ตอนที่ 1 : บทนำ...จุดเริ่มต้นแห่งความแค้น (รีไรท์)
บทนำ
จุดเริ่มต้นแห่งความแค้น
“เพลาๆ ลงมั่งเหอะวัช ทำไมหนังสือแกจะต้องให้นางแบบมาแก้ผ้าขึ้นปกแข่งกับหนังสือแนวปลุกใจเสือป่าด้วยวะ ที่ผ่านมามันก็ดีอยู่แล้ว”
เจ้าของประโยคเป็นชายหนุ่มร่างสูง ดูแข็งแกร่งด้วยมัดกล้ามที่โผล่พ้นแขนเสื้อโปโลสีฟ้า รวมทั้งช่วงขาแข็งแรงที่ซ่อนอยู่ในกางเกงยีนพอดีตัว เขามีผิวสีแทนคร้ามแดด ใบหน้าคมสัน ดวงตาคมซึ้งดูอ่อนโยน จมูกโด่งรับกับริมฝีปากเต็มหยักที่ยามยิ้มเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ ทำให้ใบหน้านั้นดูชวนมองมากขึ้น แม้จะไม่หล่อเหลาราวเทพบุตร แต่ก็ทำให้เขาดูเป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์ชวนมองคนหนึ่ง
“ดีกับผีน่ะสิ ยอดตก แอดหายไปจนจะไม่เหลือสักชิ้นอยู่แล้ว ขืนไม่มีอะไรใหม่ๆ พ่อก็ปิดหัวหนังสือผมแน่ เรื่องอะไรผมจะยอม ยังไงก็ต้องทำทุกอย่างให้หนังสือของผมอยู่รอด”
คู่สนทนาบอกด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น คนฟังเลยถอนหายใจยาว พลางทอดสายตานอกกรอบหน้าต่างไปยังท้องทะเลที่ผิวน้ำสะท้อนแสงตะวันยามบ่ายจัดเป็นประกายระยับตา
“เลยต้องเอานางแบบมาโชว์นม โชว์ก้น และแทบจะโชว์ตรงนั้นรอมร่อขึ้นปกนี่นะ” ไม่วายพึมพำขณะดึงสายตากลับมามองคู่สนทนา
“ผมจะทำทุกอย่างที่ไม่ให้หนังสือผมหายไปจากแผง”
“แต่ถ้ามันมากไป มันก็ดูไม่ดีนะโว้ย หนังสือแกน่ะ มันมีดีตรงเนื้อหาอยู่แล้ว ทำไมจะต้องทำหนังสือตัวเองเหมือนหนังสือเล่มอื่นด้วยล่ะ”
“แต่ปกและแฟชั่นที่หวือหวา ช่วยให้คนอ่านหยิบหนังสือขึ้นมาดู และเปิดเข้าไปอ่านเนื้อในที่มันดีอยู่แล้วไง” วัชระยังยืนยันความคิดของตัวเอง ไม่สนใจกับคำติติงของพี่ชาย
“งั้นแกจะทำอะไรก็ตามสบายก็แล้วกัน แต่บอกไว้ก่อน อย่าขนาดต้องแก้ผ้าล่อนจ้อนบนชายหาดให้เสียชื่อรีสอร์ตของฉันก็แล้วกัน” ภูรินพูดอย่างปลงๆ เมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะคล้อยตามกับคำติติงของเขา
วัชระเป็นน้องชายคนเดียวของเขาที่รักในการถ่ายรูป เรียนจบด้านถ่ายภาพมาโดยตรงจากอังกฤษ ทำงานอยู่ในวงการหนังสือมาหลายปี กระทั่งบิดาของเขา ซึ่งมีหุ้นอยู่ในค่ายเพลงชื่อดัง ได้เข้าไปเทคโอเวอร์หนังสือพิมพ์แนวธุรกิจฉบับหนึ่งได้เมื่อสองปีก่อน วัชระเลยอ้อนบิดาให้เปิดหัวนิตยสารเป็นของตัวเอง
ทำมาปีกว่าเท่านั้นยอดพิมพ์ที่เคยทำได้ ก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ พร้อมๆ กับโฆษณาเริ่มหดหายไป ทั้งที่เป็นนิตยสารหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่มีสาระและบันเทิงอย่างพอเหมาะ มีจุดที่ต่างจากหนังสือเล่มอื่น คือมีเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นด้านถ่ายภาพ ตามความชอบของเจ้าของหนุ่ม เรื่องการวาดภาพ และสถาปัตยกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะไทยหรือเทศ รวมทั้งบทสัมภาษณ์คนในแวดวงอย่างเจาะลึก
วัชระตั้งใจจะปรับเปลี่ยนปก รวมทั้งแฟชั่นทั้งหมดให้มีความหวือหวาน่าสนใจ เพื่อดึงดูดคนอ่าน ตามตลาดนิตยสารทั่วไปที่เป็นอยู่ในเวลานี้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นนิตยสาร Blue Guy นั้นถือว่ามีเอกลักษณ์เด่นชัด แฟชั่นเรียบหรู หรือไม่ก็เซอร์แบบมีศิลปะ แต่เมื่อความชอบความฝันมันสวนทางกับยอดขายที่ดิ่งลงเหว คนเป็นเจ้าของเลยต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะให้นิตยสารตัวเองอยู่บนแผงให้ได้ การวางความฝันไว้ในส่วนหนึ่ง เพื่อจับต้องให้ได้กับความจริงที่รับรู้ และมันก็คือทางรอดของความฝันด้วยเช่นกัน นั่นคือความคิดของวัชระในยามนี้
ส่วนสถานที่ที่จะปฐมฤกษ์การถ่ายแฟชั่นหวือหวาครั้งนี้ก็คือชายหาดของเกล็ดดาวรีสอร์ต เกาะเล็กๆ ของจังหวัดทางภาคตะวันออกของไทย ที่มีพี่ชายเป็นหุ้นส่วนกับเป็นเพื่อนสนิทอีกสองคน โดยมีเพียงภูรินเป็นคนบริหารดูแลรีสอร์ตอย่างเต็มตัว นอกจากจะชอบใช้ชีวิตที่นี่แล้ว ภูรินยังถือหุ้นมากที่สุด คือหกสิบเปอร์เซ็น ในขณะที่น่านกับปรมินทร์นั้นถือหุ้นคนละยี่สิบเปอร์เซ็น และนานๆ ทั้งสองจะมาดูแลรีสอร์ตสักครั้ง
“มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอกพี่ แต่ถ้าคุณแอ้มยอมถอดล่อนจ้อนก็ดีสิ หนังสือผมขายเกลี้ยงแผงภายในหนึ่งชั่วโมงแน่ๆ” วัชระพูดพลางหัวเราะอย่างถูกใจกับคำประชดของพี่ชาย
“ฉันละไม่เข้าใจดารา นางแบบสมัยนี้จริงๆ เอะอะอะไรก็จะแก้ผ้าอยู่เรื่อย ไม่มีอะไรจะพรีเซ้นต์ตัวเองแล้วหรือยังไง หรือว่าความสามารถในเรื่องการแสดง มันไม่มี เลยต้องหาจุดเด่นด้วยการแก้ผ้าอย่างเดียว”
“อ้าวพี่ ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะแก้ผ้าแล้วดัง ถ้ารูปร่างไม่ดีจริง เป็นการฆ่าตัวตายมากกว่า อีกอย่างระดับคุณแอ้ม ไม่ต้องขนาดแก้ผ้าหรอก แค่เห็นวับๆ แวมๆ ก็ฮือฮาแล้วครับ”
แอ้ม หรืออารภา นางเอกเบอร์หนึ่งของวงการ และเป็นเซ็กซี่สตาร์เบอร์หนึ่งของเมืองไทยด้วยเช่นกัน เพราะเป็นนางเอกคนแรกที่มีภาพลักษณ์ค่อนข้างแรง ทั้งเรื่องการแต่งตัว งานถ่ายแบบ หรือแม้แต่งานพรีเซ้นต์สินค้าต่างๆ รวมทั้งนิสัยใจคอที่เป็นคนตรงๆ โผงผาง ทำเอานางเอกที่มีบุคลิกเรียบร้อยอ่อนหวานแบบกุลสตรีไทยที่เคยเป็นเบอร์หนึ่งอย่างกุ๊ก กินรีตกอันดับกลายเป็นนางรองอยู่ในตอนนี้
เรียกได้ว่าแอ้ม อารภา คือดาราสาวคนแรกที่ฉีกภาพลักษณ์นางเอกเมืองไทยยุคเก่าเสียขาดกระฉุย และนับแต่นั้นมาก็มีอีกหลายคนที่พยายามจะเดินตามรอย ทว่าก็ไม่มีใครเทียบชั้นเธอได้ อย่างมากก็เป็นได้แค่เบอร์สองหรือเบอร์สามเท่านั้น
“แค่โชว์นม โชว์ก้น โชว์ขาอ่อนที่เกือบจะเห็นอะไรต่อมิอะไรก็ดังแล้วงั้นสิ จะต่างกันตรงไหนวะ ยังไงก็ใช้เรือนร่างพรีเซ้นต์ตัวเองอยู่ดี”
ภูรินแย้ง เขาไม่เห็นด้วยจริงๆ ที่วงการบันเทิงจะมีแต่นางแบบที่เป็นเซ็กซี่ตัวแม่กันเกร่อเมืองแบบนี้ ชายหนุ่มหวั่นว่าจะทำให้คดีฉุดกระชาก ข่มขืนมากขึ้นตามไปด้วย จะโทษแฟชั่นพาไปอย่างเดียวไม่ได้ จิตสำนึกก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย
“แต่คุณแอ้มไม่ได้มีดีที่หน้าตาหรือว่ารูปร่างเท่านั้นนะพี่ ฝีมือการแสดงก็เยี่ยมเป็นอันดับหนึ่งของวงการบ้านเรา” คนเป็นน้องชายแก้ต่าง เพราะมีความชื่นชมนางเอกสาวเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว
“งั้นทำไมไม่ใช้ฝีมืออย่างเดียวล่ะ ทำไมต้องโชว์รูปร่างมากมายจนเกลื่อนลูกกะตาไปหมดแบบนี้”
“ก็มันขายได้นี่ ใครๆ ก็อยากเห็นคุณแอ้มถ่ายแบบหวือหวา”
“ฉันไม่คิดอยากจะเห็นหรอกนะ!”
“ก็พี่ภูไม่ปกติมั้ง”
“เออ ฉันผิดปกติหรือไง ที่ไม่ชอบผู้หญิงที่เอะอะจะแก้ผ้าถ่ายแบบท่าเดียว ดาราบ้านเรามันเป็นอะไรกันหมด จะต้องมีภาพเซ็กซี่อย่างเดียวหรือยังไง ถึงจะอยู่ในวงการมายานี้ได้”
“ก็ในเมื่อมีคนอยากดู มันก็ต้องมีคนถ่ายแบบตามนั้น” วัชระพูดอย่างคนที่รู้ความเป็นไปสิ่งที่เกิดขึ้นในวงการบันเทิงเป็นอย่างดี
“มิน่าเด็กๆ สมัยนี้ เรียนยู่มอต้นเท่านั้น ก็ยังแต่งตัวเซ็กซี่กันเกลื่อนเมือง เพราะคิดว่าการโชว์เอ๊กซ์ โชว์อึ๋ม มันเป็นเรื่องที่ได้รับการยอมรับ และหมอศัลยกรรมความงามก็รวยเอารวยเอา เพราะสาวๆ สมัยนี้มีความฝันที่จะเข้าวงการ อยากเป็นเซ็กซี่ตัวแม่ของวงการบันเทิง” น้ำเสียงคนพูดมีแววหยันอย่างชัดเจน
“แต่คุณแอ้มไม่ได้เสริมอึ๋มนะพี่ ของแท้ เห็นว่ากรีดแค่ตาเท่านั้น อย่างอื่นในตัว แม่ให้มาทั้งนั้น” วัชระพูดด้วยสีหน้ายิ้มพราว
“เห็นมีข่าวว่าเสริมอกเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
“แค่ตบและก็นวดด้วยสมุนไพรเฉยๆ ไม่ได้เสริม อ้าวพี่ภู ไหนว่าไม่สนใจดาราเซ็กซี่ตัวแม่ของวงการ แล้วทำไมรู้ข่าวซุบซิบคุณแอ้มเรื่องเสริมอึ๋มด้วยล่ะ พี่นี่ชักจะยังไงแล้วนะ” วัชระมองพี่ชายอย่างแคลงใจ ก่อนยิ้มล้อเลียน
“ไม่ได้สนใจข่าวซุบซิบไร้สาระนั่นหรอก พอดีฉันได้ยินพวกเด็กๆ ในรีสอร์ตคุยกัน ใครจะไปมีเวลาอ่านเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นวะ งานฉันยุ่งจะตายชัก” ภูรินรีบโบ้ยออกไปให้ไกลตัว
“เออๆ ดาราเซ็กซี่เป็นเรื่องไร้สาระ ผมรู้หรอกน่าว่าสเปกพี่ ต้องเป็นแบบราชินีแห่ง*ประเทศอัยลิบเท่านั้น
“อ้าว ไอ้นี่พูดจาเรื่อยเปื่อย ขี้เกียจคุยด้วยแล้ว ไปทำงานดีกว่า” พูดจบร่างสูงก็ก้าวออกจากห้องนั่งเล่นภายในบ้านพักในรีสอร์ต โดยไม่รู้ว่ามีสายตาลุกโชนราวเปลวเพลิงมองตามแผ่นหลังกว้างของเขาจนลับตา
ร่างบางหากทว่ากลมกลึงด้วยสัดส่วนเว้าโค้งอย่างงดงามนั้นกำลังสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ ดวงตาสวยเรียวเหมือนเมล็ดอัลมอนล์ที่ยามทอดมองชายหนุ่มคนใด เป็นต้องมนต์เสน่ห์ทุกรายยังวาววับ ปากอิ่มเต็มตึงที่เผยอน้อยๆ ราวกับถูกง้างให้ค้างไว้เสมอ โดยเฉพาะยามถ่ายแบบ ตอนนี้กลับเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง เล็บยาวเคลือบสีสวยกำแน่นจิกลงกับอุ้งมือ ทว่าเจ้าตัวกลับไม่รู้สึกใดๆ นอกจากความแค้นใจที่ถูกผู้ชายปากร้ายพาดพิงนินทาอย่างเหยียดหยาม นั่นไม่เท่ากับที่เขากล่าวหาว่าเธอเสริมอึ๋ม!
‘คุณภูริน คอยดูนะ ถ้าชาตินี้ฉันเอาคืนคุณไม่ได้ อย่ามาเรียกฉันว่าซุป’ตาร์ตัวแม่ ที่แรงได้ทุกระดับ ไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม แล้ววันนั้นคุณจะต้องคุกเข่าขอโทษฉัน!’
ภูรินแทบจะโห่ร้องอย่างยินดี เมื่อขบวนทีมงานแฟชั่นนิตยสาร Blue Guy ของน้องชายค่อยๆ ทยอยขึ้นเรือที่จะพาไปขึ้นฝั่ง แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มกว้างจนดวงตาคมเป็นประกายระยับ เพราะตลอดสามวันในการถ่ายแบบ เกล็ดดาวรีสอร์ตแทบจะเกิดจลาจลเล็กๆ เมื่อแขกที่มาพักอาศัย เอาแต่แห่ไปห้อมล้อมดาราสาวคนดัง โดยเฉพาะหนุ่มๆ ทั้งที่พาแฟนมาเที่ยวด้วยกันแท้ๆ ทำเอาแฟนสาวไม่พอใจส่งเสียงทะเลาะกันดังลั่น เดือดร้อนที่เขาจะต้องลงมาเคลียร์
ที่แย่ไปกว่านั้นคือหนุ่มต่างชาติขี้เมาคนหนึ่งทำท่าจะเข้าไปถึงเนื้อถึงตัวนางเอกสาว ขณะที่เธอนั่งฟังเพลงอยู่ในผับเล็กๆ ของรีสอร์ต
กับทีมงาน เล่นเอาชุลมุน เพราะมีหนุ่มไทยที่เป็นแฟนคลับนางเอกสาวเข้าไปต่อว่าหนุ่มต่างชาติคนนั้น จึงเกิดการชกต่อยกันขึ้น ก่อนที่ผับเล็กๆ จนเกิดความวุ่นวายและเสียหาย ภูรินก็ได้รับรายงาน จึงต้องรีบออกมาจัดการยุติเหตุวิวาทนั้นลง
ณ เวลานั้นเขาอยากจะด่านางเอกเซ็กซี่ตัวแม่ของวงการบันเทิงจริงๆ ที่ออกมานอกห้องพักด้วยการแต่งกายที่ล่อแหลมเกินงาม เล่นใส่เสื้อคอคว้านลึกไปถึงฐานอก หน้าอกหน้าใจทะลักออกมายั่วยวนสายตาหนุ่มๆ แถมด้วยการนุ่งกางเกงขาสั้นแค่คืบ
ถึงจะอยากด่านางเอกสาวแค่ไหน แต่ภูรินก็รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ไปทำแบบนั้น หรือแม้แต่จะวิจารณ์ใดๆ เพราะเขาไม่ได้เป็นอะไรกับเธอ แม้แต่แฟนคลับก็ไม่ใช่ แม้หญิงสาวจะทำให้เขาเดือดร้อนตลอดเวลาที่เธอพักอาศัยอยู่ในรีสอร์ต ภูรินก็ทำได้แค่เพียงมองอีกฝ่ายด้วยสายตาตำหนิเท่านั้น ในขณะเจ้าตัวเอ่ยขอบคุณพร้อมส่งยิ้มหวานหยด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอารภาต้องมายิ้มแบบซุป’ตาร์ให้เขาด้วย เพราะก็น่าจะรู้จากสายตาที่เขามองตอบว่ารู้สึกเช่นไรกับตัวเธอ ชายหนุ่มจึงได้ส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนหมุนตัวเดินออกไปจากจุดเกิดเหตุ
ในยามพบหน้ากันขณะกินอาหารในร้าน พร้อมน้องชายและทีมงานถ่ายแฟชั่นของอีกฝ่าย ภูรินก็นึกหงุดหงิดที่นางเอกสาวส่งยิ้มหวาน ชวนพูดคุยราวกับไม่รับรู้กระแสกรุ่นๆ ในตัวเขาที่แสดงออกทางสีหน้าและแววตา อารภาก็ยังทำหน้าแบ๊วตาใสใส่เขาได้ทุกครั้งที่เจอกัน ไม่รู้ว่าทำมึน หรือว่าไม่รู้จริงๆ ถ้าเป็นอย่างหลัง เขาว่าสมองส่วนรับรู้ความรู้สึกของเธอคงบกพร่องอย่างไม่ต้องสงสัย
วันนี้นอกจากจะรู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอก ชายหนุ่มจึงแอบสาปส่งนางเอกสาวอยู่ในใจ
‘ขออย่าให้ได้เจอกันอีกเลย ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน!’
พลันรอยยิ้มของภูรินก็ต้องหุบลง เมื่อจู่ๆ ร่างบางในชุดที่แสนเซ็กซี่ด้วยแซกสั้นรัดรูปผ้ายืดยาวแค่คืบ ก่อนจะก้าวขึ้นเรือนางเอกสาวหันมาทางเขา พร้อมส่งยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่ทำเอาเขานิ่งงันไปชั่วขณะ เปล่าหรอกเธอไม่ได้ยิ้มหวานปากหยักเย้ายวนอย่างที่เห็นยามถ่ายแบบหรือยามที่ส่งยิ้มในสองสามวันที่ผ่านมา
ทว่ามันเป็นรอยยิ้มที่หยักขึ้นเหนือมุมปากเพียงแวบเดียว ดวงตาที่เคยเห็นว่าทั้งคมและหวานท้าทายคนมองนั้นมีบางอย่างไหวระริก จนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกพรั่นพรึง เพราะสังหรณ์ใจว่าบางทีคำภาวนาของเขาเมื่อสักครู่ คงไม่อาจเป็นจริงได้ ด้วยเขามองเห็นแววหมายมาดในดวงตาของนางเอกสาว!
กระทั่งสปีดโบ๊ทแล่นออกจากท่าเรือไปไกลลิบแล้ว ดวงตาของนางเอกสาวยังหลอนอยู่ในความรู้สึกของภูริน ชายหนุ่มสะบัดศีรษะแรงๆ ขับไล่สิ่งที่วิ่งวุ่นอยู่ในหัว ก่อนจะสาวเท้ากลับไปตรวจตราความเรียบร้อยภายในรีสอร์ต จากนั้นก็ตรงไปยังห้องทำงานส่วนตัวของเขา
................
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สนุกเหมือนเคยค่ะ