ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชมรมผู้พิทักษ์ {ความลับ}

    ลำดับตอนที่ #1 : Secret 0: บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 17 ธ.ค. 54



     

     

    Secret 0: บทนำ

     

    ความลับ

     

    คือสิ่งอ่อนแอที่มนุษย์พยายามเก็บซ่อนไว้ภายใต้ซอกหลืบของจิตใจ

     

    หากถูกล่วงรู้เมื่อใด ความลับจะไม่ใช่ความลับ

     

    สิ่งนั้นจะไม่ต่างจากพิษร้ายที่จะกลับมากร่อนหัวใจลงไปอย่างช้าๆ

     

    เป็นไปได้ไหม

     

    หากฉันจะเก็บความลับไว้ในห้องหนึ่ง ปิดประตูใส่โซ่ตรวนเอาไว้

     

    ณ ที่แห่งนั้น ...ความลับของฉันจะยังคงเป็นนิรันดร

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “อุตุนิยมวิทยารายงานว่าวันนี้อาจมีพายุเข้า ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน ซ้ำร้ายอาจถูกลูกเห็บถล่ม คุณหนูครับ ผมว่าน่าจะส่งแก็งค์บูรพาไปข่มขู่ให้มันเปลี่ยนสถานที่นัดดีไหมครับ”

     

    นื่คือคำรายงานจากลูกน้องผมแดง คนที่นั่งอยู่ข้างคนขับพร้อมทั้งสาธยายไดอาล็อกจากสมาร์ทโฟนที่คนฟังไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์ตรงไหน

     

    พยากรณ์อากาศคงมั่วอีกตามเคย ในเมื่อท้องฟ้าวันนี้ทั้งโปร่ง ทั้งเป็นสีฟ้าสวยอย่างกะอะไรดี

     

    “หยุดเถอะ”

     

    “ผมแอบใส่สเปรย์พริกไทย แล้วก็เครื่องช็อตไฟฟ้าในกระเป๋าคุณหนูไว้แล้ว ถ้าเกิดมีอันตรายขึ้นมาก็หยิบขึ้นมาใช้ได้ทันที อย่าปล่อยให้มันรังแกคุณหนูได้นะครับ” อีกเสียงของคนที่ถูกลดขั้นจากมือขวาของพ่อมาเป็นสารถีจำเป็น

     

    นี่ใช่ไหมคือสาเหตุที่กระเป๋าวันนี้มันหนักเป็นพิเศษ เธอลอบคิดในใจ

     

    “แค่ฉันตั๊นหน้าหมัดเดียว หมอนั่นก็เอาไม่อยู่แล้ว” เด็กสาวที่นั่งอยู่เบาะหลังของรถถอนหายใจแผ่ว พลางใช้มือเท้าคางเมื่อไพล่คิดไปว่า แค่เพื่อนนัดเที่ยวกันจะวุ่นวายอะไรกันมากมาย

     

    ปัญหามันคงอยู่ที่ว่าเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอดันเป็นผู้ชาย

     

    “คุณหนูเช็คดวงวันนี้รึยังครับ ทำนายออกมาไม่ค่อยดีเลย แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมจะส่งแก็งค์ปัจจิมไปถล่มสำนักพิมพ์ที่บังอาจทำนายว่าวันนี้คุณหนูจะเจออุปสรรคทางด้านการเดินทาง หากออกไปข้างนอกจะประสบอุบัติเหตุหนัก ยังมีหน้ามาเขียนไว้อีกว่าคุณหนูจะถูกคนรักบอกเลิก เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วในเมื่อเกิดมา 16 ปี คุณหนูยังไม่เคยมีแฟนเลยนี่นา”

     

    ถ้อยคำยืดยาวที่ทำให้ดวงหน้าสวยชักหน้าหงิก ก่อนคนเป็นคุณหนูจะกดเสียงลงต่ำแล้วกล่าวคำ ทั้งที่ในใจตอนนี้พยายามจะนับ 1-10 อยู่

     

     “น่ารำคาญชะมัด ใครสั่งให้พวกนายมาดูดวงวันเกิดฉันตามใจชอบ”

     

    แก้วตาสีนิลสะท้อนความไม่พอใจเจือจาง แต่ถึงอย่างนั้นความเบื่อหน่ายก็ยังมีมากกว่าเมื่อมองลูกน้องคนสนิทของพ่อที่ดูจะเป็นเดือดเป็นร้อนกับแผนเที่ยววันนี้ของเธอจนน่าหงุดหงิด

               

    กับอีแค่ถูกสั่งห้ามไม่ให้ตามไปด้วยจะอะไรกันนักหนา

               

    “คุณหนูครับผมว่า ...เปลี่ยนแผนวันนี้ยังทันนะครับ ไปดูหมีขั้วโลกที่สวนสัตว์กันไหม มีคุณหนู มีผม มีการ์เน็ต ก็สนุกได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปกับมันหรอกครับ”  ซัฟไฟร์ หรือชายหนุ่มที่ขับรถอยู่เสนอขึ้นมาบ้าง

               

    “อยากให้ฉันโกรธมากนักรึไง”

     

    แต่มีหรือว่าคุณหนูจอมเอาแต่ใจจะยอมฟังโดยดี คราวนี้จึงไม่ใช่เสียงโทนต่ำธรรมดายังเย็นเยียบไม่ต่างจากนายท่านของพวกเขาเลยสักนิด

               

    เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสองคนหันมาสบสายตากันราวกับว่ากำลังเจรจาบางอย่าง ก่อนที่ซัฟไฟร์จะหันกลับไปมองถนนตามเดิม ด้วยเกรงว่าหากขับรถไม่ดีจนไปชนอะไรขึ้นมาเข้า คุณหนูของเขาอาจจะอารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิม

               

    ส่วนการ์เน็ตตั้งท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างขึ้นอีกครั้ง แต่เมื่อมองผ่านกระจกทอดไปข้างหลังจนเห็นคนที่ห่วงยิ่งกว่าไข่ในหิน บัดนี้หลับตาพริ้มทอดตัวยาวอยู่ตรงเบาะหลังรถแล้วเขาก็เลือกที่จะเงียบแล้วเบนสายตาออกไปนอกหน้าต่างแทน

               

    ถึงอย่างนั้น พวกเขาทั้งสองต่างก็มีความคิดเหมือนกัน

               

    ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ปล่อยให้ มันช่วงชิงความรักของคุณหนูไปจากนายท่านได้

               

    รถคันหรูเทียบจอดอยู่หน้าสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ไม่นานหลังจากนั้นร่างสูงโปร่งจึงก้าวลงจากรถเป็นคนแรก เรือนผมสีแดงเพลิงพัดลู่ไปตามลมตอนที่เขาเคลื่อนตัวจากประตูหน้าไปทางด้านหลัง แล้วสะกิดปลุกเจ้าหญิงนิทราด้วยแววตาอ่อนโยน

               

    เพียงครู่เดียวแก้วตาใสของเด็กสาวก็ปรือสายตาขึ้นมองพร้อมกับดันตัวเองลุกจากเบาะหนัง ไม่แม้แต่ร้องขอความช่วยเหลือจากการ์เน็ตที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว

               

    แก้วตาสีนิลกะพริบถี่เพื่อไล่ความมึนงงออกไปก่อนที่เด็กสาวจะไล่มองดวงหน้าที่แม้จะคมคาย แต่รอยแผลเป็นที่แก้มข้างขวาก็บอกเธอได้ดีเขาคนนี้ผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน ผิดจากคนที่ทำหน้าที่เป็นคนขับที่สุดแสนเนี๊ยบไปทุกกระเบียดนิ้ว แม้จะมีบุคลิกที่แตกต่างกันไม่จากจะปากเหวกับก้นเหว สิ่งหนึ่งที่มีเหมือนกันก็คงจะเป็น...

               

     “ถึงแล้วเหรอ”

               

    “ครับคุณหนู มันรอคุณหนูอยู่ทางนั้นไงครับ” ซัฟไฟร์ที่เดินอ้อมรถมายืนข้างการ์เน็ตว่าพลางชี้ไปทางชิงช้าตรงสนามเด็กเล่น

               

    ชิงช้าที่ว่าถูกยึดครองด้วยคนโตไม่ใช่เด็กน้อยอย่างที่ควรจะเป็น เด็กหนุ่มซึ่งกำลังสนุกกับการนับมดเสียจนไม่ทันสังเกตว่ากำลังถูกจับตามองด้วยนัยน์ตาสามคู่โดยมีสองคู่ที่ฉายแววอาฆาตแค้นประหนึ่งว่าจะกินเลือดกินเนื้อให้ได้

               

    “ก่อนไป ฉันควรย้ำพวกนายไว้อีกครั้งว่าห้ามตามฉันมาเป็นอันขาด ถ้ารู้ว่ามีสโตรกเกอร์สองตัวตามมาละก็...เจอดีแน่!

     

     สิ่งแย่ๆ ของทั้งการ์เน็ตและซัฟไฟร์ที่ถอดแบบมันเหมือนกันเป๊ะ ก็คือไอ้นิสัยสโตรกเกอร์ที่คอยตามเธอทุกฝีก้าวจนน่ารำคาญน่ะสิ

     

    น้ำเสียงเด็ดขาดเรียกให้ชายหนุ่มสองคนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ยิ่งถูกแววตาเฉยชาของเด็กสาวปราดมองมาก็ช่วยให้ใจเสียจนไม่กล้าลอบสะกดรอยคุณหนูไปอย่างที่เคยนัดแนะกันผ่านสายตา

     

    จะมีทางเลือกอื่นอีกไหม ในเมื่อพวกเขาไม่อยากให้คุณหนูคนดีมองกลับมาด้วยสายตาแบบนั้นซ้ำสองนี่

             

    ถึงจะตามไปไม่ได้ แต่ตอนนี้ในยามที่คุณหนูยังคงยืนคุยอยู่กับมันในสวนสาธารณะ การ์เน็ตและซัฟไฟร์ต่างคิดเหมือนกันว่ายังมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะจับตาดูทุกการกระทำที่ไอ้เด็กบ้านั่นทำกับคุณหนู

               

    บางทีพวกเขาอาจต้องเดินเข้าไปใกล้อีกสักนิด

     

    “ไงปัง เธอมาสายไป 3 นาที กับ 27 วิ

     

    เหมือนจะรู้ตัวว่าคนที่นัดไว้มาถึงแล้ว แก้วตาสีฟ้าเช่นเดียวกับท้องฟ้าถึงได้ยองละสายตาจากกองทัพที่เดินเรียงต่อกันเป็นแถวขึ้นมองดวงหน้าหวานใส ที่คงจะน่ามองกว่านี้ถ้าหากแววตาที่ทั้งรั้น และถือดีอ่อนแสงลงไปบ้าง แล้วตอนนี้ก็ยังชักหน้าเบ้ไม่พอใจ

     

    หมดความน่ารักกันพอดี

     

    “คิดว่านายจะสนุกกับการนับมด จนไม่คิดจะมาจับผิดแล้วซะอีก” ปังเริ่มแหย่บ้าง แน่อยู่แล้วว่าคนฟังไม่คิดจะเอามาใส่ใจ นอกจากนั้นยังจุดรอยยิ้มตรงมุมปากอย่างอารมณ์ดีอีกต่างหาก

     

    “จับผิดเธอก็สนุกพอๆ กันแหละน่า”

     

    พูดเสร็จร่างสูงโปร่งก็กระโดดลงมาจากชิงช้า ก่อนจะรั้งข้อมือบางให้เดินมาด้วยกัน แต่มีหรือว่าคนถูกดึงจะยอมตามไปโดยดีเมื่อเสียงหวานเริ่มร้องโวยวายจนเขาต้องหยุดฝีเท้า

     

    “จะรีบไปไหนน่ะ ทริกซ์ ฉันว่าสวนสาธารณะมันก็บรรยากาศดีพอที่จะสารภาพรักแล้วนะ” คำเอ่ยตรงไปตรงมาโดยที่ปังไม่คิดจะหลบสายตา ความกระดากอายอย่างที่เด็กสาวคนหนึ่งควรจะดูเหมือนจะไม่ทำพิษกับเธอเลยโดยเฉพาะยามที่หัวใจยังเต้นเป็นจังหวะปกติ

     

    แต่เธอจะอยากหลบสายตาไปดื้อก็เพราะสีหน้าเหรอหราของเด็กหนุ่มที่ชื่อว่า ทริกซ์ ก่อนคิ้วเรียวบนดวงหน้าคมนั่นจะเลิกคิ้วสูง แล้วนาทีต่อมาเขาก็สั่นไปทั้งร่างเพราะเก็บอาการกลั้วขำไม่อยู่

     

    “สารภาพรักเหรอ คิดอะไรของเธอเนี่ย” ไม่ว่าเปล่า ทริกซ์ยังชักกำปั้นมาทุบที่กลางกระหม่อมของเด็กสาวเบาๆ เรียกให้ดวงตาคู่ใสมองอย่างดุๆ

     

    “อ้าว...” ปังร้องเหวอ แต่ในใจนึกก่นด่าไปถึงลูกน้องของพ่อสองคนนั้น

     

    ไอ้พวกชอบไซโค ปากเสีย จนทำให้เธอคิดไปไกล

               

    “ฉันจะพาเธอไปที่แห่งหนึ่งต่างหาก”

              


    _____________________________________________________________________________________________


    ธีมของเรื่องนี้อยู่ที่การเขียนตามใจคนแต่งไปเรื่อยค่ะ อารมณ์แบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ (เอ๊ะ เรื่อยยังไง เรียงยังไง) ยังไงก็ช่วยฝากตามติด secret ด้วยนะค่าถ้าเกิดว่ามีตอนที่สองงอกออกมาเมื่อไร โค้งงามๆ พร้อมเหล้าอีกสามจอกฮะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×