ตอนที่ 5 : สวมบทบาทนางเอก (นอกจอ)
สวมบทบาทนางเอก (นอกจอ)
เพื่อบรรลุเป้าหมายในการที่จะเข้าไปใกล้ชิดกับภูริน อารภาจึงต้องครุ่นคิดอะไรให้รอบคอบกว่านี้ หญิงสาวใคร่ครวญดูแล้วว่าจนกว่าจะถึงวันเสาร์ เธอไม่ควรเสนอหน้าไปให้ภูรินเห็นอีก เผื่อบางทีภูรินจะได้ไม่สงสัยเธอในความพยายามที่จะเข้าใกล้ชิดเขามากเกินไป แต่ไม่รู้ว่ามันจะสายเกินไปหรือเปล่า เพราะสองครั้งที่พบชายหนุ่ม เธอก็ปรี่เข้าหาเขาทันที โดยไม่ได้ยั้งคิดใดๆ ก่อน ทั้งที่ดาริกาเพิ่งเตือนเมื่อคืนแท้ๆ ว่าต้องหาวิธีพิชิตใจภูรินแบบนางเอก ไม่ใช่นางร้าย แม้มันจะยากอยู่ ด้วยรู้ตัวดีว่าตนเองเป็นนางเอกเฉพาะในจอเท่านั้น
ยามอารภาชอบหรือพอใจผู้ชายสักคน บ่อยครั้งที่เธอเป็นฝ่ายรุกเข้าไปทำความรู้จักก่อน แต่ก็ไม่ขนาดทอดสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก เพราะไม่ได้โง่ที่จะเอาตัวเข้าแลกกับผู้ชาย เพื่อให้ได้มาซึ่งความรักหรือว่าสิ่งอื่นๆ นี่เป็นเหตุผลที่เธอทั้งเกลียดและรำคาญผู้ชายช่างตื๊ออย่างดุสิต ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีความพยายามมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ใช่นิยามของผู้ชายที่เธอควรจะคบหา
อารภาขลุกตัวอยู่ในบ้านพักทั้งวัน กระทั่งตอนเย็นวาลินีมาชวนเธอไปเดินเล่นในตลาดนัดของหมู่บ้าน หญิงสาวจึงออกไปกับวาลินี เพราะอยู่แต่ในห้องพักก็น่าเบื่อเหมือนกัน ออกไปข้างนอกเปิดหูเปิดตาบ้างน่าจะดี และจะได้หาซื้อหนังสือมาอ่านเล่นด้วย
“คุณแอ้มมีชุดสำหรับออกไปทำกิจกรรมที่โรงเรียนกับเด็กๆ หรือยังคะ”
“ชุดเหรอ” อารภาพึมพำ
“ค่ะ เวลาไปสอนภาษาอังกฤษเด็กๆ ที่โรงเรียน หลังจากสอนเสร็จแล้วบางทีเด็กๆ ก็ชวนเล่นกีฬาด้วย ผู้ชายก็เล่นฟุตบอล ส่วนผู้หญิงก็จะเล่นวอลเล่ย์บอลกันค่ะ คุณแอ้มต้องสวมชุดที่สามารถเล่นกีฬาได้ค่ะ”
“จริงสิ ไม่ได้เตรียมมาหรอกค่ะ ชุดที่เอามาก็จะแบบเดินเล่นชายหาดทั้งนั้น และชุดลำลองแบบอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ”
อารภาพูดพร้อมกางแขนออกเล็กน้อยเพื่อให้คู่สนทนาดูชุดที่ตัวเองสวมใส่ ซึ่งเป็นชุดเดรสสั้นผ้าบางเบาลายดอกไม้สีเหลืองสดใส แต่ไม่ทิ้งความเซ็กซี่ด้วยเป็นสายเดี่ยว คอคว้านลึกเห็นเนินอกรำไร ก็งานนี้กะจะมาโชว์ความเซ็กซี่อย่างเดียว เพื่อพิชิตใจภูริน ไม่คิดจริงๆ ว่าผู้ชายคนนั้นจะเย็นชาไร้อารมณ์ มองเมินทุกอย่างที่เธอมี อารภาเลยต้องดิ้นรนหาทางเข้าใกล้ชิดขาใหม่ ด้วยวิธีการแบบนางเอกช่วยงานด้านสังคมด้วยการอาสาไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษเด็กๆ ในโรงเรียน แถมมีแนวโน้มว่าจะต้องทำอะไรอย่างอื่นอีก ทั้งปลูกต้นไม้ เก็บขยะริมชายหาด
‘เฮ้อนางเอกเกินไปแล้วเรา’
“งั้นคุณแอ้มซื้อกางเกงยีนกับเสื้อยืดดีไหมคะ จะได้สะดวกกับการทำกิจกรรมกับเด็กๆ” วาลินีบอกด้วยความหวังดี
“ดีค่ะ นี่ถ้าฉันรู้ว่าจะได้ทำกิจกรรมที่มีประโยชน์แบบนี้ร่วมกับทางรีสอร์ต ฉันคงเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสมมาแล้ว” อารภาเปรยด้วยรอยยิ้มแบบนางเอก ทั้งที่ในใจเริ่มวิตกกับกิจกรรมที่มีประโยชน์ ไม่รู้ว่าจะเหนื่อยหรือว่าน่าเบื่อแค่ไหน
ก็ตั้งใจมาทำภารกิจเอาคืนนายภูรินแท้ๆ แล้วไหงจะต้องไปทำอะไรอื่นให้เหนื่อยทำไม ที่สำคัญเธอไม่ใช่นางเอกที่แสนจะรักเด็กได้ทุกคน เธอรักเฉพาะกับเด็กที่น่ารัก พูดคุยรู้เรื่องเท่านั้น แต่ก็แอบหวังว่าเด็กนักเรียนที่เธออาสาไปสอนภาษาอังกฤษร่วมกับวาลินีจะน่ารักทุกคน เพราะเธอไม่อยากเป็นนางร้ายให้ภูรินเห็น ต่อไปนี้ในสายตาของเขา เธอคือนางเอกทั้งนอกจอและในจอเท่านั้น!
วันนั้นนอกจากซื้อนิตยสารและพ็อกเก็ตบุ๊คมาอ่านเล่นแล้ว อารภายังซื้อกางเกงยีนกับเสื้อยืดได้สามชุด แม้จะไม่ใช่แบรนด์เนมอย่างที่ชอบใส่ แต่เธอก็เลือกแบบที่ชอบและดูดีที่สุดสำหรับตัวเอง
หลังได้ของที่ต้องการ รวมทั้งขนมขบเคี้ยวแล้ว ทั้งสองก็พากันเข้าไปในร้านอาหารที่ไม่ไกลจากตลาด
“เออ คุณภู เขาจะไม่ว่าเหรอคะ ถ้าคนนอกไปยุ่งกับกิจกรรมของทางรีสอร์ต” ขณะรออาหารอารภาก็ถามขึ้น
“อ๋อไม่หรอกค่ะ คุณภูออกจะดีใจด้วยซ้ำ และมีนักท่องเที่ยวหลายคน โดยเฉพาะชาวต่างชาติอาสาไปทำกิจกรรมกับทางรีสอร์ตบ่อยมากค่ะ คือทางเราติดประกาศไว้ในบอร์ดของอาคารต้อนรับค่ะ” วาลินีอธิบาย
“ว่าแต่การสอนภาษาอังกฤษเด็กๆ มันต้องมีหลักการอะไรหรือเปล่า” ถามอย่างกังวลนิดๆ เพราะเธอไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องการสอนหนังสือเด็กๆ มาก่อน
“โอ๊ย สบายๆ ค่ะคุณแอ้ม อยากจะสอนเกี่ยวกับเรื่องอะไร หรือการพูดประโยคอะไรก็สอนแบบฟรีสไตล์ค่ะ อย่างเกาะเกล็ดดาวเป็นแหล่งท่องเที่ยว ชาวต่างชาติมาที่นี่ค่อนข้างเยอะ เราอาจจะสอนประโยคสนทนาง่ายๆ สักประโยคมาสอนค่ะ”
“เหมือนรายการทีวี ที่สอนประโยคสนทนาสั้นๆ ใช่ไหมคะ”
“ค่ะ หรือบางที อยากสอนคำศัพท์ง่ายๆ ก็ได้ค่ะ”
สองสาวพูดคุยกันอย่างถูกคอ พร้อมกับกินอาหารกันไปอย่างเพลิดเพลิน แถมยังทำให้อารภารู้บางอย่างเกี่ยวกับภูริน ว่าแท้จริงแล้วชายหนุ่มไม่ใช่คนเย็นชา ปากร้าย ตรงกันข้ามเขาเป็นเจ้านายที่ดี มีน้ำใจ เป็นคนค่อนข้างมีนิสัยขี้เล่นเป็นกันเองกับลูกน้อง
‘แต่นั่นคงเฉพาะกับคนที่เขาไม่ได้รู้สึกอคติด้วยเท่านั้น’ นั่นคือสิ่งที่อารภาคิด
ขณะรวมตัวกันอยู่ที่ลานจอดรถตามคำนัดหมายของวาลินี ที่ตอนนี้กำลังพูดคุยอยู่กับหนุ่มต่างชาติคนหนึ่ง ที่ร่วมเป็นอาสาทำกิจกรรมในครั้งนี้ไม่ต่างจากเธอ อารภาเห็นแววฉงนในดวงตาคมลึกของชายหนุ่มที่เธอหมายพิชิตใจ แต่ก็เพียงแวบเดียวเท่านั้น ภูรินก็หันไปทางผู้ช่วยของเขา
นั่นทำให้อารภาแอบท้อใจนิดๆ ที่ไม่สามารถดึงความสนใจจากชายหนุ่มได้ แต่อย่างไรก็คงถอยหลังไม่ได้ อุตส่าห์ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เหมาะกับกิจกรรมในวันนี้ หรืออาจจะใช้ในคราวต่อไป ยังไงงานนี้ก็คงถอยหลังไม่ได้แล้ว ไม่ว่าภูรินจะทำหน้าอย่างไรก็อย่าได้แคร์ ยิ้มหวานสไตล์นางเอกเข้าไว้ อย่าทำให้เขาเกิดพิรุธว่าเธอมาทำกิจกรรมในวันนี้เพื่ออะไร ทำให้ภูรินเชื่อไห้ได้ว่าเธอมีจิตอาสา ชอบช่วยเหลือสังคมอย่างแท้จริง ในสายตาของภูรินเธอจะต้องเป็นนางเอกตัวจริงทั้งในจอและนอกจอเท่านั้น!
ว่าแล้วอารภาก็ส่งยิ้มให้กับดนัย ที่เพิ่งผละจากเจ้านายตัวเองเดินเข้ามาหาเธอพร้อมยิ้มกว้าง จนตาที่เล็กอยู่แล้วยิบหยี แต่มันก็ทำให้เขาดูเป็นชายหนุ่มที่มีความเป็นมิตร ซึ่งต่างจากผู้ชายอีกคน ที่มีแต่ความเย็นชาห่างเหินมอบให้ คิดแล้วก็แค้นใจจริงๆ
“ผมดีใจจริงๆ นะครับที่คุณแอ้มมาร่วมทำกิจกรรมกับทางรีสอร์ต” ดนัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส
“กิจกรมดีๆ แบบนี้ฉันไม่พลาดหรอกค่ะ ดีใจเหมือนกันที่วาชวนฉันมาด้วย” อารภาพยายามบิ้วท์อารมณ์และสีหน้าให้ดูร่าเริง แม้ในใจจะกรุ่นๆ กับท่าทีเฉยชาไม่ยินดียินร้ายของภูรินก็ตาม แต่นักแสดงมืออาชีพอย่างเธอก็ทำได้เนียนสนิทอยู่แล้ว
“คุณแอ้มน่ารักจังครับ สมกับที่เป็นนางเอกเบอร์หนึ่งของเมืองไทย”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะคุณดนัย แหม คุณดนัยก็คงเคยอ่านข่าวร้ายๆ ของฉันมาบ้างนะคะ”
ข่าวของอารภานอกจากเปลี่ยนแฟนบ่อย แถมยังเคยมีเรื่องดักตบนักแสดงรุ่นน้องคนหนึ่ง ข้อหามาอ่อยแฟนหนุ่มที่กำลังคบหาอยู่กับเธอ เหวี่ยงนักแสดงที่เล่นละครด้วยกัน เพราะอีกฝ่ายมากองถ่ายสาย ปล่อยให้เธอรอเข้าฉากนานนับชั่วโมง และอีกหลายเรื่องที่จาระไนไม่หมดกันง่ายๆ ภายในวันเดียว
“อ๋อ อ่านบ้างเหมือนกัน แต่ไม่เคยเชื่อข่าวเท่าไหร่หรอกครับ ก็รู้ๆ ว่าข่าวสมัยนี้แรงเข้าว่า เพื่อให้ขายได้เท่านั้น” ดนัยพูดอย่างคนที่เสพข่าวบันเทิงแบบเข้าใจในธุรกิจสื่อสมัยนี้
“แต่ข่าวที่ฉันเอาไวน์สาดหน้าผู้ชายคนหนึ่งในผับน่ะ เรื่องจริงนะคะ”
“อ้าวเหรอครับ” ดนัยมีสีหน้าเหมือนนึกไม่ถึง
“เพราะเขาพูดจาไม่ดีกับฉันก่อน”
“งั้นก็สมน้ำหน้ามัน” เขาพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง
อารภาหัวเราะร่วนกับคำพูดผู้ช่วยหนุ่มของภูริน ดนัยเองก็เหมือนกัน ทั้งสองพูดคุยกันอย่างถูกคอ กระทั่งวาลินีเดินเข้ามาสมทบ
“คุณแอ้ม ขึ้นรถได้แล้วค่ะ” วาลินีชี้ไปยังรถตู้ที่ตอนนี้พนักงานของรีสอร์ตพร้อมกับหนุ่มต่างชาติที่อาสาไปร่วมกิจกรรมกำลังทยอยกันขึ้นไปบนรถ
“แล้วเจอกันที่โรงเรียนนะครับ” ดนัยบอกแล้วเดินตรงไปยังรถเอสยูวีของผู้เป็นเจ้านายซึ่งยืนหน้าขรึมรออยู่ก่อนแล้ว ดวงตาคมดุนั้นปรายมาทางเธอ มีแววบางอย่างที่ทำให้อารภารู้สึกสะท้าน มันคล้ายกับว่าเขาล่วงรู้ไปถึงความในใจของเธอ
‘คงไม่หรอก เราคงคิดมากไปเอง’ นางเอกสาวบอกตัวเองเช่นนั้น ก่อนก้าวขาขึ้นรถตู้
รถเคลื่อนออกจากลานจอดของรีสอร์ตออกไปยังโรงเรียนของหมู่บ้านที่อยู่บนเขา สองข้างทางเขียวขจีไปด้วยแมกไม้ แซมด้วยต้นไม้ที่ออกดอกสีส้มสลับเหลือง บ้างก็เป็นสีม่วงดูละลานตา ทำให้อารภามองด้วยความรู้สึกสดชื่น คลายความกังวลใจเกี่ยวกับตัวของชายหนุ่มต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องมาทำกิจกรรมเพื่อสังคม ห่างไกลจากกล้องของสื่อและสายตาชื่นชมของแฟนคลับเช่นนี้
แต่เอาเถอะ ถ้ามันจะทำให้ชนะใจผู้ชายคนหนึ่ง ที่เธออยากขยี้หัวใจเขาเล่น มันก็คุ้มค่าไม่ใช่เหรอ ภูรินดูถูกผู้หญิงเธอ แล้วหากวันหนึ่งเขาตกหลุมรักเธอ วันนั้นอารภาจะหัวเราะเย้ยหยันให้ดังก้องโลกเลยทีเดียว
นางเอกสาวแค่นยิ้ม ไม่รู้เลยว่าตัวเองตกอยู่ในสายตาของหนุ่มชาวต่างชาติ นักท่องเที่ยวที่อาสามาทำกิจกรรมร่วมกับรีสอร์ตตั้งแต่ก้าวขึ้นมาในรถ ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นมองเธออย่างพึงพอใจ กระทั่งรถเคลื่อนเข้ามาภายในบริเวณโรงเรียน ซึ่งมีอาคารเรียนอยู่เพียงสามหลัง เป็นอาคารไม้เตี้ยๆ มีเด็กๆ และผู้ใหญ่หลายคนนั่งอยู่บนม้านั่งหน้าอาคาร ครั้นเห็นรถตู้มาจอดสนิท เด็กๆ หลายคนโผเข้ามาหา ร้องเรียกชื่อของวาลินี
กับเพื่อนร่วมงานอีกสองสามคน
พนักงานสาวของเกล็ดดาวรีสอร์ตทักทายเด็กๆ ก่อนหันมาแนะนำเธอกับหนุ่มต่างชาติที่ชื่อจอห์น และเด็กๆ ก็จำอารภาได้
“พี่แอ้มจริงๆ เหรอคะ” เด็กหญิงคนหนึ่งพึมพำอย่างไม่ค่อยเชื่อสายตาตัวเองนัก ที่จู่ๆ นางเอกคนดังก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าแบบตัวเป็นๆ
“ค่ะ พี่แอ้มตัวจริงเสียงจริง” นางเอกสาวพยายามส่งยิ้มหวาน ทำเสียงให้สดใสเข้าไว้ แม้จะเริ่มรู้สึกหนวกหูกับเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ บ้างแล้ว ก็เธอไม่ใช่นางสาวไทยที่จะได้รักเด็กได้ตลอดเวลา
“ทำไมไม่เห็นเซ็กซี่เหมือนในทีวี”
“วันนี้พี่แอ้มไม่โชว์นมเหรอครับ”
“เออ พี่แอ้มเสริมนมจริงหรือเปล่าคะ”
“พี่แอ้มเป็นเมียน้อยเขาจริงหรือเปล่าคะ”
อารภาตาเบิกตาค้างกับคำถามของเด็กๆ ใบหน้าสวยซีดเผือด แล้วต่อมาก็แดงก่ำด้วยความโกรธ และก่อนที่เธอจะกลายร่างจากนางเอกแสนดีเป็นนางร้ายตัวแม่ด้วยการวีนแตก เสียงของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ตัวก็ดังขึ้นราวกับกริ่งเตือนภัยที่ดึงสติของหญิงสาวไว้
“เด็กๆ เข้าไปห้องเรียนเดี๋ยวนี้เลย” วาลินีเอ่ยเสียงเข้ม ใบหน้าที่เคยแต้มยิ้มอย่างคนใจดีเป็นนิจนั้นดูบึ้งตึง
“แต่พี่แอ้ม ยังไม่ตอบคำถามพวกเรานะคะ” เด็กหญิงคนหนึ่งแย้งขึ้นทันควัน
“พี่แอ้มจะไม่ตอบคำถามไร้สาระพวกนี้ และห้ามทุกคนถามเรื่องแบบนี้กับพี่แอ้มอีก พี่แอ้มอุตส่าห์มาช่วยสอนหนังสือพวกเราแท้ๆ แต่ทุกคนกลับพากันมาตั้งคำถามที่ไร้มารยาทแบบนี้กับพี่เขาได้ยังไง”
น้ำเสียงเข้มขุ่นของวาลินีทำเอาเด็กๆ หน้ามุ่ย แล้วพากันทยอยขึ้นไปบนอาคารเรียน
“คุณแอ้ม ขอโทษแทนเด็กๆ ด้วยนะคะ สงสัยจะตามข่าวของคุณแอ้มมากไปหน่อยน่ะค่ะ” วาลินีหันมาพูดกับอารภาด้วยสีหน้าเจื่อนๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องดาราใครๆ ก็อยากรู้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่” ตอนนี้อารภาปรับสีหน้าและอารมณ์ให้เกือบเป็นปกติได้แล้ว
นางเอกสาวฝืนยิ้ม ทว่าดวงตายังหม่นแสง แต่ก่อนที่ทั้งสองจะพูดคุยกันมากไปกว่านั้นภูรินกับดนัยก็ก้าวเข้ามาสมทบ และภูรินก็ได้บอกให้วาลินีพาอารภาเข้าไปในห้องสอน
“ก็พูดคุยกันเองแล้วกันว่าจะสอนอะไรบ้าง คนอื่นๆ ก็ดูแลกันเองตามปกติ ส่วนจอห์น ฉันกับดนัยจะดูแลเอง”
พนักงานเกล็ดดาวรีสอร์ตรับคำของคนเป็นนายอย่างแข็งขัน แล้วต่างแยกย้ายตามกลุ่มที่แบ่งไว้ แล้วเดินเข้าห้องเรียนที่ได้รับมอบหมายให้สอน
อารภาเดินตามหลังวาลินีมาหยุดหน้าห้องเรียนห้องหนึ่ง นางเอกสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เรียกความมั่นใจและเพื่อตั้งสติ เพราะบางทีเธออาจต้องเจอคำพูดบ้าๆ ของเด็กๆ อย่างเช่นที่เจอไปเมื่อครู่ จากนั้นก็ก้าวเข้าไปในห้องเรียน แล้วไปยืนหน้าห้องเคียงข้างวาลินี ใบหน้าสวยที่แต่งแต้มมาอย่างดีก็ส่งยิ้มหวานโปรยให้เด็กๆ อย่างเป็นมิตร วาลินีก็เป็นคนเอ่ยทักทายเด็กๆ ก่อนและแนะนำเธออย่างเป็นทางการอีกครั้ง
วาลินีเริ่มต้นเป็นคนสอนเป็นคนแรกด้วยคำสนทนาสั้นๆ ในกรณีที่ว่าหากมีนักท่องเที่ยวมาถามไถ่ถึงสถานที่ที่ต้องการไป แล้วหลังจากนั้นอารภาก็รับช่วงต่อ โดยนางเอกสาวเลือกที่จะสอนคำศัพท์เกี่ยวกับการแสดงต่างๆ เช่นคำว่า Acting หรือ inner
“แล้วเลิฟซีนล่ะคะ มันจำเป็นต้องอินเนอร์ไหมคะขณะแสดง”
เด็กหญิงคนหนึ่งถามด้วยรอยยิ้มทะเล้น ทำเอาอารภาอ้าปากค้าง เพราะไม่คิดว่าเด็กประถมหกจะรู้จักคำว่าเลิฟซีน
‘เฮ้อ สงสัยจะอ่านข่าวบันเทิงมากเกินไปแล้วมั้งหนู’ หรือไม่ก็เพราะสื่อต่างๆ เสนอข่าวแนวนี้มากเกินไป โดยเฉพาะเบื้องหลังละครดัง ที่พระนางบางเรื่องก็เล่นกันแบบสมจริง จนคนดูได้แต่ทึ่ง อึ้ง เสียวไปตามๆ กัน นึกกระอักกระอ่วนใจชอบกลเมื่อคิดว่าเด็กๆ ก็ได้ดูภาพเหล่านั้นด้วยเช่นกัน
“เวลาจูบกัน จูบจริงๆ หรือเปล่าครับ” เด็กชายอีกคนถามขึ้นบ้าง
เท่านั้นแหละเด็กๆ คนอื่นๆ ก็ส่งเสียงฮือฮาตามด้วยหัวเราะเสียงคิกคัก อารภาแอบพรูลมออกจากปาก สีหน้ามีแววยุ่งยาก เพราะไม่รู้ว่าจะโต้ตอบอะไรดีที่ไม่ใช่การกลายร่างเป็นนางร้ายเต็มตัว และวาลินีอีกนั่นเองที่มองเห็นว่าสถานการณ์อาจจะบานปลายได้ จึงเข้ามาพักเบรกการสอนด้วยการเล่านิทานเรื่องหมีพูห์ด้วยภาษาอังกฤษ แล้วแปลเป็นภาษาไทยทีละประโยค
อารภาจึงได้มานั่งพักมุมห้อง ครุ่นคิดว่าการอยากช่วยการทำกิจกรรมของเกล็ดดาวรีสอร์ตในครั้งนี้เพื่อหวังเข้าใกล้ภูริน คงไม่รอดแน่ๆ ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะจนคำตอบเมื่อมาเจอคำถามเด็กๆ เข้า ทั้งที่เวลาอยู่ต่อหน้านักข่าวเธอไม่เคยจนถ้อยคำที่จะโต้ตอบ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะแรงแค่ไหนก็ตาม เพราะรู้ว่านักข่าวถามเพื่อสร้างกระแสและการโต้ตอบเพื่อให้มีเรื่องราวของข่าวติดตามต่อเนื่อง แต่เด็กๆ ถามด้วยความอยากรู้
นี่เป็นครั้งแรกที่อารภาไม่รู้สึกปลาบปลื้มกับความเป็นนางเอกเซ็กซี่สตาร์เบอร์หนึ่งของตัวเอง
หลังกินมื้อเที่ยงที่ทุกคนช่วยกันลงมือทำ อารภาก็นั่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้เพียงลำพัง วาลินีปฏิเสธที่จะให้เธอช่วยล้างจานทำความสะอาดห้องครัวเฉกเช่นพนักงานของรีสอร์ต คงจะเกรงใจหรือไม่ก็กลัวว่าเธอจะทำยุ่ง ตอนทำอาหารอารภาก็ทำหมูที่หั่นไว้สำหรับผัดซีอิ๊วหกลงบนพื้น เพราะความซุ่มซ่ามบวกกับที่เธอไม่ได้เข้าครัวเป็นเวลานานด้วย
อารภาทำอาหารง่ายๆ ได้ เพราะตอนไปเรียนต่อเมืองนอกเธอก็ต้องทำอาหารกินเองเป็นบางครั้ง แต่เมื่อกลับมาเมืองไทยเธอก็มีชีวิตเช่นคุณหนูทั่วไป ที่มีแม่บ้านและคนรับใช้ดูแลเรื่องอาหารการกินให้เป็นอย่างดี ครั้นเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง ด้วยทำงานหนักมาตลอด เธอจึงฝากท้องไว้กับร้านอาหารทั่วไป รวมทั้งร้านประจำในคอนโดมิเนียม หรือบางครั้งก็ไปฝากท้องที่บ้านของผู้จัดการ บางทีนงนุช ซึ่งเป็นคนที่ถูกอมรส่งมาดูแลเธอจัดการให้บ้างเป็นบางครั้ง
“ขอผมนั่งด้วยคนนะครับ” เสียงทักทายเป็นภาษาอังกฤษดังขึ้นข้างตัว เรียกให้อารภาหลุดจากภวังค์ เธอหันไปมองชายหนุ่มชาวอังกฤษที่มีนามว่า จอห์น พร้อมรอยยิ้มบาง
“ตามสบายค่ะ” เธอผายมือไปยังม้านั่งข้างตัวที่ยังว่างอยู่ อารภารู้สึกอึดอัดกับสายตาที่แสดงความพึงพอใจของหนุ่มชาวตะวันตกคนนี้ตั้งแต่ตอนกินมื้อเที่ยงร่วมกัน แต่หญิงสาวก็ทำเฉยๆ เสีย แล้วพูดคุยด้วยตามมารยาท
“คุณจะพักอยู่ที่รีสอร์ตกี่วัน” เขาเริ่มต้นคุย
“เดือนหนึ่งค่ะ แล้วคุณล่ะ” อารภาตอบแล้วย้อนถามเขาบ้าง
“อาทิตย์หนึ่ง จากนั้นผมจะไปเชียงใหม่”
“เชียงใหม่เป็นบ้านเกิดของฉันเองค่ะ”
“โอ้ ดีจัง แต่คงจะดีกว่านี้ถ้ามีคุณเป็นไกด์นำเที่ยว” พูดพร้อมกับทำตาอ้อนน้อยๆ
“เสียดายจัง ฉันยังไม่มีแผนจะกลับบ้านตอนนี้หรอกค่ะ” อารภาหัวเราะเบาๆ กับท่าทีหว่านเสน่ห์ของชายหนุ่ม
“งั้นแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวดีๆ หรือร้านอาหารอร่อยๆ ให้ผมได้ไหม”
“แล้วคุณจองที่พักหรือยัง”
“ผมจองรีสอร์ตแห่งหนึ่งไว้”
สองหนุ่มสาวนั่งพูดคุยเกี่ยวกับเชียงใหม่ และแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจรวมทั้งร้านอาหารดีๆ อย่างเพลิดเพลิน กระทั่งวาลินีเดินเข้ามาถามไถ่ว่าจะร่วมเล่นวอลเล่ย์บอลกับเด็กๆ หรือไม่ อารภาตอบตกลง ส่วนจอห์นก็จะร่วมเล่นฟุตบอลกับกลุ่มผู้ชาย ที่มีภูรินกับดนัยเป็นคนนำทีม
:::::::::::::::
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

266 ความคิดเห็น
-
#56 จิรารัตน์ (จากตอนที่ 5)วันที่ 29 ธันวาคม 2554 / 15:53บางครั้งสื่อก็ทำร้ายเด็กจริงๆค่ะ#560
-
#55 จันทร์กะพ้อ (จากตอนที่ 5)วันที่ 5 ธันวาคม 2554 / 21:18เมื่อเช้าไหงแอดไม่ได้ งั้นแอดใหม่ดีกว่า ชอบนางเอกอย่างเหลือเกิน อิ อิ อิ#550