คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : memory-10-
พนักงานหลายคนต่างทยอยกลับกันแล้ว
แต่ยังมีคนตัวเล็กที่เพิ่งเริ่มเก็บของเข้ากระเป๋าเตรียมกลับบ้านเช่นเดียวกัน
นาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์บอกเวลาว่าตอนนี้หกโมงเย็นแล้ว ซึ่งมันก็ยังไม่ได้ดึกดื่นอะไรสักเท่าไหร่นักหมดเวลาทำงานของพนักงานแล้ว
แต่สำหรับประธานบริษัทคงยังไม่หมด เขาเองจำได้ว่าซึงยูนชอบทำงานจนมืดค่ำคนเดียวในบริษัท
บ่อยครั้งที่เขาเองมาอยู่เป็นเพื่อนมาชงกาแฟ ชวนคุย
และช่วยทุกอย่างเท่าที่คนอย่างเขาจะทำได้
เฮ้อ
พูดแล้วก็คิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นจริงๆ
จินอูนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานต่ออีกสักหน่อยจนพนักงานกลับกันเกือบหมด
เมื่อเห็นเช่นนั้นเจ้าตัวก็หยิบกระเป๋าของตัวเอง เดินตรงไปที่ลิฟท์
แล้วกดขึ้นไปยังชั้นทำงานของประธานบริษัท
ลิฟท์เปิดออก
แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ ไฟห้องทำงานของซึงยูนยังเปิดอยู่ จินอูพยายามเดินเข้าไปใกล้กับห้องทำงานนั้นด้วยฝีเท้าที่เบาท่สุด
โชคดีประตูห้องมันปิดไม่สนิท จินอูจึงสามารถแอบมองซึงยูนจากข้างนอกได้
เท่าที่จำได้ห้องซึงยูนไม่ได้เป็นห้องที่สามารถมองเห็นข้างนอกได้เหมือนห้องผู้จัดการแผนกต่างๆในบริษัท
เพราะชั้นนี้มีเพียงแต่เลขาที่อยู่ข้างหน้าห้องกับห้องรับรองแขกและห้องทำงานของซึงยูนเท่านั้นไม่จำเป็นต้องดูการทำงานของพนักงานเหมือนผู้จัดการแต่ละแผนกสักเท่าไหร่
เวลาที่ซึงยูนทำงานยังคงมีคาริสม่าเหมือนเดิม
แววตาแห่งความมุ่งมั่นของเขายังคงเหมือนเดิม ทุกอย่างยังคงดูเหมือนเดิม
แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือความทรงจำของซึงยูนที่ตอนนี้ไม่มีเขาอยู่อีกแล้ว ภาพที่จินอูมองเห็นตอนนี้มันดูเบลอ
อาจเพราะน้ำใสๆที่เอ่ออยู่ตรงตาของเขาบดบังอยู่
ความจริงจินอูกะว่าจะยืนดูอีกสักพักแล้วค่อยกลับบ้าน
แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด อยู่ๆเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาก็ดังขึ้น
คนตัวเล็กรีบกดตัดสายทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าเป็นเบอร์ใครแล้วรีบหามุมหลบเพราะตอนนี้ซึงยูนเองคงจะรู้ตัวว่ามีคนแอบดูตัวเองอยู่แล้วล่ะ
จินอูหนีเข้ามาหลบในห้องชงกาแฟข้างๆ
และด้วยความมืดที่ปกคลุมข้างนอก เขามั่นใจว่าซึงยูนไม่เห็นเขาแน่ๆ
ในขณะเดียวกันเมื่อซึนยูนได้ยินเสียงโทรศัพท์ของใครบางคนดังขึ้นเขาก็รีบเดินออกมาดูข้างนอกคร่าวๆก็พบว่าไม่มีใครอยู่จึงรีบเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูอย่างสนิท
เมื่อจินอูเห็นว่าประตูปิดลงไปแล้ว ก็ถอนหายใจออหด้วยความโล่งใจ
ก่อนจะกำชับสายกระเป๋าของตัวเองเดินกลับทางเดิมที่เดินมา
ลิฟท์จอดสนิทชั้นหนึ่ง
ตอนนี้ค่อนข้างเงียบและมืด และก็น่าแปลกที่ลุงยามที่ต้องดูแลที่ประตูนี้หายไปไหนไม่รู้
สงสัยจะไปเข้าห้องน้ำ
จินอูเดินตรงไปที่ประตูแก้วบานใหญ่แล้วออกแรงผลัก แต่
ผลักไม่ออก
เขาพยายามดันแล้ว แต่มันก็ยังคงเหมือนเดิม
“หึ
เป็นนายจริงๆสินะ คิม จิน อู” เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้คนจินอูตกใจไม่น้อยแต่เขาก็ยังไม่หันไปมอง
เจ้าของเสียงออกแรงดึงต้นแขนเล็กให้หันมาสบตา
และถึงแม้จะอยู่ในความมืดแต่จินอูก็ยังจำดวงตาน้ำเสียงได้แม่นยำ
“นายนี่มัน…”
“…”
“ฉันควรจะจัดการยังไงกับนายดี”
“…”
“ฉันจะไม่มีวันกลับไปจำความทรงจำห่วยแตกนั่นอีก ความโง่ที่เกิดขึ้นในอดีต ฉันลืมไปแล้ว ได้ยินไหม!”จินอูไม่โต้ตอบอะไรได้แต่ส่ายหัวไปมา
“หรือที่นายทำอย่างนี้มีเหตุผลอื่น นายต้องการอะไรกันแน่”
“ป่าวนะ ฉันไม่ได้ต้องการอะไร แค่…”
“แค่?”
“ไม่อยากให้นายเข้าใจฉันผิด ซึงยูน นายพยายามนึกเรื่องของเราได้ไหม มันไม่ได้เหมือนกับที่คนอื่นเล่าให้นายฟังหรอกนะ”
“งั้นมันคงเป็นอย่างที่นายเล่าให้ฉันฟังสินะ ทุกอย่างที่นายบอกเป็นสิ่งที่ถูกต้องสินะ คนที่ฉันควรเชื่อควรจะเป็นนายมากกว่าคนในครอบครัวของฉันสินะ”
“ถึงอยากให้จำได้ไง รู้ ว่าพูดยังไงก็ไม่เชื่อกันหรอก”
“…”คราวนี้เป็นซึงยูนที่เงียบไป
“ฉันรักนายนะ
ซึงยูน”จินอูใช้จังหวะเผลอสวมกอดซึงยูน
ซึงยูนเองไม่ได้ผลักออกในทันที แปลกที่ร่างกายเขาอยากจะตอบกอดคนตัวเล็กที่กำลังยืนกอดเขาอยู่
“ถ้านายทำแบบนี้อีก
ฉันจะไล่นายออก”ซึงยูนปล่อยให้จินอูกอดตัวเองก็จริงแต่น้ำเสียงเย็นชาของซึงยูนที่พูด
มันทำให้เขาเจ็บมากกว่าตอนซึงยูนดึงเขาออกเสียอีก
คนตัวเล็กคลายอ้อมกอดก่อนจะถอยออกมาเงยหน้าคนตัวสูงกว่าตรงหน้า
ซึงยูนไม่แม้แต่มองเขา
“กลับไป”
“…”จินอูยังยืนอยู่ที่เดิมมองหน้าซึงยูนเหมือนเดิม
“บอกให้กลับไปไง!!”จินอูเดินออกจากบริษัทด้วยความน้อยใจ
ซึ่งประตูที่เคยถูกล็อคก่อนหน้านี้ถูกปลดล็อค ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้อาจเพราะรีโมทที่อยู่ในมือของซึงยูนแหละมั้ง
เมื่อกลับมาถึงห้องทำงานด้วยความหงุดหงิดตัวเอง
ซึงยูนกวาดแฟ้มงานที่อยู่บนโต๊ะร่วงระเนระนาดลงบนพื้นกระจัดกระจาย
ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้
“จินอู ใครบอกนายว่าฉันไม่พยายามนึกถึงอดีต ฉันพยายามแล้ว คิดว่าฉันไม่อยากจำนายได้หรือไง เพราะถ้าฉันจะเกลียดนาย ฉันอยากเกลียดนายด้วยความจริงเหมือนกัน”
“โทรไปก็ตัดสายทิ้ง
ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ ทำอะไรของนายอยู่นะ”ซึงฮุนนั่งกระวนกระวายอยู่ในห้องของจินอู
เขาโทรหาจินอูเพราะคิดว่าน่าจะเลิกงาน กะว่าจะไปรับแต่คนตัวเล็กก็ไม่รับสาย
เลยกลับมาก่อนปรากฏว่าเพื่อนรักก็ยังไม่กลับมา
เมื่อกี้ส่งข้อความไปก็ยังไม่ตอบไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นไหม
ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย
แกร้ก
เสียงไขกุญแจประตูทำให้ซึงฮุนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
จินอูเองก็แปลกใจเหมือนกันที่เห็นซึงฮุนในห้องของตนแต่ก็ยิ้มให้ซึงฮุนอย่างปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไปไหนมา ทำไมไม่รับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ”ซึงฮุนถาม
“ทำงานไง ตอนนั้นคุยงานอยู่ด้วย”
“อ๋อออ งั้นหรอ ทำถึงสองทุ่มเลย?โอที?”
“มันมีงานต้องทำนี่นา
ไม่อยากดองไว้ ฮุนนี่กำลังเราจับผิดหรอ”จินอูทำท่าทางงอนๆ
จนซึงฮุนต้องเดินเข้ามาหาประคองใบหน้าเล็กให้สบตาเขาด้วยความทะนุถนอม
“ฟังนะ เราไม่ได้จับผิดจินู เราแค่ไม่อยากให้ใครรังแกนายอีก นายมันอ่อนแอเกินไป”
“อ่า เข้าใจแล้วน่า
ไม่เห็นต้องจริงจัง”จินอูหลบสายตา
พยายามทำเป็นไม่จริงจัง
“แล้วนี่ไม่ได้ไปเอางานใครมาทำอีกใช่ไหม”คำถามของซึงฮุนทำเอาจินอูต้องหันไปมอง
ด้วยความตกใจ
ซึงฮุนรู้เรื่องได้ยังไง
ว่าเขาโดนหลอกให้ทำงานให้ แปลก
“รู้ได้ไงอ่ะ”จินอูถาม
“นั่นไง เดาไว้ไม่ผิด ก็ลองพูดดูไง จริงใช่ไหม ซื่อบื้องี้ไงโดนเขาหลอกหน่อยก็เชื่อ”
“ชิ แปลว่าฮุนนี่ก็หลอกเราสินะ”
“อย่างอนๆดิ ปะเดี๋ยวพาไปเลี้ยงข้าว”
“เห็นเราเป็นคนยังไงเนี่ย คิดว่าเอาเรื่องข้าวมาเป็นข้อเสนอแล้วเราจะหายงอนง่ายๆหรอ”
“หรือไม่กิน?”
“กินสิ
หิวจะตายอยู่แล้ว”จินอูทำหน้าอ้อนๆ
ซึงฮุนเอามือขึ้นมาขยี้ผมจินอูด้วยความหมั่นไส้ในความน่ารัก
“งั้นไปรอที่ล้อบบี้นะ
รีบลงมา”ประตูปิดลงพร้อมซึงฮุนที่เดินออกไป
จินอูพ่นลมหายใจแรง
ฟังนะ
เราไม่ได้จับผิดจินู เราแค่ไม่อยากให้ใครรังแกนายอีก นายมันอ่อนแอเกินไป
ใช่
ตัวเขามันอ่อนแอเกินไป ถึงได้โดนรังแกอยู่ตลอด
สักวันเขาจะเข้มแข็งขึ้น
สักวัน
*ช่วงนี้โมเม้นน้อย? แต่แม่ยกอย่างเราต้องรอดค่ะ 55555
ดูเหมือนซึงยูนใจอ่อนแล้วเลยเนอะ เฮ้อ มันเศร้า เม้นกันๆอิอิ
#ความทรงจำของซึงยูน
ความคิดเห็น