ตอนที่ 6 : ความพยายามที่ว่างเปล่า
ความพยายามที่ว่างเปล่า
พอก้าวเข้ามาในกระท่อมพลิ้วไหวอารภาก็นั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นอย่างกระแทกกระทั้น เพื่อระบายความรู้สึกพลุ่งพล่านอยู่ในใจ ทว่ามันไม่อาจช่วยอะไรได้มาก แต่อย่างน้อยก็ไม่จำเป็นต้องเก็บความรู้สึกทางสีหน้าและท่าทาง เหมือนเช่นตอนที่ได้ร่วมทำกิจกรรมกับทางรีสอร์ต ซึ่งการพยายามที่จะใกล้ชิดภูริน ด้วยวิธีแอ๊บภาพนางเอกตามคำแนะนำของดาริกา
ซึ่งดูท่าว่ามันจะไม่ได้ทำให้ผู้ชายเย็นชาคนนั้นประทับใจจนอยากขยับเข้ามาใกล้เธอ แต่ว่าภูรินยังรักษาความห่างเหินไว้เช่นเดิม หรืออาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะวันนี้ทั้งวัน นอกจากเขาจะไม่พูดกับเธอแล้ว ภูรินยังไม่เฉียดใกล้เธอเกินสองเมตรด้วยซ้ำ ที่น่าหงุดหงิดมากที่สุดคือจอนห์เข้ามาป้วนเปี้ยนพูดคุยด้วยทุกครั้งที่มีโอกาส เธอก็ต้องทนฝืนยิ้มแย้มแจ่มใส ทั้งที่เบื่อสุดๆ
อารภาครุ่นคิดอย่างขัดเคืองใจ ก่อนลุกไปอาบน้ำ เพื่อจะออกไปกินมื้อค่ำ แม้จะคิดเลิกเล่นบทสาวเซ็กซี่ยั่วยวนใจหวังให้ภูรินน้ำลายหก ถลาเข้ามาเป็นทาสรัก เพื่อถูกเธอสลัดทิ้งตามแผนเดิม ด้วยมันไม่มีวี่แววว่าจะสำเร็จ อารภาจึงหันมาเล่นบทนางเอกผู้แสนเรียบร้อยตามคำแนะนำของดาริกา แต่ว่าเสื้อผ้าที่เธอหอบหิ้วมาจากกรุงเทพฯ ก็ล้วนหวือหวาทั้งนั้น อารภาจึงจำเป็นต้องสวมชุดเดรสสั้นเกาะอกผ้าบางเบา เน้นทรวดทรงองค์เอวอรชรและดูเย้ายวนตามแบบฉบับเซ็กซี่สตาร์เบอร์หนึ่งของเมืองไทย แต่เพื่อไม่ให้ดูร้อนแรงเกินไป หญิงสาวจึงเลือกที่จะแต่งหน้าให้อ่อนลง
ขณะเดินตรงไปร้านอาหารของรีสอร์ต อารภาก็หวังว่าจะเจอกับภูริน ทว่าคนที่นางเอกสาวพบกับเป็นชายหนุ่มชาวต่างชาติ คนที่เธออยากวิ่งหนีให้ไกลที่สุดในเวลานี้นั่นเอง แต่ในเมื่อก้าวขาเข้ามาในร้านแล้ว ก็คงต้องทนฝืนทำหน้าเบิกบานเข้าไว้ แถมท้องไส้ก็ส่งเสียงครวญครางแล้วด้วย
“ดีใจจังเลยที่เจอคุณ ขอผมร่วมโต๊ะได้ไหมครับ” จอห์นปรี่เข้ามาหา ใบหน้ายิ้มร่า และดวงตาเป็นประกายสดใส บ่งบอกถึงความดีใจสุดขีดที่เจอเธอ
“ตามสบายค่ะ” อารภาจำต้องตอบรับตามมารยาทเช่นเดิม แล้วอาหารค่ำมื้อนั้นก็ฝืดคอ พาลทำให้กินได้เพียงนิดหน่อยเท่านั้น
“ทานน้อยจังครับ” จอห์นถามขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวรวบช้อนส้อม ทั้งที่กินไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ไม่อยากทานเยอะค่ะ ไดเอตอยู่” หญิงสาวโกหก จริงๆ แล้วเธอไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องน้ำหนัก กินได้ตามสบายปาก เพราะค่อนข้างโชคดีที่เป็นคนกินเยอะแค่ไหนก็ไม่เคยอ้วน ออกกำลังบ้างอาทิตย์ละสองครั้งเท่านั้น รูปร่างจึงอ้อนแอ้นอรชรอย่างที่หญิงสาวหลายๆ คนอิจฉา
“งั้นไปฟังเพลงกันต่อที่ผับ” จอห์นออกปากชวนออกไปตรงๆ เวลาของเขาที่เกล็ดดาวรีสอร์ตมีน้อยนิดเหลือเกิน เขาจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สานสัมพันธ์กับหญิงสาวที่ถูกตาต้องใจคนนี้ให้ได้
“ขอบคุณมากค่ะที่ชวน แต่ไม่ดีกว่าค่ะ อยากพักผ่อน วันนี้เหนื่อยทั้งวันแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปปลูกป่ากันอีก” อารภาไม่ลังเลที่จะปฏิเสธออกไปตรงๆ เช่นกัน เธอไม่อยากเสียเวลากับคนที่ไม่ใช่เป้าหมาย และไม่ใช่สเปกเสียด้วยสิ
“เสียดายจัง น่าจะไปด้วยกัน ผมนัดกับคุณดนัยกับคุณภูรินไว้ด้วย”
อารภานิ่งงันไปทันทีเมื่อได้ยินชื่อของชายหนุ่มอีกคน แล้วสมองอันปราดเปรื่องของเธอก็คิดได้ว่างานนี้ไม่ควรพลาดโอกาสทอง อย่างน้อยก็ได้อยู่ใกล้ๆ ภูรินมากขึ้น
“ฉันว่าฟังเพลงเพราะๆ ก่อนนอนก็ดีเหมือนกัน” และคำพูดของเธอก็ทำให้จอห์นยิ้มกว้าง
ถึงตอนนี้ภูรินมั่นใจเต็มร้อยกับสิ่งที่เขาสงสัยมาก่อนหน้านั้น เมื่อเห็นร่างบางอรชรในชุดที่ดึงดูดสายตาผู้คนในผับ โดยเฉพาะหนุ่มๆ ไม่เว้นแม้แต่ผู้ช่วยของเขา ที่ถึงกับจ้องหญิงสาวตาไม่กะพริบ เพราะชุดที่เธอสวมใส่นั้นเน้นรูปร่างที่ดูดีอยู่แล้วยิ่งโดดเด่นให้ชวนมองยิ่งขึ้น ทว่าสำหรับเขาแค่ปรายตามองเพียงแวบเดียวก็น่าจะพอ
“คุณแอ้ม ไม่คิดจริงๆ ว่าจะเจอคุณที่นี่” ผู้ช่วยของภูรินเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้างแทบฉีกไปถึงใบหู เห็นฟันครบเกือบทุกซี่ ดวงตายิบหยีเป็นประกายเยิ้มหวาน เมื่อหญิงสาวพาร่างเข้ามานั่งบนเก้าอี้ข้างตัวเขา และจอห์นก็นั่งถัดจากเธอไป อารภาจึงถูกประกบข้างจากสองหนุ่มต่างเชื้อชาติ ท่ามกลางสายตาหนุ่มๆ ในผับอีกนับสิบคู่
“พูดเหมือนไม่อยากเจอกันเลยนะคะ” นางเอกสาวเอ่ยเย้า
“เปล่าครับ ดีใจต่างหากที่เจอคุณแอ้มอีก” ดนัยบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทำเอาผู้เป็นนายเบนหน้าไปทางอื่น
“แต่ดูเหมือนบางคนจะไม่ยินดีที่เจอฉัน” อารภาพูดแล้วปรายตาไปทางภูริน ชายหนุ่มหันมามองเธอแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“ดนัยยินดีเผื่อไปแล้วนี่ ผมเลยขอเฉยๆ ดีกว่านะครับ” คำพูดของภูรินส่งผลให้ใบหน้าสวยนั้นบึ้งตึงอย่างคนระงับอารมณ์เดือดดาลไว้ไม่อยู่ ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเจอผู้ชายเย็นชาไร้มารยาทขนาดนี้ ไม่นึกจะไว้หน้าเธอเลยสักนิด หญิงสาวแทบจะกัดฟันกรอดด้วยความโมโห
“คุณแอ้มดื่มอะไรดีครับ” ดนัยถามด้วยเสียงนุ่มนวลเอาใจ
“ขอไวน์แล้วกันค่ะ”
“สำหรับผมขอวิสกี้ออนเดอะร็อก” จอห์นรีบบอกเมื่อดนัยหันมาทางเขา
และเมื่อเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ อารภาก็ดื่มไวน์ราวกับคนกระหายเพื่อดับความโมโห แต่นั้นก็ยิ่งทำให้หญิงสาวพลุ่งพล่านหนักไปกว่าเดิม เพราะนอกจากภูรินจะไม่คุยกับเธอแล้ว เขายังชวนจอห์นคุยเรื่องการปลูกป่าพรุ่งนี้ รวมทั้งเรื่องโปรแกรมท่องเที่ยวของจอห์นในวันถัดๆ ไป ซึ่งหนุ่มต่างชาติตั้งใจจะไปดำน้ำดูปะการัง มีเพียงดนัยที่ชวนเธอคุยเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับงานในวงการบันเทิง ซึ่งอารภาก็ฝืนพูดคุยกับผู้ช่วยของภูรินตามมารยาท ทั้งที่เบื่อแสนเบื่อ เพลงรักจากนักร้องหนุ่มที่กำลังบรรเลงก็ไม่อาจคลายความขุ่นเคืองของหญิงสาวได้
การพูดคุยจบลงเมื่อเวลาผ่านไปราวๆ ชั่วโมง การ่ำลาก็เกิดขึ้นโดยภูรินเอ่ยปากขึ้นก่อน ทุกคนก็เลยแยกย้ายกันกลับ จอห์นเดินมาส่งเธอถึงหน้ากระท่อม แล้วเขาก็กลับที่พักของตัวเอง ซึ่งคือกระท่อมที่มีชื่อว่าสายลม และอยู่ไม่ไกลจากกระท่อมพลิ้วไหวของอารภา
ค่ำคืนนั้นหญิงสาวนอนพลิกตัวไปมาด้วยความขุ่นเคืองที่มีต่อภูริน ที่เขาทำเฉยชาต่อเธออย่างสม่ำเสมอ และโมโหที่ตัวเองไม่สามารถทำให้เขาหันมาสนใจได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ความมั่นใจในตัวเองของอารภาเริ่มหดหาย ไม่คิดจริงๆ ว่าภูรินจะเป็นผู้ชายที่แปลกได้ขนาดนี้ เมินหญิงสาวสวยระดับนางเอกและเป็นถึงเซ็กซี่สตาร์ของเมืองไทยได้ยังไง
พูดก็พูดเถอะในสถานการณ์ปกติเธอไม่คิดจะแลตามองชายหนุ่มที่แสนจะธรรมดาอย่างเขาเลยสักนิด ชายหนุ่มที่เธอเคยคบหามา ถึงหน้าตาจะไม่หล่อเหลาเท่าเขา แต่ว่าร่ำรวย นามสกุลดัง เป็นหนุ่มไฮโซฯ ทั้งนั้น แต่ผู้ชายธรรมดาอย่างภูรินกล้าเมินเธอได้ยังไง!
‘หัวเด็ดตีนขาดยังไงเขาก็ต้องหลงรักเธอ เขาต้องหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น!’ หญิงสาวได้แต่กรีดร้องในใจ นอนพลิกตัวไปมาอย่างโมโห กระทั่งหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
วันรุ่งขึ้นเธอตื่นมากินอาหารเช้าแล้วรีบออกมายังลานจอดรถตามเวลานัดหมายกับกิจกรรมปลูกป่ากับทางรีสอร์ตได้ตรงเวลา และเช่นเดิมทั้งวันภูรินไม่พูดคุยกับอารภา ไม่เข้ามาเฉียดใกล้ตัวเธอเกินสองเมตร แถมยังพูดคุยกับหญิงสาวคนหนึ่งที่อารภาจดจำได้ว่าเป็นครูคนหนึ่งของโรงเรียนที่เธอเจอเมื่อวานด้วย ท่าทีทั้งสองดูสนิทสนม และดูไม่ผิดหรอกคุณครูสาวคนนี้ดูปลาบปลื้มภูรินจนออกนอกหน้า
‘เฮอะ สงสัยรสนิยมเขาจะธรรมดาๆ แบบนี้ เพิ่งรู้ว่าความสวยกับความเซ็กซี่ พร้อมชื่อเสียงที่มีอยู่ในตัวเธอนั้น กลายเป็นข้อด้อยสำหรับผู้ชายอย่างภูริน ทั้งที่ผู้ชายอื่นเข้ามาหาก็เพราะคุณสมบัติเหล่านี้ของเธอทั้งนั้น แต่เรื่องจะยอมแพ้ง่ายๆ นั้นไม่มีเสียหรอก!’
เพราะมัวแต่เฝ้ามองชายหนุ่มกับคุณครูสาวขณะเดินไปหยิบกล้าต้นไม้ เพื่อจะหย่อนลงหลุมที่เตรียมไว้อารภาจึงเดินสะดุดกิ่งไม้ ล้มแผละลงบนเนินเตี้ยๆ ร่างเธอเลยไถลลงไปกับพื้น
“คุณแอ้ม!” ดนัยอุทานขึ้นอย่างตกใจ ก่อนถลาเข้ามาหา วาลินีก็รีบเดินมาพยุงร่างของนางเอกสาว ส่วนจอห์นเองก็เช่นกันเมื่อเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอารภาก็รีบวิ่งมาดูทันที มีเพียงชายหนุ่มหน้าขรึมที่มองมาด้วยแววตานิ่งๆ ครั้นเห็นมีคนช่วยหญิงสาวแล้ว เขาก็หันไปสนใจกับต้นไม้ที่เพิ่งหย่อนลงหลุมไปเมื่อครู่ กระทั่งได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของหญิงสาว ภูรินจึงหันไปมองอีกครั้ง
“สงสัยข้อเท้าแพลง หรือไม่ก็พลิก” วาลินีออกความเห็นด้วยสีหน้ากังวล
“งั้นไปหาหมอดีกว่านะครับ” ดนัยเอ่ยขึ้นด้วยความห่วงใย
“บางทีอาจไม่ได้เป็นอะไรมาก ฉันจะลองนั่งพักดูก่อน” อารภาเอ่ยอย่างเกรงใจ เพราะไม่อยากเป็นต้นเหตุให้เกิดความวุ่นวายในการมาทำกิจกรรมเพื่อส่วนรวมของทางเกล็ดดาวรีสอร์ต เดี๋ยวเจ้าของเขาจะมาเหม็นขี้หน้าเธอมากกว่าเดิม ดูสิ เธอเกิดอุบัติเหตุขนาดนี้เขายังไม่มาดูดำดูดีเลย ‘ไอ้ผู้ชายใจร้าย!’
“งั้นวาเอาน้ำแข็งมาประคบให้นะคะ” วาลินีบอกอย่างมีน้ำใจ
“ขอบคุณค่ะ” อารภาบอกด้วยรอยยิ้ม แล้วดนัยก็พยุงเธอมานั่งที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ โดยมีจอห์นนั่งมองอยู่ข้างๆ ด้วยความห่วงใย
วาลินีกลับมาในไม่กี่นาทีต่อมา พร้อมน้ำแข็งที่ห่อกับผ้าขนหนูผืนเล็ก จากนั้นก็ประคบลงที่ข้อเท้าข้างซ้ายของนางเอกสาว ที่ตอนนี้เริ่มบวมขึ้นทันตาเห็น และไม่มีทีท่าว่าจะยุบลงง่ายๆ ความปวดก็เริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“ไปหาหมอเถอะครับ” ดนัยบอกอีกครั้ง และวาลินีกับจอห์นก็เห็นด้วย อารภาจึงรีบพยักหน้า
“งั้นผมไปบอกคุณภูแป๊บหนึ่งนะครับ” ดนัยบอก ก่อนจะเดินไปหาเจ้านายหนุ่มที่กำลังง่วนกับการปลูกต้นไม้ร่วมกับเด็กๆ และคุณครูอย่างตั้งใจ เขาทำราวกับว่าไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับใครทั้งสิ้น นั่นยิ่งทำให้ตาวาวๆ ของหญิงสาวที่กำลังเก็บกักความเจ็บปวดที่ข้อเท้าไว้เม้มปากแน่น ยิ่งชายหนุ่มพยักหน้าหงึกหงักให้กับดนัย แล้วหันไปสนใจต้นไม้ต่อ อารภาก็แทบอยากจะกรีดร้องออกมาด้วยความคับแค้นใจ!
อารภานั่งมองอาหารค่ำที่กินไปเพียงเล็กน้อยอย่างคนอารมณ์บูด นอกจากข้อเท้าข้างซ้ายจะถูกพันด้วยผ้ายืดไว้ และเธอได้กินยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบไปแล้ว แต่อาการปวดก็ยังไม่ทุเลาลง หญิงสาวจึงไม่อยากขยับตัว ด้วยการใช้ไม้ค้ำยันเดินเขยกไปยังห้องนอน จึงเลือกที่จะเอนตัวลงนอนบนโซฟายาวในห้องนั่งเล่น
ความปวดบวกกับความท้อที่ไม่สามารถเข้าถึงตัวภูรินได้อย่างที่วางแผนไว้ ทำให้หญิงสาวรู้สึกอ่อนแอและยอมรับความจริงว่าความสวย เซ็กซี่ของเธอไม่มีค่าพอที่จะทำให้ผู้ชายคนหนึ่งสนใจได้ แถมยังถูกเขาเหยียดหยามให้อีก มันคงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อให้ครบเดือน เมื่อไหร่ที่ข้อเท้าหายดี เดินได้อย่างปกติ โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำยันช่วย เธอจะไปจากเกล็ดดาวรีสอร์ตทันที ไม่อยากเสียเวลากับการลงทุนแก้แค้นผู้ชายเย็นชาไร้ความรู้สึกอย่างภูริน เพราะมันมองไม่เห็นทางที่จะเอาชนะเขาได้เลย
ความคับแค้นใจที่ไม่สามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้ บวกกับอาการปวดข้อเท้าจนไข้ขึ้นอยู่ในห้องพักเพียงลำพัง อารภารู้สึกโดดเดี่ยวที่สุดในชีวิต เพราะเธอเกิดมาในครอบครัวที่บิดามารดาดูแลอย่างดี รวมทั้งมีคนรับใช้ให้เรียกหาตลอดเวลา แม้แต่เข้ามาทำงานในเมืองใหญ่เธอก็มีผู้จัดการอย่างอมรคอยจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้ แต่เวลานี้สิ ได้ยินแต่เสียงคลื่นกับเสียงลมอื้ออึง รวมทั้งใบไม้ส่ายไหว เงียบและเหงาจนทำให้หยาดน้ำเริ่มปริ่มขอบตา ก่อนค่อยๆ ซึมไหลเปื้อนดวงหน้าที่บัดนี้ซีดเซียว
หญิงสาวปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่เช่นนั้นอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนหลับใหลไปด้วยฤทธิ์ยาลดไข้ จึงไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นยาวนานก่อนเงียบเสียงไป และดังขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง ทว่าเธอก็ยังจมอยู่ในห้วงนิทราที่ไม่ได้แสนสุขเพราะฝันร้าย
“อย่าเข้ามานะ ไปไกลๆ เลย” หญิงสาวเพ้อออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ในความฝันอันน่ากลัวนั้นหญิงสาวกำลังวิ่งหนีงูยักษ์ตัวหนึ่งที่เลื้อยตามเธอมาติดๆ กระทั่งอารภาหกล้มลงกับพื้น แล้วมันก็เลื้อยเข้ามาใกล้ ขนทั่วร่างลุกชัน เหงื่อกาฬไหลไปทั่วทั้งตัว ทว่าเนื้อตัวกับเย็นเยียบไปถึงขั้วหัวใจ
“อย่าเข้ามา ฉันกลัวแล้ว อย่า!” หญิงสาวหวีดร้องขึ้นมาอย่างเจ็บปวดเมื่อถูกงูร้ายตัวนั้นฉกเข้าที่ข้อเท้า
“จุ๊ๆ นอนนิ่งๆ นะ ไม่มีใครทำอะไรคุณหรอก ผมจะดูแลคุณเอง” เสียงนุ่มทุ้มของใครคนหนึ่งกระซิบอ่อนโยนอยู่ริมหู แม้จะเบาแต่มันก็มีพลังพอที่จะทำให้หญิงสาวรู้สึกเชื่อมั่นว่าเจ้าของเสียงจะดูแลปกป้องเธอจากงูร้ายตัวนั้นได้
“อย่าทิ้งฉัน ได้โปรดอย่าทิ้งฉัน” สองมือไขว่คว้าหาเจ้าของเสียง และนาทีต่อมาร่างบางของเธอก็ถูกโอบกอดไว้ อบอุ่นจนเธอรู้สึกผ่อนคลาย ความหนาวเหน็บจึงค่อยๆ จางหาย
“ผมไม่ไปไหนหรอก จะอยู่ข้างๆ คุณ หลับซะ” ถ้อยคำอ่อนโยนนั้นฉุดให้อารภาดิ่งลึกสู่ห้วงนิทรารมย์อันแสนสุขได้อย่างเหลือเชื่อ แถมใบหน้าสวยยังแต้มยิ้มน้อยๆ ยิ้มที่ทำเอาคนจ้องมองอยู่ตาพร่าพรายไปชั่วขณะหนึ่งราวกับตกอยู่ในห้วงฝัน ทว่าไม่นานก็ถูกกระชากมาสู่ความจริง
‘ผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไรบางอย่างจากตัวเขา’ แต่เขาจะไม่มีวันให้ในสิ่งที่เธอต้องการเด็ดขาด!
แสงแดดร้อนแรงในตอนสายที่ส่องผ่านม่านหนาหนักริมหน้าต่างห้องนอนเข้ามาแม้เพียงเล็กน้อย แต่ก็ทำให้สว่างไสวมากพอจะทำให้ร่างที่หลับอยู่บนเตียงนอนเริ่มขยับตัว ก่อนเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ หญิงสาวนอนนิ่งอยู่ชั่วครู่ แล้วนาทีต่อมาความรู้สึกอันเลือนรางจะหวนไปถึงเสียงทุ้มนุ่มพร้อมอ้อมแขนที่แสนอบอุ่นของใครบางคน ที่ถึงตอนนี้ก็ยังตกค้างอยู่ในห้วงอารมณ์
‘ใครนะ หรือว่าจะเป็นเพียงความฝันของคนเป็นไข้สูงเท่านั้น’
อารภาครุ่นคิด พร้อมขยับตัวลุกขึ้นนั่ง มองไปยังไม้ค้ำยันที่วางอยู่ปลายเตียง กำลังเอื้อมไปหยิบเพื่อจะพาตัวเองเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัว ทว่าก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องเปิดเข้ามา
“อ้าวคุณแอ้มตื่นแล้วเหรอคะ ขอโทษนะคะที่เข้ามาโดยไม่ได้เคาะประตู เพราะไม่แน่ใจว่าคุณแอ้มจะตื่นหรือยัง” วาลินีเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส
“ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่วามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”
“วาเพิ่งมาตอนเช้านี่เองค่ะ โล่งอกที่คุณแอ้มไม่มีไข้แล้ว เมื่อคืนวาห่วงคุณแอ้มแทบตาย”
“ขอบคุณค่ะ แต่เมื่อคืนฉันก็ปวดข้อเท้ามาก เลยหลับเป็นตาย แถมฝันร้ายอีกต่างหาก รู้สึกไม่สบายเนื้อตัว จนกระทั่ง...” อารภาหยุดเล่าแค่นั้น ไม่กล้าบอกวาลินีว่าเพราะมีเสียงปลอบโยนที่นุ่มนวลพร้อมอ้อมแขนที่แสนอบอุ่นของใครบางคน ที่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง หรือเพียงความฝันของเธอเท่านั้น
“เมื่อคืนตอนสี่ทุ่มวานึกห่วงคุณแอ้มว่าจะเป็นไข้สูงก็เลยโทร. เข้ามือถือ แต่ว่าคุณแอ้มไม่รับสาย วากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณแอ้ม เลยโทร. ไปบอกคุณภูให้ส่งพนักงานผู้หญิงที่อยู่เวรเมื่อคืนมาดูแลคุณแอ้ม” วาลินีอธิบาย
“คุณภูน่ะเหรอคะ ส่งคนมาดูแลฉัน” อารภาถามเสียงตื่นๆ ไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างเขาจะมีน้ำใจต่อเธอขนาดนั้น แต่เอ พนักงานผู้หญิงเหรอ แต่เมื่อคืนเธอได้ยินเสียงทุ้มนุ่มของผู้ชายที่ปลอบโยน แต่นั่นอาจจะเป็นเพียงความฝันของเธอเองก็เป็นได้
“ขอบคุณวามากนะคะที่เป็นธุระ เมื่อคืนถ้าไม่มีคนดูแล ฉันคงแย่กว่านี้” อารภาเอ่ยด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจไมตรีของวาลินีที่มีต่อเธอ
“ต้องขอบคุณคุณภูแล้วค่ะ เพราะเมื่อคืนวาก็ได้แต่โทร. ไปบอกคุณภู เท่านั้น เพราะมาดูแลคุณแอ้มด้วยตัวเองไม่ได้ พอดีคุณแม่ของวาก็ไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ”
“แค่นี้ฉันก็ขอบคุณวามากๆ แล้วค่ะ และคงต้องไปขอบคุณเจ้านาย
ของวาด้วยเหมือนกันที่มีน้ำใจต่อฉัน”
“คุณแอ้มเป็นแขกทางรีสอร์ต อีกอย่างคุณแอ้มได้รับบาดเจ็บเพราะไปร่วมทำกิจกรรมกับทางรีสอร์ตด้วย ยังไงคุณภูก็ต้องดูแลคุณแอ้มอย่างดีอยู่แล้วค่ะ”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงก็ต้องขอบคุณ”
“งั้นก็แล้วแต่คุณแอ้มสะดวกนะคะ แต่รอให้ข้อเท้าหายดีก่อนค่อยไปขอบคุณเจ้านายของวาก็ได้ค่ะ”
“ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละค่ะ” เพราะเขาคงไม่เอาหน้าขรึมๆ มาหาเธอถึงกระท่อมพลิ้วไหวอยู่แล้ว
วาลินีถามไถ่อาการของอารภาที่ตอนนี้ไข้ไม่มีแล้ว แต่ว่าอาการปวดข้อเท้ายังมีอยู่ แม้จะไม่มากเหมือนเมื่อคืน แต่ก็ต้องกินยาแก้อักเสบกับยาบรรเทาอาการปวดต่อไป พร้อมทั้งยังพันผ้ายืดไว้ ห้ามเดินหากไม่มีความจำเป็น
วาลินีพยุงร่างอารภาเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ กระทั่งอารภาอาบน้ำแต่งตัวใหม่เรียบร้อย จึงสั่งอาหารอ่อนๆ ให้นางเอกสาว ครั้นอีกฝ่ายกินยาเรียบร้อยแล้วพนักงานสาวต้อนรับของเกล็ดดาวรีสอร์ตก็ขอตัวไปทำงาน บอกว่าช่วงบ่ายจะแวะมาดูเธออีกครั้งหนึ่ง ปล่อยให้อารภาตกอยู่ในห้วงครุ่นคิดตนเองกับความจริงที่รับรู้ว่าภูรินส่งคนมาดูแลเธอเมื่อคืนจริงล่ะหรือ
หญิงสาวแอบคิดฝันว่าวาลินีเข้าใจผิดไปเอง เพราะความจริงแล้วภูรินต่างหากที่เข้ามาดูแลเธอด้วยความห่วงใย ความรู้สึกโมโหโกรธาตั้งแต่เมื่อคืน และตั้งใจว่าจะย้ายออกทันทีที่ข้อเท้าหายเป็นปกติ ทว่าตอนนี้อารภาเริ่มมีความหวังเกี่ยวกับตัวภูรินแล้ว แต่เพื่อความแน่ใจคืนนี้เธอต้องพิสูจน์อะไรบางอย่างเพื่อความชัดเจนว่าตนเองไม่ได้เพ้อเจ้อไปเพียงคนเดียว
...................................
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

266 ความคิดเห็น
-
#58 จิรารัตน์ (จากตอนที่ 6)วันที่ 29 ธันวาคม 2554 / 16:12อ๊ายยยยยยยย ฝันเห็นงูด้วย#580
-
#57 วนัน (จากตอนที่ 6)วันที่ 8 ธันวาคม 2554 / 13:31น่ารักคะ#570