คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : CHAPTER 3...หากแต่นี่คือการได้พบกันครั้งแรก100%
Chapter 3
หากแต่นี่คือการได้พบกันครั้งแรก (1)
“องค์ชายพะย่ะค่ะ มีพระบรมราชโองการจากฝ่าบาทให้พระองค์ทรงเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ” มหาดเล็กนัมกล่าวทูลองค์ชายของเค้าที่กำลังคร่ำเคร่งกับการฝึกอาวุธดาบสองมืออยู่ ร่างสูงหยุดการฝึกซ้อมนั่นลงก่อนจะหันมาถามเค้าว่า
“ฝ่าบาทจะให้เราไปพบตอนไหน”
“เป็นช่วงพระกระยาหารเช้าในวันพรุ่งพะย่ะค่ะ” เค้ากราบทูล ร่างสูงพยักหน้ารับก่อนจะโบกเป็นเชิงให้เค้าออกไป ด้านผู้ที่ยังอยู่ในลานฝึกฝีมือเช็ดเหงื่อไคลที่ไหลอยู่บนใบหน้าด้วยแขนเสื้อพลางเดินตรงไปยังโต๊ะไม้ข้างลานฝึกเพื่อดื่มน้ำเปล่าที่ตั้งอยู่บนนั้น ก่อนจะเก็บดาบทั้งสองลงสู่แท่นวางดาบก่อนเดินออกไป
บุรุษผู้นี้มีนามว่า ‘ลี ฮารุ’ เค้าคือ The Ignore Prince of Dark แห่งอาณาจักร Azygous ดินแดนที่มีแต่นักฆ่ามากฝีมือและศูนย์รวมแห่งศาสตร์มืดทุกแขนง Azygous เป็นรัฐเดี่ยวที่ไม่ได้เป็นพันธมิตรกับใคร การที่จะร่วมลงมือกระทำอะไรกับใครซักอย่างย่อมจะต้องมีผลประโยชน์ที่ฝ่ายพวกเค้าจะต้องได้เปรียบเสมอ ซึ่งฝีมือของชาว Azygousion ก็คุ้มค่ากับราคาที่สูงลิบลิ่ว
‘ลี ฮารุ’ องค์ชายผู้เก่งกาจผู้นี้ก็เป็นองค์ชายที่สืบสายเลือดตรงจากพระราชาลี แจจินและพระราชินีควอน ยูริ แต่กลับมิได้มีอำนาจสำคัญอันใดในราชสำนัก เป็นเพียงแค่องค์ชายใหญ่มิใช่องค์ชายรัชทายาทผู้ที่จะได้สืบทอดบัลลังก์ต่อจากพระราชาแจจินอย่างที่ควรจะเป็น องค์ชายที่ไร้ค่าอย่างเค้าจึงต้องระเห็จจากวังในเมืองหลวงมาอยู่ในทางตอนใต้ของอาณาจักร ที่ที่ห่างไกลจากวังหลวงยิ่งนัก แม้จะมีสภาพอากาศดีหรือมีทิวทัศน์สวยงามซักเท่าไหร่ ก็มิอาจสามารถจะลบล้างความอ้างว้างที่มีอยู่ในใจเค้าออกไปได้
เค้าเป็นบุรุษที่มีหน้าตางดงามราวกับผู้หญิงแต่ทว่าแฝงความแข็งแกร่งอย่างบุรุษเพศเอาไว้ ดวงตาสีนิลแฝงความเย็นชาไว้เสมอ คิ้วสวยได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเฉียบ หากแม้เพียงแต่เค้ายิ้มซักนิดคงจะสะกดหัวใจสตรีในอาณาจักรนี้ได้หลายคน แต่ทว่ากลับมิเคยมีใครได้เห็นรอยยิ้มนั้นซักที ผมสีดำสนิทที่ยาวระต้นคอตัดกับผิวขาวละเอียด แม้จะดูคล้ำไปนิดแต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธว่าเค้าช่างงดงามเหลือเกิน
ร่างสูงในชุดฝึกซอมขึ้นควบม้าคู่ใจกลับตรงไปยังวังของเค้า ที่ที่ไร้ซึ่งความอบอุ่นใจ นางกำนัลหน้าตาสะสวยสองคนเดินตรงเข้ามาหาเค้าพลางรับเสื้อคลุมหนังสัตว์ตัวยาวของเค้าหนึ่งในนั้นถามเค้าว่า “องค์ชายจะไปห้องสรงน้ำเลยมั้ยเพคะ”
“ไปเลยก็ได้ซูยอง” เค้าตอบ “ส่วนแทยอนช่วยจัดกระเป๋าให้เราหน่อยนะ เราจะไปเมืองหลวง” เค้าบอกกับนางกำนัลอีกคนที่ร่างเล็กกว่า
“แล้วองค์ชายจะให้จัดเตรียมรถม้าด้วยมั้ยเพคะ” แทยอนถามเค้า
“ไม่ล่ะ” เค้าตอบพลางส่ายหน้าเล็กน้อย “เราไปเองจะสะดวกกว่า” ก่อนเดินตามซูยอง นางกำนัลอีกคนนึงที่ยืนรอเค้าอยู่
ร่างเล็กในชุดผ้าฝ้ายสีขาวเดินนำหน้าเค้าไปก่อนจะเลี้ยวไปยังห้องห้องหนึ่งที่มีกลิ่นหอมของดอกลาเวนเดอร์ที่โชยมาตามสายลมอย่างอ่อนๆ นั่นทำให้เค้ารู้สึกได้ถึงความผ่อนคลาย หญิงสาวที่เดินนำหน้าเค้ามาเมื่อครู่หันหน้ากลับมาหาเค้าก่อนจะลงมือปลดกระดุมเสื้อเค้าออกทีละเม็ด
“ช้าก่อนซูยอง” เค้าเอ่ยพลางจับมือเล็กๆของเธอไว้ “เจ้าออกไปเถอะ เราอาบเองได้” เค้าพูดก่อนจะวางมือหล่อนไว้ข้างลำตัวของหล่อนเอง ซูยองพยักหน้ารับก่อนจะค้อมตัวเล็กน้อยแล้วเดินออกไป
เมื่อหล่อนออกไปเค้าก็ค่อยๆเปลื้องอาภรณ์ทั้งหมดแล้วลงแช่ตัวในกระแสน้ำที่ไหลวนเอื่อยๆในสระขนาดใหญ่นั่นอย่างสบายใจ
ทันทีที่เค้าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเค้าก็ตรงไปยังห้องทำงานทันที ก่อนที่เค้าจะเข้าห้องนั้นเค้าก็สั่งกับมหาดเล็กหน้าห้องว่า “เจ้าช่วยไปตามเสนาบดีชินมาพบเราที”
เค้าทิ้งตัวลงบนเก้าอี้บุหนังสีดำที่ตั้งอยู่ข้างๆโต๊ะกลมตัวเล็กที่อยู่ข้างๆกับหน้าต่างบานใหญ่ที่เค้ามักใช้ชมทิวทัศน์ภายนอกอยู่บ่อยๆ ก่อนจะค่อยหลับตาลงพลางถอนหายใจอย่างช้าๆ ซักพักเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงทุ้มต่ำที่กล่าวว่า “ห่มอมฉันชิน ดงฮีพะย่ะค่ะ”
“เชิญ” เค้าพูด แล้วประตูห้องก็ถูกเปิด ร่างท้วมเล็กน้อยเดินเข้ามาเค้าหมุนเก้าอี้ไปหาก่อนจะผายมือให้บุคคลที่เพิ่งเข้ามาใหม่นั่งลงที่เก้าอี้รับแขกอย่างสุภาพก่อนจะเดินตรงไปนั่งเช่นเดียวกัน
“องค์ชายทรงเรียกหม่อมฉัน มีอะไรหรือพะย่ะค่ะ” เสนาบดีชินเอ่ยถาม
“วันนี้เรากำลังจะเข้าเมืองหลวงไปหาพระบิดา เลยอยากฝากวังนี้ไว้กับท่านหน่อย” เค้าพูด
“ได้พะย่ะค่ะ” ท่านชินรับคำ แต่ก็มิวายสงสัยเอ่ยถามเค้าว่า “แต่ว่าความสามารถอย่างองค์ชายแล้ว แค่ไปให้ทันมื้อพระกระยาหารเช้า ออกเดินทางตอนค่ำก็น่าจะทันมิใช่หรือพะย่ะค่ะ”
“เราไม่ชอบเดินทางตอนกลางคืน” เค้าบอกเหตุผลก่อนจะลุกยืนขึ้น “เชิญท่านออกไปเถอะ ดูแลรักษาที่นี่ให้ดีด้วย” เสนาบดีชินพนักหน้ารับคำก่อนจะค้อมตัวให้เค้าเล็กน้อยแล้วเดินออกไป เค้า
เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆว่า “คืนเดือนแรมแล้วสินะ”
เมือง Adolph
ชายหนุ่มสี่คนที่ดูภูมิฐานและมีสง่าราศีกำลังถูกจับจ้องจากผู้คนที่กำลังเดินสัญจรกันในตลาด พวกเค้าเป็นที่หมายปองของสตรีหลายๆคนในเมืองนี้ ด้วยหน้าตาที่ดูหล่อเหลาและการเป็นลูกของชนชั้นสูง พวกเค้าจึงดูน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
“พวกนายดูดิ ไม่รู้ผู้หญิงพวกนี้ไม่รู้จะอะไรนักหนา” ชายหนุ่มผิวขาวผู้ดูเย่อหยิ่งบ่นออกมาพลางเบ้ปากเล็กน้อย “ทำอย่างกับพวกเราใช่คน ซุบซิบนินทาอยู่ได้”
“ก็ถูกแล้วนี่คยูฮยอน เราไม่ใช่คนนะ” ชายหนุ่มอีกคนในชุดสีหวานเอ่ยยิ้มๆ “พวกเราเป็นเอล์ฟกับมนุษย์หมาป่าต่างหากล่ะ”
“นี่ซองมิน ฉันหมายได้ความแบบนั้น” เค้าพูดพลางขมวดคิ้วนิดๆ “คือแบบ พวกเค้าน่ะไม่เห็นว่าพวกเราเป็นปกติเหมือนพวกเค้ารึไง”
“ไหนนายบอกพวกเราสูงส่งไง” ซองมินย้อนเค้ายิ้มๆ “เราไม่ควรจะเอาตัวเข้าไปเทียบกับประชากรที่ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ไม่ใช่หรอ”
ร่างสูงชักสีหน้านิดๆ พลางจี๊ปากอย่างไม่พอใจ “นายจะไม่ขัดฉันซักเรื่องจะได้มะซองมิน นี่ฉันกำลังหงุดหงิดอยู่นะ” เค้าพูดอย่างอารมณ์เสีย เพื่อนบ้านี่มันกวนประสาทจริงๆ เค้านึกในใจ ส่วนซองมินกลับไม่สำนึกแถมยังลอยหน้าลอยตาอยู่อย่างนั้น มันน่าขย้ำให้ตายซะจริง
“นี่ พ่อหมาป่าคยู อย่าทำหน้าอย่างนั้นได้มะ ฉันก็กลัวเป็นนะ” ซองมินพูดกลั้วยิ้ม พลางหันไปบีบจมูกเพื่อนรักอย่างมันเขี้ยว “นี่ถ้านายทำฉันกลัวนะ ฉันจะกระโดดหอมแก้มนายเลยอ่ะ จะบอกห้ายย ^^”
คยูฮยอนมองหน้าคนพูดอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะพูดลอดไรฟันว่า “ถ้านายทำแบบนั้นจริงๆ ฉันจะกัดนายให้จมเขี้ยวเลยคอยดู”
“พวกนายสองคนนี่นะ ทะเลาะกันอยู่ได้น่ารำคาญจริงๆ” ชายหนุ่มผิวขาวที่หล่อเหลาอีกคนนึงพูด พลางหันไปยิ้มให้กับหญิงสาวผู้นึงที่เดินสวนมาทำเอาหญิงสาวผู้นั้นเขินอายหน้าแดงก่อนจะหันไปถามชายหนุ่มร่างสูงหน้าขรึมอีกคนที่เดินอยู่ข้างๆ “นายว่างั้นมะคิบอม พวกซองมินกะคยูเนี่ย น่ารำคาญชะมัด”
“หึ แล้วแต่นายจะคิด” คิบอมตอบเจ้าของคำถาม พลางมองร้านขายของข้างทางร้านนึงอย่างสนใจ ก่อนจะบอกกับกลุ่มเพื่อนของเค้าว่า “เดี๋ยวมานะ ไปซื้อของก่อน”
เมือง Bing
“ลูกขอรับงานนี้เป็นงานสุดท้ายได้มั้ยคะพ่อ” หญิงสาวหน้าตาสวยหวานแต่แววตาแฝงไปด้วยความมั่นใจกล่าว “ลูกไม่อยากฆ่าใครอีกแล้ว”
“ซึลกิ ลูกไม่จำเป็นจะต้องไปใส่ใจพวกนั้นเลย เราคือตระกูลปาร์ค นักล่าแวมไพร์อันดับหนึ่ง เรื่องพวกนั้นเจ้ามิควรนำเก็บมาคิดให้วุ่นวาย”
“แต่ถึงแม้เค้าจะเป็นแวมไพร์ แต่เค้าก็มีหัวใจนะคะ ลูกสงสารเค้าจริงๆ” ซึลกิแย้ง เธอพูดไปด้วยน้ำตาคลอหน่วย นึกแล้วก็สงสารพวกเค้าเหล่านั้นจับใจ
“มันคือปีศาจนะซึลกิ” ผู้เป็นพ่อแย้งเธอ
“แต่เค้าก็มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่นะคะ” เธอพูด “นะคะ ลูกขอรับงานนี้เป็นครั้งสุดท้าย”
“ตามใจล่ะกัน...ซึลกิ” เค้าพูดเมื่อเห็นว่าพยายามบอกเท่าไหร่ลูกสาวคนเดียวก็ไม่เชื่อแล้ว “แล้วหลังจากงานนี้เราจะทำอะไร”
“เกาะพ่อกินมั้งคะ” เธอตอบยิ้มๆ ก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “ลูกจะกลับไปยัง Azygous แล้วผันตัวเป็นครูสอนศาสตร์มืดอย่างเต็มตัวค่ะ”
“อย่างเรานี่นะจะเป็นครู” เค้าถามอย่างไม่เชื่อ ซึ่งเธอก็พยักหน้าอย่างมั่นใจ ก่อนพูดว่า“พ่อเชื่อในตัวลูกสิคะ...งั้นลูกกลับที่พักของลูกก่อนละกัน” เธอเอ่ยคำลาพ่อของเธอก่อนจะเดินออกมา
บรรยากาศรอบๆที่พักของพ่อเธอช่างดูวังเวงยิ่งนัก แถมลมตอนดึกนี่ก็แรงมากเสียจริง หากว่ามีแวมไพร์อยู่ที่ซักตัวสองตัว เธอคงไม่พ้นได้เป็นเหยื่อของมันแน่แท้ เธอเดินต่อไปโดยที่ไม่รู้เลยว่าอะไรบางอย่างกำลังตรงมาหาเธอ
‘ฟึ่บ’ ร่างบางถูกรวบกอดจากด้านหลัง กลิ่นที่เธอถูกสั่งสอนมาแต่เด็กให้จดจำว่าเมื่อมันเข้าสู่โสตประสาทเธอเมื่อไหร่ให้จัดการฆ่าบุคคลที่เป็นจุดกำเนิดของกลิ่นนั้นซะ แต่เธอไม่นึกว่าเธอจะอยู่ใกล้บุคคลคนนั้นขนาดนี้ กลิ่นหอมที่ดูน่าลึกลับและชวนให้หลงใหลมันกำลังกล่อมจิตใต้สำนึกของเธอให้ยินยอมเป็นเหยื่ออันโอชะอย่างช้าๆ และในอ้อมกอดร่างบางดูเคลิบเคลิ้มเหมือนจะยินยอม เจ้าของอ้อมกอดนั่นค่อยแยกคมเขี้ยวสีขาวนั่นออกช้าๆโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังเคลื่อนไหว
“เดี๋ยว” เสียงหวานเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบางนั่น “นายชื่ออะไร”
เค้าแสยะยิ้มให้กับคำถามงี่เง่าพรรค์นั้นก่อนจะบอกว่า “เหยื่อไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้หรอกว่าผู้ล่าน่ะชื่ออะไร”
“หึ งั้นหรอ” หญิงสาวพูดอย่างมีเลศนัย ก่อนที่อะไรเย็นๆและแหลมๆจ่ออยู่ที่คอของเค้า “งั้นนายก็รู้ไว้ซะนะว่าผู้ล่าคนนี้น่ะ ชื่อซึลกิ...ปาร์คซึลกิ” หมุดเงินกำลังจะถูกฝังลงไปในลำคอของชายหนุ่มแต่ทว่าเพียงชั่วอึดใจ ร่างกายอันแข็งแกร่งนานก็อันตรธานหายไปราวกับอากาศธาตุ ทิ้งให้หญิงสาวที่ไม่ทันตั้งตัวต้องหงายหลังลงไปนั่งจุ้มปุ๊กกับพื้นอย่างเจ็บปวด “ชิ ตาบ้านี่จะมาก็มาจะไปก็ไป ไม่คิดจะบอกกันก่อนเลยนะ”
ไรท์เตอร์: อ่า~นัตโต๋ของเรามาส่งต้นฉบับตอนของพันธมิตรแล้วหวังว่าจะถูกใจกันนะคะ เริ่มมีตัวละครเสริมมาเพิ่มด้วย อิอิ นิวคาดว่าทุกคนคงรู้จักเค้ากันทุกคนเลยนะคะ...รักทุกคนที่อ่านแต่จะเป็นพระคุณมากถ้าเม้นให้นะคะ
ความคิดเห็น