คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 02
เดือนต่อมา
ผม กับ พี่มาร์คก็คุยกันมาเรื่อยๆนะ แต่แบบคุยผ่านโซเชี่ยว ไม่ค่อยได้คุยกันตรงๆ นี้ขนาดอยู่โรงเรียนเดียวกันผมยังไม่ค่อยเจอพี่เขาเลย เลยทำได้แค่คุยผ่านตัวอักษรเท่านั้นแหละครับ พี่มาร์คเองก็ม.6 แล้ว... มีสอบเยอะแยะทั้งสอบจุด ไหนจะอ่านสอบมหาลัย คงไม่ได้เจอกันหรอก ... นี่ผมหวังอะไรอยู่รึป่าวก็ไม่รู้แฮะ แต่คือเวลาคุยกับพี่มาร์คแล้วโอเค สบายใจ อยากคุยด้วยบ่อยๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
วันนี้ ก็เหมือนกับทุกๆวัน ตื่นเช้า มาโรงเรียน เข้าเรียน ซ้อมกีฬา... ชีวิตผมก็มีแค่นี้แหละ เฮ้อ...น่าเบื่อชะมัด นี่เลิกเรียนก็ต้องรีบกลับบ้านไปช่วยแม่เก็บร้านอีก
บ้านของผมมี Cafe เล็กๆเป็นของตัวเอง แม่ทำงานคนเดียว นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผมต้องรีบกลับบ้าน และต้องมาเป็นนักกีฬาที่แสนจะลำบาก นั้นก็เพราะทุกๆการแข่งขัน มันจะมีค่าตัวให้นักกีฬาด้วยแหละ อืม..คล้ายๆเงินอัดฉีดน่ะครับ เงินที่ผมได้มาจากการแข่ง ยิ่งระดับสูงๆก็ยิ่งได้เยอะ ช่วยผ่อนแรงแม่ได้เหมือนกันน้า
นักกีฬาอย่างผมทำขนมเค้กเป็นนะครับ ไม่ใช่อะไรหรอกแม่สอนผมไว้ให้สืบกิจการต่อ แต่ผมยังลังเลว่าในอนาคตผมจะทำต่อมั้ย
คุณลองคิดสภาพนักกีฬาตัวเท่าหมีควายยืนอยู่หน้าเคาท์เตอร์รับออเดอร์ขนมเค้ก... แต่โชคดีนะที่ผมเกิดมาขาว หล่อ ถ้าต้องทำจริงๆก็คงไม่น่าเกลียดหรอก (มั้ง) ~
และตอนนี้ก็ 4 โมงเย็น... เลิกเรียนแล้วก็ต้องไปซ้อม
“เฮ้ยๆๆๆ ระวัง!!!” เนื่องจากที่ผมเหม่อลอยกับความคิดเมื่อครู่ รุ่นพี่หน้าโหดที่ขับรถมอไซค์ตัดหน้าผมก็เฉี่ยวขาผมไปเต็มๆ
“อ๊า...” ขาผมพับลงทันที ก้นนี่จ้ำอ่าวพื้นเต็มๆ โอ้ยยยยย เจ็บตูดชิบหาย ไอ้รุ่นพี่บ้านั้นก็ขับรถไปหาได้เหลียวแลไม่ แถมผมยังได้ยินเสียงด่าจากมันด้วย ... เออดี ชีวิตดี นี่ผมโดนเฉี่ยวนะเว้ย มึงนั้นแหละผิด ฟรัค ...ผมสถบด่ามันกลับ ก่อนจะพลิกดูต้นขาตัวเองที่ไม่มีรอย ไม่มีแผลเลือดตกยางออกใดๆ แต่ดูมันบวมเปล่งๆขึ้นมานี่เหมือนช้ำจากข้างใน ให้ตายสิ งี้ก็ซ้อมไม่ได้สักพักแน่ๆ
โชคดีที่มันเป็นเวลาเลิกเรียนได้สักพัก คนก็เริ่มทยอยกลับบ้าน และโชคดีตรงที่ว่าไม่มีใครเห็นผมถูกรถเฉี่ยว ไม่งั้นผมได้คลุมปี๊ปมาเรียนสักอาทิตย์สองอาทิตย์แน่ๆ
ผมประคองตัวเองขึ้นมาก่อนจะเดินช้าๆเพื่อไปห้องพยาบาล .. บอกผมทีเถอะว่าท่าเดินตัวเองทุเรศแค่ไหน เหมือนเป็ดพิการเดินหาแม่เลยวะคยอม ... แต่ไม่ได้ละครับสปีริตนักกีฬาเจ้บแค่ไหนก็ต้องสู้ รถเฉี่ยวแค่นี้ต้องไม่ตาย กระดูกหักตอนแข่งยังเป็นมาแล้วเล้ย!
“โว้ย มาเป็นไรตอนนี้วะเนี้ย อีกสองอาทิตย์มีแข่งอีกนะเว้ย…” ผมเริ่มหัวเสีย ก่อนจะพยุงตัวเองลุกขึ้น ค่อยๆเดินจับกำแพงอาคารเรียนมาเรื่อยๆ
.
.
.
“นะ...น้องยูค??” ในขณะที่ผมเดินประคองตัวเองไปห้องพยาบาล ก็ดันเจอกับ..นางฟ้า
“อะ! พี่มาร์ค อันยองครับ” ผมแค่นยิ้มแสนแห้งเหือดไปให้ .. ผมไม่รู้นะว่าพวกคุณเป็นกันมั้ย เวลาเจอคนที่เราคุยด้วยทุกวันผ่านโซเชี่ยวตัวเป็นๆอะ มันเขินๆแปลกๆ...
ไม่! ผมจะเขินทำไมเนี้ย ผมไม่ได้เขิน ... แค่ประหม่านิดหน่อย จริงๆนะ
“ทำไมเดินอย่างนั้นละครับ” พี่มาร์คคนตัวเล็กมองผมด้วยแววตาสงสัย ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ แต่เหมือนพี่เขาจะเป็นห่วงผม
“อ้อ รถเชี่ยวอะพี่ เรื่องธรรมดาน่า พี่ก็รู้ นักเรียนโรงเรียนเรามีแต่พวกใจหมา ชนแล้วหนี ไม่มีน้ำใจ” ผมพูดขึ้นอย่างเซ็งๆก่อนจะค่อยๆเดินต่อไป
“หึ้ย มันไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะครับ! พี่จะพานายไปห้องพยาบาล ไม่ต้องปฏิเสธด้วย เอากระเป๋านายมาครับ” จู่ๆมือเล็กๆก็ถือวิสาสะเอาประเป๋าผมไปสะพาย ก่อนจะมาพยุงผม ...พี่มาร์คดึงแขนของผมพาดคอตัวเอง ก่อนจะโอบมืออีกฝั่งมาจับเอวของผม
เหยด...
“เห้ย พี่ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ผมโอเค ผมไปเองได้”
“นายจะปฏิเสธน้ำใจพี่งั้นเหรอ” ร่างเล็กที่ใบหน้าห่างจากผมไม่กี่คืบ จ้องมองด้วยสายตาตำหนิ ทันทีที่ผมมองกลับ ผมสังเกตได้เลยว่าหน้าพี่เขาขึ้นสี
“โอเคครับพี่ งั้นพี่พาผมไปถึงเตียงเลยนะ” นิสัยขี้แกล้งของผมกำเริบอีกแล้ว
“ฮะ!?” ดูๆ ดูเขาทำหน้าสิ พี่มาร์คมองผมตาโต ก่อนจะอ้าปากน้อยๆ
น่ารักชะมัด...
“อ่าว ก็เตียงที่ห้องพยาบาลไง นี่คิดไรเนี้ยพี่ ฮ่าๆๆๆ” ผมแค่นหัวเราะยิ้มตาหยีใส่พี่แก แต่ดูเหมือนพี่เขาจะไม่เล่นด้วยสักนิด
“ปล่อยให้เดินขาลากไปเองดีมั้ย” ร่างบางส่งเสียงจิ๊ในลำคอ แต่ก็ยังพยุงร่างสูงนั้นต่อไป
“ผมไม่ได้ขอให้พี่ช่วยเลยนะครับ~”
“...” พี่มาร์คยืนนิ่ง พี่เขาดูแปลกไปเลยหลังจากผมจบประโยค ... ผมพูดแรงไปรึเปล่านะ ไม่นะ ผมไม่เห็นได้พูดอะไรไม่เข้าท่าเลย
“ฮ่าๆๆ ล้อเล่น ป่ะๆ เถียงกันอย่างนี้ถ้าขาผมขาดก่อนถึงห้องพยาบาล พี่ต้องรับผิดชอบนะ :P ”
“ไอ้เด็กโข่งเอ๊ย..” พี่มาร์คหันมาทำหน้ายู่ใส่ผม โอ้ยนี่จะถึงห้องพยาบาลมั้ย ผมจะเป็นลมเพราะความน่ารักของคนข้างๆก่อนรึเปล่าบอกที
.
“โอเคครับ หมอใส่ยาไว้แล้ว จากนี้ไปก็พยายามอย่าเดินเยอะ นี่นักกีฬาด้วยนี้? ช่วงนี้พักซ่อมก่อนนะจะได้หายเร็วๆ 2-3 วันก็ปกติแล้ว เข้าใจมั้ย” ลุงหมอใจดีพูดพร้อมกับตบบ่าผมเบาๆ
“ครับ ขอบคุณมากนะฮะ”
“โชคดีลูก เอ่อ เราน่ะ มาช่วยพยุงน้องเขาด้วยละ” หมอหันไปพูดกับพี่มาร์คแล้วเดินไปหลังห้อง พี่มาร์คที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องพยาบาล ดูอ้ำอึ้ง ก่อนจะชี้มาที่ตัวเองแล้วพูดว่า ‘ผมเหรอครับ?’ ผมยิ้มให้น้อยๆกับพี่ชายใจดีที่กำลังเดินมา พี่มาร์คพยุงผมขึ้น แต่ผมก็ดันแกล้งถ่วงน้ำหนักไว้ พี่มาร์คมองหน้าผมแล้วขมวดคิ้วใส่ ดูหน้าสิ เหมือนจะตีผมเลยครับ ฮ่าๆๆ
“ลุกขึ้นสิเจ้าหมียักษ์”
“ช่วยดึงผมแรงๆหน่อยได้มั้ยพี่ ขามันไม่มีแรงอะ จริงๆนะ..” ผมพูดอย่างวิงวอน คนตัวเล็กดูท่าทีแปลกๆ เขาจับมือผมช้าๆ...เหมือนมือพี่เขาจะสั่นด้วยอะ?
“นับ 3 แล้วลุกนะ..”
“1”
“2”
“3”
“ฮึ้บบ // เหวอ” ทันทีที่ผมลุกขึ้นอย่างพรวดพราด พี่มาร์คที่ตัวบางกว่าผมมากก็เซไปด้านหลัง นั้นกลายเป็นว่า ผมต้องลุกขึ้นเองและดึงพี่มาร์คกลับมาไม่ให้ล้ม..
และหน้าผมกับหน้าพี่เขาห่างกันไม่ถึงคืบ
ใบหน้าสวยขึ้นสีจัด ดวงตากลมโตลอกแลกไปมา ปากเผยอน้อยๆของพี่มาร์คเริ่มสั่น ผมได้สติ จึงค่อยๆถอยตัวห่างออก พี่มาร์คดึงมือตัวเองกลับก่อนจะเช็ดใบหน้าตัวเองหลายๆรอบ
“เอ่อ..พี่ว่านายน่าจะเดินได้แล้ว ขอตัวกลับก่อนนะคยอม” ร่างบางสะพายกระเป๋าตัวเองก่อนจะวิ่งออกไป เหลือแต่คนตัวสูงขาพิการยืนยิ้มคนเดียว
ผมเดินกลับมาโรงยิมเพื่อจะบอกทุกคนว่าขาของผมใช้การไม่ได้ 2-3 วัน รุ่นพี่แจบอมดูเป็นห่วงผมมากกว่าคนอื่นๆ พี่เขากำชับให้ดูแลตัวเองดีๆ อย่าเหม่อลอย ดำเนินชีวิตควรใช้สติให้มากกว่าความหล่อ (พี่เขาว่างั้นจริงๆนะ) และห้ามออกกำลังกายโดยที่พี่เขาไม่ได้นัดซ้อม ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ผมอยู่เฉยๆ นอนอยู่บ้านให้แผลบรรเทาแล้วค่อยมาโรงเรียน
แต่คนอย่างผมมันห้ามได้ที่ไหนละ
“อย่าหน้ามึน เค๊?” ท่านกัปตันตบหัวผมอย่างเอ็นดูก่อนจะวิ่งไปซ้อมต่อ ผมนั่งอยู่บนแสตนซักครู่ ก่อนที่พี่เตี้ยของทีมจะวิ่งมานั่งข้างๆ
“ไอ้หมี มึงโอเคมั้ยวะ” พี่แจ็คสันถามผมด้วยน้ำเสียงกึ่งขำกึ่งสงสาร หลังจากที่ได้ฟังเรื่องเล่ารถเฉี่ยว
“จะโอเคกว่านี้ครับ ถ้าพี่ไม่กลั้นขำ” ผมตอบอย่างรู้ทัน แจ็คสันอมยิ้มก่อนจะกอดคอผม
“ฮ่ะๆ เออ กูคิดออกละ..มึงอะ รู้ป่าว ห้องกูมีคนแอบชอบมึงด้วยนะ~” พี่แจ็คสันเอ่ยเสียงสูง นี่ทำเอาผมอยากรู้
“อะไรวะพี่ พี่พูดเล่นป่ะเนี้ย” ผมตอบอย่างหัวเสีย พร้อมกับมองดูแผลตัวเอง รู้สึกเหมือนเจ็บแปล๊บๆอีกรอบ
“เอ้า! พูดจริงๆนะเว้ย เฮ่ะ..แต่มันไม่ให้บอกมึงหรอกวะ ฮ่ะๆๆ” ไอ้พี่เตี้ยนี่กวนตีนจริง
“โว้ะ พูดมาขนาดนี้ละ พี่ก็พูดออกมาเลยดิวะ” ผมหงุดหงิดน้อยๆ พี่แจ็คสันเลยยอมอ่อนข้อให้
“..อะ งั้น... กูให้มึงทายเอาละกัน” แจ็คสันบิดขี้เกียจไปมา
“พี่อยู่ทับไร” ผมมองหน้าพี่เขาอย่างจริงจัง
“แค่นี้ลืม กู 6/4 สายศิลป์ไงสัด” เออว่ะ ลืม
“6/4...” ม.6ที่ผมรู้จักนอกเหนือจากคนในทีม ก็เห็นจะมีแต่คนเดียว ...
.
.
Yu Gyeom
พี่มาร์คอยู่ห้องไหนอะครับ?
Mark Tuan
ห้อง 4 สายศิลป์ครับ ^[++++]^
Yu Gyeom
อ่อ~ เสียดายจังอยู่คนละสายไม่ได้เล่นพี่รหัส-น้องรหัสกับห้องพี่เลย T___T
.
.
“หืมมมมมมมม” ผมระลึกชาติเมื่อครู่...เอาละสิ หรือจะเป็นพี่มาร์ควะ?
“หืมไรวะ ไงมึงลองทายมา ทายถูกกูให้พันวอนเลยอะ ฮ่าๆๆๆ” พี่แจ็คสันหัวเราะอย่างมีชัย พี่เขาคงคิดว่าผมไม่มีทางรู้แน่ๆ
“ผมสีน้ำตาลเข้ม ผิวขาว ตัวบางๆ สูงน้อยกว่าผมประมาณหนึ่งฝ่ามือ จมูกโด่งๆ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนๆ ฟันเรียงสวย แถมมีเขี้ยวด้วยอีกต่างหาก” ผมใส่ไม่ยั้งอะครับ และดูจากท่าทีของอีกคนแล้ว
..ผมว่าแม่งใช่พี่มาร์คนี่แหละ..
“เชี้ย...” พี่แจ็คสันดูเหงื่อตก เห้ย อย่าบอกนะเว้ย..ว่าใช่จริงๆอะ
“..และที่สำคัญเป็นผู้นำเชียร์ ?”
“โอ้ย ไอ้เหี้ยยยยย รู้ขนาดนี้พูดชื่ออกมาเลยดีกว่าม่ะ!”
“พี่มาร์ค”
“เหี้ยละ เชี้ยยูคมึงอย่าไปบอกมันนะเว้ยว่ามึงรู้แล้วอะ อ๊ากกกกกก มันเอาพี่ตายแน่เลย โว้ยยย กูทำไงดีวะเนี้ย T______T” พี่แจ็คสันลงไปแดดิ้นกับพื้นเหมือนคนขาดยา...
“เอามาก่อน 1000 วอน” ผมพูดพร้อมกระดิกมือแล้วยักคิ้วให้ข้างนึง
“กูให้มึง 5000 เลยอะ แต่มึงห้ามบอกมาร์คนะเว้ย สัญญากับกูก่อน!” พี่แจ็คสันปาเงินให้ผม วู้ว ดวงดี อยู่เฉยๆก็ได้ตังค์
“สัญญาคร้าบบ สัญญา J ” ผมเก็บเงินใส่กระเป๋าก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ให้พี่แจ็คสัน
แต่ว่า ...พี่มาร์คชอบผมจริงๆงั้นเหรอ ??
เห้ย ...ผม ช็อคจริงๆนะ
“กลับมาแล้วครับ” ผม เอ่ยให้พ่อที่กำลังคีย์โน้ตบุ๊คอยู่หน้าบ้าน
“ไง วันนี้ทำไมกลับช้าละลูก” พ่อถอดแว่นก่อนจะยิ้มให้ผม
“คือ...พอดีว่า รุ่นน้องที่รู้จักถูกรถเชี่ยวน่ะครับ ก็เลยเข้าไปช่วยนิดหน่อย..” ผมตอบปัดหน้าแดงๆ ก่อนจะรีบกระชับกระเป๋าสะพายเดินเข้าไปในบ้าน พ่อยิ้มแล้วพยักหน้าเชิงตอบผมเล็กน้อย
ผมนั่งเล่นอยู่ห้องรับแขกที่เชื่อมกับระเบียงหน้าบ้านที่พ่อกำลังทำงานอยู่ ผมเปิดโทรทัศน์ก่อนจะเห็นอะไรบางอย่างที่วางไว้บนโต๊ะกระจกหน้าทีวี
“พ่อซื้ออเมริกันชีสเค้ก กับมาการองไส้คาราเมลมาให้ เห็นร้านน่ารักดีเลยแวะเข้าไป กาแฟเข้มข้น เค้กก็อร่อย พ่อเลยสั่งมาให้ลูกลองชิม”
“อ่า ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้พ่อก่อนจะหยิบถุงกระดาษน่ารักๆ ที่ดูเหมือนถูกเขียนชื่อร้านด้วยมือลงไป แฮนด์เมคด้วยน่ารักจัง~
“SUGAR..” ผมค่อยๆบรรจงแกะชีสเค้กอย่างเบามือ นั้นละครับ คนสมัยนี้มักชอบถ่ายรูปก่อนกิน ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ผมจัดองค์ประกอบทั้งถุงกระดาษ ชีสเค้ก มาการองชิ้นโต ช้อนพลาสติก กระดาษทิชชู่ ก่อนจะหามุมถ่าย
เอ๋...เอาไปยั่วคนขาเจ็บหน่อยดีกว่ามั้ยนะ
หลังจากที่ผมถ่ายรูปเสร็จก็อัพลง IG และหลังจากนั้นก็จัดการยัดลงกระเพาะ ฮืมมมม...
อร่อย ! คำแรกที่ออกจากปากผมคือ 'อร่อย' อร่อยมาก อร่อยจริงๆ ชีสเค้กเนื้อนุ่มละมุนติดที่ปลายลิ้น พ่วงกลิ่นหอมอ่อนๆของวานิลลายังละลายในปาก ส่วนมาการองเนื้อแป้งละเอียดมาก ไม่หวานเกินไป กำลังพอดี บ่งบอกเลยนะเนี้ยว่าร้านนี้ใส่ใจในการทำแค่ไหน
ผมตัดสินใจทักแชทเจ้าหมีตัวใหญ่ไป ก่อนจะส่งรูปที่พึ่งอัพลง IG ไปให้
Mark Tuan
เอามาฝาก ฮี่ๆๆ อร่อยมากเลยยยย~ หายไวๆนะงับ ^[+++]^
.
.
.
Rrr
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้น ขณะผมเดินกระเผลกกลับบ้าน
Mark Tuan …อ้าว ~ ถึงบ้านปุ๊บก็ตอบปั๊บเลยน้า ~ ว่าแต่ส่งรูปอะไรมาให้นะ ?
ผมกดเปิดอ่าน พร้อมกับรอยยิ้มที่ฉีกจนจะถึงหู
หืม
ชีสเค้กหน้าคุ้นๆ กับ มาการองสีนี้..
ลายมือบนถุงกระดาษ คล้ายๆลายมือผมที่ช่วยแม่เขียนบนถุงกระดาษเป็นชื่อร้านว่า..
‘ S U G A R ’
นี่มันร้านแม่ผมนี้ ?
ควรตอบไปว่าอะไรดีนะ ฮ่าๆๆๆๆ
ต่อไปถ้าอยากกิน คงได้ทำให้กินทุกวันแน่เลย มาร์คต้วน :P
- To Be Continued -
Talk
อืม...ถ้าพี่ต้วนรู้ว่ากินเค้กฝีมือคยอมนี่จะรู้สึกยังไงนะ (กร๊ากกกก)
จบไปแล้วอีกตอนนึง จะพยายามมาอัพบ่อยๆนะงับ
ยังไงก็...คอมเม้นต์สักนิด คืนความสุขให้ไรท์เตอร์นะทู๊กคน ~ รักนะฮ้า *ทำท่าซารางเฮ*
เจอกันตอนหน้าค้าบ J
ความคิดเห็น