ตอนที่ 21 : ลักพาตัว 2
หญิงสาวตื่นขึ้นมาในตอนสาย หลังล้างหน้าแปรงฟันก็นั่งดื่มกาแฟในห้องนั่งเล่น ดูทีวีไปพลางสะดุ้งสุดตัวเมื่อโทรศัพท์มือถือของเธอกรีดเสียงขึ้น หยิบขึ้นมาดูแล้วพลอยก็ทำหน้ากลัดกลุ้มเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์โทร. ของตรัย ถึงจะยังคิดถึงเขาแค่ไหน เธอจะต้องเข้มแข็งไว้เพื่อจะได้เดินไปในเส้นทางที่ถูกต้องดีงาม หญิงสาวจึงนั่งฟังเสียงโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ กระทั่งมันเงียบหายไปเอง เป็นอยู่อย่างนี้ถึงหกครั้งก่อนเงียบเสียงไปจริงๆ
เมื่อวานหลังกลับจากบ้านบิดา นภันต์สั่งไม่ให้เธอออกไปไหนเพราะเกรงว่าตรัยอาจจะตามมาตอแยเธออีก เดี๋ยวจะมีปัญหาตามมาไม่รู้จบ จริงๆ แล้วพลอยไม่ได้อยากขัดคำสั่งของเขา แต่เธอไม่อยากฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวในห้อง เกิดใจอ่อนรับโทรศัพท์ของตรัยขึ้นมา กลัวไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองได้หากตรัยอ้อนวอนให้เธอไปพบ จึงคิดว่าการออกไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าสักแห่งน่าจะดีกว่า
เสียงโทรศัพท์มือถือของพลอยดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย แต่กลัวว่าจะเป็นเบอร์ใหม่ที่ตรัยใช้โทร. หา เธอปล่อยให้มันเงียบเสียงไปเองอีกครั้ง แล้วตัดสินใจอาบน้ำแต่งตัวออกจาก
ห้องพักทันที
การมาเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าชื่อดังทำให้พลอยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นได้บ้าง หญิงสาวซื้อเสื้อผ้าสองสามชุด เข้าร้านหนังสือหาซื้อคู่มือเกี่ยวกับการทำจิตใจให้เข้มแข็งจากการอกหัก กำลังจะเดินไปจ่ายเงินตาเหลือบไปเห็นเคล็ด (ไม่) ลับมัดใจสามี หันซ้ายขวาดูว่าไม่มีใครเห็นแน่ๆ จึงรีบคว้าหนังสือเล่มนั้นเดินลิ่วไปหน้าแคชเชียร์ทันที พนักงานเก็บเงินแอบยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นปกหนังสือที่เธอซื้อ พลอยเลยแสร้งทำหน้าดุ กล่าวเสียงแข็ง
“ไม่ต้องห่อปกนะคะ” เธออยากออกไปจากร้านหนังสือเต็มแก่แล้ว เวลานี้คนที่รอคิวอยู่เหมือนจะลอบมองพลอยยิ้มๆ โดยเฉพาะผู้ชายที่ยืนต่อคิวอยู่ด้านหลังเธอ
ได้หนังสือเรียบร้อยแล้วก็รีบร้อนเดินออกจากร้านราวกับกลัวว่าคนอื่นจะมารู้ถึงหนังสือที่เธอซื้อไป พนักงานแคเชียร์ในร้านหนังสือคงคิดว่าเธออยากอ่านเพื่อเอาใจสามีทำนองนั้น แต่ฝันไปเถอะ แค่ซื้อมาอ่านสนุกๆ คลายเครียด
หญิงสาวกลับมาถึงคอนโดมิเนียมในเวลาบ่ายจัด กำลังจะเดินไปยังลิฟต์เธอได้ยินเสียงร้องเรียกชื่อจากทางเบื้องหลัง
“พลอย...”
ชะงักนิ่งงันไปหลายอึดใจ ด้วยจดจำน้ำเสียงที่เรียกชื่อของเธอได้ดี มันคงถึงเวลาที่เธอและผู้หญิงคนนี้จะต้องพูดคุยกันอย่างเปิดใจเสียทีกับเรื่องที่ยังค้างคาใจ ...ก็ดี จะได้จบเรื่องกันไป คิดได้ดังนั้นพลอยจึงหมุนตัวไปด้านหลัง เห็นร่างบางอยู่ในชุดแส็กสีฟ้าสดใส ใบหน้าสวยกลับมีรอยเศร้าหมอง ถึงอย่างนั้นชญานันท์ยังคงดูสวยสง่างามเช่นเดิม
“ขอโทษนะคะที่เสียมารยาทบุกมาหาถึงนี่ คือเมื่อเช้าฉันโทร. มาหาพลอยแล้วค่ะ แต่ว่าพลอยไม่รับสาย พอดีฉันมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับพลอยน่ะค่ะ” ชญานันท์เอ่ยอย่างเกรงใจหญิงสาวที่กำลังมองมายังเธอด้วยใบหน้านิ่งเรียบ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเองก็อยากจะคุยกับคุณนันท์อยู่เหมือนกัน เชิญที่ห้องก่อนนะคะ จะได้คุยกันสะดวกขึ้น”
ชญานันท์เดินตามร่างบางโปร่งของพลอยเข้าไปในลิฟต์ ทั้งสองไม่ได้ปริปากพูดคุยอะไรกันกระทั่งเดินเข้ามาในห้องพัก พลอยรินน้ำเย็น
เสิร์ฟ พอแขกยกน้ำขึ้นดื่มจนค่อนแก้ว เธอจึงเริ่มต้นบทสนทนาก่อน
“ไหนๆ เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันอยากบอกคุณนันท์นะคะว่าฉันไม่เคยคิดจะแย่งสามีใคร ภาพที่ออกมาวันนั้นก็...”
“อ๋อ...เรื่องนั้นพลอยไม่ต้องบอกฉันหรอกค่ะ คุณตรัยบอกฉันหมดทุกอย่างแล้ว”
“เขาบอกอะไรบ้างคะ” พลอยถึงกับปวดแปลบในใจที่รับรู้ว่าตรัยไม่เคยมีความลับอะไรกับภรรยาของเขา
“คุณตรัยบอกว่าพลอยคือผู้หญิงที่เขาคบมาก่อนที่จะแต่งงานกับฉัน จริงๆ แล้วก่อนแต่งงานกันเขาก็พูดถึงพลอยให้ฟังบ้าง”
“แสดงว่าคุณนันท์เองก็รู้ว่าขณะที่เขาไปยุ่งกับคุณ เขามีฉันอยู่แล้ว!” น้ำเสียงที่ถามออกไปเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
“ค่ะ...คือคุณตรัยคงบอกพลอยบ้างแล้วว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับคุณตรัยมันเป็นอุบัติเหตุ”
“คุณพูดเหมือนตัวเองโดนรถเฉี่ยวเฉยๆ ในขณะที่ฉันไม่ต่างจากถูกรถสิบล้อชนเอา เจ็บปางตายเชียวนะคุณ!” พลอยแหวขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าสวยของชญานันท์เรียบนิ่งไร้ความรู้สึกขณะบอกเล่าเรื่องราวระหว่างตนเองกับตรัย บุคลิกเรียบร้อยดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะพูดเรื่องแบบนี้ว่าเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น
“ค่ะ...ฉันรู้ว่าฉันผิดที่ไปยุ่งกับผู้ชายที่มีแฟนแล้ว แต่บังเอิญวันนั้นฉันมีเรื่องกลุ้มใจน่ะค่ะ เลยชวนคุณตรัยดื่มเหล้าจนเมา ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คุณตรัยเองก็เหมือนกัน จากนั้นฉันโชคร้ายที่บังเอิญท้องขึ้นมา เราจึงจำเป็นต้องแต่งงานกัน”
พลอยแค่นยิ้มกับคำพูดของชญานันท์ เพราะมันราวกับก็อปปี้มาจากตรัยยังไงยังงั้น
“โอเคๆ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ เพราะสามีของคุณก็บอกฉันแบบนี้เหมือนกัน งั้นเรื่องนี้ก็เป็นอันว่าเราไม่ติดใจอะไรต่อกันแล้วนะคะ เพราะฉันกับพี่ตรัยกอดกันเมื่อวันก่อนก็เป็นแค่อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ เหมือนกัน คุณคงได้อ่านจากที่ฉันให้สัมภาษณ์กับนักข่าวไปแล้ว”
“ที่ฉันมาวันนี้ไม่ได้มาพูดเรื่องคุณตรัยหรอกค่ะ ฉันอยากคุยกับพลอยเรื่องที่จะแต่งงานกับภันต์น่ะค่ะ”
“คะ...” หญิงสาวเบิ่งตาโตมองอีกฝ่ายอย่างงุนงง
“ค่ะ...ฉันอยากคุยเรื่องการแต่งงานของพลอยกับภันต์ค่ะ”
ชญานันท์ย้ำประโยคเดิมด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“แล้วคุณมาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะกับเรื่องแต่งงานของฉันกับพี่ภันต์”
“เรื่องนี้มันซับซ้อนเกินกว่าที่ฉันจะอธิบายให้พลอยเข้าใจได้ง่ายๆ” บอกพลางถอนหายใจเสียงดัง ใบหน้าเริ่มฉายแวววิตกกังวล
“บอกมาเถอะค่ะ คุณพูดแบบนี้ฉันก็ยิ่งไม่เข้าใจใหญ่” คำพูดของชญานันท์กระตุ้นความอยากรู้ของพลอยมากยิ่งขึ้น
“อย่าแต่งงานกับภันต์นะคะพลอย”
หญิงสาวถึงกับอึ้งไปหลายวินาทีเมื่อได้ยินคำพูดที่หลุดออกมาจากปากเคลือบสีชมพูหวานของชญานันท์ “ทำไมฉันถึงจะแต่งกับพี่ภันต์ไม่ได้” เธอเริ่มเบื่อท่าทีของชญานันท์ที่ทำเหมือนคนเก็บงำความลับบางอย่างไว้
“เพราะภันต์ต้องการจะเอาชนะคุณตรัยเท่านั้น เขาไม่ได้อยากจะแต่งงานกับพลอยจริงๆ หรอก”
คำพูดของชญานันท์มันช่างเป็นคำพูดที่ไม่ต่างจากที่ตรัยเคยบอกเธอ นี่แสดงว่านภันต์รักชญานันท์ โกรธที่ตรัยคว้าหญิงสาวไปครองตัดหน้าเขาจริงๆ อย่างนั้นน่ะหรือ!
“เอาชนะ...ทำไมพี่ภันต์ต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ” พลอยอยากรู้ให้ละเอียดกว่านี้
“ฉันจะเล่าทุกอย่างให้พลอยฟังทั้งหมดอย่างไม่มีปิดบังอะไรอีกต่อไป เพราะฉันไม่อยากให้พลอยกลายเป็นเครื่องมือแก้แค้นของภันต์”
“งั้นก็เล่ามาเถอะค่ะ ฉันอยากรู้เต็มทีแล้ว!” อารมณ์ของหญิงสาวเริ่มคุกรุ่นขึ้นตามเรื่องราวที่หลุดออกมาจากปากของชญานันท์
“พลอยสัญญาก่อนนะคะว่าหากฉันเล่าให้ฟังแล้ว พลอยจะไม่บอกเรื่องนี้กับภันต์ ไม่ยังงั้นภันต์เล่นงานฉันตายแน่ พลอยก็รู้ว่าเวลาภันต์โกรธน่ะเขาร้ายแค่ไหน”
“ฉันสัญญาค่ะ!” หญิงสาวรับปากโดยไม่ต้องขบคิดใดๆ อีกต่อไป ตอนนี้เธอหูอื้อตาลายกับคำพูดของชญานันท์ แค้นใจนภันต์ที่เอาคำรักมาอ้าง แท้จริงก็เพื่อล่อลวงให้เธอตายใจจะได้ยอมแต่งงานด้วย เขาต้องการใช้เธอเพื่อเป็นเครื่องมือแก้แค้นตรัยเท่านั้น ...คนทุเรศ! ความโกรธครอบงำเธอจนหมดสิ้น ตอนนี้พลอยลืมไปแล้วละว่าเธอเองก็หวังใช้เขาเป็นเกราะกำบังจากตรัย จากหัวใจที่อ่อนแอของตัวเองเช่นกัน
นภันต์พยายามปรับสีหน้าให้สดชื่นเมื่อก้าวเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ในโรงแรมของครอบครัว วันนี้มีงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของพลเอกการันต์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และอดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งปัจจุบันแม้จะวางมือจากงานการเมือง แต่ก็ยังเป็นที่นับถือของนักการเมืองรวมทั้งประชาชนทั่วไป เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลที่มี
คุณภาพ ทำคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมืองไว้มากมาย ฉะนั้นงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้จึงคลาคล่ำไปด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่ นักการเมืองทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล รวมทั้งนักธุรกิจชื่อดัง นภันต์ในฐานะผู้บริหารโรงแรมและเป็นถึงลูกชายของส.ส. อาทรจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมาร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วย
ชายหนุ่มเดินเข้าไปในงานเคียงข้างบิดา ยกมือไหว้เจ้าของวันเกิดอย่างนอบน้อม
“เป็นลูกไม้ที่หล่นไกลต้นจริงๆ นะพ่อหนุ่ม นอกจากไม่สนใจเล่นการเมืองแล้วยังหน้าตาหล่อกว่าพ่อตอนยังหนุ่มอีกแน่ะ” พลเอกการันต์เอ่ยเย้าด้วยสีหน้าแช่มชื่น นภันต์ยิ้มรับตามมารยาท ทว่าดวงตาคมเข้มกลับหม่นแสง ใช่สิ...เขาต่างจากพ่อทุกอย่าง ทั้งที่พยายามจะลืมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่เขาก็หนีความจริงไม่พ้นสักที!
บิดาเหมือนจะล่วงรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงหันมายิ้มปลอบใจ ชายหนุ่มส่งยิ้มบางตอบ จริงอยู่เขากับพ่อต่างกัน แต่นั่นไม่ได้ทำให้นภันต์รักพ่อน้อยลง ตรงกันข้าม ชายหนุ่มรักพ่อมากกว่าทุกสิ่งในชีวิตของเขา บางทีอาจมากกว่าแม่เสียด้วยซ้ำ!
พลเอกการันต์พูดคุยกับนภันต์และบิดาอยู่ครู่หนึ่งก่อนขอตัวเดินไปทักทายแขกคนอื่นๆ ในงาน ทำให้นภันต์ปลีกตัวไปนั่งดื่มไวน์เงียบๆ ที่โต๊ะ ปล่อยให้บิดาไปทักทายเพื่อนร่วมอาชีพทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล
“ขอนั่งด้วยคนนะ” เสียงห้าวทุ้มดังขึ้นข้างตัว
ยังไม่ทันที่เขาจะเงยหน้ามองคนทักทาย คนผู้นั้นก็นั่งลงเก้าอี้ข้างตัว นภันต์จ้องมองอีกฝ่ายอย่างคิดไม่ถึงว่ารัฐมนตรีทศพรจะกล้าเข้ามาทักทายเขา ด้วยอีกฝ่ายอาวุโสกว่า แม้จะไม่ชอบหน้าหากนภันต์ยังพอเข้าใจมารยาททางสังคม ยิ่งอยู่ในงานเลี้ยงที่มีผู้คนมากมายแบบนี้ด้วยแล้ว ชายหนุ่มจึงฝืนยกมือไหว้
“นึกว่าเธอจะไม่ยกมือไหว้ฉันเสียอีก” ถึงจะเป็นลูกศัตรู ทศพรก็ต้องยอมรับว่านภันต์ บุณฤทธิ์เป็นชายหนุ่มร่างสูงสง่าน่าเกรงขาม บวกกับหน้าที่การงานประสบความสำเร็จจนถูกยกย่องว่าเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงคนหนึ่งของเมืองไทย ส่งผลให้นภันต์เป็นชายหนุ่มที่โดดเด่นคนหนึ่งในวงสังคม อดไม่ได้ที่จะนึกเปรียบเทียบกับบุตรชายคนเดียวของเขาที่วันๆ เอาแต่หมกมุ่นกับอบายมุข ทั้งการพนัน จัดปาร์ตี้มั่วผู้หญิง หวังจะให้เดินตามรอยเท้าของเขาก็คงจะยาก แต่ยังหวังว่าเตชิดจะช่วยจัดการกับปัญหาใหญ่ในตอนนี้ของเขาได้เรียบร้อย เมื่อนั้นแหละ เขาจะหัวเราะเยาะไอ้อาทรให้สะใจที่มันอาจหาญคิดจะเล่นงานเขา!
“เวลาอยู่ในงานสังคมแบบนี้ผมรู้ว่าต้องทำตัวยังไง” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเรียบพอๆ กับหน้าตา ทำเอาคนที่กำลังเพ่งมองอดนึกฉุนใจไม่ได้
“ก็ดี...”
“มานั่งข้างๆ ผมไม่ทราบว่ามีอะไรจะคุยกับผมหรือเปล่า” นภันต์ถามออกไปตรงๆ
เขาไม่ชอบสายตาสำรวจตรวจตราของอีกฝ่าย จะว่าไปความจริงนภันต์ไม่ชอบทุกอย่างที่รวมกันเป็นผู้ชายคนนี้ ตั้งแต่การฉ้อฉลในหน้าที่การงาน รวมทั้งนิสัยส่วนตัวที่ดูเหมือนจะไม่ต่างจากผู้เป็นลูกชาย ดูสิ...แววตาของอีกฝ่ายกำลังชวนเขาวิวาทอยู่เงียบๆ มันมองอย่างท้าทายและเยาะหยันอย่างไรชอบกล ราวกับตัวเองถือไพ่เหนือกว่า
“ได้ข่าวว่าลูกชายฉันเข้าไปก่อกวนที่ผับเธอ ฉันอยากขอโทษแทนเขาด้วย”
“ผมไม่กล้ารับคำขอโทษจากคุณหรอก เพราะคุณไม่ได้เป็นคนทำมิใช่เหรอ” คำย้อนนั้นทำให้รัฐมนตรีทศพรลอบกัดกรามแน่นจนขึ้นสันนูน
เขามองชายหนุ่มคราวลูกตาขุ่นขวาง
“อย่าจองหองนักพ่อหนุ่ม!” เขาพูดเสียงรอดไรฟัน แต่กระนั้นนภันต์ยังได้ยินชัดเจนเต็มสองหู
“ผมว่า...แทนที่คุณจะมาขอโทษผม ควรเอาเวลาไปสั่งสอนลูกชายคุณดีกว่าไหมครับ” นภันต์รู้ว่าอีกฝ่ายเล่นละครใส่เขา แท้จริงแล้วคงชอบใจอยู่มากโขที่เตชิดกับเขาไม่ถูกกัน ก็เหมือนกับที่เจ้าตัวไม่ถูกกับบิดาของเขานั่นแหละ
“กล้าพูดแบบนี้กับฉันเหรอ” แม้จะโมโหแค่ไหนทศพรก็ต้องกลั้นอารมณ์ไว้ อยู่ท่ามกลางผู้คนแบบนี้เขาจะต้องสงบและเยือกเย็น เพราะการที่เดินเข้านั่งร่วมโต๊ะกับลูกชายคู่อริก็ทำให้หลายคนหันมาจ้องมองอย่างใคร่รู้ รวมทั้งบิดาของชายหนุ่ม คงกลัวว่าจะเกิดเรื่อง ด้วยรู้นิสัยใจร้อนมุทะลุไม่ยอมคนของผู้เป็นลูกชายดี ส.ส. อาทรจึงเดินมานั่งร่วมโต๊ะด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“อาทร...ลูกชายแกนี่ไม่เลวนะ ปากกล้าดี...จนฉันแปลกใจว่าเอานิสัยอย่างงี้มาจากไหน เพราะตัวแกเองก็ไม่ได้พูดจาขวานผ่าซาก จะว่าเอานิสัยแม่มาก็ไม่ใช่ คุณนรี...นิสัยเรียบร้อย อ่อนหวาน น่ารัก และก็...”
“ถ้าภันต์พูดจาอะไรไม่ดีกับแก ฉันขอโทษแทนด้วย” ส.ส. อาทรตัดบทก่อนอีกฝ่ายจะพูดจบประโยค จากนั้นรีบเอ่ยขอตัว ดึงแขนลูกชายลุกจากเก้าอี้พาออกไปยังห้องจัดเลี้ยง ตรงไปยังล็อบบีทันที
“ภันต์...อย่าเสียมารยาทกับผู้ใหญ่สิลูก” เอ็ดลูกชายด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ก็เขามายุ่งกับผมก่อน” ชายหนุ่มทำหน้าขรึม ไม่ได้ซ่อนแววตาที่แฝงรอยเศร้า ทำให้คนเป็นพ่ออดสะท้อนใจไม่ได้ เขารู้ว่าคำพูดหลายประโยคจากคนที่อยู่ข้างในงานเลี้ยงไปเขี่ยตะกอนที่นอนนิ่งในใจผู้เป็นลูกชายมานานให้ขุ่นคลั่กขึ้นมาอีกครั้ง เขาผิดเองที่คะยั้นคะยอนภันต์ให้มาร่วมงานเลี้ยงทั้งที่บุตรชายไม่ชอบสังคมนักการเมือง นภันต์ชอบไปงานเลี้ยงของเพื่อนสนิทและที่เกี่ยวข้องกับเรื่องธุรกิจเท่านั้น
“ยังงั้นก็เถอะ ยังไงเขาก็เป็นผู้ใหญ่กว่า”
“ผมขอโทษครับ”
“พ่อว่าภันต์ไปลาท่านการันต์แล้วก็กลับไปพักผ่อนได้แล้ว ทางนี้
พ่อดูแลเอง”
“ครับ...” ชายหนุ่มรับคำเบาๆ ก่อนเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงอีกครั้ง โดยมีสายตาของผู้เป็นบิดามองตามด้วยสีหน้าวิตกระคนเศร้าหมอง
:::::::::::::::::::
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

29 ความคิดเห็น
-
#4 ondara (จากตอนที่ 21)วันที่ 29 พฤศจิกายน 2563 / 11:55เอ้อ มีคนมาพูดแค่นี้ก็เชื่อเขา อ่ะนะ#40