ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic all anime] justinboobie's plot

    ลำดับตอนที่ #1 : [SF]MHA X JJK : Zenin Maki Part 1

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 66


    ในบันทึกประจำตระกูลเซนอิงมีการเล่าเรื่องฝาแฝดตั้งแต่ในสมัยพึ่งมีอัตลักษณ์ไว้ว่า ฝาแฝดในโลกอัตลักษณ์ ถือเป็นลางร้าย ถือเป็นความอัปยศของวงศ์ตระกูล เพราะว่าทั้งสองคนมีวิญญาณดวงเดียวกัน หากคนพี่มีดีอย่าง อีกคนน้องก็จะมีดีอย่าง แต่ทั้งคู่ไม่สามารถมีในสิ่งที่แฝดอีกคนมีได้ แต่ถ้าหากหนึ่งในสองไม่มีความทะเยอะทะยานที่จะแข็งแกร่งขึ้น ก็จะถ่วงแข้งถ่วงขาแฝดอีกคน ‘เพราะทั้งสองคือหนึ่งเดียวกัน’

     

    “พ่อคะเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงเหรอ” มากิในวัยเด็กเอ่ยถามพ่อของตนที่นั่งทำงานอยู่

     

    เมื่อพ่อของเธอละสายตาจากกองเอกสารและเงยหน้าเพื่อมาคุยกับลูกสาวทั้งสองคนของตน

     

    “เรื่องอะไรเหรอลูก” เซนอิง โอกิถามกลับด้วยความงุนงง

    “ที่ว่าฝาแฝดคือลางร้าย พวกหนูเป็นลางร้ายงั้นเหรอคะ” มากิเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติ เหมือนกำลังคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ ต่างจากแฝดคนน้องอย่างไมที่ตอนนี้เริ่มมีเสียงสะอื้นดังออกมาจากลำคอ

     

    โอกิเมื่อเห็นแบบนั้นจึงไม่กล้าเอ่ยบอกลูกตามตรง จริง ๆ พี่ชายของตนก็เคยพูดเรื่องนี้ขึ้นมาบ้างเพราะสิ่งที่ลูกของเขาเป็นมันตรงกับบันทึกประจำตระกูลพอดี ที่ว่ามากิมีพละกำลังมหาศาลแต่กลับไม่มีอัตลักษณ์ ต่างจากไมที่มีพละกำลังเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไปแต่มีอัตลักษณ์

    แต่ถึงแบบนั้นลูกของเขาทั้งสองคนก็เป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็กน้อยที่ไร้เดียงสา โอกิไม่อยากเอาคำพูดในนั้นไปตัดสินชีวิตทั้งสองคนจึงได้ตอบกลับไป

     

    “พวกลูกไม่ต้องไปสนใจบันทึกพวกนั้นหรอก ยังไงลูก ๆ ก็ต้องสืบทอดตำแหน่งของพ่ออยู่แล้ว”

     

    “เอ๋ แต่หนูอยากเป็นฮีโร่มากกว่าอะ!” มากิเอ่ยค้าน

    “ไม่เป็นไรนะ ถ้ามากิอยากเป็นฮีโร่หนูจะสืบทอดตำแหน่งของพ่อเอง” ไมเอ่ยปลอบใจพ่อของตนที่หน้าเสียเมื่อพี่สาวของเธอเอ่ยถึงความฝัน

     

    โอกิที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าอย่างพอใจ ทั้งสามคนไม่รู้เลยว่าเนื้อหาในบันทึกประจำตระกูลนั้นเป็นจริงทั้งหมด จนกระทั่งได้มาเจอเหตุการณ์จริง

     


     

    “ไม!!!!” มากิตะโกนเรียกชื่อน้องเสียงดัง เมื่อเห็นภาพที่น้องสาวฝาแฝดอยู่ในสภาพที่โดนเผาจนสภาพแทบดูไม่ได้

    “ย..ยัยโง่ หนีไปซะ” ไมพยายามเค้นเสียงเพื่อให้พี่สาวของตนหนีไปจากวิลเลินที่ทำร้ายเธอ

     

    วิลเลินที่ทำร้ายไมหันกลับมามองที่มากิและจุดไฟเตรียมที่จะเผาเธอเป็นคนต่อไป มากิตื่นตระหนกเพราะไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ตรงหน้า ในหัวพยายามคิดหาทางที่จะพาน้องเธออกมาเพื่อหนีจากวิลเลินคนนี้

    แต่ตอนนี้ทั้งสามคนอยู่ในตรอกที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านทำให้ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในที่แห่งนี้ ฮีโร่ที่มากิเคยเชื่อมั่นก็ไม่มีมาให้เห็นซักคน

    สุดท้ายมากิที่พยายามจะสู้กับวิลเลินตรงหน้าก็ต้องหมดสติลงไปนอนข้างกับน้องสาว เมื่อวิลเลินคนนั้นเห็นแบบนั้นก็เดินจากไป

     

    ไมเมื่อได้สติขึ้นมาพยายามที่จะประคองร่างที่บาดเจ็บของตนเองเพื่อลุกขึ้นนั่ง เมื่อทำได้สำเร็จก็ประคองหัวพี่สาวของตนมาไว้บนตัก

     

    “ฉันว่าแล้ว ว่ามันต้องเป็นแบบนี้” ไมพูดเสียงแผ่วก่อนที่จะประกบจูบไปที่ปากของผู้เป็นพี่

     

    มากิตื่นขึ้นมาในความฝัน ที่แห่งนี้คือทะเลและตรงหน้าของเธอคือไม

     

    “ไม!” มากิเรียกน้องสาวของตนที่ตอนนี้ดูไม่มีบาดแผลต่างจากตอนที่เธอเห็นก่อนจะหมดสติ

    “มากิเธอรู้อัตลักษณ์ของฉันดีเลยใช่มั้ย รู้ใช่มั้ยว่ามันสร้างอะไรที่ซับซ้อนไม่ได้” ไมเอ่ยตัดบทพี่และพยายามที่จะใช้เวลาชีวิตทุกวินาทีที่เหลืออยู่ของเธอเพื่ออธิบายทุกอย่างให้มากิได้เข้าใจ

     

    “ฉันได้รับบาดเจ็บหนัก แผลไฟไหม้ที่โดนคงเป็นแผลระดับสามแน่ ๆ ฉันคงไม่รอดแล้ว เพราะงั้นลาก่อนไว้เจอกัน” ไมพูดจบก็เดินลงน้ำทะเล

     

    อาจจะซักที่ไม่นรก ก็สวรรค์ แต่ถ้าเธอเลือกได้เธอก็อยากจะเป็นน้องสาวของมากิต่อ ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปจนตาย แต่สวรรค์บอกให้เราเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้นเพื่อที่จะไม่ถ่วงแข้งถ่วงขามากิ เพื่อให้ความฝันของพี่สาวเป็นจริง แม้ว่ามันจะแลกกับชีวิตและความฝันของเธอ เธอก็ยอม

     

    “พูดอะไรของเธอน่ะ เดินกลับมานี่นะ” มากิลุกขึ้นและพยายามที่จะร้องห้ามไม

    “เธฮก็รู้ใช่มั้ยล่ะ บันทึกของตระกูลน่ะทั้งเรื่องฝาแฝด แต่ก็มีเรื่องที่เธอน่าจะยังไม่รู้” ไมเริ่มอธิบาย

    “มากิตระกูลของเรามีสิ่งที่เรียกว่าข้อผูกมัดแห่งสวรรค์ เมื่อได้บางอย่างก็ต้องเสียอีกอย่าง รู้จักโทจิมั้ยที่ตอนนี้เป็นหัวหน้าบอดี้การ์ดของเซนอิงกรุ๊ป เขาน่ะมีข้อผูกมัดแห่งสวรรค์ร่างกายที่มีพละกำลังมหาศาลแต่ก็ต้องแลกกับการที่ไม่มีอัตลักษณ์”

     

    “แต่สำหรับเรามันไม่เหมือนกัน ฝาแฝดก็เหมือนกับคน ๆ เดียวกัน เธอคือฉันส่วนฉันคือเธอ เพราะฉันไม่ได้อยากแข็งแกร่งขึ้น เธอก็จะไม่มีวันแข็งแกร่งขึ้น”

     

    “มากิ ตราบใดที่ฉันยังอยู่เธอจะไม่มีวันรู้ว่าตัวเองแกร่งแค่ไหน”

     

    เมื่อได้ยินประโยคนั้นมากิก็เริ่มออกวิ่งเพื่อที่จะพาไมกลับมา เธอไม่ต้องการสูบเสียน้องสาวของเธอไป มากิพยายามวิ่งและร้องห้ามไปด้วย

     

    “เลิกพูดเถอะ! ฉันไม่สนข้อผูกมัดนั่นหรอก! กลับมานี่ซะ!!”

    “ฉันจะไปคนเดียว มันถึงเวลาพักของฉันแล้ว เรื่องการสืบทอดฝากให้เจ้าเมงุมิไม่ก็เจ้านาโอยะทำแทนก็ได้พ่อคงไม่ว่าหรอก หลังจากนี้ฉันจะให้ทุก ๆ อย่างไว้กับเธอใช้ให้ดี ๆ ล่ะ”

     

    มากิคว้ามือไมไว้ได้ และน้องสาวของเธอก็ให้ของบางอย่างกับเธอ ในนั้นมันคือต้นหญ้าต้นเล็ก ๆ ต้นนึง

     

    “แล้วก็สัญญากับฉันได้มั้ย” ไมพูดต่อ

     

    “จับคนที่ฆ่าฉันมาลงโทษให้ที ทวงคืนความยุติธรรมให้คนแบบฉันได้มั้ยพี่”

     

    จากต้นหญ้าต้นเล็ก ๆ ต้นหนึ่งกลับกลายเป็นดาบ

     

    หนึ่งชีวิตที่แข็งแกร่งและอีกหนึ่งชีวิตที่ดับสูญ

     

    มากิตื่นขึ้นมาโดยที่ไม่มีไมในชีวิตอีกแล้ว

     


     

    หลังจากที่ไมตายมากิก็เริ่มฝึกซ้อมมาตลอด จนได้มาเจอกับคน ๆ หนึ่งที่เหมือนกับเธอ

     

    “พ่อของเธอบอกให้ฉันมาสอนเธอยัยหนู ตาแก่นั่นบอกว่าเธอเหมือนกับฉัน”

     

    คน ๆ นั้นคนที่เธออยากแข็งแกร่งให้ได้อย่างเขามาโดยตลอด

     

    “โทจิซัง” มากิเอ่ยชื่ออีกคน

    “มาลองสู้กันหน่อยมั้ยยัยหนู”

     

    สิ้นเสียงของโทจิมากิเริ่มพุ่งเข้าไปหาโทจิ และเริ่มปล่อยหมัดออกมา โทจิเป็นฝ่ายตั้งรับและไม่โจมตีมากิแม้แต่ครั้งเดียว แต่มากิก็ไม่สามารถโจมตีโทจิได้เลย

     

    “เธอกับฉันมันคนละชั้นกันยัยหนู เพราะเธอยังไม่รู้สึกและมองเห็นในสิ่งที่ฉันมองเห็น อะไรกำลังผูกมัดเธอไว้อยู่ล่ะ”

    “หมายความว่ายังไง”

     

    สิ่งที่โทจิพูดเมื่อกี้เธฮไม่เข้าใจแม้แต่นิดเดียว เธอพยายามที่จะคิดตามที่เขาพูดแต่ก็ไม่สามารถเข้าใจได้เลย

     

    อะไรที่เขามองเห็น อะไรที่เธอยังมองไม่เห็น ทั้งที่เราสองคนเหมือนกัน

     

    “อธิบายด้วยคำพูดมันยาก เธอต้องลองสัมผัสเอาเอง จินตนาการซะสิสิ่งที่มีแค่เธอกับฉันที่มองเห็น”

     

    สิ่งที่มีแค่เธอกับเขาเท่านั้นที่มองเห็น

     

    โทจิเริ่มโจมตีใส่มากิ ในครั้งนี้เธอหลับได้บ้างไม่ได้บ้าง พยายามที่จะซัดกลับไปแต่ก็ไม่โดนคนที่แก่กว่าเลย

     

    ‘มองให้เห็นสิ! สิ่งที่มีแค่เธอกับเขาเท่านั้นที่มองเห็น’

     

    เหมือนได้ยินเสียงของแฝดคนน้องดังขึ้นในหัว ณ เวลานั้น เซนอิง มากิได้ตื่นรู้และมองเห็นทุกอย่าง อากาศที่ปกคลุมรอบ ๆ ตัวเธอ มีอุณหภูมิและความหนาแน่นที่แตกต่างกัน เธอสามารถรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของโทจิได้แล้ว

     

    หลังจากนั้นเธอได้ฝึกซ้อมต่อสู้กับโทจิต่อ แต่ความดุเดือดนั้นเพิ่มขึ้นเพราะมากิรับรู้ในสิ่งที่เธอทำได้ทั้งหมด แต่สุดท้ายมากิก็แพ้ให้กับโทจิเพราะประสบการณ์ที่แตกต่างกัน

     

    “ใช้ได้นี่ ไว้มาสู้กันอีก ในตอนนั้นเธออาจจะชนะฉันก็ได้”

    “คุณพูดแล้วนะ” มากิตอบรับอย่างไม่ลังเล

     


     

    “คนที่ได้คะแนนสูงสุดในการสอบภาคปฏิบัติคือเซ็นอิงสินะ ตอนม.ต้นเธอขว้างซอฟต์บอลได้กี่เมตร”

     

    ไอซาวะสังเกตเห็นเด็กคนนี้ตั้งแต่ตอนสอบภาคปฏิบัติแล้ว เด็กที่สามารถใช้ดาบตัดหุ่นยนต์ได้เหมือนกับใช้มีดตัดเนยทั้ง ๆ ที่ไม่มีอัตลักษณ์ บางที..ไม่สิ เด็กคนนี้เก่งกว่าเขารวมไปถึงโปรฮีโร่บางคนอีก

     

    “เหมือนจะจำได้ลาง ๆ ว่าพันเมตรนิด ๆ เนี่ยแหละ”

    “ลองขว้างแบบเต็มแรงดู” ไอซาวะยื่นบอลสำหรับทดสอบให้มากิ

     

    มากิวอร์มร่างกายก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในวงกลมเพื่อทำการขว้างบอล

     

    “ฮึบ!”

     

    “ต้องรู้ขีดจำกัดสูงสุดของตัวเองก่อน” อาจารย์ไอซาวะอธิบาย

     

    ติ๊ด!

     

    “นั่นคือวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการสร้างพื้นฐานของตัวฮีโร่เอง”

     

    โห!!!

     

    “41119.49 เมตร เอาจริงดิ”

     

    หลังจากนั้นก็มีเสียงเจื้อยแจ้วของนักเรียนคนอื่นดังขึ้นเพราะความตื่นเต้น มากิเดินกลับไปยืนข้างคนที่มีผมสองสีโดยที่ไม่สนใจเสียงรอบข้างหรือสายตาที่มองมาด้วยความตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็น

    และดูเหมือนจะมีสายตาที่ไม่ชอบใจมองมาที่เธอด้วย มากิมองกลับไปที่เจ้าของสายตานั้นพร้อมกับเลิ่กคิ้วเหมือนกำลังถามว่ามีปัญหาอไร แต่คน ๆ นั้นเดาะลิ้นและหันหน้าหนีเธอไปซะอย่างนั้น

     

    อะไรกัน เด็กขี้อิจฉาหรอกเหรอ

     

    และดูเหมือนว่าในตอนนี้จะมีคนพูดเหมือนไปสะกิดต่อมของอาจารย์ประจำชั้นเข้า จนทำให้

     

    “งั้นใครได้คะแนนรวมแปดการทดสอบต่ำสุด คน ๆ ฉันจะถูกตัดสินว่าไม่มีอนาคตและต้องถูกไล่ออก จะทำอะไรกับนักเรียนก็เป็นอิสระกับพวกฉัน ยินดีต้อนรับ นี่คือแผนกฮีโร่ของโรงเรียนยูเอ”

     

    เพื่อนร่วมห้องของเธอดูเหมือนจะตกใจกันมากกับประโยคเมื่อกี้ และดูเหมือนว่ามีบางคนที่คิดว่าการกระทำของอาจารย์นั้นไร้เหตุผลเกินไปและพยายามที่จะแย้ง แต่ก็โดนอาจารย์ประจำชั้นคนนี้ตอบกลับมาด้วยเหตุผลที่ฟังดูแล้วสมเหตุสมผล

    การทดสอบในครั้งนี้สำหรับเธอนั้นไม่มีอะไรที่ต้องกังวล แค่เชื่อมั่นในตัวเองและไมก็พอแล้ว เธอมั่นใจมากว่าสามารถแสดงศักยภาพให้อาจารย์คนนี้ได้เห็นได้

     

    การทดสอบที่1:วิ่ง 50 เมตร

     

    ปี๊บ!

     

    “0.11 วินาที”

    “โห แค่พริบตาเดียวก็ไปถึงเส้นชัยแล้ว”

    “เหนือกว่าเอนจิ้นของฉันซะอีก!”

     

    การทดสอบที่2:วัดแรงบีบมือ

     

    “สุดยอด! ตั้ง 540 กิโลกรัม เป็นกอริล่าเหรอ อ๊ะ ปลาหมึกนี่เอง”

     

    เพล้ง!!

     

    “ถ้าฉันเป็นกอริล่าแบบเธอต้องเรียกว่าอะไรล่ะ”

    “อาจารย์ ต้องจ่ายค่าเครื่องมั้ยอะ” มากิหันไปถามอาจารย์ประจำชั้นที่ยืนมองอยู่

    “ช่างมันเถอะ ไม่ต้องจ่ายหรอก”

     

    การทดสอบที่3:กระโดดไกล

     

    การทดสอบนี้เธอกระโดเลยทรายไปไกลพอสมควรเลย

     

     

    สุดท้ายแล้วการทดสอบก็จบลงด้วยการที่เธอได้ที่หนึ่ง

     

    “หืม ยาโอโยโรสุ” ชื่อคุ้น ๆ นะเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเลย

     

    แต่หลังจากที่กลับไปเปลี่ยนชุดแล้ว ดูเหมือนว่าวันแรกจะเป้นการปฐมนิเทศทำให้ยังไม่มีการเรียนการสอนที่จริงจัง ทำให้นักเรียนบางคนเลือกที่จะกลับบ้านก่อนเลย แต่ในขณะที่มากิกำลังเก็บกระเป๋าอยู่นั้นก็มีคนมาทักเธอ

     

    “คุณคือเซ็นอิง มากิใช่มั้ยคะ” เป็นคนที่ได้อันดับสองในการทดสอบที่มาทักเธอ ดูเหมือนว่าจะชื่อ ยาโอโรสุ โมโมะใช่มั้ยนะ

    “อ่า ใช่มีอะไรรึเปล่า” มากิถามกลับ

    “ฉันยาโอโรสุ โมโมะค่ะ เราเคยเจอกันที่งานการกุศลที่แม่ของฉันเป็นคนจัด คุณจำได้มั้ยคะ”

    “เหมือนจะคุ้น ๆ นะ” งานการกุศลแต่ละปีที่เธอไปงานเดียวซะที่ไหน เพราะสนใจแต่เรื่องการฝึกเลยชอบหนีไปอยู่นอกงานบ่อย ๆ หลังตะลอนทักทายคนกับพ่อเสร็จ

    “เซ็นอิงซัง สุดยอดไปเลยนะคะ ทั้งที่ไม่มีอัตลักษณ์แต่สามารถทำคะแนนได้ทิ้งห่างขนาดนั้นสุดยอดไปเลยค่ะ!” ยาโอโยโรสุ พูดออกมาอย่างรวดเร็วเหมือนไม่ได้หายใจทิ้งภาพคุณหนูผู้ดีเมื่อตอนทดสอบไปเลย

     

    ต่างจากคนทั้งห้องที่ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่แล้วตกใจกับสิ่งที่ตนเองได้ยิน

     

    “เดี๋ยวนะ! นี่เธอไม่มีอัตลักษณ์อย่างงั้นเหรอ!”

    “ฉันเข้าใจว่าอัตลักษณ์ของเธอคือเสริมพละกำลังซะอีก แข็งแกร่งพอ ๆ กับออลไมท์เลยนะเนี่ย”

    “ไม่มีอัตลักษณ์จริงดิ ฉันไม่เชื่ออะ”

     

    วุ่นวายถึงขนาดเธอต้องเอาบัตรนักเรียนให้พวกเขาดูว่าเธอไม่มีอัตลักษณ์จริง ๆ ถึงจะยอมเชื่อ

     

    นี่เธอต้องอยู่กับเจ้าพวกนี้ตั้งสามปีจริงดิ วุ่นวายชะมัด

     

     

    TBC;

    โทโดโรกิโชจิโอจิโร่อาโอยามะ
    ฮางาคุเระจิโร่คามินาริอะชิโด
    บาคุโกเซโระคิริชิมะอาซุย
    มิโดริยะเซ็นอิงโคดะอีดะ
    มิเนตะโทโคยามิซาโต้อุราระกะ
    ยาโอโยโรสุ   

    (อันนี้จะเป็นที่นั่งที่เรียงตามตัวอักษรนะ เหมือนบางโรงเรียนในไทยที่มีการเรียงชื่อนักเรียนจากกอไก่อะไรประมาณนี้)

     

    ไม่มั่นใจเหมือนกันค่ะว่าจะมีกี่ตอนแต่จะพยายามย่อเนื้อหาให้กระชับจนเหลือไม่ถึง10ตอนนะคะ เนื้อหาอาาจะกระชับไปบ้างดูข้ามแบบฟิ้ว ๆ แต่ก็เนอะมันเป็นฟิคสั้นถึงตอนนี้จะเผลอแต่งเวิ่นเว้อในตอนท้าย ๆ ก็เถอะ

    ตอนหน้าอาจจะข้ามไปฉากจบเลยก็ได้ใครจะรู้5555555

    เรื่องอื่นไม่อัพแต่ดันมาเปิดเรื่องใหม่ขายพล็อตละ เจริญ โดนหยุมแน่ ตายแล้วเง้อ แต่ซักวันจะไปอัพนะเพราะตอนนึงเราใช้เวลาแต่งนานมากอย่างต่ำต้อง5ชั่วโมงเลย มันจะนานอะไรขนาดนั้นก็ไม่รู้แต่พยายามเร่งแล้วจริง ๆ มันได้แค่นี้อะ

    ตอนนี้น่าจะยังมีคำผิดอยู่ไว้มีโอกาสจะกลับมาแก้นะคะ เรื่องนี้ความสัมพันธ์ของบ้านเซ็นอิงจะไม่เหมือนเนื้อเรื่องหลักนะคะ ไม่งั้นมันจะปวดกบาลเกิน

     

    สามารถเข้าไปคุยกับไรท์เตอร์ได้ที่ทวิตเตอร์

    @justinb00bie

     

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ❤️

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×