ตอนที่ 8 : ความใกล้ชิดที่น่าปรารถนา (e-book)
ความใกล้ชิดที่น่าปรารถนา
“ต้องการอะไรก็โทร. หาผมได้เลยนะ ผมพักอยู่ห้องข้างๆ นี่แหละ” หลังจากวางเธอลงที่เตียงนอนเรียบร้อย ชายหนุ่มชี้ไปยังโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียง พร้อมชี้ไปยังหมายเลขภายในห้องพักของเขาที่แปะอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับวางไม้ค้ำยันไว้ปลายเตียง เพื่อให้หญิงสาวหยิบใช้ได้อย่างสะดวก
“ขอบคุณมากนะคะ ถ้ามีอะไรจะโทร. บอกค่ะ ตอนนี้คุณภูไปพักผ่อนเถอะค่ะ เพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว” อารภาบอกด้วยท่าทีเกรงใจ
ชายหนุ่ม
“งั้นราตรีสวัสดิ์ครับ” ชายหนุ่มร่ำลา ใบหน้าคมสันนั้นแม้จะไม่เคร่งขรึมเช่นเดิม แต่ก็ไม่มีรอยยิ้ม ยังนิ่งเรียบยากจะคาดเดาความนึกคิด แต่ในยามนี้อารภาไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะค้นหาความรู้สึกของชายหนุ่ม เธออยากอยู่คนเดียวเงียบๆ เพื่อตั้งหลักกับความพลิกผันของเหตุการณ์ในครั้งนี้ เพราะมันเกินความคาดหมายจริงๆ
“กู๊ดไนท์ค่ะ” เธอส่งยิ้มหวาน ภูรินเพียงพยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้องไป พร้อมกดล็อกประตูให้เรียบร้อย
อารภาถึงกับพรูลมออกจากปากอย่างโล่งใจ หลังจากที่สิ้นหวังไปแล้วกับการหาโอกาสได้ใกล้ชิดชายหนุ่ม แต่นี่อะไรนอกจากได้โผเข้ากอดซบอกอุ่น พร้อมอ้อมแขนที่แข็งแรงโอบกอดปลอบโยนแล้ว ภูรินยังอุ้มเธอมาถึงบ้านพักของเขาอีก
‘โอ้ ความโชคดีในความโชคร้ายเป็นแบบนี้นี่เอง’ ไม่รู้ว่าจะแช่งชักหักกระดูกจอห์นต่อ หรือว่าควรจะขอบคุณไอ้หนุ่มฝรั่งคลั่งรักอย่างเขาดี แต่ที่แน่ๆ อย่าได้มาเจอกันอีกเลยชั่วชีวิต!
อารภามองกวาดไปทั่วห้องอย่างนึกชื่นชมในการตกแต่งที่เรียบหรู ทว่าดูสบายตาด้วยโทนสีครีม ให้ความรู้สึกอบอุ่นด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ธรรมชาติในสไตล์คันทรี แต่ก็ดูสดใสด้วยผ้าม่านสีฟ้า ไม่ต่างจากท้องทะเลยามบ่ายจัด จากห้องนอนที่อยู่บนชั้นสี่สามารถออกไปมองทะเลยามค่ำคืน โดยไม่ต้องออกไปยังระเบียงห้องเลย แม้จะรู้สึกแปลกที่ แต่เพราะความตั้งใจที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับภูริน ทำให้อารภาพอใจกับทุกอย่างในห้องนี้ หญิงสาวสามารถหลับลงได้ในเวลาไม่นาน โดยไม่มีอาการไข้ขึ้นอย่างที่บอกภูรินไป รวมทั้งอาการปวดข้อเท้าก็ไม่ถามหาแม้แต่น้อย
อารภาตื่นขึ้นมาในตอนสายด้วยความรู้สึกสดชื่น เธอเดินเข้าห้องน้ำโดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำยัน เพราะข้อเท้ามีเพียงความเจ็บแปลบเล็กๆ เท่านั้น หญิงสาวหยิบแปรงสีฟันอันใหม่จากในตู้ติดผนังมาใช้ เธอล้างหน้า แต่ยังไม่อาบน้ำ อยากรอเสื้อผ้าที่ภูรินบอกว่าจะให้พนักงานเอามาส่งที่นี่ก่อน รวมทั้งข้าวของอื่นๆ ด้วย เมื่อคืนอารภาก็หยิบเฉพาะกระเป๋าถือที่เก็บข้าวของส่วนตัวสำคัญเท่านั้น
เมื่อออกจากห้องน้ำเธอก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง หญิงสาวกลัวว่าจะเป็นภูรินเลยหยิบไม้ค้ำยันมาถือไว้ขณะเดินไปเปิดประตู ครั้นเห็น
วาลินีกับพนักงานสาวอีกคนที่เธอจดจำได้ว่าชื่อนวล อารภาก็ยิ้มจืดๆ ให้
“คุณภูให้วากับนวลเอาเสื้อผ้า และข้าวของทั้งหมดของคุณแอ้มมาให้ค่ะ” วาลินีเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อน
“เอาเข้ามาเลยค่ะ” อารภาเปิดประตูให้กว้าง เพื่อสองสาวจะได้เอาข้าวของมาในห้อง
“นวลกลับลงไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะจัดของให้คุณแอ้มเอง” วาลินีหันไปสั่งลูกน้องของตนเอง อีกฝ่ายรับคำแล้วส่งยิ้มรับคำขอบคุณจากนางเอกสาว ก่อนเดินออกจากห้องพักของอารภาไป
“คุณแอ้มเป็นไงบ้างคะ วาไม่คิดจริงๆ ว่าคุณจอห์นจะเป็นคนแบบนี้” วาลินีเริ่มต้นการสนทนาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“วารู้เรื่องแล้วเหรอคะ” อารภาถามอย่างแปลกใจไม่คิดว่าเรื่องราวของเธอกับจอห์นจะถึงหูของวาลินีได้เร็วขนาดนี้
“ค่ะ เมื่อเช้าคุณภูเล่าให้วาฟังค่ะ แต่คุณแอ้มไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ คุณภูเล่าให้วาฟังคนเดียว ส่วนรปภ. น่ะก็ไม่พูดไปไหนหรอกค่ะ คุณภูสั่งเอาไว้แล้ว”
“ฉันเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจอห์นจะเป็นคนแบบนี้ คนเรามองกันแค่เพียงภายนอกไม่ได้จริงๆ ดีนะที่รปภ. เดินทางมาทางกระท่อมพลิ้วไหวพอดี ไม่งั้นฉันก็คงแย่เหมือนกันค่ะ”
“แต่คุณแอ้มก็เก่งนะคะ ถึงจะยังไม่ค่อยสบาย ขนาดข้อเท้าปวดอยู่ยังสามารถเล่นงานจอห์นซะอ่วมเลย” วาลินีเอ่ยชื่นชมนางเอกสาวจากใจที่เอาตัวรอดในสถานการณ์เลวร้ายนี้ได้อย่างปลอดภัย
“คือก็ถือว่าโชคดีน่ะ เพราะบังเอิญว่าไม้ค้ำยันมันวางอยู่ใกล้มือ ตอนนั้นตกใจมากเลยฟาดเขาไม่ยั้งเหมือนกัน ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากหรือเปล่าก็ไม่รู้” ถึงกระนั้นอารภายังสามารถสวมบทบาทนางเอกแสนดีไว้ก่อน
“คุณแอ้มนี่น่ารักจริงๆ ตัวเองเป็นคนโดนกระทำก่อนแท้ๆ ยังมีน้ำใจอุตส่าห์ไปห่วงใยคนที่คิดจะทำร้ายอีก”
“ไม่รู้สิ ฉันก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่เคยคิดโกรธ หรือเกลียดใครได้นานหรอก เพราะคิดว่าโลกนี้การให้อภัยเป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่มนุษย์เราควรมีให้แก่กัน” นอกจากจะสวมบทนางเอกที่แสนดีและอ่อนโยนแล้ว อารภายังหยิบยืมคำพูดของเพื่อนรักอย่างดาริกา ที่มักพูดบ่อยๆ เวลาเธอแค้นฝังหุ่นใครสักคนขึ้นมากล่าวอ้างอย่างจดจำได้ทุกถ้อยคำ ไม่มีหลุด และมันก็ทำให้วาลินีมองเธออย่างชื่นชม จากนั้นพนักงานสาวก็หันไปจัดการกับข้าวของเครื่องใช้ให้เธอเรียบร้อยอย่างเป็นระเบียบ
“คุณแอ้มอาบน้ำเลยนะคะ เดี๋ยววาไปบอกเด็กๆ ยกอาหารมาให้ในห้องค่ะ”
“ฉันอยากออกไปทานข้างนอกมากกว่า”
“คุณแอ้มหายปวดข้อเท้าแล้วเหรอคะ”
“ยังไม่หายหรอก แต่ว่าก็ไม่อยากอุดอู้อยู่แต่ในห้อง”
“งั้นทานที่ห้องโถงแล้วกันนะคะ ไม่ต้องลงไปห้องทานที่ชั้นหนึ่งหรอกค่ะ เดินมากไปเดี๋ยวข้อเท้าไม่หายสักที”
“ได้ค่ะ ว่าแต่คุณภูออกไปทำงานแต่เช้าเลยเหรอ”
“ค่ะ คุณภูเป็นคนขยัน ถ้าไม่มีธุระจำเป็นอะไรคุณภูไม่เคยขาดงานหรือไปทำงานสายหรอกค่ะ”
คำพูดที่บอกเล่าด้วยน้ำเสียงชื่นชมของวาลินี ทำให้อารภารู้สึกเหมือนคนถูกทิ้งขว้างไว้กลางทางที่เปลี่ยวร้าง เพราะถ้าตีความแบบตรงไปตรงมาก็คือ ตัวเธอไม่ถือว่าเป็นคนสำคัญมากพอที่ภูรินจะทิ้งงาน หรือทำให้เขาไปทำงานสายได้ ภูรินไม่คิดจะเข้ามาดูเธอว่าเป็นอย่างไรกับค่ำคืนแรกของการเข้ามาพักอยู่ในบ้านของเขา อารภาจึงรู้สึกว่า
คำพูดที่เต็มเปี่ยมด้วยมิตรภาพไมตรีของวาลินีในครั้งนี้ เหมือนมีเข็มนับร้อยพันทิ่มแทงใจเธอ!
หลังจากวาลินีขอตัวกลับไปทำงาน อารภาจึงถือโอกาสเดินสำรวจโถงกว้างที่อยู่บนชั้นสี่ ซึ่งจัดแบ่งเป็นมุมนั่งเล่น มีบาร์เครื่องดื่ม และเคาน์เตอร์จัดเตรียมอาหาร หญิงสาวนั่งดูทีวีเพลินๆ อยู่นานนับชั่วโมงก่อนเดินกลับห้องพักของตัวเอง โดยถือไม้ค้ำยันเข้าไปด้วย เธอจะใช้มันเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น โดยเฉพาะภูริน
อารภาเดินมานั่งเล่นเอนหลังบนเก้าอี้พับสีขาว ทอดสายตาออกไปยังท้องทะเลสีครามเข้มเป็นประกายระยับกระทบกับแดดยามบ่ายดูสวยงาม บนฟ้าครามมีปุยเมฆสีขาวแตะแต้มยิ่งทำให้ผืนฟ้าดูใสกระจ่าง สายลมพัดผ่านเย็นกาย จนหญิงสาวเผลอยิ้มออกมาอย่างสบายอารมณ์ และในเวลาต่อมาเธอก็ผล็อยหลับไปในที่สุด
ร่างสูงที่เดินมาหยุดอยู่ข้างเก้าอี้เอนหลังถึงกับแค่นยิ้ม เมื่อเคาะประตูห้องแล้วไม่ได้รับการตอบรับจากคนที่พักอยู่ เขาจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามา เมื่อไม่พบหญิงสาวในห้อง จึงเดินเลยออกมายังระเบียง แล้วก็ได้เห็นภาพนางเอกนิทรา ที่ไม่วายเซ็กซี่แม้แต่ตอนหลับ เพราะกระโปรงสั้นแสนสั้นนั้นรั้งขึ้นสูงจนจะเห็นไปถึงไหนต่อไหน ลมระเบียงห้องก็แรงเสียด้วยสิ
ชายหนุ่มเบือนหน้าไปจากท่อนขาเรียวสวยนั้น ถอนหายใจเสียงดัง ก่อนตัดสินใจทรุดตัวลงข้างๆ เก้าอี้ เอ่ยริมหูคนที่กำลังหลับใหล
“คุณ ตื่นเถอะ”
“หือ...” หญิงสาวครางรับแต่ไม่ยอมลืมตา
“ตื่นเถอะ มานอนตากลมแบบนี้เดี๋ยวไข้ขึ้นนะ” เขาพูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิม และมีผลทำให้เจ้าของร่างที่หลับใหลค่อยๆ เปิดดวงตาขึ้น ครั้นเห็นใบหน้าคร้ามคมอยู่ไม่ไกลนัก เธอก็ผวาลุกขึ้นนั่ง เพราะเด้งตัวแรงไปหน่อยกระโปรงสั้นเลยร่นสูงขึ้นไปอีก และเจ้าตัวก็ตะครุบไว้ด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“คุณภู” เธอเรียกชื่อเขาเสียงอ่อน
“เคาะประตูห้องแล้ว เห็นคุณเงียบไป เลยเข้ามาดู ไม่นึกว่าจะหลับที่นี่” เขาบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม ไม่สนใจท่าทีเคอะเขินของหญิงสาว
“ไม่ตั้งใจหรอกค่ะ อากาศเย็นสบายเลยเผลอหลับไปค่ะ อีกอย่างเมื่อคืนฉันปวดหัวนิดหน่อยเลยนอนไม่ค่อยหลับ” ได้โอกาสเลยทำป่วยให้เขาเห็นใจ
“แล้วทำไมไม่โทร. บอกผมล่ะ”
“ไม่อยากรบกวนค่ะ แต่ฉันก็ทานยาแก้ปวดแล้วด้วยก็ดีขึ้นแล้วค่ะตอนนี้”
“ข้อเท้าคุณเป็นไงบ้าง”
“ก็ยังเจ็บอยู่บ้าง แต่ไม่มากเหมือนเมื่อคืนหรอกค่ะ”
“ไปเดินเล่นที่ชายหาดไหวไหม”
“พอไหวค่ะ เออ ถ้าคุณภูช่วยพยุง”
“ยินดีครับ” ชายหนุ่มรับคำง่ายๆ แต่มันทำให้หัวใจของอารภาเต้นระรัว ไม่คิดจริงๆ เลยว่าแค่เธอป่วยและทำท่าอ่อนแอเสียเต็มประดา เขาก็เข้ามาดูแลเธอถึงเพียงนี้ นั่นแสดงว่าภูรินมีความเป็นสุภาพบุรุษที่มีความแข็งแกร่งพร้อมที่จะปกป้องเพศตรงข้ามที่อ่อนแอกว่า
‘เย้ เรามาถูกทางแล้วจริงๆ’ อารภาร้องอย่างลิงโลดอยู่ในใจ เชื่อมั่นว่าแผนการพิชิตใจภูรินคงใกล้ความจริงเร็วกว่าที่ตั้งใจไว้ เพราะนี่แค่อาทิตย์กว่า เธอก็ได้เข้ามาอยู่บ้านพักของเขาแล้ว มันไม่ยากเกินไปที่จะใช้ความใกล้ชิดหว่านเสน่ห์แบบนางเอกใส่เขา
‘ผู้ชายน่ะร้อยทั้งร้อยไม่ทันมารยาผู้หญิงหร้อก’
แล้วอารภาก็ใช้มารยากับภูรินมากกว่าเดิม ด้วยการให้ชายหนุ่มพยุงเดินไปที่ชายหาด และก็ถือโอกาสใช้ท่อนแขนเรียวสวยเกี่ยวเกาะเอวเขาไว้ราวกับคู่รักที่คลอเคลียกันไม่ยอมห่าง
ด้วยมัวแต่คิดหาทางใกล้ชิดกับชายหนุ่ม อารภาจึงไม่รู้ตัวว่าตนเองถูกแอบถ่ายภาพไว้ เพราะมีคนจดจำเธอได้
....................
![]() |
|
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

266 ความคิดเห็น
-
#238 หนิง (จากตอนที่ 8)วันที่ 18 เมษายน 2555 / 01:45อย่างนี้คุณภูจะทนได้ไหม#2380
-
#63 จิรารัตน์ (จากตอนที่ 8)วันที่ 29 ธันวาคม 2554 / 16:42โดนถ่ายภาพกับภูรินก็หลุดจากข่าวมือที่สามหน่ะซิ#630