ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic GOT7] SUGAR

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 07

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 58


     

     

     

                าทิตย์หน้าจะมีการแข่งขันเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนระดับประเทศ บรรดานักกีฬาจึงทุ่มเวลาในการซ้อมมากขึ้นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกัปตันทีมครั้งนี้ เจบี ดูเคร่งเครียดกว่าครั้งก่อนๆ เพราะคู่แข่งรอบแรกดันเป็นตัวเก็ง ท็อปประเทศจากโรงเรียน YG School ซะนี้

     

                ทีม GOT’X ซึ่งถูกจัดอันดับให้ขึ้นมาแข่งระดับใหญ่ๆแบบนี้เป็นครั้งแรก เรียกได้ว่าเป็นทีมน้องใหม่มาแรงที่น่าจับตามอง ตั้งแต่มีเซนเตอร์ฝีมือแน่นอายุน้อยอย่างคิมยูคยอมเข้ามา ก็ทำให้ทีมขับเคลื่อนไปได้ไกลกว่าที่คิด

                กัปตันทีมเรียกประชุมลูกน้อง วางแผนกลยุทธ์ครั้งแล้วครั้งเล่า แจบอมอธิบายแผนที่คิดว่าเวิร์คกว่าเดิมให้ลูกทีม ก่อนจะลงสนามอีกครั้ง

                ดีหน่อยที่ครั้งนี้มีรุ่นพี่ที่เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนเสียสละเวลามาช่วยรุ่นน้องฝึกซ้อมอีกแรง GOT’X หรือทีมนักกีฬาประจำโรงเรียนปีนี้อยู่ในชุดสีขาวแถบฟ้า เผชิญหน้ากับรุ่นพี่ของตัวเองในชุดซ้อนทับสีแดง

     

                แผนใหม่สตาร์ทขึ้นเมื่อโค้ชเป่านกหวีด พร้อมกับโยนลูกบาสที่อยู่กลางสนามลอยขึ้นเหนือศีรษะ เซนเตอร์ของแต่ละทีมใช้แรงทั้งหมดที่มีกระโดดสูงเพื่อแย่งชิงลูกให้มาอยู่ฝั่งตน

     

                “ไปเลย ยูคยอม!!!” เด็กปี1 หมียักษ์ของทีม กระโดดรวบบาสได้ก่อน แล้วลอยตัวลงมาที่พื้นอย่างมั่นคง ร่างสูงไม่รอช้าเลี้ยงบาสหลบหลีกคู่ต่อสู้อีกทีม แล้วก็ต้องมาติดกับรุ่นพี่อดีตเซนเตอร์ของโรงเรียนที่สูงราวๆสองเมตรกำลังดักรอเขาอย่างท้าทาย

                  ร่างสูงสูดหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหลอกล่ออย่างมีชั้นเชิง เลี้ยงสับหลอกใต้ขา พลันสายตาก็มองหาช่องทางที่จะส่งลูกไป รุ่นพี่ดูตื่นเต้นกับทักษะของเจ้าเด็กหน้าใหม่ แต่มันจะหลอกเขาได้แค่ไหนเชียว ว่าแล้วก็กระโจนเข้าใส่คิมยูคยอมอย่างไม่ลังเล

     

                “เฮ้ !” ช่วงวินาทีแจ็คสันรีบกระโดดสูงยกมือให้ยูคยอมเห็นได้ถนัด

     

                “ฮึ้บ!!” ยูคยอมกะจังหวะม้วนตัวหลบรุ่นพี่ศิษย์เก่าก่อนจะสไลด์ตัวไปด้านข้างแล้วส่งให้แจ็คสันแม่นอย่างจับวาง

     

                รุ่นพี่สตั๊นไปชั่วครู่หลังจากที่รุ่นน้องตัวสูงตำแหน่งเซนเตอร์สามารถหลุดออกจากการบล็อกขั้นเทพของเขาได้ จนเผลอลอบยิ้มออกมา เพียงแค่ได้เห็นทักษะกับการวางตัวในเกมส์ก็พอจะคาดเดาได้ว่า

     

     

                เกมส์นี้ JYP ต้องชนะ

     

     

                การฝึกซ้อมยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ ล่วงเลยเป็นเวลาหลายชั่วโมง ในที่สุดกัปตันของทีมก็สั่งให้กลับได้ ยูคยอมเดินมานั่งใต้แป้นบาสก่อนจะนอนแผ่ลงไปอย่างเหนื่อยล้า

     

                “ไง ไอ้หมีเหนื่อยแล้วเหรอวะ” แจ็คสันเดินมาพลันยื่นขวดน้ำเย็นๆให้อีกคน

     

                “ครับ..” ร่างสูงตอบอย่างเพลียๆ ก็แหงน่ะสิ ซ้อมตั้งแต่ห้าโมงเย็นยันสามทุ่ม ใครมันจะไปอึดขนาดนั้นวะไอ้พี่หวัง มือเรียวรับขวดน้ำมาก่อนจะเทราดตัว

     

                “ไอ้สัด ให้แดกไม่ใช้ให้อาบ” คนตัวเตี้ยกว่านั่งลงข้างๆก่อนจะใช้เท้าเขี่ยน่องขาอีกคนอย่างกวนตีน

     

                “ยิ่งใกล้แข่งแบบนี้ยิ่งเหนื่อย .. พวกพี่น่าจะให้ผมพักบ้างนะ ขาก็พึ่งจะหาย”  ยูคยอมบ่นอุบอิบก่อนจะลุกขึ้นมานั่งแล้วใช้ฝ่ามือดันพื้นไปด้านหลังทั้งสองข้าง

     

                “รู้น่า มึงก็หายดีแล้วนี่อย่าสำอ่อย อีกอย่างมึงเป็นตัวสำคัญของทีม ขาดมึงไปก็แย่ดิว่ะ” แจ็คสันตอบเปรยๆ ยูคยอมยิ้มรับขอบคุณก่อนจะพากันมองกัปตันทีมที่เดินไปเดินมารอบสนามแล้วจดอะไรยิกๆลงสมุดโน้ต

     

                “พี่แจบอมดูแปลกๆไปมั้ยพี่ว่า?” ร่างสูงเอ่ยขึ้นก่อนจะหันหน้ามองอีกคน แจ็คขมวดคิ้วแล้วหันมาพูด “แปลกไงวะ”

     

                “ไม่รู้ดิ วันนี้พี่แจบอมไม่คุยกับผมเลย เหมือนกำลังโกรธผมอยู่ยังไงหยั่งงั้น” ยูคยอมมองไปทางหัวหน้าทีมด้วยแววตาสงสัย

     

                “มันอาจจะเครียดเรื่องแข่งก็ได้ ห่า คิดมาก” แจ็คสันแก้ต่างให้

     

                “ผมก็ภาวนาให้เป็นเรื่องแข่งน่ะนะ”

     

                “ยังจะมีเรื่องไหนให้มันคิดอีกวะ เรียนก็เกรด A มาตลอด กีฬาก็เป็นถึงกัปตันทีม เพื่อนมีเยอะแยะ สุขภาพก็ดี ครอบครัวพ่อแม่อยู่ครบ อะ แล้วจะมีไรอีก” รุ่นพี่ตัวเตี้ยยกนิ้วขึ้นนับ ยูคยอมมองตาลอยๆก่อนจะเอ่ย

     

     

                “พี่ลืมนับเรื่องความรักไปรึเปล่า”

     

     

     

     

     

                รุ่งเช้าวันที่ 11 กุมภาพันธ์

     

              ก๊อก ก๊อก

                “มาร์คตื่นได้แล้วลูกสายแล้ว” เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมค่อยๆปรือตาขึ้นมา  โอ้ย..ทำไมหัวมันหนักแบบนี้นะ

     

              ก๊อก ก๊อก “มาร์ค” เสียงเคาะประตูยังดังต่อไป ผมปวดหัวมากๆเลยให้ตายสิ

     

                สองสามนาทีที่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากผม พ่อก็เปิดประตูเข้ามา “มาร์ค ไม่สบายเหรอลูก?” ชายร่างท้วมดูภูมิฐานในชุดสูททำงานเดินตรงมาหาผมที่เตียงก่อนจะเอาหลังมือทาบหน้าผากผมอัตโนมัติ “ฮึ้ม ตัวร้อนจี้เลย”

     

                ผมลืมตาน้อยๆมองพ่อที่ลุกลี้ลุกลนหาขวดยาพาราเซตตามอลมาวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงผม “ลุกขึ้นกินข้าวกินยาก่อนนะค่อยนอนต่อ”

     

                “ครับ..” ผมค่อยๆยกหัวหนักๆกับพยุงตัวเองขึ้นมานั่งพิงพนักเตียงแล้วหายใจเข้าออกช้าๆ ปวดปวดไปหมดเลย

                พ่อลูบหัวผมทีก่อนจะลุกขึ้นเดินออกมายกกับข้าวน้ำท่าอะไรไว้ให้ ในขณะที่ผมทำได้แค่มอง

     

                “น่าจะเป็นไข้นะ พ่อว่า หนูอยู่บ้านพักผ่อนซะนะ เดี๋ยวตอนเที่ยงพ่อซื้ออะไรมาให้กินอีกที แล้วก็ไม่ต้องลุกขึ้นมาอ่านหนังสือ พักผ่อนเยอะๆนะ” ผมพยักหน้าน้อยๆ เปลือกตาทำท่าจะปิดอีกรอบ แต่พ่อก็บังคับให้ผมกินข้าวกินยาแล้วค่อยนอนอีกที ผมทำตามท่านสั่งอย่างว่าง่าย ก่อนจะทิ้งตัวนอนลง แล้วพ่อก็ออกไปทำงานตามปกติ

     

                ผมนอน แต่ผมหลับไม่ได้

                ไข้ขึ้นนี่น่าจะเรื่องเมื่อวานที่คิดจนหัวจะระเบิด

                แล้วไหนจะเจ้าหมียักษ์ที่ทิ้งข้อความไว้ให้ผมเก้อแล้วไม่ยอมตอบนี่นะ เชอะ

     

                นี่ผมไม่ได้งอนนะ ไม่ได้งอนจริงๆ -^-

     

                ผมอาจจะดื้อหน่อยที่ไม่ยอมทำตามที่พ่อบอก จุ๊ๆ ห้ามบอกพ่อผมนะครับที่ผมกำลังเล่นมือถืออยู่บนเตียง

                เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่ผมเลื่อนดูประกาศสอบรับตรงโควตาต่างๆของแต่ละมหาลัย ก่อนจะตัดสินใจมาเปิดดูไลน์ของน้องยูค พอดีผมปิดการแจ้งเตือนน่ะ ดูซิ ส่งอะไรมาให้เป็นร้อยเลยเนี้ย –o-;;

                อะๆหายงอนก็ได้~

                แต่ทันทีที่กดเข้าไปในห้องสนทนา ชื่อของคนที่โทรเข้ามาทำให้ผมอยากจะเอาเท้ามาก่ายหน้าผากทันที

               

              Junior

     

                “ฮัลโหล” ผมกรอกเสียงเอื้อยๆ ให้มันรู้ว่าผมไม่พร้อมจะฟังเรื่องของใครทั้งนั้น เมื่อวานก็คิดมามากพอละ

     

              “ไมมึงยังไม่มาวะ ไม่สบายรึป่าว” จินยองถามผมเสียงเรียบ

     

                “อืม ใช่ไม่ค่อยสบาย” ผมแค่นเสียงแหบๆ

     

              “แปลก เมื่อวานยังเห็นดีๆอยู่เลย”

                ก็ดี..ถ้าไม่ได้ยินเรื่องของนายเข้า

     

                “สงสัยอ่านหนังสือดึกไปหน่อยน่ะ เบลอ”  ผมโกหกเขา

     

              “หือ? นี่ขยันไปกะสอบเข้าได้คณะสูงสุดของคณะเลยรึไง”  นี่ก็กวนตีนแต่เช้าเล้ย

     

                “อย่ากวน ปวดหัว” ผมขึ้นเสียงนิดๆ

     

              “อะๆ โทษๆ เอาเป็นว่าตอนเย็นเดี๋ยวกูเข้าไปเยี่ยมแค่นี้นะ”

                “อะเดี๋ยว

                ตู๊ด ตู๊ด

     

                นี่ก็เหมือนกัน นิสัยแบบนี้ ไอ้นิสัยฟังคนพูดไม่จบแล้วตัดสายนี่มันน่าโมโหชะมัด ย๊า เริ่มปวดหัวอีกแล้วสิ ผมวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัวก่อนจะข่มตานอนอีกรอบ

                โดยลืมไปว่ากำลังจะตอบแชทเจ้าเด็กโข่ง

                zZ

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

               

                “โอ้ยยยยยยยยย ทำไมพี่มาร์คไม่ตอบผมละเนี้ย นี่ต้องงอนอยู่แน่ๆเลย ไม่น่าเลยไอ้ยูค” ผมกดส่งสติ๊กเกอร์รัวๆไปให้มัคคึฮยองแต่ก็ขึ้น Read อย่างเดียวไม่ตอบสักอันอ่ะ งื้อ นี่คงงอนผมที่ไม่ยอมตอบกลับเมื่อวานชัวร์ๆ

     

                “นี่มึงเป็นห่าไรเนี้ย เห็นนั่งกดโทรสับมาสิบนาทีแล้วนะสัด” พี่แจ็คที่นั่งแดกข้าวข้างผมพูดอย่างขัดใจเมื่อเห็นผมดิ้นไปมาแปลกๆ

     

                “พี่หวัง ทำไงดีวะ พี่มาร์คไม่ตอบผมอะ เนี้ยก็ขึ้น Read แสดงว่าเล่นอยู่ แล้วทำไมไม่ตอบละ” ผมยื่นโทรศัพท์ไปให้พี่เตี้ยดูแต่นางก็หาได้สนใจไม่

     

                “ที่แท้ก็เครียดเรื่องเมีย โว๊ะ ไมมึงไม่โทรหาละสัด โง่จริงๆ” เออว่ะ

     

                “เมียเมอไรพูดไปได้พี่ก็.. อ่าๆ งั้นผมโทรหาพี่มาร์คแปปนะ”

     

                “โทรไปดิบอกกูเพื่อ?” น่ะ ยักคิ้วใส่ เคี้ยวข้าวคำใหญ่ตุ้ยๆ เดี๋ยวปั๊ดคว่ำจานข้าวทิ้ง

     

                แต่เดี๋ยวก่อน

                ผมมีเบอร์พี่มาร์คซะที่ไหนละ -__-

     

                “พี่แจ็คผมไม่มีเบอร์พี่มาร์คหวะ”

     

                “อ่าวไอ้เหี้ย เป็นแฟนกันยังไงไม่มีเบอร์กัน พ่อมึง คุยกันผ่านกระแสจิตหรอ” กวนตีนเหี้ยๆเลยอะ ก็ไม่ยังไม่ได้เป็นแฟนกันไงไอ้เหี้ยพี่หวังก็ ฮือออออ

     

                “ยังไม่ได้เป็นเว้ยพี่ อาทิตย์หน้านู้น” พี่แจ็คสันก็ยังทำหน้ามึนใส่ แต่จู่ๆก็หยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดยิกๆแล้วยื่นให้ผม “อะ”

     

                “ไรอ่ะ?” ผมรับมาอย่างงงๆ

     

                “เบอร์ว่าที่เมีย อย่าคุยนานเปลื้องตังค์กู” เหยดพี่หวังแม่งน่ารักหวะ

     

                “หึ้ย ขอบคุณนะครับสุดหล่อ~” ผมแกล้งหยิกแก้มขาวๆของพี่เขา แต่ดูเหมือนเฮียจะทำหน้ายี๊ๆใส่ผม เออ เล่นด้วยก็ไม่ได้

     

                ตู๊ดตู๊ด

                ตู๊ดตู๊ด

                อะลองโทรใหม่ อาจจะอ่านหนังสือหรือคุยกับเพื่อนอยู่ละมั้ง

     

                ตู๊ดตู๊ด

                ตู๊ดตู๊ด

     

                “ไม่รับวะพี่ โทรหาสองสายละ” ผมคืนโทรศัพท์ให้อย่างเซ็งๆ เฮ้อ..สรุปวันนี้ผมจะได้คุยกับพี่มาร์คมั้ย

                พี่แจ็คสันทำหน้างงๆ ก่อนจะรับโทรศัพท์แล้วเพ่งพิจารณาดูสักพัก ริมฝีปากจับกลีบสวยแค่นยิ้มเจื่อนๆ

     

                “เอ่อมึง”

     

                “ไรพี่?”

     

                “กูกดเบอร์ให้ผิด”

     

                อ่าวไอ้เหี้ย !

     

     

     

     

     

                “ฮัลโหล” ผมกรอกเสียงแสนงัวเงียใส่โทรศัพท์เจ้ากรรม เบอร์แปลกๆที่โทรมาเนี้ยไม่รับก็คงไม่ได้สินะ

     

              “พี่มาร์คครับ นี่ยูคยอมนะครับ” ฮื่อ ยูคยอมเหรอ

     

                ฮ่ะ !? ยูคยอมคุง

                ตื่นเลยครับตื่น

     

                “นะ..น้องยูคเอาเบอร์พี่มาได้ไงครับ” ผมเด้งตัวจากเตียงอัตโนมัติ หัวหนักๆเมื้อกี้ตอนนี้มีแต่เสียงของเจ้าหมียักษ์ที่แอบเอาเบอร์ผมมาจากไหนไม่รู้

     

              “พี่แจ็คสันน่ะครับ.. พี่มาร์ค พี่งอนผมอ่อ นี่เที่ยงแล้วนะ หายงอนเร็วๆ น้า ~เสียงนุ่มๆที่ลากยาวๆเล่นเอาใจผมสั่นรัว

                งอนอะไรเล่าไอ้บ้า..หายตั้งนานแล้ว -//^//-

     

                “ฮื่อ งอนไร ไม่ได้ไรงอนเลย” ผมแอบแลบลิ้นผ่านโทรศัพท์เวลาเขินเด็กโข่ง

     

              “อ่า ดีจัง..แต่พี่อ่านไลน์ไม่ตอบผม ผมคงเข้าใจผิด แหะๆ”

     

                “หึ้ย ขอโทษครับ พี่หลับอะ ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ..”  ผมตอบเสียงแบบรู้สึกผิด

     

              “ฮะ? หลับ??”

     

                “อื้อ”

     

              “เด็กดื้อ”

     

     

                หืม ..

                หืมมมม

              หืมมมมมมมม

     

                “ดะ..เด็กดื้อ?” ผมถามเสียงสูงอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

     

              “ครับ พี่มาร์คคนดื้อแอบหลับในคาบ ฮิ” ฟังจากเสียงแล้วนี่ยิ้มร่าอยู่ละสิคุณคยอม

     

                “มั่ว.. ดื้อไร วันนี้ไม่ได้ไปโรงเรียนต่างหาก” ผมเองตอบไปก็ยิ้มเหมือนกัน

     

              “ฮะ?? พี่ไม่สบายเหรอครับ กินข้าว กินยารึยัง มันเที่ยงแล้วนะครับ” น้ำเสียงที่แฝงความเป็นห่วงนั้นให้ผมยิ้มไม่หุบ

     

                “ป่าวหายแล้ว”

     

              “จะหายได้ไง คุยกับผมพี่ยังเสียงแหบอยู่เลยนะฮะ”  เสียงทุ้มดูกังวลกับคนตัวบางที่เอาแต่ยิ้มโชว์เขี้ยวให้ตัวเองในกระจกต้องตอบกลับหน้าแดงๆ

     

     

     

                “แค่นายโทรมาหาพี่ก็หายแล้ว”

     

     

     

    - To Be Continued -

     

    #ฟชก

    © themy butter

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×