"อ อะไร"
"เปล่า ก็แค่มินกุกดูติดพี่มากกว่าผมซะอีก"
ดาเนียลยิ้มร่าก่อนเกยคางลงบนไหล่ลาดของคนตัวผอม เขาได้กลิ่นแชมพูกับครีมอาบน้ำจากตัวพี่ซองอูจางๆ
ก็ใช้กลิ่นเดียวกัน แต่ทำไมมันหอมไม่เหมือนกันนะ
"อืม"
"ถ้างั้นผมติดพี่เหมือนมินกุกบ้างได้ป่ะ"
พูดจบก็รวบเอาเอวบางเข้ามากอดโดยไม่ให้อีกฝ่ายได้มีเวลาขัดขืน
"ปะ ปล่อย"
เอ่ยเสียงแผ่วเบาคล้ายว่าไม่ตั้งใจจะพูดให้อีกฝ่ายได้ยิน หากแต่กำลังเถียงกับร้อยพันความคิดในหัวของตัวเอง
แบบนี้หรือเปล่าที่เรียกว่าสุขระคนทุกข์
"ไม่ปล่อย จะไม่ปล่อยอีกแล้ว"
ดาเนียลซุกหน้าลงบนหลังคอของอีกฝ่าย สูดหายใจเอากลิ่นหอมที่เขาโปรดปรานเข้าปอด เปลือกตาหลับพริ้มเก็บสัมผัสแผ่วเบาจากริมฝีปากที่ประทับลงบนผิวขาวเนียนทีละเล็กทีละน้อย ไล่ตั้งแต่ลำคอระหงไปจนถึงแก้มซ้าย ก่อนหยุดลงบนกลุ่มดาวสามดวงที่เจ้าของของมันกำลังเอียงหน้าเพื่อรับสัมผัสอ่อนหวานโดยไม่รู้ตัว
แย่
แย่ที่องซองอูปฏิเสธไม่ได้ว่าการกระทำเหล่านั้นทำให้เขารู้สึกดีอยู่ไม่น้อย
"ขยับออกไปได้แล้ว"
เสียงนิ่งๆเอ่ยขึ้นยามที่เจ้าตัวดึงสติที่เตลิดหายไปกลับมาได้ ฝ่ามือเล็กเอื้อมมาแกะมือของเขาให้หลุดจากเอวบาง ก่อนจะหันมามองเป็นเชิงตำหนิ
แต่เหมือนซองอูจะอ่านเกมส์ผิดไปนิด เมื่อการตัดสินใจครั้งนี้ทำให้ใบหน้าของเราอยู่ใกล้กันมากกว่าเดิม เขาคงไม่ได้คิดไปเองว่าดาเนียลกำลังขยับเข้ามาเพื่อลดระยะห่างระหว่างเราจนกระทั่งปลายจมูกของคนทั้งสองชนกัน
ใกล้จนเห็นว่าดวงตาของเราต่างสะท้อนภาพของกันและกัน ราวกับต้องการตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ที่มันกำลังดีขึ้น
แววตาคู่เรียวกำลังสะท้อนภาพแห่งความสุข โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าอีกฝ่ายกำลังปิดบังอะไรไว้
องซองอูกำลังเก็บมันไว้ในส่วนลึกที่สุด เขาอยากให้เวลาที่เหลืออยู่เป็นไปตามที่ดาเนียลต้องการ อยากให้คนตรงหน้ามีแต่ความสุขอย่างที่อีกฝ่ายมักจะพร่ำบอก เป็นสิ่งเดียวที่เขามอบให้ได้ก่อนจะหายไปจากชีวิตอีกฝ่าย ....นานเท่าไรเขาเองก็ไม่รู้
ร่างบางปรับองศาให้ตัวเองสามารถเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ร่างสูงได้มากขึ้น ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนประทับริมฝีปากลงไปบนส่วนเดียวกันของอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล ทุกอย่างหยุดอยู่แค่นั้นไม่มีการรุกล้ำเข้าไปมากกว่าเดิม
....นานจนพอใจก่อนที่ใบหน้าคมจะผละออก
"ป่วยแล้วเพี้ยนหรอ"
เจ้าของคำถามจ้องมองแววตาคู่คมที่วูบไหวไปชั่วขณะ ทำไมดาเนียลจะไม่รู้ว่าพี่ซองอูเองก็รู้สึกไม่ต่างจากเขา เพียงแต่การกระทำที่ได้รับจากเจ้าตัวคงเป็นสิ่งที่ดีกว่า เหมือนกับเป็นการปลดล็อคอคติในใจที่คนโตกว่าสร้างไว้จนสูงลิบตา
หากยอมให้เขาเข้าไปใกล้กว่านี้
"ก็แค่อยากทำ อะไรที่ทำให้ได้ก็จะทำให้"
ตอบพลางเสตามองไปทางอื่น ริมฝีปากหยักเม้มเข้าหากันแน่นราวกับสะกดกลั้นความรู้สึกเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็น
"งั้นขออยู่แบบนี้ตลอดไปเลยได้มั้ย"
แขนแกร่งรวบเอวบางเข้ามากอดอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้กลับแน่นกว่าเดิม ริมฝีปากหนากดลงบนกลุ่มผมของอีกฝ่ายในขณะที่เรียวนิ้วไล้ไปตามใบหน้าอย่างแผ่วเบาโดยที่ซองอูไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขากำลังรู้สึกดี หรือสิ่งที่อีกฝ่ายขอมันไม่มีทางเป็นไปได้
40% is loading
ความเงียบ อาจเป็นคำบอกลาครั้งสุดท้ายที่เสียงดังที่สุด
"ไปส่งฉันที่คอนโดของมินฮยอนหน่อยได้ไหม"
ร่างผอมกับส่วนสูงราวๆ 178 เซนติเมตรกำลังสวมเชิ้ตสีขาวลายทางกับกางเกงสีดำเรียบๆ มือข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกหยิบกระเป๋าสะพายใบเก่งขึ้นมา ก่อนหันไปมองเจ้าของห้องที่คว้ากุญแจรถแล้วเดินนำออกไป
แต่แล้วร่างสูงกลับหยุดเดิน หันมามองคนแก่กว่าก่อนแขนคว้ากระเป๋าใบใหญ่ในมืออีกฝ่ายไปถือราวกับเป็นของตนเอง
วันนี้ดาเนียลออกไปทำธุระกับดงฮันจึงไม่สามารถอยู่ดูแลพี่ซองอูที่คอนโดได้ ในทีแรกก็ว่าจะส่งคนป่วยกลับบ้านแต่แล้วเจ้าตัวก็ยืนกรานว่าจะออกไปหาเพื่อนสนิท ร่างสูงพยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจนักก่อนเดินประกบอีกฝ่ายออกไปยังลานจอดรถด้านล่างอาคาร
จะให้คลาดสายตาไม่ได้ เพราะกลัวว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นซ้ำ
แค่นี้ก็เจ็บมากพอแล้ว
"รออยู่ที่คอนโดนะ ผมเสร็จธุระแล้วจะรีบไปรับ"
เปิดประตูให้คนเจ็บแล้วเดินอ้อมมานั่งฝั่งคนขับ ดาเนียลกำลังทำทุกอย่างด้วยความเคยชิน ตั้งแต่พี่ซองอูเจ็บตัวเขาก็ดูแลพี่ซองอูทุกฝีก้าว คอยช่วยเหลือในเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่สามารถทำได้ถนัดนัก ทุกอย่างเป็นไปอย่างอัตโนมัติจนซองอูรู้สึกอึดอัด
ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ แต่เพราะรู้ว่าอีกหน่อยคงไม่มีแล้วเลยใจหาย
ก่อนความคิดที่มีจะหายไปเมื่อร่างสูงเอี้ยวตัวมาคาดเข็มขัดนิรภัยให้คนที่เข้าเฝือกแล้วกำชับเสียงเข้ม
"อยู่แต่ในคอนโดนะ"
"อืม"
ดวงตาคู่กลมจ้องกลับไปพลางหยักหน้ารับ ความรู้สึกแปลกก่อตัวขึ้นในอก ท่าทางขี้เล่นและความร่าเริงของดาเนียลที่เคยมีวันนี้ถูกเก็บไว้ที่ไหนหมดแล้วก็ไม่รู้
เหลือแต่เพียงสีหน้าจริงจังกับแววตาที่เอาแต่ครุ่นคิดในสิ่งที่เขาไม่สามารถล่วงรู้ได้เลย
ไม่ชอบ
"ห้ามออกไปข้างนอกนะ"
บอกทั้งๆที่สายตาจดจ่อไปยังพื้นถนนตรงหน้า
"ฉันโตกว่านายนะ เลิกพูดจาซ้ำซากสักที"
ร่างบางจบบทสนทนาด้วยความหงุดหงิดก่อนหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาโทรหาเพื่อนรัก จริงๆเขาก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอก เพียงแต่ไม่อยากฟังอีกฝ่ายย้ำในเรื่องเดิมๆ เรื่องที่เขาเองก็จำจนขึ้นใจ
บรรยากาศในรถดำเนินไปอย่างเงียบเชียบ มีเพลงเสียงดนตรีคลอเบา ๆ ปราศจากการพูดคุยกันเพราะต่างฝ่ายต่างก็จมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง
อนุญาตให้เรื่องราวของอีกฝ่ายเข้ามามีอิทธิพลต่อความรู้สึก ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ตัวเหมือนดำดิ่งลงไปในความเป็นห่วงที่ไม่มีใครช่วยขึ้นมาได้
ก็แน่ล่ะ เพราะเต็มใจที่จะก้าวลงไปเองทั้งนั้น
แปลกดี
พาหนะสี่ล้อค่อยๆชะลอความเร็วลงจนหยุดนิ่งอยู่ด้านหน้าคอนโดมิเนียมใกล้มหาวิทยาลัย ร่างสูงมองเห็นเพื่อนสนิทของพี่ชายตัวเองกำลังยืนถือร่มพลางกวาดสายตาหาองซองอูที่น่าจะถึงจุดหมายแล้ว
"ผมส่งแค่นี้นะ"
หันไปมองใบหน้าคมที่กำลังกดส่งข้อความ ดวงตาคู่โตช้อนมองตอบคล้ายจะรับทราบ
ดวงตาคู่นี้ที่ยิ่งอยู่ใกล้เท่าไรเขาก็ยิ่งละโมบอยากจะเอามาเก็บไว้เป็นของตัวเอง
"อืม"
ซองอูตอบรับในลำคอแผ่วเบา รับกระเป๋าจากมืออีกฝ่ายมาสะพายข้างแล้วจึงเปิดประตูฝั่งคนนั่ง
"...."
ดาเนียลลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก พึ่งจะนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองพลั้งปากจนทำให้อีกฝายหงุดหงิดถึงขั้นเงียบมาตลอดทาง
ทำยังไงดีล่ะ
"พี่ซอ-"
"ขับ... ดีๆแล้วกัน"
พูดจบร่างบางก็รีบปิดประตูรถแล้วเดินออกไปจนสุดสายตา
โดยไม่รู้ว่ารอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าเนียนอยู่อย่างนั้นสักพัก
ปากแข็งเก่ง
ไม่เคยคิดว่าจะเห็นพี่ซองอูในมุมนี้เหมือนกัน
เหยียบคันเร่งในทันทีที่มินฮยอนเดินหายเข้าไปในตึกพร้อมพี่ชาย พาหนะคันงามมุ่งหน้าไปยังทิศที่หมายด้วยความเร็ว
แขกคนสำคัญกำลังรอพบเขาอยู่
_____________________________________________
ห้องประชุมในบริษัทถูกเปิดใช้เป็นกรณีพิเศษ ร่างสูงก้าวเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ก่อนจะพบว่าคิมดงฮันนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ข้าง ๆ กันมีผู้ชายแปลกหน้ากำลังลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนโค้งทักทาย
"สวัสดีครับคุณคัง"
"ครับ"
ดาเนียลโค้งกลับตามมารยาท อีกฝ่ายก้มหน้ามองพื้นโดยไม่แม้แต่จะสบตากับเขาสักนิด ท่าทางที่เลิ่กลั่กยิ่งทำให้ชวนสงสัย แต่ทุกอย่างกลับถูกขัดจังหวะด้วยเครื่องดื่มร้อนจากแม่บ้านอาคาร
"ดื่มก่อนดิ ไม่ต้องรีบหรอก"
คนเด็กสุดเอ่ยอย่างติดตลกก่อนคว้าแก้วกาแฟขึ้นมาจิบทีละนิด เขาหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ กลัวว่าการมาพบกันวันนี้จะไม่ได้สาระสำคัญอะไรกลับไปเหมือนครั้งเก่า ๆ
"โถ่ อย่ามองกันแบบนั้น รับรองว่าผมจะไม่ทำให้พี่ต้องผิดหวัง"
และดงฮันก็สามารถอ่านความคิดเขาได้เสมอๆ
"ให้มันแน่"
"ฮ่าๆ"
"แล้วคุณไม่ทานหรือ คุณ...?"
หันไปมองบุคคลที่สามที่กำลังนั่งนิ่ง
"เขาชื่อคุณจงซู เป็นพยานในที่เกิดเหตุครับ"
"อ่า ทำตัวตามสบายนะครับคุณ ไม่ต้องเกร็งก็ได้ ขอบคุณมากๆเลยที่สละเวลามาพบกัน"
เขาผายมือออกก่อนพยักหน้าเล็กน้อย คู่สนทนายิ้มรับก่อนคว้าแก้วตรงหน้าไปถือไว้อย่างเก้ๆกังๆ
"แล้วพี่ซองอูเป็นยังไงบ้าง อาการดีขึ้นหรือเปล่า"
"มีไข้นิดหน่อย แต่อื่นๆก็โอเคขึ้นมากแล้ว เหลือแต่เฝือกที่มะรืนต้องให้หมอเช็คอีกที"
"แล้ว.... อาการของคุณซองอูหนักมากไหมครับวันที่เกิดอุบัติเหตุ"
จู่ๆเสียงแปลกหูก็ดังขึ้นจากบุคคลที่สามที่พึ่งเข้าร่วมบทสนทนา คังดาเนียลหันไปมองพลางตอบไปตามจริง
"เข้าเฝือกที่แขนขวา ส่วนตามตัวก็มีรอยถลอกเล็กน้อยกับเย็บนิดหน่อย โชคดีที่อวัยวะภายในไม่ได้รับการกระทบกระเทือนครับ"
"อ่า"
"ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยใช่ไหมล่ะครับ แต่สภาพจิตใจต่างหากที่น่าเป็นห่วง"
"...."
"อยู่ดีๆก็ละเมอขึ้นมากลางดึก บางทีเสียงก็เหมือนจะร้องไห้ จากคนที่เคยชอบไปไหนมาไหนลำพังก็กลัวการอยู่คนเดียว ระแวงคนแปลกหน้า แถมยังไม่ค่อยกล้านั่งรถเลย อยู่ติดบ้านทั้งๆที่ปกติไม่ใช่แบบนี้"
จงซูมองเห็นแววตาคู่นั้นวูบไหวยามเอ่ยถ้อยคำออกมา มือทั้งสองข้างประสานเข้าหากันด้วยความกังวล
"...."
"สำหรับคนทั่วไปอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องแค่นั้น แต่สำหรับคนในครอบครัวแล้ว ...ผมว่าเขาก็น่าเป็นห่วงอยู่นะครับ"
"ค ครับ"
"อ่าขอโทษครับ เผลอเสียมารยาทพูดไปซะยาวเลย คุณจงซูไม่ต้องใส่ใจมันหรอกครับ ผมแค่เครียดๆเลยอยากระบายออกมาบ้างก็เท่านั้นเอง"
ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันแน่น ก่อนโค้งหัวเป็นเชิงขอโทษอีกฝ่าย ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาเป็นเพียงถ้อยคำที่บอกว่าไม่เป็นไร
"ผมเองก็อยากทราบเหมือนกันว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไรบ้าง"
"แล้วคุณพอจะเล่าเหตุการณ์ให้ฟังได้ไหมครับ ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น"
____________________________________________
"จะไปจริงๆใช่มั้ย"
"อืม"
"ต่อให้กูถามอีกครั้ง คำตอบก็ยังเหมือนเดิมใช่หรือเปล่า"
"อืม"
"ไม่มีอะไรเปลี่ยนใจมึงได้เลยหรอวะ"
"...."
ความว่างเปล่าเป็นเพียงคำตอบเดียวที่เขาสามารถมอบให้อีกฝ่ายได้ ทันทีที่เดินเข้ามาในห้องมินฮยอนก็เปิดประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อมทันที เขารู้ว่าเพื่อนสนิทกำลังบอกเป็นนัยๆให้เขาลองตัดสินใจดูใหม่ แต่เจ้าตัวก็เชื่อว่าการตัดสินใจครั้งนี้ถูกต้องแล้ว
เขาไม่ลังเลเลยที่จะไป ...ไปจากสังคมเดิมๆที่หล่อหลอมให้เขากลายเป็นองซองอูคนนี้
ร่างบางเอนกายลงบนโซฟาสีขาวตัวเดิมที่คุ้นเคยตั้งแต่เจ้าของห้องเข้ามาจับจองแรกๆ เป็นเวลากว่าสามปีแล้วที่มินฮยอนย้ายจากบ้านมาอยู่คอนโดอย่างถาวร ทั้งยังเป็นเวลาสามปีกว่าๆที่ซองอูเรียกที่นี่ว่า 'หลุมหลบภัย' ที่พักพิงแรกและที่สุดท้ายที่คนอื่นจะหาเขาเจอ
ฟังดูแปลกแต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
นึกแล้วก็น่าใจหายอยู่ไม่น้อยที่อีกไม่นานตัวเขาจะต้องห่างไกลจากบ้าน จากผู้คนรอบๆกาย จากทุกสิ่งที่คุ้นเคย รวมไปถึงความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้
หวังว่าระยะทางที่เพิ่มขึ้นจะแปรผันตรงกับความคิดถึงคูณด้วยระยะเวลาที่ไกลกัน
เขาจ้องมองใบหน้ามนที่ยังมองมาที่เขาตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวเข้ามาในห้องนี้ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นทั้งๆที่ในใจมีถ้อยคำจะพูดมากมาย และเพราะคนๆนั้นคือมินฮยอนเจ้าตัวจึงเลือกที่จะเงียบเอาไว้ รู้ดีว่าองซองอูเลือกแล้ว และจะไม่ลังเลอีก
ที่ถามในตอนแรกก็คงเช็คเฉยๆล่ะมั้งว่านี่ไม่ใช่ตัวปลอม
มือเรียวเอื้อมไปยังโต๊ะกาแฟข้างตัวเพื่อหยิบเทียนหอมกลิ่นโปรดขึ้นมาจุดแต่เขากลับพบเพียงความว่างเปล่า กลิ่นอ่อนๆจากน้ำมันหอมระเหยเป็นสิ่งที่เขาโปรดปรานที่สุดเมื่อได้เข้ามานั่งในห้องนี้ แต่วันนี้กลิ่นหอมนั้นได้จางหายไปแล้ว
เหมือนกับเขา ....ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
จากที่นั่งอยู่ตรงนี้ ก็เหลือเพียงคำว่า 'เคย' เท่านั้นเอง
ริมฝีปากหยักแค่นยิ้มให้กับตัวเองเมื่อสัมผัสได้ถึงมือที่วางอยู่บนบ่า เงยหน้ามองเจ้าของห้องที่ส่งยิ้มให้เขาอย่างฝืนๆ ดวงตาคู่นั้นคลอหน่วยไปด้วยหยาดน้ำใส เจ้าตัวส่ายหน้าไล่ความรู้สึกมากมายที่แล่นขึ้นมาก่อนตบลงบนไหล่ลาดอย่างแผ่วเบา
"ขอให้มึงมีความสุข"
"...."
พยักหน้าเบาๆโดยไร้ซึ่งคำตอบกลับ
"จริงๆนะ"
"...."
"มึงต้องดูแลตัวเองให้ดี"
"...."
พยักหน้ารับอีกครั้ง
"คนทางนี้ตั้งเยอะแยะที่เป็นห่วงมึง"
"...."
เม้มริมฝีปากแน่น จากคนที่เอาแต่พยักหน้ารับ ในตอนนี้ก้มหน้าลงเพราะไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย
"กูก็ด้วย เป็นห่วงมึงฉิบหายมึงก็คงรู้"
"...."
"กูเชื่อว่าคนอย่างมึงจะผ่านมันไปให้ได้"
"ขอบคุณนะ"
"...."
"นอกจากพ่อแม่ก็มีแต่มึงที่ทำให้กูรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ เป็นคนที่มีความหมายสำหรับใครสักคน"
"...."
"ม.. ไม่มีมึงต้อง แย่มากแน่ๆ ฮะ ฮึก"
กะพริบตาถี่เพื่อไล่น้ำตาออกไป มือซ้ายยกขึ้นมากลั้นเสียงสะอื้นแต่ก็ไม่เป็นผลในเมื่อคนตรงหน้ากำลังเบียดเข้ามาใกล้ ก่อนโผเข้ากอดเพื่อนสนิทด้วยท่าทีที่ไม่ต่างกัน
ทั้งคู่ต่างสวมกอดกันและกัน กระชับวงแขนแน่นเสียจนไม่มีที่ว่างให้อากาศเล็ดรอดไปได้ ความชื้นแฉะก่อตัวเป็นวงกว้างที่เนื้อผ้ายามเปลือกตาปิดลงพร้อมกับริมฝีปากที่เอาแต่พร่ำขอโทษ
เราทุกคนต่างมีพื้นที่ส่วนตัวที่หวงแหน
แต่สำหรับองซองอู มันไม่ใช่สถานที่
เพียงแต่เป็นคนๆนี้ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาต่างหาก
_____________________________________________________
"เลิกร้องได้แล้ว อีกแปปเดียวดาเนียลก็จะมารับมึงแล้วไม่ใช่หรือไง"
"กูไม่ได้ร้องแล้ว !"
มินฮยอนส่ายหน้าด้วยความเอือมระอากับท่าทีราวกับเด็กของคนตรงหน้า องซองอูที่ว่าเย็นชาและใจร้ายไม่เคยมีอยู่จริงสำหรับเขา องซองอูที่เขารู้จักก็เป็นเพียงคนอ่อนไหว ปากเสีย และแคร์คำพูดของคนรอบตัวมากๆต่างหาก
เพิ่มคำว่าน่าเอ็นดูเข้าไปนิดนึงก็ได้ หลังจากที่เขาเคยเห็นตอนอยู่กับดาเนียล
"บอกน้องหรือยัง"
"...."
"ซองอู.."
"...."
"เงียบแบบนี้แปลว่า ...มึงยังไม่ได้บอกหรอ"
"ใช่ กูไม่มีโอกาสที่เหมาะเลย"
"แล้วเมื่อไรถึงจะเหมาะ ก่อนมึงบินสองวันอย่างนี้หรือเปล่า"
"กู..."
"ปกติมึงไม่ใช่คนแบบนี้ มึงเคยจัดระเบียบทุกอย่างได้ดีนะ"
"เพราะกูเคยทำได้ดียังไงล่ะ เพราะกูเจอดาเนียลกูเลยรู้สึกว่าตัวเองกำลังเสียศูนย์"
"...."
"กูไม่ยอมรับเลยว่าตัวเองอ่อนแอ กูไม่ชอบเลยที่มันเป็นแบบนี้"
"เพราะมึงรู้ว่าเขาสามารถปกป้องมึงได้หรือเปล่า มึงเลยเลือกที่จะแสดงด้านนี้ออกมาให้คนอื่นเห็นทั้งๆที่ปกติมึงจะเก็บเอาไว้"
"เอ่อ"
"เราทุกคนก็มีอีกด้านที่ไม่เคยให้ใครได้รู้ มันอาจจะเป็นความกลัวที่อยู่ลึกที่สุด.. คงมีไม่กี่คนหรอกที่จะสำคัญถึงขั้นยอมให้เขาได้เห็น"
"..."
"มึงรู้มั้ยตั้งแต่คบกับมึงมา มึงเคยเป็นคนที่สดใสมากๆ มีความสุขกับชีวิต ไม่เคร่งเครียดและเย็นชาแบบนี้"
"...."
"จนกระทั่งมึงเล่าเรื่องที่บ้านให้ฟัง กูดีใจมากเลยที่กูได้รับความเชื่อใจจากมึง"
"...."
"หลังจากนั้นมันเหมือนดวงอาทิตย์บนโลกของมึงหายไป คนที่เคยใจดี ยิ้มง่ายก็ค่อยๆลดทอนความเป็นตัวเองไปทีละนิด... มึงเริ่มสร้างกำแพงระหว่างตัวเองกับคนอื่น มึงพยายามแสดงออกว่าตัวเองเข้มแข็ง ไม่แคร์คำพูดใคร มึงสามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเองทั้งๆที่ความจริงมึงก็แค่คนๆหนึ่ง มึงแคร์คำพูดคนอื่นมากแค่ไหนมึงรู้อยู่แก่ใจดี มึงแค่ซ่อนมันเอาไว้แล้วบอกคนอื่นว่าไม่เป็นไรเพราะไม่อยากเป็นคนแพ้ในสายตาคนเหล่านั้น"
"...."
"กูชอบในความ perfectionist ของมึงนะ มึงเป็นคนที่เจ๋งมากเวลาทำงานแถมจัดการอะไรได้ดี ทุกอย่างเป็นไปตามแพลนของมึง แต่มึงรู้มั้ยว่าตัวเองน่ะไม่มีความสุขในเรื่องอื่นๆเลย"
"...คะ คือ"
"จนน้องกลับมานี่แหละมึงถึงได้มีความสุข ถามว่ากูรู้ได้ยังไงน่ะหรอ"
"ย ยังไง"
"เพราะมึงไม่ได้โทรมาบ่นกับกูเหมือนเมื่อก่อน ไม่ได้มาหากูบ่อยๆเหมือนตอนมีปัญหา ไม่ใช่จะบอกว่ามึงลืมกูนะ เรายังคุยกันปกติเหมือนเดิม แต่กูเห็นความสุขเวลามึงยิ้ม เวลามึงโทรมาหากูเสียงมึงมันไม่ได้เศร้าแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว"
"...."
"มึงได้ออกไปดูหนัง ไปหาอะไรกิน ซื้อของเขาเพนท์เฮ้าส์ ไปเที่ยวทะเล ทุกอย่างที่มึงบอกกูว่ามึงอยากทำมึงได้ทำหมดเลยกับน้อง มึงมีความสุขและดูไม่ค่อยกังวลเหมือนเมื่อก่อน มึงเคยรู้ตัวบ้างหรือเปล่า"
"...."
"มึงไม่จำเป็นต้องเก่งตลอดเวลาก็ได้นะ กูไม่อยากมีเพื่อนเก่ง"
"...."
"กูอยากมีเพื่อนที่มีความสุขแบบตอนนี้มากกว่า"
"...."
"ดวงอาทิตย์ของมึงอาจจะเป็นน้องก็ได้... มึงพยายามหนี แต่รู้ใช่ไหมว่าโลกที่ไม่มีดวงอาทิตย์มันมืดมนขนาดไหน"
"กูรู้ ..แต่มึงไม่คิดบ้างหรอว่าบางทีเราก็พยายามเข้าไปอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์เกินไป"
"...."
"ทั้งสว่างทั้งสดใส แต่ถ้าอยู่ใกล้เกินก็ทำให้เราร้อนจนหลอมละลายได้"
"...."
"จนบางทีมันก็ทำให้กูคิดว่ากูไม่ควรอยู่ตรงนั้น... กลับไปใช้ชีวิตเงียบๆหม่นๆของกูแบบเดิมน่ะดีแล้ว"
"แล้วน้องล่ะ ความรู้สึกของน้องมึงเอาไปไว้ตรงไหน"
"...."
"มึงรู้ว่าน้องคิดกับมึงแบบไหน น้องก็รู้ว่ามึงคิดยังไงแล้วมันจะไม่เสียใจแย่หรอวะ คนที่มันแคร์ที่สุดไม่บอกอะไรมันเลย"
"เพราะกลัวว่าเป็นแบบนั้นกูถึงไม่บอกไง กูเชื่อว่าเวลาจะทำให้เราดีขึ้น"
"ถ้ามึงคิดแบบนั้นกูก็พร้อมซัพพอร์ตมึงอยู่แล้ว แต่ถ้ามึงลองแล้วมันไม่เวิร์คก็ควรหยุด มันไม่ได้ส่งผลดีต่อใครทั้งนั้น"
"อืม... ขอโอกาสให้กูได้ทำอย่างที่ตั้งใจเถอะ"
"กูขอให้เวลามันนานไม่มากพอที่จะทำให้ดาเนียลหยุดรอมึงก็แล้วกันนะ"
tbc.
ฮื่อออ งงๆกันไหมคะ ฉากสุดท้ายคือไม่อยากบรรยายมากแต่เน้นบทสนทนาระหว่างเพื่อน มินฮยอนเป็นคนที่รู้จักซองอูดีกว่าที่ซองอูรู้จักตัวเองซะอีก เราอยากให้ทุกคนอ่านแล้วเข้าใจมุมมองซองอูมากขึ้น ความรักไม่ใช่องค์ประกอบเดียวในความสัมพันธ์ ด้วยอุปนิสัยแล้วพี่ซองอูจึงคิดซับซ้อนกว่าดาเนียลค่ะ ทั้งเรื่องความเป็นพี่น้อง(?) และด้วยความรักความสมบูรณ์แบบสุดโต่งก็เลยรู้สึกว่าสูญเสียความเป็นตัวเอง พี่มินฮยอนเลยบอกว่าจริงๆแล้วตัวตนของซองอูน่ะเป็นแบบตอนที่ดาเนียลกลับมาแล้วต่างหาก ฉะนั้นให้เวลาสักหน่อยพี่ซองอูก็เข้าใจเองค่ะ
ปล.ตอนหน้าดาเนียลจะเกรี้ยวกราดแล้วนะคะ ตั้งแต่แต่งมายังไม่เจอดาเนียลมุมนี้ใช่มั้ยล่าาา คอยดูนะคะว่าน่ากลัวขนาดไหน คนขี้เหวี่ยงอย่างพี่ซองอูจะรับมือยังไง จะแรงกลับมั้ยหรือจะยอมอ่อนลงแทน :)
ขอให้มีความสุขกับการอ่านค่ะ
#เกลียดเนียลอง
Thank you for your attention
แง้งไม่อยากให้ซองอูไปเยย รออ่านต่อนะคะ
เหมือนมันจะดีแต่มันก็เศร้านะคะที่รู้ว่าซองอูจะทิ้งน้องไป ;_; ได้โปรดอย่าทิ้งเนียลเถอะนะซองอู
หน่วงมากเลยย ไม่อยากให้ซองอูหายไปไหนเลยย