PART V : disturb
เป็นอีกวันที่ดาเนียลขับรถไปมหาวิทยาลัยเพียงลำพังเมื่อตื่นมาไม่พบกับร่างบางซึ่งออกไปตั้งแต่เช้า ท่าทางเจ้าตัวจะหายเจ็บแผลที่เท้าแล้ว เพราะควอทโทรปอร์เต้สีเทาหม่นไม่ได้จอดอยู่ในที่ประจำของมัน
...ดีเหมือนกัน อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องมานั่งอารมณ์เสียให้เขาพลอยขุ่นมัวไปด้วย
บรรยากาศในการเรียนอาทิตย์ที่สองผ่านไปด้วยดี ถึงแม้งานจะเยอะ เนื้อหาวิชาจะยากแต่ดาเนียลก็รู้สึกมีความสุข เพื่อนๆในสาขาก็ยังเข้ากันได้ดีเหมือนรู้จักกันมานานโดยเฉพาะกับควานลิน อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายก็เคยไปเรียนแลกเปลี่ยน พวกเขาถึงได้สนใจในเรื่องที่คล้ายๆกันไปเสียแทบจะทุกอย่าง
" ดาเนียล ตกลงมึงไปปะ "
ร่างโปร่งเอ่ยถามเมื่อเห็นแววตาสนอกสนใจของผู้เป็นเพื่อน ในคืนนี้พวกเขาตกลงว่าจะไปดื่มกันที่บ้านของควานลิน เพื่อความปลอดภัยและไม่ต้องขับรถกลับ พรุ่งนี้ก็ตื่นมาเรียนพร้อมกันทีเดียว
" ไปดิวะ กูจะพลาดได้ไง ฮยอนบินมึงมานั่งรถกูมา "
ร่างสูงหยิบกุญแจรถออกมาพลางลากแขนคนตัวสูงกว่าให้ตามเขาไป เพียงไม่นานทั้งหมดก็มาถึงหน้าบ้านของควานลินซึ่งอยู่หลังสุดท้ายของซอย บ้านเดี่ยวหลังนี้แม้มองจากภายนอกก็รู้ได้เลยว่าถูกดูแลเป็นอย่างดี บริเวณรอบตัวบ้านประดับประดาไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ รวมไปถึงรูปปั้นกรีกที่จัดวางไว้ในส่วนของสวนซึ่งให้บรรยากาศแบบตะวันตก ถึงแม้พ่อแม่ของควานลินจะย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศแต่โชคดีที่ยังมีแม่บ้านคอยดูแลและจัดการความเรียบบร้อยต่างๆให้
หลังจากจัดการโทรสั่งอาหารและเตรียมเครื่องดื่มไว้อย่างเรียบร้อยพวกเขาก็เริ่มปาร์ตี้กันตั้งแต่สองทุ่ม บรรยากาศในวงสนทนาครึกครื้นไปอย่างที่ควรจะเป็น เสียงหัวเราะปนโหวกเหวกโวยวายของเพื่อนเรียกรอยยิ้มได้เป็นอย่างดี เวลานี้ทุกคนดูเริ่มจะเมากันบ้างแล้ว โดยเฉพาะฮยอนบินที่สลบไปตั้งแต่สี่ทุ่มหลังจากร้องไห้ฟูมฟายอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง คนที่เหลือต่างก็ดื่มและพูดคุยถึงเรื่องราวในอดีตของคนโดยมีร่างสูงทำหน้าที่ผู้ฟังที่ดี ดาเนียลไม่ได้เอ่ยอะไรมากไปกว่าเรื่องเรียนและช่วงที่อาศัยอยู่ในแคนาดา ริมฝีปากหนาเพียงแค่ยกยิ้มเมื่อหูทั้งสองข้างรับฟังเรื่องราวต่างๆจากคนอื่น แม้ว่าจริงๆแล้วปัญหาที่เขากังวลมาโดยตลอดจะมีมากจนเกิดเป็นความอึดอัดอยู่ภายในใจ แต่เขาก็ไม่ได้คิดอยากจะระบายให้ใครฟัง ใบหน้าเรียวเหลือบมองเวลาบนข้อมืออยู่บ่อยๆก่อนพ่นลมหายใจออกมาด้วยความกังวล
ควรจะกลับบ้านหรือค้างที่นี่ดี
ลึกๆแล้วเขาต้องการค้างที่บ้านของควานลินเพราะรู้ตัวเองว่าเริ่มเมาแล้วและคงขับรถไม่ได้ แต่อีกใจก็ประท้วงให้เขากลับบ้านด้วยกลัวว่าจะทำให้ซองอูไม่สบอารมณ์ แม้เจ้าตัวจะไม่สนใจแต่ก็คงตั้งใจจับผิดเขาอยู่ไม่น้อย ..คงดีกว่าถ้าเขาจะเลี่ยงการทะเลาะกับผู้เป็นพี่ เขาไม่ต้องการใช้ชีวิตอยู่อย่างลำบากใจร่วมกับอีกคนภายในเพนท์เฮ้าส์
บรรยากาศจากดาดฟ้าของอาคารสูงช่วยให้เห็นทัศนียภาพในเมืองได้เป็นอย่างดี แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้วแต่ตึกราบ้านช่องก็ยังส่องสว่างไปด้วยแสงจากหลอดไฟ ภาพการจราจรที่คล่องตัวในตอนกลางคืนสะท้อนมายังแผ่นกระจกที่กั้นบริเวณสระว่ายน้ำส่วนตัวกับด้านนอกอาคารไว้ ขาทั้งสองข้างจุ่มลงไปในสระที่เย็นเฉียบ ไม่บ่อยนักที่ซองอูจะลงมาเล่นน้ำสระภายในเพนท์เฮ้าส์ของตัวเองตั้งแต่เป็นแผลที่ฝ่าเท้า แต่ช่วงนี้การพักผ่อนถือเป็นการช่วยคลายความเครียดจากทั้งร่างกายและจิตใจของเขาให้ดีขึ้นได้อย่างเหลือเชื่อ
แปลกดีที่วันนี้เขายังไม่ได้เจอดาเนียลเลยตั้งแต่กลับมา
ร่างบางสะบัดความคิดฟุ้งซ่านที่เผลอก่อตัวขึ้นมาให้หายไป จู่ๆก็นึกถึงคนที่ชอบต่อล้อต่อเถียงด้วยวาจาไม่สุภาพ ซึ่งป่านนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ไม่ใช่เพราะเขาเป็นห่วงแต่กลัวว่าหากเกิดปัญหาอะไรมันก็คงไม่ดีนัก แล้วที่เพนท์เฮ้าส์นี้ก็มีเขาเป็นผู้ดูแลอยู่คนเดียวเสียด้วย อย่างน้อยถ้าจะกลับดึกก็ควรจะบอกกันบ้าง ไม่ใช่หายไปโดยที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย
แล้วเสียงประตูที่เปิดขึ้นก็ทำให้ร่างบางต้องหันไปมองอีกคนที่พึ่งกลับมาถึง ก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายดื่มติดต่อกันเป็นวันที่สองเมื่อสังเกตท่าทางการเดินที่ดูจะเซไปข้างหนึ่ง ดวงตาเรียวเล็กฉ่ำเยิ้มไปด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์พอๆกับใบหน้าเนียนที่เริ่มขึ้นสี ซองอูมองคนที่กำลังเดินตรงมาทางเขาก่อนจัดการสวมเสื้อคลุมที่พาดไว้ตรงขอบสระและก้าวออกให้ไปพ้นระยะของอีกฝ่าย เขาทนภาพตรงหน้าไม่ไหวจึงรีบเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเองทันที
มือเรียวกระชับผ้าห่มบนร่างให้แน่นขึ้น เลื่อนมือไปปิดโคมไฟบนหัวเตียง ร่างบางพ่นลมหายใจสม่ำเสมอพร้อมกับเปลือกตาหนาปิดลงอย่างช้าๆด้วยความเหน็ดเหนื่อย กว่าจะเคลียร์งานที่คณะให้เสร็จลงได้ก็ดูดพลังเขาไปแทบหมด แต่ก็ยังไม่วายคิดเรื่องของอีกคนที่ตอนนี้น่าจะหลับไปแล้วด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ อันที่จริงเขาก็ยินดีพูดคุยกับดาเนียลถ้าหากเจ้าตัวไม่เมาเละเทะถึงขนาดนี้ ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็คงฟังไม่ขึ้นทั้งนั้น
โตแล้วก็ควรจะคิดเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาสอน
ในเมื่อดาเนียลเลือกที่จะทำตัวแย่ๆ ปล่อยให้มันแบบนี้เป็นไปตลอดก็ดี
เพราะเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไรกับการไม่มีอีกฝ่ายอยู่ในชีวิตมาตั้งนานแล้ว
.
.
.
.
" ขอบใจนะมึง อุตส่าห์ขับเอามาให้ "
ร่างโปร่งรับกระเป๋าสตางค์คืนพลางส่งยิ้มกว้าง กว่าควานลินจะรู้ตัวอีกทีก็กลับมาถึงบ้านเสียแล้ว ยังโชคดีอยู่หน่อยที่ดาเนียลนึกขึ้นได้จึงขับรถเอาให้ ไม่รู้ว่าไปทำตกไว้ตั้งแต่ตอนไหน
" มึงจะเข้ามาข้างในก่อนมั้ย "
" ไม่เป็นไรว่ะ กูต้องกลับไปทำงานอีกเยอะ "
ร่างสูงเอ่ยปฏิเสธเจ้าของบ้านก่อนจะบอกลาแล้วรีบขับรถกลับไปยังเพนท์เฮ้าส์ เขาเองยังไม่ค่อยชินเส้นทางแถวนี้สักเท่าไร หากกลับดึกกว่านี้ก็กลัวว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นได้
" เออ ขับรถดีๆนะมึง "
ลาเวนเต้สีแชมเปญมุ่งตรงไปยังถนนเส้นหลักด้วยความเร็วราวๆ 120 กม./ชม. โดยไม่สนใจความมืดที่ก่อตัวขึ้นรอบๆ แสงไฟบนถนนส่องสลัวเพราะบางดวงก็ชำรุดไปตามกาลเวลา วิสัยทัศน์ตรงหน้ายิ่งดูแย่ลงไปอีกเมื่อคนขับนั้นสายตาสั้นและเริ่มอ่อนล้าจากการจ้องคอมพิวเตอร์มาตลอดทั้งวัน
อีกแปปเดียวก็จะถึงแล้วน่า
ดาเนียลออกแรงเหยียบคันเร่งให้มากขึ้นหวังให้ตัวเองกลับถึงที่พักโดยเร็ว เสียงจากวิทยุภายในรถเป็นเพียงสิ่งเดียวที่คอยอยู่เป็นเพื่อนในตอนนี้ ริมฝีปากขยับเล็กน้อย พึมพำทำนองประสานไปกับดนตรีที่บรรเลงเพลงคุ้นเคย
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดด!
รถยนต์สีขาวคันข้างๆเบรคกระทันหันเมื่อรถตู้จากอีกฝั่งขับพุ่งเข้ามาในเลน เนื่องจากหักพวงมาลัยหลบสภาพผิวถนนที่เกิดปัญหาจนเสียหลักเซเข้ามา โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
เว้นเสียแต่ลาเวนเต้คันงามที่เบรคตั้งแต่เห็นภาพอุบัติเหตุตรงหน้า แต่ดูเหมือนว่ามันจะช้าเกินไปเมื่อรถยนต์คันหรูเกิดความเสียหายจากการกระแทกเข้ากับด้านข้างของรถตู้ที่ขวางอยู่ด้านหน้าอย่างแรง
.
.
.
.
เสียงริงโทนที่ดังขึ้นบริเวณหัวเตียงทำให้ร่างโปร่งสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ฝ่ามือหนาเอื้อมไปหยิบตัวการรบกวนก่อนลืมตาขึ้นเพื่อปรับแสงสว่างตรงหน้า หน้าจอโทรศัพท์แสดงรายชื่อของคังดาเนียลซึ่งเขาเองก็รีบกดรับเพียงเพื่อจะให้เสียงที่รบกวนในตอนนี้เบาลงได้ แต่ปฏิกิริยาของคนในสายกลับทำให้เจ้าตัวตกใจมากขึ้นกว่าเดิม
" มึง.. รถกูโดนชน "
เสียงแหบพร่าราวกับคนหมดแรงเอ่ยเสีงเบาเสียจนคนฟังใจหายไปตามๆกัน
" เฮ้ย ! แล้ว... มึง ?! "
" กูสบายดี มึงมาหากูหน่อย อยู่ตรงเส้นหน้ามอก่อนถึงปั๊มน้ำมัน "
" เค มึงรอแปป "
ควานลินจัดแจงหยิบเสื้อคลุมในตู้เสื้อผ้าออกมาและสวมมันทับชุดนอนอย่างรวดเร็ว เหมือนร่างกายจะตอบสนองต่อความรู้สึกช้าเกินไปด้วยซ้ำเมื่อจิตใจของเขานึกถึงแต่เพื่อนที่นั่งรอความช่วยเหลืออยู่บนถนน ไม่น่ารบกวนให้ดาเนียลขับรถเอากระเป๋าสตางค์มาคืนให้เลย ไม่น่าเลยจริงๆ
" ไอเหี้ย! เนี่ยนะที่มึงบอกโอเค โอเคก็แย่แล้วสัด ! "
เขากวาดสายตามองสภาพเพื่อนที่นั่งอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อพร้อมกับกาแฟร้อนหนึ่งแก้วในมือ ริมฝีปากหนาแตกจนเห็นคราบเลือดแห้งกรัง ใบหน้าเนียนมีรอยฟกช้ำบริเวณคางและหน้าผากจนเริ่มเป็นสีเขียว คงเป็นเพราะแรงกระแทกกับพวงมาลัยเข้าอย่างจัง เพราะเวลานี้เจ้าตัวคงขับรถเร็วแน่ๆ
" กูสบายดีมึงไม่ต้องห่วง "
" ... "
" แค่อยากรบกวนให้มึงลากรถกลับไปที่เพนท์เฮ้าส์หน่อย ขับไม่ไหวละกูอะ ปวดหัวชิบ "
ฝ่ามือหนายกขึ้นกุมขมับพร้อมกับหลับตาลง ในที่สุดสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้นจนได้ และทั้งหมดก็เป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของเขาเอง
คิดไม่ออกเลยว่าจะเดือดร้อนคนอื่นแค่ไหน
" พรุ่งนี้ให้กูมารับมั้ย "
กระจกฝั่งคนขับถูกลดลงเพื่อจะได้คุยกับคนที่ยืนอยู่ด้านนอกได้สะดวก ใบหน้าเนียนนั้นฉายแววเหนื่อยล้าพลางส่ายหน้าเบาๆแทนคำตอบ
" รบกวนมึงมากไปแล้ว แค่นี้กูขับไหวน่า "
" เออ อย่าลืมทำแผลด้วยนะมึง "
" รู้แล้วไอสัด ขับกลับดีๆล่ะ ขอบใจมากที่ออกมาหา "
" ขับดีกว่ามึงแน่นอน ไปละเดี๋ยวกูโดนตีน ฮ่าๆๆ "
รถยนต์อีกคันขับออกไปสักพักจนสุดสายตา ร่างสูงหันกลับไปยังทางเข้าอาคารก่อนครุ่นคิดถึงสิ่งที่จะตามมา
วันนี้คงต้องโดนซองอูบ่นแน่ๆ
ดวงตาคมตวัดมองคนอายุน้อยกว่าท่ามกลางความมืด อันที่จริงซองอูนั่งรออยู่นานแล้วแหละ คิดว่าจะอบรมอีกฝ่ายเสียหน่อยกับพฤติกรรมเหลวไหลตั้งแต่เปิดเทอมแรกๆ แต่พอสี่ทุ่มเขาก็ทนไม่ไหวต้องกลับเข้าห้องไปทำงานที่ได้เพิ่มมาเมื่อเช้า พอเหมาะพอเจาะเหลือเกินที่ออกมาหาอะไรดื่มในช่วงกลางดึกแบบนี้
ดาเนียลก้าวเท้ายาวเพราะต้องการจะกลับเข้าไปในห้องนอนให้เร็วที่สุด ไม่ได้อยากเสียมารยาทแต่เพราะกลัวว่าผู้เป็นพี่จะเห็นแผลบนหน้า
เหมือนซองอูจะรู้ทันเพราะเจ้าตัวกลับเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
" ฉันขอคุยด้วยหน่อย "
ร่างบางเอ่ยเสียงแข็ง นิ้วเรียวเอื้อมไปกดเปิดสวิตซ์ไฟตรงผนัง และภาพที่เห็นอย่างชัดเจนก็ทำให้เขาตกใจอยู่ไม่น้อย
ร่างสูงในเชิ้ตยับยู่ยี่กับร่องรอยแผลทั่วร่างกายส่งยิ้มจางๆกลับมาแทนคำตอบ
" นี่ ... หมายความว่ายังไง?!!! "
ไหล่ทั้งสองสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ ดวงตาคมจ้องมองอย่างไม่คิดจะเข้าใจ โกรธที่อีกฝ่ายชอบทำตัวเป็นภาระให้คนอื่นเดือดร้อนอยู่บ่อยๆ ทั้งยังโกรธที่เจ็บตัวขนาดนี้แต่เขาเองกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่มีแม้แต่คำบอกเล่าจากอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำ
" เอ่อ รถผมโดนชน ...ก็เลยมีปัญหานิดหน่อยครับ "
" แล้วทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุ ? "
" พอดีรถตู้เสียหลักพุ่งเข้ามาเลนผม "
" อืม "
" ..... "
" ฉันควรทำยังไงกับนายดี ...ดาเนียล ? "
" .... "
" ตั้งแต่เปิดเทอมมาก็กลับดึกตลอด อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ที่นายดื่มกลับมาทุกวัน "
" เอ่อ ค คือ "
" บอกตรงๆว่าฉันไม่อยากยุ่งหรอก มันไม่ใช่ธุระของฉัน แต่นายควรแบ่งเวลาให้ดีกว่านี้ "
" ครับ "
" แล้วเรื่องวันนี้อีก ดื่มแล้วขับกลับมาล่ะสิถึงได้มีสภาพเป็นแบบนี้น่ะ ! "
" วันนี้ผมไม่ได้ดื่ม "
เสียงทุ้มเอ่ยอย่างแผ่วเบา ตอนนี้ปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่เหนือกว่าน่ะดีแล้ว ขืนพูดอะไรไม่เข้าหูไปคงได้โดนบ่นจนหูชาแน่ๆ
" พรุ่งนี้ฉันจะโทรบอกพ่อ แล้วนายก็เตรียมคำพูดไว้ได้เลย "
" .... "
" สมควรแล้วแหละที่เกิดอุบัติเหตุ "
หลังจากฟังอีกคนสารภาพซองอูก็ทึกทักไปเองว่าอีกฝ่ายดื่มจนควบคุมการขับรถไม่ได้ แววตาคมมองอีกฝ่ายคล้ายจะต่อว่า แต่ใบหน้าเรียวก็เอาแต่ก้มงุดเหมือนเด็กๆที่กลัวความผิด
" ผมบอกว่าไม่ได้ดื่มไง "
ก็เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้วที่อีกฝ่ายไม่ยอมฟังเหตุผลเขาบ้างเลย พี่ชายดูท่าจะอคติกับเขาลูกเดียว ทำอะไรก็ดูไม่ดีไปหมด แม้กระทั่งเกิดอุบัติเหตุอีกฝ่ายก็ไม่ได้แสดงท่าทีเป็นห่วงเขาเลยสักนิด
" ทำไมไม่ตายไปเลยล่ะ ? "
ริมฝีปากหยักแค่นยิ้มกวนๆ ถึงจะโมโหแต่ก็อดสมเพชไม่ได้กับสภาพคนตรงหน้า
" พี่.. "
" .... "
" อยากให้ผมตายขนาดนั้นเลยหรอ ? "
ดวงตาเรียวสั่นระริกเมื่อได้ยินประโยคที่แทงเสียดเข้าไปในความรู้สึก ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ต้องได้ยินคำพูดบั่นทอนความรู้สึกจากคนตรงหน้า
คนที่เขาเรียกอย่างเต็มปากว่าพี่เคยคิดบ้างไหมว่าคำพูดที่ออกมานั้นจะทำร้ายความรู้สึกคนอื่นไปมากเท่าไร
30% is loading
" ภายในสามวันนี้ผมจะจัดการให้เรียบร้อยครับคุณคัง "
พนักงานศูนย์บริการกล่าวพร้อมกับยื่นเอกสารการรับรถให้ เขารับมันมาก่อนจะเดินออกไปหาผู้เป็นพี่ที่ยืนรออยู่ด้านนอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใบหน้าคมนั้นบึ้งตึงตั้งแต่ขับไปส่งดาเนียลที่คณะจนกระทั่งเจอกันอีกครั้งหลังเลิกเรียน
ความเงียบก่อตัวขึ้นเมื่อทั้งสองคนเข้ามานั่งในรถ บรรยากาศในตอนนี้ช่างอึดอัดยิ่งกว่าวันแรกที่ย้ายเข้ามาอยู่ในเพนท์เฮ้าส์เสียอีก
ปราศจากการพูดคุย เสียงเพลง เงียบจนกระทั่งได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกของตัวเอง
" ฉันจะพานายไปหาพ่อ "
ร่างบางซึ่งนั่งในตำแหน่งคนขับกล่าวด้วยเสียงนิ่ง ใบหน้าคมเงยขึ้นมองกระจกหลังก่อนถอยรถคันสีเทาหม่นออกไปอย่างรวดเร็ว องซองอุคนัดเขาและดาเนียลให้เข้าไปพบหลังจากประชุมเสร็จ คงไม่ต้องบอกว่าเรื่องอะไร เพราะสิ่งที่กำลังจะเกิดมันทำให้ซองอูพอใจเป็นอย่างมาก
ดาเนียลควรจะได้รับการขัดเกลาเสียบ้าง
ทำอะไรไว้ก็ควรได้รับอย่างนั้น
.
ฝ่ามือหนาชื้นไปด้วยเหงื่อเมื่อเท้าทั้งสองมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องทำงานของผู้เป็นพ่อ นิ้วเรียวประสานเข้ากันแน่นอย่างลืมตัว ราวกับเด็กที่รอลงโทษจากผู้ปกครองหลังจากทำความผิดมาหมาดๆ
" ซองอู เดี๋ยวรอพ่ออยู่ในห้องนี้ก่อนนะ "
" ครับ "
" ดาเนียล... "
" .... "
" เข้ามาคุยกับพ่อข้างในหน่อย "
" ครับพ่อ "
เรียวขายาวเดินตามผู้อาวุโสกว่าพลางยกแขนซ้ายประคองผู้เป็นพ่อให้เดินเข้าไปในห้องอย่างระมัดระวัง โดยที่ดาเนียลไม่ได้สนใจสายตาของอีกคนที่ยืนมองอยู่อย่างไม่สบอารมณ์เลยสักนิด
ก็แค่ทำเสแสร้งเพื่อหวังผลเท่านั้นแหละ
คิ้วเรียวขมวดมุ่นพอๆกับริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่น กังวลว่าเขาจะทำให้ผู้เป็นพ่อต้องผิดหวังในตัวลูกชายคนนี้ เขาเองก็ไม่ได้ต่างไปจากเด็กดื้อที่อาศัยกองเงินกองทองของครอบครัวใช้จ่ายอย่างสุขสบาย ไม่เคยช่วยแบ่งเบาภาระอะไรได้ คิดไม่ได้ด้วยซ้ำกว่าการกระทำของตัวเองจะทำให้พ่อแม่ลำบากใจแค่ไหน
ละอายใจเหลือเกิน ที่คนนอกอย่างเขาได้รับการดูแลอย่างดี
ดีเสียจนละอายใจอยู่เสมอที่ต้องบอกใครว่าเขาเป็นสมาชิกในครอบครัวนี้
" เรียนเป็นยังไงบ้าง "
น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยนั้นปิดไม่มิด ใบหน้าที่ชราลงไปตามกาลเวลาส่งยิ้มที่อบอุ่นที่สุดไปยังคนฟัง แววตาอาทรจากพ่อทำให้ดาเนียลรู้สึกชาไปทั้งใบหน้า
ให้พูดว่าขอโทษสักกี่ครั้งก็คงไม่พอ
" ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ คิดว่าพ่อจะพูดอะไรหืม ? "
เสียงนุ่มเอ่ยปนตลก คงเพราะใบหน้าครุ่นคิดของเขาแสดงออกมาชัดเจนเกินไปจนอีกฝ่ายสังเกตเห็นได้ ใบหน้าเรียวยกยิ้มกว้างก่อนส่ายหน้าเบาๆ
" เปล่าครับ ผม... ก็แค่คิดว่าพ่อต้องดุแน่ๆ "
" ก็อยากจะดุอยู่หรอก "
" .... "
" แต่แค่นี้ลูกก็เจออะไรมาเยอะแล้ว
เก็บมันไว้เป็นบทเรียน ...อย่าให้เกิดขึ้นอีก "
" ครับ "
" โดนซองอูดุไปเยอะมั้ยล่ะ "
" .... "
" พี่เขาก็เป็นห่วงเราไม่ต่างจากพ่อหรอก "
" เอ่อ "
" แต่รายนั้นน่ะ ติดจะปากร้ายอยู่หน่อย อย่าไปคิดมากเลย "
" ครับ "
" แล้วก็ไปหาหมอซะ แผลขนาดนี้ถ้าแม่มาเห็นคงเป็นลมแน่ๆ "
" ได้ครับพ่อ "
" พ่อไม่มีอะไรจะว่าหรอก แค่อยากรู้ว่าเราเจ็บมากไหม
คนเป็นพ่อเป็นแม่เขาก็ห่วงลูกทั้งนั้นแหละ "
" .... "
" เรียกซองอูมาให้พ่อด้วยนะ "
" ขอโทษนะครับที่ทำให้พ่อต้องเป็นกังวล "
เสียงทุ้มเอ่ยหนักแน่นก่อนลุกขึ้นโค้งลา รู้สึกทั้งโล่งและหน่วงใจไปในคราเดียวกัน ขอบคุณที่พ่อเข้าใจแต่ก็เสียใจอยู่ไม่น้อยที่ทำตัวให้เป็นปัญหาอยู่เสมอๆ
ยิ่งนานเข้าก็ยิ่งแน่ใจว่าตัวเองไม่ควรจะมาอยู่ในบ้านหลังนี้เลยจริงๆ
.
นอกจากไม่คุยกันแล้วจะยังไม่ลงมากินข้าวด้วยกันอีกหรอ ?
คำถามเดิมยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดเมื่อมีแค่เขาที่นั่งอยู่ในห้องทานอาหารกับพิซซ่าหนึ่งถาดเพียงลำพัง หากเป็นปกตินี่ก็คือเวลามื้อเย็นของพวกเขาทั้งสองคน แต่พักหลังมานี้ด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยจะราบรื่นเท่าไรเลยทำให้ต่างคนต่างแยกกันทาน รวมไปถึงครั้งนี้เช่นกัน
" ซองอูชอบกินพิซซ่าหน้าซีฟู้ด "
จากคำบอกเล่าของคุณน้ามินอาทำให้เขาไม่ลังเลเลยที่จะสั่งพิซซ่าซีฟู้ดฮาล์ฟกับหน้าอื่นเพราะดาเนียลเองก็แพ้อาหารทะเล แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอยากให้ผู้เป็นพี่ได้ทานอะไรที่เป็นของโปรดบ้าง แม้เจ้าตัวจะไม่รู้เลยก็ตาม
พิซซ่าครึ่งถาดที่เหลือถูกวางไว้อย่างนั้นเผื่อว่าอีกฝ่ายจะหิวและออกมาเห็นมัน แต่เมื่อร่างสูงกลับมาหยิบเบียร์ในตู้เย็นอีกครั้งก็พบว่าพิซซ่ายังคงเหลือเท่าเดิม
" ถ้าหิวคงลงมากินเองล่ะมั้ง " ร่างสูงพึมพำเบาๆกับตัวเอง
.
กองเอกสารกว่าสองร้อยแผ่นกองพะเนินอยู่บนโต๊ะทำงานของซองอูภายในห้องพัก หลังจากได้รับมอบหมายให้ทำการตรวจสอบการจัดซื้อวัตถุดิบ รายจ่ายภายในบริษัท รวมไปถึงรายงานการประชุมครั้งก่อนเพื่อเรียบเรียงให้เป็นระเบียบก่อนนำเข้าการประชุมใหญ่ครั้งหน้า
และเขาจะต้องทำมันให้เรียบร้อยภายในสองวันนี้
เสียงท้องร้องประท้วงให้เขาละสายตาจากเอกสารกองโต แววตาคมหันไปมองนาฬิกาบนเพดานก็พบว่านี่เกินเวลามื้อเย็นของเขามามากแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกังวลว่างานตรงหน้าจะไม่เสร็จมากกว่า
อีกสักหน่อยแล้วกัน
ตีสาม ...
ในที่สุดซองอูก็ทนกับความหิวไม่ไหว เขาตัดสินใจออกไปหาอะไรทานแล้วก็พบพิซซ่าอีกครึ่งถาดที่เหลือไว้ แม้ตอนนี้มันจะเย็นชืดจนไม่น่าอภิรมย์แล้วก็ตาม มือเรียวจัดแจงเปิดฝาไมโครเวฟเพื่ออุ่นก่อนนำเข้าไปรับประทานในห้อง อย่างน้อยก็ช่วยให้เขามีแรงทำงานต่อไปอีกสักสองชั่วโมง เพราะคืนนี้ซองอูตัดสินใจแล้วว่าจะไม่นอนและออกไปเรียนในตอนเช้าเลยทีเดียว
" เย็นนี้กลับเองนะ "
หลังจากส่งอีกคนที่หน้าตึกคณะเป็นที่เรียบร้อย ควอทโทรปอร์เต้ก็ขับกลับไปยังเพนท์เฮ้าส์ในทันที โชคดีเหลือเกินที่วันนี้อาจารย์ยกคลาส นั่นเลยทำให้เขามีเวลาเคลียร์งานของบริษัทได้เยอะขึ้น
ครืดดดด
เสียงริงโทนเรียกความสนใจจากใบหน้าคมที่จดจ่ออยู่กับงานเอกสาร ก้มมองรายชื่อผู้ติดต่อที่คุ้นเคยก่อนนิ้วเรียวจะกดรับสายโดยไม่รีรอ
' ทำไรอยู่วะ กูโทรไปสามรอบไม่เห็นมึงรับ "
' โทษที กูทำงานให้พ่ออยู่ '
' กูจะบอกว่าพรุ่งนี้ไม่มีเรียนนะ แต่อาจารย์สั่งงานให้ทำ กูรู้ว่ามึงไม่ได้อ่านข้อความแน่ๆเลยโทรมาบอก '
' มึงนี่รู้ใจกูจริงๆ กูไม่ได้อ่านอะไรเลยมัวแต่ปั่นงานอยู่ว่ะ '
' เออก็ตามนั้น ส่วนงานมันเป็นงานกลุ่ม เดี๋ยวพวกกูจัดการให้ มึงทำงานตัวเองให้เสร็จไปเถอะ '
' ขอบใจมาก ทั้งมึงทั้งแจฮวานเลย '
' เออไม่เป็นไร '
ร่างบางหันมาจดจ่อกับงานอีกครั้ง สายตากวาดมองรายละเอียดทั้งหมดเพื่อหาจุดที่ผิดพลาดด้วยความตั้งใจ นานจนลืมไปว่าตัวเองก็ต้องการการพักผ่อนหลังจากที่ไม่ได้หลับมาทั้งคืน จู่ๆความรู้สึกปวดจี๊ดที่ตรงขมับก็เกิดขึ้น ฝ่ามือเรียวยกขึ้นนวดเบาๆหวังให้อาการปวดนั้นทุเลาลง ตรงกันข้าม ร่างกายของเขากลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ก่อตัวมากขึ้นจนต้องฟุบหน้าลงกับโต๊ะทำงาน อย่างน้อยงีบสักหน่อยก็น่าจะช่วยได้
.
" ครับแม่ "
ดาเนียลกรอกเสียงทุ้มไปตามสายอย่างงุนงง เพราะแม่โทรมาหาเขาในเวลาดึกดื่นทั้งที่ควรจะหลับไปแล้วเสียด้วยซ้ำ
" งานไปถึงไหนแล้วลูก ? " เสียงเล็กเอ่ยถามในทันทีที่ได้ยินเสียงลูกชายสุดที่รัก
" หืม... อะไรนะครับแม่ "
" งานที่พ่อฝากพี่ซองอูไว้ให้ลูกช่วยทำน่ะ พี่เขาได้บอกรายละเอียดลูกหรือยัง ไม่เข้าใจตรงไหนไหม ? "
" .... "
" มันมีส่วนที่เป็นรายงานการประชุมครั้งก่อน รายการจัดซื้อวัตถุดิบ แล้วก็รายจ่ายบริษัท "
" .... "
" พ่อเขาเห็นว่ามันเยอะมากเลยบอกให้พี่แบ่งกับเราช่วยทำ เพราะพรุ่งนี้ท่านจะต้องเอาเอกสารส่งเข้าที่ประชุม "
" เอ่อ "
" ลูกทำถึงไหนแล้วล่ะ "
" คือ... พี่ซองอูไม่ได้ให้ผมไว้เลยครับแม่ "
" ตายแล้ว! แล้วงานเยอะขนาดนั้นพี่จะทำไหวไหมเนี่ย "
" .... "
" ลูกเข้าไปดูให้แม่หน่อยสิ เห็นพ่อบอกว่าโทรหาหลายรอบก็ไม่รับสาย สงสัยมัวแต่ทำงานจนไม่ได้สนใจอย่างอื่นเลยล่ะมั้ง "
" ครับ ยังไงเดี๋ยวผมโทรกลับนะครับ "
คงเป็นเพราะเหตุนี้ล่ะมั้งเขาถึงไม่เจอหน้าพี่ชายมาเป็นวันๆแล้ว ร่างสูงเดินขึ้นไปยังชั้นสองด้วยความรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้คงไม่มีความจำเป็นใดๆให้เขาต้องขึ้นไปในเมื่อห้องนอนตัวเองก็อยู่ชั้นล่าง เพราะชั้นบนก็มีแค่ห้องนอนของซองอูเท่านั้น
เขาเคาะประตูเป็นเชิงขออนุญาตแต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ มือหนาจึงตัดสินใจเปิดประตูเมื่อพบว่ามันไม่ได้ล็อคไว้ก่อนจะย่องเข้าไปในห้องอีกฝ่ายเบาๆ แสงไฟสลัวภายในห้องกว้างทำให้เขามองไม่ค่อยถนัด แต่ความเงียบที่ก่อตัวขึ้นทำให้รู้ว่าซองอูน่าจะหลับอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงานนั่น ใบหน้าคมหลับพริ้มในท่าที่เอาคางเกยแขนทั้งสองข้างไว้ ดาเนียลย่างกรายเข้าไปใกล้ สะกิดเบาๆที่แขนผู้เป็นพี่ก่อนสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
ฝ่ามือหนายกขึ้นแตะหน้าผากเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
ซองอูกำลังไข้ขึ้น ...ไหล่ทั้งสองข้างสั่นเล็กน้อย ถ้าหากไม่สังเกตให้ดีก็คงไม่เห็น
" อ อื้ออ "
เสียงนุ่มครางในลำคอ พึมพำอะไรต่อมิอะไร มีเพียงไม่กี่คำเท่านั้นที่เขาพอจับใจความได้
..หนาว และปวดหัว...
" พี่ซองอูไข้ขึ้นนิดหน่อยครับ ส่วนงานพี่เขาทำเสร็จหมดแล้ว ยังไงพรุ่งนี้จะเอาเข้าไปให้นะครับแม่ "
" จ้า ดูแลพี่เขาด้วยนะลูก "
" อยู่แล้วแหละครับ แม่ไม่ต้องกังวลนะ ฝากบอกพ่อด้วย "
หลังจากวางสายแล้วก็หันกลับมาจัดการร่างบางที่นอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนาต่อ กว่าจะฉุดกระชากอีกฝ่ายให้มานอนบนเตียงได้ช่างยากลำบาก แม้กระทั่งตอนป่วยเจ้าตัวยังคงดื้อเหมือนปกติไม่มีผิด มือเรียวยกขึ้นปัดป่ายอย่างไร้ทิศทางเมื่อเห็นว่าคนที่ช่วยเหลือเป็นเขา
" ยะ อย่ามายุ่ง!! "
ซองอูส่งเสียงประท้วงเมื่อเขาจัดการช้อนร่างบางขึ้นมา วางอีกฝ่ายลงบนเตียงนุ่มอย่างเบามือพลางหาแผ่นเจลลดไข้มาแปะไว้บนหน้าผาก
ดีที่ผู้เป็นพี่ยอมกินยาอย่างว่าง่าย ทีนี้ก็เหลือเพียงแค่เช็ดตัวให้ก่อนที่เขาจะได้กลับไปพักผ่อนเสียที
" อื้ออ ไม่เอา "
" อย่าดื้อน่า! " ผ้าห่มถูกดึงออกโดยคนที่นั่งอยู่ข้างเตียง ผ้าชุบน้ำหมาดๆลูบไปทั่วโครงหน้า ไล่ไปจนถึงซอกคอที่ส่งผ่านไอร้อนมายังมือของเขา
ดาเนียลจัดแจงปลดกระดุมเสื้อของอีกฝ่ายโดยไม่สนใจเสียงบ่นของคนที่นอนอยู่
" ออกไป ... ฉ ฉันไม่อยากยุ่งกับนาย "
เสียงนั้นแผ่วเบาและสั่นเครือ คงเป็นเพราะพิษไข้เลยทำให้การหายใจติดขัดเสียจนร่างบางพูดขาดๆหายๆ
" ปปวด หัว "
มือเรียวเอื้อมมาจับข้อมือเขาไว้เมื่อรู้สึกถึงความเย็นที่ทาบลงบนแผ่นอก ดวงตาคู่โตฉ่ำเยิ้มไปด้วยหยาดน้ำตา เสียงสะอื้นของคนตรงหน้าทำให้เขารู้สึกแย่พอสมควร
" ปวดมากเลยใช่มั้ย? "
แววตาเรียวแสดงความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด ซองอูพยักหน้าแทนคำตอบก่อนจะหลับตาลงจนเขาเห็นหยดน้ำใสๆไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง มือขวาเอื้อมไปปาดมันอย่างลวกๆด้วยความกลัวว่าอีกฝ่ายจะตกใจ
" อีกนิดเดียวนะ "
ผ้าขนหนูถูกเช็ดไปทั่วร่างกาย ไล่ไปตามหน้าท้อง วงแขน รวมไปถึงแผ่นหลังของคนป่วยอย่างเบามือ
" หนะ หนาว ...ฮื่ออ "
เสื้อยืดสีขาวถูกสวมทับลงไปอย่างรวดเร็วพร้อมๆกับผ้าห่มช่วยให้ความอบอุ่น เสียงร้องนั้นเบาลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อดาเนียลกระชับผ้าห่มให้แน่นขึ้น ไฟในห้องถูกปิดลงและเพียงไม่นานซองอูก็เข้าสู่ห้วงนิทรา ถึงไข้จะยังไม่ลดแต่อาการในตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว
เพราะอย่างนั้น ผ้าห่มและหมอนจากห้องนอนชั้นล่างก็ได้ถูกถ่ายเทขึ้นมายังห้องนอนชั้นบน พร้อมกับเจ้าของที่เอนกายพักผ่อนในห้องที่ไม่ค่อยจะคุ้นชินเท่าไร
เผื่อกลางดึกอีกฝ่ายเกิดเป็นอะไรขึ้นมาเขาจะได้รู้รวดเร็วที่สุด
แม้ไม่เต็มใจสักเท่าไร แต่ก็ถือว่าทำตามคำขอของแม่ก็แล้วกัน
tbc.
อีกอาทิตย์เดียวก็จะได้ไปแฟนมีตแล้ว ตื่นเต้นมากๆเลยค่ะ
ไรท์จะทำรูปคุณองคุณแดนและเด็กๆคนอื่นไปแจกที่หน้างานด้วย
ถ้าใครไปอย่าลืมมารับรูปได้นะคะ
ไรท์อ่านทุกคอมเมนต์ทั้งในทวิตเตอร์และเด็กดีแล้วก็ขอขอบคุณมากๆเลยค่ะ อ่านทั้งหมดจริงๆ
(แอบเห็นคนเชียร์ให้คุณแดนกดคุณองด้วย 55555) ดีใจมากๆที่เห็นคนชอบในฟิคเรา จะตั้งใจเขียนให้ดีขึ้นเรื่อยๆเลย♥
ขอบคุณอีกครั้งและขอให้มีความสุขกับการอ่านค่ะ
#เกลียดเนียลอง
Thank you for your attention
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
แต่ก็สงสารอยู่นะ ทำไมต้องทำตัวแบกโลก แบกภาระงานของครอบครัวด้วยตัวคนเดียวแบบนี้
นี่ขนาดยังไม่เข้าบริษัทจริงๆ คุณพ่อก็เลยห่วง อยากให้มีคนมาช่วยซองอูบ้าง
หลายคนเชียร์ให้ปล้ำจนนี่เริ่มเขว้ ปล้ำแล้วน้ององจะไม่เกลียดแดนกว่าเดิมใช่มั้ย โดนย่ำยีศักดิ์ศรีงี้ แต่ถามว่าอยากเห็นมั้ยก็อยาก แต่แดนดูเป็นคนดีเกินกว่าจะทำแบบนั้น แดนแบดเลยแดนน
ปล.ปล้ำเถอะ
มาต่ออีกนะคะ