ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลพรหม

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 56


    กลพรหม...บทนำ

    ไฟริมทางกะพริบถี่ๆไม่กี่ครั้งก่อนจะสว่างขึ้นท่ามกลางสภาพอากาศที่มืดลงอย่างกระทันหันพร้อมกับสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา ทำเอาคนที่กำลังเดินอยู่บนท้องถนนต่างก็รีบวิ่งหาที่หลบกันจ้าละหวั่น บ้างก็หยิบร่มที่พกไว้ออกมากาง หรือไม่ก็เลือกที่จะหลบเข้าไปในร้านกาแฟสักร้านที่อยู่ใกล้ๆเพื่อนั่งรอให้ฝนหยุดตก

    อากาศแปรปรวนในช่วงกลางฤดูฝนอย่างเช่นวันนี้ ทำให้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะขลุกตัวอยู่ในบ้าน หรือสำนักงานมากกว่าจะออกไปตากฝนด้านนอกให้เปียกชื้นชวนให้ล้มป่วย ยกเว้นก็แต่เพียงเธอเท่านั้น ที่เลือกจะเดินกางร่มอยู่ท่ามกลางฝนพรำและละอองฝนที่สาดเข้ามากระทบผิวกายไม่หยุดหย่อน ทำให้หญิงสาวต้องห่อไหล่เข้าหากันอย่างหนาวเหน็บ

    หนาวที่กินลึกลงไปถึงหัวใจ...

    ทุกครั้งที่ฝนตก เธอต้องหวนคิดถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น และเขา...ที่เปลี่ยนโลกที่แสนหมองหม่นของเธอไปตลอดกาล

    น้ำอุ่นจัดไหลรินผ่านแก้มใสเนียนช้าๆในขณะที่ดวงตาโศกสวยฉายแววเจ็บปวดเนิ่นนาน ก่อนจะหลุบลงมองพื้นที่เปียกแฉะพลางถอนใจยาว

    ทั้งที่เธอหนีมาไกลถึงที่นี่แต่หัวใจกลับต้องทิ้งไว้ที่กรุงเทพฯ พร้อมกับความรักที่ถูกเหยียบย่ำไม่มีชิ้นดีที่เธอยอมกองทิ้งไว้ที่นั่น จงใจจะลืมมัน...แต่ไม่เคยทำได้เสียที

    ท่ามกลางความแค้นและปัญหามากมายในตระกูลใหญ่ที่เธอได้เข้าไปเกี่ยวข้องโดยบังเอิญ เธอเกือบจะคิดอยู่แล้วว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขา...คงจะเป็นความรัก

    จนกระทั่งเธอได้รู้เห็นด้วยตาตนเอง ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็เพียงละครตบตาฉากใหญ่ที่เขาบรรจงสรรค์สร้างขึ้นมาจับตัวคนร้ายที่หมายปองชีวิตเขา แน่นอนมันสำเร็จอย่างงดงาม ทุกอย่างจบลงด้วยดี ยกเว้นหัวใจของเธอ

    หัวใจชอกช้ำที่แหลกยับเยินเกินกว่าที่เธอจะหอบกลับออกมาจากบ้านหลังนั้น

    นี่คงเป็นเวรกรรม...เธอหลอกเขา เขาก็หลอกเธอ สมควรแล้วที่จะถูกเอาคืนแสนสาหัสเช่นนี้

    อา...ความรู้สึกของคนที่ถูกหักหลัง มันเจ็บแสบแบบนี้นี่เอง ถ้าไม่โดนกับตัว ชีวิตนี้เธอคงไม่รู้จักความขมขื่นปวดร้าวเช่นนี้

    มือเรียวบางที่ว่างจากการถือร่ม ยกขึ้นแตะหน้าท้องที่เริ่มจะนูนขึ้นมาเล็กน้อย แทบสังเกตไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อมีเสื้อเชิ้ตตัวหลวมที่เลือกสวมใส่อำพรางรูปร่างที่แท้จริงไป

    ไม่รู้ว่าพระพรหมท่านเล่นกลอันใด ที่ทำให้เธอต้องปวดร้าวแสนสาหัสจากผู้ชายคนหนึ่งจนอยากจะลืมเขาให้หมดใจ ทว่ากลับส่งสายเลือดของเขาคนนั้นให้เธอ

    ลูก....ของเธอ ของเธอเท่านั้น

    แม้ว่าจะมีปืนมาจ่อหัวเธออยู่ในตอนนี้ ก็อย่าหวังว่าเขาจะมีสิทธิ์ในตัวลูกแม้แต่ปลายเส้นผม

    หลังขึ้นมาปักหลัก เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เชียงใหม่ได้ราวสามเดือน เธอก็พบสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตนเอง น้ำหนักอาจจะเพิ่มเล็กน้อยโดยไม่ทันได้สังเกต และแม้ประจำเดือนไม่มาสองสามเดือนเธอก็ไม่รู้สึกว่าแปลกแต่อย่างใด เพราะมักเป็นเช่นนี้เสมอเวลาเครียดเรื่องงานมากๆ แต่อาการอ่อนเพลีย หน้ามืดบ่อยๆ และอาการวิงเวียนคลื่นไส้บ่อยๆในตอนเช้าและเวลาได้กลิ่นฉุนของอาหารบางประเภท ทำให้ครูที่สอนอยู่โรงเรียนเดียวกันถึงกับทักเธอว่า

    นี่ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าครูโรสยังโสดอยู่ พี่ต้องหลงคิดไปว่าครูโรสกำลังจะมีข่าวดีแน่ๆเลยค่ะ ตอนที่พี่สาวของพี่ตั้งท้องลูกคนแรก ก็มีอาการแบบเดียวกันนี้เลยค่ะ

    นั่นทำให้เธอรีบไปคลินิกในตัวเมืองอย่างตื่นตระหนก เรื่องการตั้งครรภ์ไม่ได้อยู่ในความคิดของเธอมาก่อน ทว่าเมื่อได้รับคำยืนยันจากสูติแพทย์แล้วว่าเธอตั้งครรภ์จริงและแนะนำให้เธอรีบฝากครรภ์แต่เนิ่นๆ เธอก็คิดอะไรไม่ออกอีก ได้แต่ทำตามคำแนะนำของแพทย์โดยไม่ทักท้วงและรับยาบำรุงกลับมาหลังจากตรวจเลือดแล้วพบว่าเธอมีภาวะโลหิตจางเล็กน้อย เนื่องจากการขาดธาตุเหล็กในระหว่างการตั้งครรภ์

    หลังออกจากคลินิก เธอรีบแวะร้านหนังสือต่อทันที และหาซื้อคู่มือแม่และเด็กมาหลายเล่ม จนแน่ใจว่าเธอจะไม่พลาดทุกเรื่องที่จำเป็นต้องรู้สำหรับการเป็นแม่...ซิงเกิลมัมเสียด้วย

    และหลังจากออกจากร้านหนังสือใหญ่ในตัวเมืองมา ฝนก็เทกระหน่ำลงมาทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังมีแสงแดดจัดจ้า ตกหลักจนเธอต้องเอาร่มออกมากางอย่างเร่งรีบ

    หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ริมฟตบาทเพื่อข้ามถนนไปขึ้นรถฝั่งตรงข้าม ระหว่างรอข้ามถนน จิตใจเธอฟุ้งซ่านขึ้นมาอีกครั้งจนเธอต้องถอนใจหนักๆหลายๆครั้งเพื่อเรียกกำลังใจให้ตนเอง เมื่อเห็นว่ารถยนต์บนท้องถนนเริ่มเว้นระยะห่าง จึงก้าวขายาวๆไปบนทางม้าลายสีขาว

    และโดยไม่คาดคิด รถยนต์คันหนึ่งแล่นฝ่าสายฝนมาด้วยความเร็ว และด้วยม่านฝนหนาที่บดบังทัศนียภาพบนท้องถนน ทำให้กว่าคนขับรถจะเห็นผู้หญิงที่กำลังก้าวข้ามถนน ก็ใกล้จนเบรคไม่ทัน

    นัยน์ตาคู่โศกเบิกกว้างอย่างตระหนกสุดขีดเมื่อแสงไฟสาดมากระทบลานสายตาในระยะเกือบประชิด แรงกระแทกหนักๆที่มากระทบร่างกายและเสียงหวีดร้องที่ดังขึ้นรอบตัวเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอรับรู้ นัยน์ตาเธอพร่ามัวลงเรื่อยๆและสมองเริ่มไม่รับรู้อะไรรอบตัวทั้งสิ้น ทว่าก่อนจะหมดสติไปด้วยความเจ็บปวดที่ร้าวลามไปทั่วทั้งร่างกาย ในห้วงความคิดนั้นกลับมีเพียงเรื่องเดียว

    ...ลูก...




    ............................................................

    หญิงสาวมีอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นบ่อยครั้ง รอบกายมีเสียงสัญญาณจากเครื่องช่วยชีวิตดังตลอดเวลา กลิ่นเลือดผสมปนเปไปกับกลิ่นยาฆ่าเชื้อฉุนจัดในโรงพยาบาลชวนให้รู้สึกคลื่นเหียน ทว่าสติของเธอยังไม่สามารถรับรู้และประมวลผลอะไรได้ และบางครั้งก็แว่วเสียงผู้ชายคนหนึ่งที่คร่ำครวญ เว้าวอนอยู่ไม่ไกล

    ลืมตาสิโรส ตื่นมาคุยกับผมนะ คุณจะด่าว่าทุบตีอะไรผมก็ได้ ...หรือจะเอาปืนมายิงหัวผมให้สมกับความเลวร้ายที่ผมทำไว้กับคุณเลยก็ได้ ผมยอมทุกอย่าง...โรส...ได้โปรด

    หัวใจเธอปวดร้าวขึ้นมาโดยพลัน รู้สึกคุ้นเคยกับเสียงทุ้มนั้นอย่างประหลาด หลายครั้งเธอพยายามจะลืมตาขึ้นมองให้ชัดว่าเขาเป็นใคร ทว่าความเจ็บปวดและความอ่อนเพลียกลับชนะความอยากรู้ของเธอ และดึงสติเธอลงสู่ห้วงนิทราว่างเปล่าทุกครั้งไป

    ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยมานานเท่าใด ในที่สุดหญิงสาวก็ฝืนความปวดร้าวอ่อนแรงของตนเอง ลืมตาขึ้นมาในที่สุด ในครั้งแรกนัยน์ตาคู่โศกสวยถึงกับต้องหยีปิดลงพลันเมื่อกระทบกับแสงไฟสว่างจ้า ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆเมื่อเริ่มปรับสายตาได้

    เธออยู่ในห้องสีขาวกว้างใหญ่ ที่มีเสียงติ๊ดๆเป็นจังหวะสม่ำเสมอดังอยู่รอบกาย และกลิ่นฉุนของยาฆ่าเชื้อลอยกรุ่นอยู่ทั่วทุกอณูของอากาศภายในห้องนี้  เหนือเธอขึ้นไปมีเสาน้ำเกลือที่เต็มไปด้วยขวดพลาสติกเล็กใหญ่สี่ห้าขวดห้อยโหนอยู่ และผู้หญิงในชุดสีเขียวใส่หน้ากากปิดปากจมูก และหมวกสีเขียวคลุมผมเรียบร้อยกำลังปรับแกนหมุนของน้ำเกลือกรือยาสักขวดที่ลอยอยู่เหนือศีรษะเธอ โดยจับจ้องนาฬิกาข้อมือไปด้วยอย่างใช้สมาธิ ...เดาว่าน่าจะเป็นแพทย์หรือพยาบาล

    และเมื่อเจ้าหล่อนปรับทุกอย่างเรียบร้อย ก็ก้มลงมองคนไข้ที่ไม่เคยได้สติเลยนับตั้งแต่วันที่ถูกส่งเข้ามาที่ห้องไอซียูแห่งนี้ ทันทีที่ได้สบตากับนัยน์ตาคู่โศกงุนงงที่กะพริบถี่ๆ ใบหน้าเคร่งเครียดก็ดูผ่อนคลายลงก่อนจะตะโกนบอกใครอีกคนที่อยู่ในห้องเดียวกันอย่างเร่งร้อน

    “ ตามหมอวิทย์เร็ว คนไข้เตียงเก้าฟื้นแล้ว ”

    ภายในไม่กี่นาที แพทย์เจ้าของไข้ก็เดินกึ่งวิ่งเข้ามาที่เตียงของเธอพร้อมกับทีมพยาบาลในชุดเขียวที่เข้ามาห้อมล้อมเธอ หมุนปรับปุ่มมากมายบนเครื่องมือทางการแพทย์หลายชนิดที่เธอไม่รู้จักจนดูวุ่นวายไปหมด

    แพทย์หนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเตียงยิ้มให้กำลังใจคนไข้ก่อนจะเริ่มพูดคุยกับเธอ เริ่มด้วยคำถามทั่วไป ถามชื่อ อายุ ประวัติส่วนตัวของเธอ ซึ่งหญิงสาวตอบได้ตรงกับข้อมูลที่ได้จากบัตรประชาชนในกระเป๋าเงินของหญิงสาวซึ่งเป็นสิ่งระบุตัวตนเดียวที่มีอยู่ของเธอ จากนั้นก็ตรวจร่างกายเธออย่างรวดเร็วและให้เธอทำตามสั่งหลายอย่าง โดยที่บางอย่างก็ข้ามๆไปบ้างเพราะความเจ็บปวดยังทวีความรุนแรงขึ้นทุกครั้งที่เธอเคลื่อนไหวและเรี่ยวแรงที่เคยมีก็หดหายไปตามจำนวนวันที่หญิงสาวสลบไป

    แพทย์เจ้าของไข้ยิ้มปลอบเธอหลังจากที่ซักประวัติและตรวจร่างกายเรียบร้อย และนอกจากปัญหาด้านการบาดเจ็บของร่างกายแล้ว มีเพียงอีกปัญหาเดียวที่ถูกบันทึกลงในชาร์ตคนไข้คือ

    จำเหตุการณ์ก่อนเกิดอุบัติเหตุไม่ได้และไม่ทราบสาเหตุที่เดินทางมาจ.เชียงใหม่

    .......................

    ตลอดทั้งคืนนั้นเธอหลับๆตื่นๆ โดยสะดุ้งตื่นทุกครั้งที่มีนางพยาบาลเฉียดกรายเข้ามาใกล้เตียงและทำอะไรบางอย่างกับขวดน้ำเกลือหรือขวดยาของเธอ จนกระทั่งตอนเช้า เธอก็หลับไม่ลงอีกแล้ว แม้ว่าจะนอนไม่เต็มอิ่ม แต่ในความรู้สึกลึกๆนั้น เธอคิดว่านอนมานานพอแล้ว

    หลังจากที่ผู้ช่วยเหลือคนไข้ในชุดสีเหลืองเข้ามาจัดการเช็ดตัวให้เธอจนเรียบร้อย และช่วยพยุงเธอขึ้นนั่งตามคำขอร้องของเธอ เจ้าหล่อนก็ส่งยิ้มให้กำลังใจมาให้เธอก่อนจะชวนคุย

    “ ถ้าสามีคุณมาเยี่ยมเช้านี้ เขาคงจะตื่นเต้นมากที่รู้ว่าคุณฟื้นแล้ว ” เป็นกฏของห้องไอซียู ว่าห้ามญาติเฝ้าไข้ จะมาเยี่ยมได้ตามเวลาเท่านั้น ดังนั้นเมื่อตกดึก ในห้องไอซียูนี้จึงไม่มีญาติหลือเลยแม้แต่คนเดียว

    “ สามี? ”

    “ ค่ะ เขามาเฝ้าคุณทุกวันเลยนะคะ มาตั้งแต่เวลาเริ่มเยี่ยม จนหมดเวลาทุกวัน ขลุกอยู่ที่นี่ทั้งวันไม่ไปไหนเลย พวกคุณคงรักกันมากสินะคะ ”

    หญิงสาวขมวดคิ้วสงสัย พยายามนึกว่าใคร? ทว่าความปวดหัวที่จู่โจมเข้ามาอย่างทันทีทันใด ทำให้เธอต้องหยุดคิดอย่างจำยอม  เมื่อเงยหน้าขึ้นมาจะถามหญิงสาวในชุดเหลืองก็ถูกเพื่อนร่วมงานเรียกไปเสียแล้ว และหลังจากนั้นไม่กี่นาที เธอก็ได้รับคำตอบ...

    ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อนกับกางเกงแสลคอย่างดีก้าวเร็วๆจนเกือบจะวิ่งเข้ามาที่เตียงของเธออย่างตื่นเต้น นัยน์ตาคมกริบสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายยินดียามจับจ้องร่างซีดเซียวบอบบางที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่กับเตียงที่ปรับระดับได้

    “ โรส ” เสียงทุ้มติดสั่นเล็กน้อยขณะเรียกชื่อเธอ นัยน์ตามีความหมายลึกซึ้งยามทอดมองมา

     “ ผมดีใจจนบอกไม่ถูกที่รู้ว่าคุณฟื้นแล้ว  

    มือกร้านขาวสะอาดรวบมือบางของเธอไว้อย่างระมัดระวัง ทะนุถนอม เต็มไปด้วยความรักจนเธอรู้สึกได้ ทว่า...

    “ คุณเป็นใครคะ? ”

    “ โรส ? ผมไง ...นิค สามีของคุณ ” นัยน์ตาคมกริบฉายแววฉงนระคนตกใจ วูบแรกชายหนุ่มเกือบจะคิดว่านี่คือการเอาคืนของเธอที่ถูกเขาหักหลังหลอกลวงไว้อย่างเจ็บแสบ ทว่าเมื่อสบนัยน์ตาสีนิลที่ฉายแววโศกเป็นนิจ แล้วพบเพียงความว่างเปล่างุนงงอยู่ในนั้น ความหวาดหวั่นก็เข้ามาแทนที

      นี่คุณล้อเล่นผมหรือ? หรือว่าคุณเอาคืนที่ผมหลอกคุณไว้กันแน่... ” วินาทีนั้นเขาภาวนาให้เธอยิ้มตอบกลับมาอย่างเจ้าเล่ห์แสนกลอย่างเคย แล้วบอกว่า ใช่แล้ว นี่คือการเอาคืน ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมายิ่งทำให้เขาใจเสีย

    “ คุณพูดเรื่องอะไรคะ ฉันไม่เข้าใจ...ฉันจำได้ว่าไม่เคยรู้จักคุณมาก่อนจริงๆ และที่สำคัญ... ” หญิงสาวเลียริมฝีปากอย่างประหม่า แล้วมองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ “ ฉันจำได้ว่าตัวเองไม่เคยมีแฟน และแน่นอนไม่มีวันเคยแต่งงานด้วย...คุณจะเป็นสามีของฉันได้ยังไงคะ ”

    “ โรส... ” เสียงทุ้มครางแผ่วอย่างเจ็บปวด วินาทีนั้น ชายหนุ่มรู้สึกราวกับฟ้าถล่มลงตรงหน้า !!!

    ...นี่พรหมลิขิตกำลังทดสอบหัวใจเขา หรือกำลังเล่นกลอันใดกันแน่ ทำไมถึงไม่มีเขาในความทรงจำของเธอ...

    ..........................................................................................


    บทนำออกจะดราม่าไปนิด แต่เนื้อเรื่องจริงๆมันจะหวานกว่านี้มากค่ะ
    หวานชื่นรื่มรมย์ กระชุ่มกระชวยหัวใจเชียว

    แต่มันมีพลิกบทตอนครึ่งท้ายค่ะ และบทนำที่แนบมานี้ อยู่ตรงส่วนครึ่งท้ายของเรื่อง

    เหตุผลที่เลือกตอนนี้มานำก่อนน่ะหรือ???
    ไม่มีอะไรมากค่ะ บีบอารมณ์ดี จันทร์ชอบ ฮี่ๆๆๆๆ
    โรคจิตเนอะ 555

    หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นที่สะดุดใจใครบ้าง ซึ่งยังบอกไม่ได้ เพราะยังไม่เริ่มลง
    เขียนนิยายมาหลายปี จบจริงๆจังๆก็แค่เรื่องเดียว ส่วนเรื่องอื่นก็ล้วนอยู่ในสภาพหมักดองทั้งนั้น

    ก็ไม่ได้อยากจะโทษหรอกนะ แต่แหม...จันทร์เรียนหนักมากค่ะ
    จนอยากจะเอาหนังสือฉีกเข้าปากเคี้ยวแล้วกลืนลงไป เผื่อจะย่อยเป็นสารอาหารให้สมอง 555


    แล้วพบกันค่ะ


    ปรายจันทร์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×