหนียวหนี้”

    “ชอบตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ”

    ผมได้ยินหมดทุกคำพูด แต่ผมเองก็ยังอยากยืนยั่นจะเชื่อในสิ่งที่ผมคิด ผมเลยทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วตัดสินใจเดินผ่านมา

     

     

     

    “โง่ แล้วยังไม่รู้ตัว”

    ถึงปากจะด่า แต่เขาก็แค่อยากเตือน อยากบอกให้ซองมินรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของตาลุงนั่น ฮยอกแจมองตามซองมินจนลับตา สายตาที่มองไปยังซองมิน ที่เดินผ่านไปนั้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ฮยอกแจรู้ว่าซองมินได้ยินทุกคำพูดของตัวเอง แล้วก็รู้ด้วยว่าซองมินหัวดื้อ แต่เขาเองก็แค่เป็นห่วง

     

     

     

     

    ตอนนี้ผมมาถึงหน้าร้านของลูกหนี้แล้ว คำพูดของฮยอกแจตอนนั้นยังคงวนเวียนในหัวผมทุกประโยค มันทำให้วันนี้ผมไม่อยากเข้าไปถามเลย ให้ตายสิ

    เฮ่อ ได้แต่ถอนหายใจอยู่หน้าประตู

     

    “อย่างที่บอก ตั้งหลายล้านเชียวนะ” เสียงคนคุยกันที่รอดออกมา ทำให้ถึงกับไปไม่เป็น

    “10 ปีก่อน ฉันโอนสมบัติทั้งหมดให้เป็นชื่อเมียกับชื่อญาติไปแล้ว แค่แจ้งว่าล้มละลายก็จบ”

    “แหมลูกพี่ ถ้าโดนจับได้ จะทำยังไง อาจถึงตายเลยน่ะ พวกมันธรรมดาซะที่ไหน”

    “แกก็เห็นอยู่ มันจะทำอะไรฉันได้”

    ผมได้แต่กัดฟันกรอด เพื่อระงับความโกรธ

    “แค่ฉันแกล้งทำให้ดูน่าสงสาร ก็แค่นั้นเอง”

    “คนแก่น่าสมเพช ใครจะทำร้ายได้ลงคอ จะว่าไป ไอ้เด็กที่ส่งมาใหม่มันหน้าโง่ชะมัด”

     

     

     

     ครืดดดด ปัง!’

    ผมทนไม่ไหวแล้ว และจะไม่ทนแล้วด้วย

    คนพวกนั้นดูตกใจที่เห็นผมนะ  หึ ก็สมควรล่ะ

    “ผมให้เวลาอีก 3 วัน ถ้าไม่เอาเงิน 320 ล้าน 2 แสน 4 หมื่นวอนมาใช้หนี้ที่ออฟฟิศ อย่าหาว่าผมไม่เตือน!

    ผมกดเสียงต่ำ ก่อนจะตะโกนใส่หน้าพวกนั้นในประโยคสุดท้าย ผมโกรธ โกรธมากๆ หลังจากพูดจบผมก็ปิดประตูทันที ผมไม่สนแล้วว่าใครจะอดอยาก ใครจะฆ่าตัวตาย ตาแก่หัวหมอนั่น ไอ้เราก็อุตส่าห์เมตตา ยอมใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน แต่ดันมาหลอกกันได้

    ผมกลับมาออฟฟิศด้วยอารมณ์กรุ่นๆ

    “อีก 3 วัน จะเอาเงินมาใช้หนี้ครับบอส”

    บอสแค่เหลือบตามามองผมอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

    แล้วลุงนั่นจะได้รู้ว่า ไอ้หน้าโง่คนนี้มันน่ากลัวขนาดไหน

    ล้มละลายหรอ โอนกรรมสิทธิ์หรอ หึ มาเลย ถ้าไม่ใช้หนี้จะเล่นงานให้จำซอยกลับบ้านไม่ถูกเลย คอยดู!

     

     

     

    ==

     

     

    แกร๊ก

    เสียงเปิดประตูเมื่อกี้ ทำให้ผมจ้องประตูเขม็ง แต่กลับเป็นฮยอกแจที่เปิดเข้ามา เขาดูแปลกใจที่เห็นผมนั่งอยู่โยงเฝ้าออฟฟิศอยู่คนเดียว

    “ทำไมอยู่คนเดียว คนอื่นไปไหนหมด”

    “อืม คงออกไปทวงหนี้มั้ง”

    พอผมพูดจบฮยอกแจก็สะบัดหน้าหนี แล้วทิ้งตัวลงที่โซฟาอีกตัวแทน เมื่อผมอยู่กับเขาสองต่อสอง ความรู้สึกประหม่าจึงเข้ามาแทนที่ความโกรธของผม ต่างฝ่ายต่างเงียบ

    “ได้ยินว่าวันนี้นัดใช้หนี้” เขาหันมาถามผม

    “เตรียมเก็บของรึยัง”

    “ไม่สิ เตรียมโลงศพรึยัง”

    “บอสดีกับนายมั๊ย” ผมไม่ตอบคำถามเขา แต่เลือกที่จะเป็นฝ่ายถามแทน

    เขาหันมาสบตาผม เหมือนกับแปลกใจในสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะตอบด้วยสีหน้าเจ็บปวด

    “อย่างน้อยก็ดีกว่าแฟนคนก่อน”

    “แถมยังรวย หุ่นหล่อล่ำ ดูดีไปหมด”

    แต่แค่แปปเดียวเท่านั้นแหละ เพราะเขาเปลี่ยนมาทำหน้าเหนือใส่ผมแทน

     

    “บอสหุ่นดีขนาดนั้นเลยหรอ”

    ตอนนี้ตาผมคงเป็นประกายไปหมดแล้ว และมันคงก่อเกิดความหมั่นไส้ให้ฮยอกแจมาก เขาเลยเอากำปั้นมาเขกหัวผมหนึ่งที

    “หยุดจินตนาการเดี๋ยวนี้” ผมน็อคดาวน์ คร่อก!

    หลังจากเขกหัวผมสำเร็จ ฮยอกแจก็เดินไปที่ประตูด้วยความหงุดหงิด

    “ดีใจด้วยนะ”

    คำพูดของผม หยุดการเคลื่อนไหวของเขา เขาหันมามองผมด้วยแววตาเศร้าๆ ที่ผมไม่เข้าใจว่าทำไม

    “ยอมรับเถอะ ว่านายมันโง่” เขาพึมพำเบาๆ

    ถึงแม้จะเบา แต่ผมยังได้ยิน แม้ผมจะยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าทำไม

     

     

    ทันใดนั้นขณะที่ฮยอกแจกำลังจะเปิดประตู ประตูก็ถูกเปิดสวนมาจากข้างนอกใน

    “เอาเงินมาแล้วหรอครับ” ผมถามหลังจากที่เห็นว่าเขาคือลูกหนี้ที่ผมเป็นนไปทวง

    “แน่นอน” เขาพูดพร้อมกับดึงมีดออกมาจากใต้เสื้อคลุม ก่อนจะเหวี่ยงไปที่ฮยอกแจที่อยู่ใกล้ที่สุด ถึงแม้ฮยอกแจจะไหวตัวทัน แต่ก็ถูกผลักกระแทกกับผนังห้อง

    “ฮยอกแจ!

    “คิดจะพังแผนการที่ฉันรอเวลามาเป็น 10 ปีงั้นเรอะ  ฝันไปเถอะ”

    “ถ้าฉันตาย แกก็อย่าอยู่เลย”

    เวร ตาลุงนั่นเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ผมแทนแล้ว

    และในขณะที่มีดกำลังจะปักหลังผมนั้น ผมก็โดดหลบได้อย่างฉิวเฉียด

    “ใจเย็นก่อนลุง”

    “ก็บอกให้ใจเย็นไงเล่า”

    พลั่ก ผมซัดหมัดเข้ากับหน้าลุงหนึ่งทีเพื่อเรียกสติ ตาลุงนั่นล้มไป ก่อนจะมองผมด้วยสายตาอาฆาตร

    “แกต่อยฉันเรอะ” และเมื่อมันเล่นงานผมไม่ได้ มันจึงหันไปหาฮยอกแจที่ยังทรุดอยู่ที่มุมห้อง

    “ฮยอกแจ!!

    ทันทีที่ลุงนั่นเหวี่ยงมีดลงไปที่ฮยอกแจ ผมคิดอะไรไม่ออกแล้วนอกจากเอาตัวเองบังเขาไว้

    ผมมองสำรวจฮยอกแจอย่างรวดเร็ว ยังดีที่เขาไม่เป็นอะไร อ่า แต่แขนผมนี่เจ็บชะมัดเลย

    “ซองมิน”

    “ไม่เป็นไร แค่เล็กน้อยเอง”

     

     “ไอ้แก่งี่เง่า!

    นั้นไม่ใช่เสียงผม มันมาจากข้างนอกห้อง จากนั้นประตูออิฟศก็ถูกเปิดออก

    ผมดีใจน้ำตาแทบไหลที่เห็นว่าคนที่เปิดเข้ามาเป็นใคร บอสกับพวกรุ่นพี่กลับมาแล้ว

    “เอะอะอะไรกัน” บอสถามเสียงเข้ม สำหรับผมตอนนี้บอสโคตรเท่ห์เลยครับ

    “บ้าชิบ” ลุงนั่นสบถ ก่อนจะหันมีดไปเล่นงานบอส

    พลั่ก

     หมัดเดียวจอดครับ ตาลุงนั่นปลิวไปชนโต๊ะรับแขกกระเด็นหมดเลย

    เหตุการณ์กลับเข้าสู่สภาวะสงบสุขทันทีที่บอสมาถึงผมคิดว่านะ ผมถูกพาส่งโรงพยาบาล ก่อนผมออกมา เหมือนฮยอกแจจะยังช็อคไม่หาย ไม่รู้สิ ผมเป็นห่วงเขานะ แต่ตอนนี้ผมห่วงตัวเอง

    กลับออฟฟิศมาอีกที ฮยอกแจก็ไม่อยู่แล้ว และตาลุงนั่นก็ฟื้นพอดี แต่ท่าทางกร่างๆในตอนแรกหายเกลี้ยง เหลือแต่ตาลุงขี้กลัว น่าสมเพชคนนึงอยู่ในวงล้อมของพวกรุ่นพี่

    “ไม่มีเงินหรอลุง” พี่ซังซอลถาม

    “เปล่าครับ เดี๋ยวผมเอามาให้”

    “เห็นว่าขายของไม่ได้แล้วจะเอาเงินที่ไหน” พี่จองซูถามบ้าง

    “แบบนี้ ผมว่าขายอวัยวะภายในน่าจะพอช่วยได้”

    ลุงหน้าซีดไปแล้วครับ ผมสะใจจัง

     “แต่หนี้ตั้ง 3 ร้อยล้าน คงต้องรวมของลูกของเมียด้วยมั้ง” พวกรุ่นพี่ยังไม่หยุดครับ

    “โฮ สงสารคนแก่เถอะครับ เดี๋ยวจะไปเอามาให้เดี๋ยวนี้”

    “ทำเด็กผมเลือดออก ต้องจ่ายค่าทำขวัญด้วยนะ”

    “ครับ ผมจะจ่ายแน่นอน”

    “ฮ่าฮ่า แหม ทำไมยอมง่ายจัง”

    นั่นสิ ทำไมทีอย่างนี้ลุงยอมง่ายจัง

    ผมยืนมองลุงโดนพวกรุ่นพี่ข่มขู่แบบนั้น  จนกระทั่งพี่ซังซอลหันมาทางผม

    “เดี๋ยวฉันจัดการเองซองมิน เดี๋ยวมานะ”

    “ขอบคุณครับ” ผมโค้งให้เล็กน้อย

    “รอดตัวไป อย่างน้อยก็หาเงินมาได้ภายในเวลาที่กำหนดน่ะนะ” รุ่นพี่ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกไป

    จริงด้วย ผมลืมไปเลย

    “บอส ผมอยู่ที่นี่ต่อได้ใช่มั๊ยครับ”

    บอสนิ่งไปสักพักนึงก่อนจะพ่นควันบุหรี่ออกมา

    “แต่ไม่มีเงินเดือน”

    งก แถมยังหน้าเลือด ผมได้แต่ต่อว่าบอสในใจ ที่ทำวิมานเงินของผมพังไม่เป็นท่า แต่ก็ยังดีครับ อย่างน้อยผมก็ไม่ถูกฝัง

     

     

    “ดีใจด้วยนะ”

    “นึกว่าจะไม่ได้เจอกันอีกซะแล้ว”

    “ครับ” ผมยิ้มรับคำพวกรุ่นพี่ ที่แสดงความยินดีกับผมประหนึ่งผมเพิ่งกลับจากสนามรบ โดยไม่รู้ว่ามีสายตาคู่นึงมองตามผมด้วยหงุดหงิดน้อยๆ

    “หนอยเจ้าพวกนี้ มันเป็นญาติพวกแกตั้งแต่เมื่อไหร่”

    “พิลึกคนจริง...”

     

     
    Talk...
    มาอัพฟิคส่งเมนเข้ากรมค่ะ
    วันนี้ อี ซองมิน จะไปทำหน้าที่ของชายเกาหลีแล้วนะคะ
    อยู่ในนั้น อดทนนะคะ ดูแลตัวเองดีๆ
    อีกสองปีเจอกันค่ะ สัญญาจะไปรับ
    รักคุณ 


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×