ตอนที่ 1 : เรื่องบังเอิญ
เรื่องบังเอิญ
นีรดามองเพื่อนสาวที่ยกแก้วเหล้าเข้าปากอย่างอ่อนใจ รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนคอแข็งนัก แต่เมื่อห้ามปรามแล้วไม่ยอมเชื่อฟัง จึงไม่รู้จะทำอย่างไรดีนอกจากรอให้คอพับคาโต๊ะกันไปเลย จากนั้นค่อยจัดการลากขึ้นรถกลับบ้าน ซึ่งคนที่จะลากหญิงสาวร่างบางโปร่งที่สูงถึงร้อยหกสิบเจ็ดเซนติเมตรอย่างพลอยได้คงไม่ใช่สาวร่างบอบบางที่สูงแค่ร้อยห้าสิบแปดเซนติเมตรอย่างเธอแน่นอน
วินธ์...เพื่อนหนุ่มคนเดียวในกลุ่มกำลังเดินทางมายังผับแห่งนี้ นีรดาโทร. ไปบอกตั้งแต่ที่เพื่อนสาวกรอกเหล้าเข้าปากแก้วที่สาม ตอนนี้พลอยดื่มเข้าไปจนเธอนับแก้วไม่ทันแล้ว นีรดารู้ถึงความกลัดกลุ้ม
รวมทั้งความเศร้าโศกเสียใจของพลอยดี จึงไม่อยากต่อว่าเพื่อน
นีรดาเชื่อแล้วว่าโลกมันกลมจริงๆ วันนี้พลอยได้เจอกับคนที่ไม่เคยคิดอยากจะเจอเข้าอย่างจัง นั่นคืออดีตคนรักกับภรรยาของเขาที่เพิ่งแต่งงานกันเมื่อเดือนก่อน เท่านั้นยังไม่พอ ชญานันท์...ภรรยาของอดีตคนรักกลายมาเป็นผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์บริษัทดีอาร์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ยักษ์ใหญ่แห่งวงการบันเทิงที่พลอยทำงานอยู่ในตำแหน่งประชาสัมพันธ์มานานถึงสี่ปี แถมผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ผู้จัดการแผนกธรรมดาเสียด้วย เป็นถึงลูกสาวคนเดียวของหุ้นส่วนใหม่บริษัทดีอาร์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์
และตรัย...อดีตคนรักของพลอยยังเข้ามาทำงานในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการเงินของบริษัทอีกด้วย จะไม่ให้หญิงสาวกลุ้มใจจนอยากเมาให้ลืมโลกได้อย่างไร เพราะนับแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปพลอยจะต้องทนเห็นคนรักเก่ากับภรรยาของเขาในที่ทำงาน จะลาออกจากบริษัทก็ยังเสียดาย นอกจากจะเงินดีแล้ว ความผูกพันระหว่างเธอกับเพื่อนร่วมงานนั้นทำให้หญิงสาวมีความสุขกับชีวิตการทำงานตลอดสี่ปีที่ผ่านมา
“พลอย พอก่อนเถอะ” นีรดาคว้ามือเพื่อนสาวไว้เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีทีท่าจะล้มพับคาโต๊ะรอมร่อ แต่ยังฝืนทำอวดเก่งกรอกเหล้าเข้าปากอีก ในขณะที่วินธ์ก็ยังไม่มีวี่แววจะโผล่หน้ามาเลย ทำให้นีรดาเริ่มกังวล เธออยากให้เพื่อนหนุ่มมาก่อนที่พลอยจะเมาฟุบคาโต๊ะ กำลังจะกดโทรศัพท์หาวินธ์อีกครั้ง อีกฝ่ายกลับโทร. มาหาพอดี
“นิด...แย่แล้วรถฉันถูกชน คงต้องรออีกสักพักใหญ่ถึงจะไปได้” ปลายสายบอกด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“อ้าว...แล้วแกเป็นไรมากหรือเปล่าล่ะ” นีรดาย้อนถามเพื่อนหนุ่มอย่างห่วงใย
“หัวแตกน่ะ เลือดโชกเลยว่ะ” น้ำเสียงอ่อยก่อนสูดปากเบาๆ ด้วยความเจ็บปวด
“งั้นแกดูแลตัวเองเถอะนะวินธ์ ฉันจะจัดการพลอยเอง ตอนนี้พลอยยังพอมีสติอยู่” พอวางสายแล้วเหลือบสายตาไปยังเพื่อนรักเท่านั้น นีรดาก็เบิกตาค้าง ด้วยว่าอีกฝ่ายเมาฟุบคาโต๊ะไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่มือยังถือแก้วเหล้าอยู่
“เวรละสิ...แล้วจะทำไงล่ะทีนี้” นีรดาหันรีหันขวางไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี หญิงสาวตัวเล็กๆ บอบบางน่าทะนุถนอมอย่างเธอคงไม่มีปัญญาอุ้มเพื่อนขึ้นรถพาไปส่งถึงห้องพักได้แน่ๆ มีทางเดียวเท่านั้นที่นีรดาคิดได้ในเวลานี้ นั่นคือเรียกพนักงานหนุ่มล่ำสักคนช่วยอุ้มพลอยไปขึ้นรถ ซึ่งถ้าเจ้าตัวรู้ทีหลังคงไม่ปลื้มนักที่ให้คนแปลกหน้ามาแตะเนื้อต้องตัว ทำไงได้ อยากเมาเองทำไมล่ะ
จริงๆ แล้วผับแห่งนี้เป็นของกานดิศ...เพื่อนสนิทของพี่ชายพลอย แต่วันนี้กานดิศไม่เข้ามา ถ้าเขาอยู่ก็คงพอจะช่วยแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้ได้บ้าง
กำลังเพ่งสายตาหาบริกรหนุ่มล่ำพอที่จะอุ้มเพื่อนสาวได้ สายตาอันแหลมคมของเธอก็ปะทะเข้ากับบุรุษร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง นอกจากจะหุ่นล่ำสมชายชาตรีแล้วยังหล่อเข้มบาดตาอีกต่างหาก ด้านหลังของชายหนุ่มมีลูกน้องเดินตามหลังถึงสี่คน ให้สมกับเป็นลูกชายคนเดียวของนักการเมืองชื่อดังที่มีสมญานาม ‘แบดบอยรูปหล่อแห่งสังคมไฮโซ’ หรือนภันต์ บุณฤทธิ์ ผู้ชายที่นีรดาไม่มีวันลืมเลือนได้ง่ายๆ
นอกจากชายหนุ่มจะเป็นเพื่อนสนิทของ ’เพชร’ พี่ชายพลอยซึ่งตอนนี้ไม่ได้อยู่เมืองไทย เพราะแต่งงานกับหญิงสาวลูกครึ่งไทย-ปารีเซียงคนหนึ่งและไปใช้ชีวิตอยู่ที่ปารีสตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้ว การพบเจอเขาครั้งแรกเมื่อแปดปีก่อนมันก็ไม่ธรรมดานัก ซึ่งคนที่เมาฟุบหลับคาโต๊ะอยู่ในตอนนี้รู้ดีที่สุด แต่ช่างเถอะ นั่นมันเรื่องในอดีต ปัจจุบันนีรดามองไม่เห็นใครพอที่จะขอความช่วยเหลือได้นอกจากเขาคนเดียวเท่านั้น
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มเดินส่งยิ้มบางมาหยุดตรงหน้านีรดา พร้อมบอดี้การ์ดร่างบึ้กอีกสี่คน
”พี่ภันต์ นิดดีใจจังเลยที่เจอพี่” นีรดาทำท่าโล่งใจ อย่างน้อยก็ยังเจอคนรู้จักซึ่งน่าจะพอช่วยเหลือเธอได้ในเวลาคับขันเช่นนี้
“มีอะไรหรือเปล่านิด อ้าว...ทำไมพลอยถึงได้หลับในผับแบบนี้” ชายหนุ่มเพ่งสายตาไปยังใบหน้าสวยที่หลับตาพริ้มบนโต๊ะ ไม่สนใจเสียงเพลงอึกทึกครึกโครม หรือเสียงพูดคุยผสานเสียงหัวเราะของแขกคนอื่นๆ ในร้าน
“คือ...พลอยดื่มเยอะไปหน่อย ก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ”
นีรดาบอกพลางยิ้มจืดๆ ให้ชายหนุ่ม
“เฮ้อ...พลอยไม่น่าทำตัวแบบนี้เลย ถ้าไอ้เพชรรู้เข้า เจอดีแน่ๆ” ชายหนุ่มส่ายหน้าน้อยๆ ราวกับระอาในพฤติกรรมของน้องสาวเพื่อนสนิทเสียเต็มประดา
“คือพลอยมีเรื่องกลุ้มใจนิดหน่อยค่ะ ปกติเขาก็ไม่ใช่คนชอบดื่มเหล้าอยู่แล้ว” นีรดารีบแก้ต่างให้เพื่อนรัก เกรงว่าชายหนุ่มจะเข้าใจว่าพลอยเป็นพวกขี้เหล้าเมายาทำนองนั้น
“สงสัยเรื่องที่ว่าคงไม่นิดหน่อยแล้วละมั้ง ขนาดเมาหลับในผับแบบนี้ ว่าแต่นิดจะพาพลอยกลับห้องพักได้หรือเปล่าล่ะ” หลังออกความเห็นพอหอมปากหอมคอ ท้ายประโยคชายหนุ่มก็ตั้งคำถาม
“ก็พากลับได้ค่ะ แต่อยากรบกวนให้พี่ภันต์ช่วยบอกลูกน้องให้อุ้มพลอยไปส่งที่รถนิดด้วยน่ะค่ะ”
“อ้าว พอถึงคอนโดฯ แล้วนิดจะอุ้มพลอยไปส่งถึงห้องพักได้เหรอ”
พอเจอคำย้อนถามของชายหนุ่มเข้านีรดาทำคิ้วมุ่นเข้าหากันทันที จริงสิ...เธอลืมไปว่าพอถึงคอนโดมิเนียมของเพื่อนสาวแล้วเธอคงไม่มีปัญญาอุ้มพลอยเข้าไปในห้องพักได้แน่นอน
“คือ...เดี๋ยวนิดให้รปภ. ช่วยอุ้มขึ้นไปที่ห้องก็ได้ค่ะ” นั่นเป็นทางออก
สุดท้ายที่เธอคิดได้ในตอนนี้
“เออ...ดูยุ่งยากเหมือนกันนะ เอางี้แล้วกัน เดี๋ยวพี่ไปส่งพลอยกับนิดที่ห้องเลยดีกว่า เพราะถ้าไอ้เพชรมันรู้ว่าพี่เจอน้องของมันในสภาพเมามายไม่ได้สติกลางผับแล้วไม่ดูแล พี่คงโดนมันเล่นงานแน่ เดี๋ยวนิดเอากุญแจรถให้ลูกน้องพี่ขับตามไป แล้วนิดมานั่งรถของพี่ก็แล้วกันนะ”
ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับนีรดาแล้วในตอนนี้ หญิงสาวจึงรีบตะครุบอย่างไม่ลังเลใดๆ “ก็ดีเหมือนกันค่ะพี่ภันต์” นีรดาหยิบกุญแจรถจากกระเป๋าสะพายให้ชายหนุ่มอย่างรีบเร่งราวกับกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ จากนั้นเธอรีบบอกยี่ห้อรถ สี และตำแหน่งที่จอดไว้
ชายหนุ่มส่งกุญแจให้ลูกน้อง บอกที่อยู่ของสถานที่ที่จะไป แล้วก้มลงช้อนร่างบางโปร่งของคนที่เมาฟุบหลับคาโต๊ะไว้ในวงแขน ก่อนเดินลิ่วออกไปจากผับ ตรงไปยังรถตู้ยี่ห้อหรูของเขาที่จอดรถอยู่ด้านหน้า
นีรดาเดินตามหลังชายหนุ่มไปอย่างงุนงง เธอคิดว่าเขาคงไหว้วานลูกน้องที่เหลืออีกสองคนให้อุ้มเพื่อนสาวของเธอมากกว่าจะอุ้มเองให้เปลืองแรง เพราะที่ผ่านมานภันต์กับพลอยใช่ว่าจะเป็นมิตรที่ดีต่อกัน แม้ว่านภันต์จะเป็นเพื่อนสนิทพี่ชายคนเดียวของพลอยก็เถอะ!
พอเข้ามานั่งในรถตู้ของชายหนุ่ม นีรดาชำเลืองไปยังร่างของเพื่อนสาวที่นั่งหลับเอนศีรษะพิงไหล่ของนภันต์อย่างนึกขัน ถ้าเจ้าตัวรู้ว่าตนเองอยู่ในท่าทีเหมือนสนิทชิดเชื้อกับนภันต์ สงสัยคงกลั้นใจตายหรือไม่ก็กรีดร้องราวกับโลกจะแตกแน่ๆ เพราะคนที่สนิทกับพลอยอย่างเธอและวินธ์ รวมทั้งบรรดาเพื่อนสนิทของเพชรต่างรู้กันทั้งนั้นว่าเพื่อนรักของเธอเกลียดนภันต์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เรียกได้ว่าตั้งแต่เห็นหน้านภันต์ครั้งแรกนั่นแหละ
เรื่องที่พลอยเกลียดนภันต์มันไม่ใช่เรื่องราวน่ารักอย่างพระนางในละครหรือนิยายเพ้อฝัน ที่พอเห็นหน้ารู้สึกศรศิลป์ไม่กินกัน จากนั้นก็จิกกัดกันเรื่อยมา กระทั่งอยู่ๆ นางเอกเกิดสะดุดพรมล้มทับไปบนอกพระเอก สบตากันแล้วแลกจูบที่แสนหวาน ทว่าความเกลียดชังของเพื่อนสนิทที่มีต่อนภันต์มันรุนแรงกว่านั้น หากใครลองมาเป็นพลอยก็คงรู้สึกไม่ต่างจากกันนัก แม้แต่นีรดาเองซึ่งอยู่ในเหตุการณ์วันแรกที่เจอกับชายหนุ่มเมื่อแปดปีก่อน เธอยังรู้สึกไม่ชอบนภันต์เลย ครั้นพอได้รู้จักและพูดคุย นีรดากลับรู้สึกว่าเขาไม่ได้น่ารังเกียจหรือเลวร้ายอะไรเลย ตรงกันข้าม นอกจากชายหนุ่มจะดูหล่อเร้าใจแบบแบดบอย แต่เขายังมีความน่ารักอ่อนโยนบางอย่างที่ทำให้นีรดานึกชื่นชม
“ตกลงพลอยมีเรื่องกลุ้มใจอะไรเหรอนิด ทำไมถึงได้ดื่มเหล้าเมามายแบบนี้” หลังนั่งเงียบมานานนภันต์ก็ถามขึ้น
“คือ...” นีรดาทำท่าอึกอัก หญิงสาวค่อนข้างแน่ใจ หากพลอยรู้ว่าเธอเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้นภันต์ฟังต้องโกรธเธอแน่ นีรดารู้นิสัยเพื่อนรักดีว่าไม่ชอบให้ใครอื่นมารู้เรื่องส่วนตัวมากนัก ยิ่งเป็นคนที่อีกฝ่ายแสนเกลียดด้วยแล้วยิ่งไม่ชอบใจใหญ่
“บอกมาเถอะนิด ไม่ว่าพลอยจะรู้สึกยังไงกับพี่ แต่พี่คิดเสมอว่าพลอยเป็นน้องสาวเพื่อนรักของพี่นะ มีอะไรที่ช่วยเหลือกันได้ พี่ก็ยินดีและเต็มใจช่วยเหลือเสมอ”
“คือ...พลอยเจอพี่ตรัยกับภรรยาที่บริษัทน่ะค่ะ เขาเข้าไปทำงานที่นั่น เห็นว่าครอบครัวของคุณชญานันท์เข้าไปเป็นหุ้นส่วนใหม่ของดีอาร์ค่ะ” ฟังคำพูดที่แสดงถึงน้ำใจและความห่วงใยของนภันต์แล้ว นีรดาจึงหลุดปากบอกชายหนุ่มออกไปในที่สุด
“พี่ก็ได้ยินนันท์คุยให้ฟังเหมือนกันว่าครอบครัวของเขาเข้าไปถือหุ้นในบริษัทดีอาร์”
“พี่ภันต์รู้จักกับคุณนันท์เหรอคะ”
“พี่กับคุณนันท์เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนโทอยู่เมืองนอกครับ”
“โลกกลมจังนะคะ” วันนี้นีรดารู้ซึ้งถึงคำนี้สองครั้งแล้ว
“ใช่ โลกกลมและบางครั้งก็แคบมากๆ ด้วย” ชายหนุ่มบอกพร้อมกระตุกยิ้มที่มุมปาก ก้มมองใบหน้าสวยที่หลับตาพริ้มซบอยู่กับไหล่กว้างของเขาจนได้กลิ่นเหล้าเคล้ากลิ่นน้ำหอมโชยแตะจมูก
ทั้งสองหยุดการพูดคุยลงแค่นั้นเมื่อรถแล่นเข้ามาในบริเวณที่พักของพลอย พอรถจอดนิ่งสนิทหน้าตึก นีรดาก้าวลงมาก่อน ส่วนนภันต์ก็ช้อนร่างบางโปร่งที่ยังเมาหลับไม่ได้สติไว้ในวงแขนล่ำสัน เดินตรงเข้าไปในลิฟต์โดยมีนีรดาเดินตามเข้าไปติดๆ กดชั้นที่เพื่อนรักพักอยู่ จากนั้นรีบล้วงกุญแจห้องออกมาจากกระเป๋าสะพายของอีกฝ่ายที่เธอเป็นคนถือไว้ตั้งแต่ออกมาจากผับเตรียมไว้
พอลิฟต์มาถึงชั้นเก้า ชายหนุ่มเลี้ยวซ้ายเดินไปสุดมุมห้องอย่างรู้ทาง เพราะก่อนที่เพชรจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่ปารีสกับภรรยา นภันต์เคยมาห้องพักของสองพี่น้องค่อนข้างบ่อย และทุกครั้งเขาจะได้เห็นหน้าบูดๆ ตาขุ่นๆ ของน้องสาวเพื่อนรักอย่างสม่ำเสมอ กระทั่งเพชรเดินทางไปปารีส นภันต์ก็ไม่เคยเหยียบย่างมาที่นี่อีกเป็นเวลาร่วมสามเดือนแล้ว
นีรดาเปิดประตูห้องพักออกกว้างพอสำหรับนภันต์จะอุ้มร่างบางโปร่งที่หลับซุกในอกกว้างของเขาผ่านเข้าไปได้อย่างสบาย ชายหนุ่มรีบตรงดิ่งไปยังห้องนอนซึ่งนีรดารีบกุลีกุจอไปเปิดประตูรออยู่ก่อนแล้ว หลังวางร่างหญิงสาวไว้บนเตียงเรียบร้อยเขาจึงหันมาทางนีรดา
“คืนนี้นิดค้างที่นี่ใช่ไหมครับ”
“ค่ะ...พลอยเป็นแบบนี้นิดไม่กล้าทิ้งเขาไว้คนเดียวหรอกค่ะ เดี๋ยวเกิดคิดมากขึ้นมาล่ะก็แย่แน่ๆ เลย”
“งั้นก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเช็ดตัวให้พลอยแล้วกันนะนิด เดี๋ยวพี่ขอตัวกลับก่อน เอ่อ...อย่าบอกพลอยนะว่าพี่เป็นคนอุ้มมาส่งเขาที่นี่ เดี๋ยวจะอารมณ์เสียซะเปล่า” ชายหนุ่มบอกอย่างคนที่รู้จักน้องสาวของเพื่อนรักเป็นอย่างดี โดยเฉพาะความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขา
“ค่ะ...ขอบคุณพี่ภันต์มากนะคะที่ช่วยมาส่งพลอย ไม่งั้นนิดแย่แน่ๆ เลย พอดีวินธ์เกิดรถชนน่ะค่ะ เลยมาไม่ได้” ปกติตอนค่ำวันสุดสัปดาห์ถ้านีรดากับวินธ์ไม่มีธุระที่ไหน ส่วนใหญ่จะนัดกันมาขลุกอยู่ในห้องของพลอย ทำอาหารทานกัน นั่งดื่มไวน์และเบียร์พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บางครั้งก็พากันไปเที่ยวต่างจังหวัด
“อ๋อครับ...ไม่เป็นไร อย่างที่บอก ยังไงพลอยก็เป็นน้องสาวเพื่อนรักของพี่อยู่แล้ว เอ่อ...นี่เบอร์โทร. พี่นะนิด ถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยเหลือ หรือว่าอยากพูดคุยกับพี่ก็โทร. มาได้นะครับ”
นีรดาหยิบนามบัตรจากมือชายหนุ่มมาถือไว้ แล้วเอ่ยขอบคุณเขาอีกครั้ง
“พี่กลับก่อนนะ” นภันต์บอก สายตาเหลือบมองไปยังร่างบางที่หลับอยู่บนเตียงก่อนเดินออกจากห้องนอนหญิงสาว นีรดาเดินตามมาส่งชายหนุ่มถึงหน้าห้องพัก ลูกน้องของเขาที่ขับรถของเธอมายื่นกุญแจรถคืนให้ หญิงสาวเอ่ยขอบคุณ สายตามองตามร่างสูงของชายหนุ่มที่เดินตรงไปยังลิฟต์พร้อมกับลูกน้องอย่างนึกชื่นชมในความหล่อเข้ม
น่าเกรงขามของเขา
...หล่อลากไส้จริงๆ พ่อคุณ หญิงสาวพึมพำคล้ายละเมอ พลันต้องสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น
นภันต์กำลังจะเดินตรงไปยังรถตู้ที่ลูกน้องของเขาจอดรออยู่หน้าตึก ทันใดเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น คิ้วเข้มมุ่นเข้าหาหันเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็นหมายเลขไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย พอคิดได้ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เขาให้เบอร์ไว้ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจกดรับทันที
“ผม...นภันต์พูดครับ” ชายหนุ่มกรอกเสียงไปอย่างเนิบนุ่ม
“พี่ภันต์คะ นี่นิดนะคะ!” น้ำเสียงของหญิงสาวดูร้อนรนจนชายหนุ่ม
ชะงักขาที่จะกำลังจะก้าวเข้าไปในรถ
“อ้าว ว่าไงเหรอนิด” ถามขึ้นอย่างแปลกใจ เพิ่งแยกจากกันแท้ๆ นี่นา ทำไมนีรดามีน้ำเสียงเหมือนมีเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้น เขาหวังว่าคน
ขี้เมาคงไม่ลุกขึ้นมาอาละวาดในตอนนี้หรอกนะ
“คือ...เกิดเรื่องแล้วค่ะ!”
”พลอยเป็นอะไร!”
“พลอยไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ เมื่อกี้ที่บ้านโทร. มาหานิด บอกว่าคุณแม่นิดล้มในห้องน้ำน่ะค่ะ นิดต้องรีบไปโรงพยาบาล แต่นิดไม่อยากทิ้งพลอยไว้คนเดียว ท่าทางจะมีไข้ ตัวรุมๆ ด้วยค่ะ และเพ้ออะไรออกมาก็ไม่รู้”
“ยังงั้นเหรอ...เอางี้แล้วกัน นิดไปดูคุณแม่เถอะ เดี๋ยวพี่ดูแลพลอยให้เอง” ชายหนุ่มรู้ดีว่าพลอยเกลียดขี้หน้าเขาแค่ไหน แต่ตอนนี้นีรดาต้องการความช่วยเหลือ เขาคงนิ่งดูดายไม่ได้
“รบกวนพี่ภันต์หน่อยนะคะ”
“ครับ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปนะ” ชายหนุ่มวางสายแล้วหันไปสั่งให้ลูกน้องทั้งสองกลับบ้านไปก่อน จากนั้นจึงเดินกลับขึ้นไปยังห้องพักของหญิงสาวอีกครั้ง เห็นนีรดายืนหน้าซีดอยู่หน้าห้อง
“รบกวนพี่ภันต์จริงๆ” นีรดาเอ่ยขึ้นอย่างเกรงอกเกรงใจ จะว่าไปแล้วนภันต์ไม่จำเป็นต้องมาลำบากดูแลเพื่อนสาวของเธอ เพราะที่ผ่านมาพลอยไม่เคยทำตัวดีๆ กับเขาเลยสักครั้ง มีแต่ความจงเกลียดจงชังที่มอบให้ แต่ชายหนุ่มไม่เคยถือสา นั่นยิ่งทำให้พลอยโมโหหนักขึ้น เหมือนคนบ้าฟาดแข้งฟาดขาไปเพียงคนเดียวทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวไปด้วยเลยสักนิด
“ไม่เป็นไร...ยังไงพลอยก็เป็นน้องไอ้เพชร พี่จะดูแลเขาอย่างดีเลย นิดไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” ชายหนุ่มบอกเสียงหนักแน่นเพื่อให้นีรดาเลิกเกรงใจเขา
“ค่ะ...ยังไงถ้านิดดูคุณแม่ที่โรงพยาบาลเสร็จแล้วนิดจะรีบกลับมานะคะ” พูดจบประโยคก็เดินลิ่วไปยังลิฟต์ทันที แม้จะกังวลอยู่บ้างเพราะถ้าหากพลอยรู้ว่านภันต์เป็นคนอุ้มเธอมาจากในผับ แล้วยังมาดูแลเฝ้าไข้ถึงห้อง เพื่อนรักต้องโกรธจนลมออกหูแน่ๆ แต่เวลานี้นีรดามองไม่เห็นใครอื่น จะทิ้งเพื่อนให้อยู่คนเดียวก็นึกกลัว หากมีไข้สูงขึ้นแล้วละเมอทำอะไรแผลงๆ ขึ้นมาล่ะแย่เลย อีกอย่างนีรดาคิดว่านภันต์เป็นเพื่อนรักกับเพชรมานาน เขาคงไม่คิดอะไรไม่ดีกับพลอย
จะว่าไปนีรดารู้สึกสงสารเพื่อนรักเหมือนกัน พลอยเคยมีครอบครัวที่อบอุ่น มีคุณพ่อเป็นถึงข้าราชการระดับสูงในกระทรวงใหญ่ มารดาเป็นแม่บ้านที่น่ารัก เอาใจใส่ดูแลครอบครัวเป็นอย่างดี จุดหักเหของชีวิตพลอยเกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อน หลังมารดาป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ สร้างความวิตกและกดดันต่อสภาพจิตใจของคนในครอบครัว พลอยกับพี่เพชรเอาใจใส่ดูแลแม่อย่างดี ในขณะที่บิดากลับเบื่อหน่ายอาการเจ็บป่วยเรื้อรังของภรรยา หันไปมีผู้หญิงคนอื่น ครั้นมารดาของเพื่อนรักรู้เข้ายิ่งทำให้อาการป่วยทรุดหนัก ก่อนจะจากไปในเวลาอันรวดเร็ว
หลังงานศพมารดาเพียงสองเดือน บิดาก็พาภรรยาคนใหม่เข้ามาอยู่ในบ้าน พลอยกับพี่ชายจึงตัดสินใจย้ายออกไปอยู่คอนโดมิเนียม เป็นจังหวะที่พลอยเรียนจบพอดี และสามารถสมัครงานเป็นพีอาร์ที่อาร์ดีเอนเตอร์เทนเม้นท์ ทำมาจนถึงทุกวันนี้
ชีวิตพลอยเหมือนมีเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อผู้ชายที่พลอยคบหามาตั้งเจ็ดปีอยู่ๆ ดันมาบอกเลิกด้วยเหตุผลน้ำเน่าว่าเจอผู้หญิงที่ดีกว่า และแต่งงานกันไปเมื่อเดือนที่แล้ว เท่านั้นไม่พอ ทั้งสองยังพากันมาซ้ำเติมความทุกข์เศร้าในใจด้วยการมาทำงานที่เดียวกันอีก
เรื่องราวมันสุดแสนจะรันทดราวกับละครหลังข่าว แต่นีรดามั่นใจว่าเพื่อนรักของเธอจะผ่านพ้นช่วงเวลาเลวร้ายนี้ไปได้ เพราะที่ผ่านมาพลอยทำใจมาได้ในระดับหนึ่ง สำหรับสถานการณ์ตอนนี้มันคงไม่ยากเกินไปที่เพื่อนของเธอจะพาตัวเองก้าวผ่านมันไปได้อีกครั้ง และสามารถทำงานต่อไปอย่างมีความสุขอย่างที่เคยเป็น หรือถ้ามันลำบากใจที่จะเจอตรัยกับภรรยาของเขาก็น่าจะออกไปหางานที่อื่นทำดีกว่า ประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมาคงทำให้พลอยสามารถหางานใหม่ได้ไม่ยากเย็นนัก
นีรดาหยุดคิดเรื่องราวของเพื่อนรักไว้เท่านั้นเมื่อออกจากลิฟต์ เดินลิ่วไปยังรถของตัวเอง
ชายหนุ่มมองร่างที่นอนกระสับกระส่ายเพราะพิษไข้ด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย หลังป้อนยาลดไข้ เขาตัดสินใจถอดเสื้อผ้าเพื่อเช็ดตัวให้เธอ ตอนแรกคิดว่าจะไม่เปลี่ยนให้ เพราะมันคงไม่เหมาะที่เขาจะไปเห็นเนื้อตัวอันเปลือยเปล่าของพลอย แต่จู่ ๆ หญิงสาวก็อาเจียนเลอะเทอะเสื้อเสื้อผ้าไปหมด ก่อนคอพับคออ่อนหลับใหลไปอีกครั้ง
วันนี้เธอสวมชุดสูทสีเข้มกระโปรงยาวเหนือเข่า ชายหนุ่มเลยต้องกลั้นใจจัดการอย่างค่อนข้างทุลักทุเล จริงอยู่การถอดเสื้อผ้าออกจากร่างผู้หญิงไม่ใช่สิ่งที่ยากเย็นสำหรับนภันต์ จากประสบการณ์ของชายหนุ่มที่มีผู้หญิงผ่านเข้ามาในชีวิตมากมาย ปลายนิ้วของเขาชำนาญในเรื่องการปลดเปลื้องอาภรณ์จากเรือนร่างผู้หญิง แต่สถานการณ์ในตอนนี้มันต่างออกไป เมื่อเป็นพลอย...แม้เธอจะเป็นน้องสาวของเพื่อนรัก ทว่าก็ยังเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาและผิวพรรณซึ่งจัดว่าดีมากคนหนึ่ง หัวใจของนภันต์จึงเต้นระรัวราวกับหนุ่มน้อยที่เพิ่งเรียนรู้สรีระของเพศตรงข้าม ทั้งที่คนวัยสามสิบอย่างเขาขึ้นชื่อว่าจัดเจนเรื่องผู้หญิงเสียด้วยซ้ำ ความรู้สึกที่เขาซ่อนเร้นไว้มานานเริ่มผุดพรายขึ้นมาหยอกล้ออารมณ์ให้สั่นไหว หัวใจเต้นโครมครามราวกับมีกลองชุดใหญ่บรรเลงอยู่ในอก
ชุดนอนส่วนใหญ่ของพลอยเป็นชุดกางเกงนอนขายาวแบบผู้ชายทั้งนั้น เขาเห็นที่เป็นกระโปรงอยู่เพียงชุดเดียว แขวนอยู่ในซอกลึกที่สุดของตู้ ชายหนุ่มคิดว่าชุดกระโปรงจะทำให้เขาสวมให้พลอยง่ายกว่ากางเกง และสบายตัวกว่า เขาจึงตัดสินใจสวมชุดนั้นให้เธอ
ชายหนุ่มพิศดวงหน้าเรียวรูปไข่อย่างพิจารณา พลอยไม่ใช่ผู้หญิงสวยสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น ทว่าเป็นผู้หญิงที่ยามได้มองแล้วกลับไม่สามารถเบนสายตาไปทางอื่นได้ เขาจดจ้องพวงแก้มเนียนใสที่ยามปกติจะแตะแต้มด้วยสีระเรื่ออย่างคนมีผิวขาวอมชมพู หากบัดนี้ดูซีดเซียวถนัดตา จมูกเล็กโด่งพอดีกับรูปหน้ามีปลายรั้นหน่อยๆ ชวนให้อยากบีบเล่นอย่างมันเขี้ยว ดวงตาโตกว้างที่บ่งบอกถึงความมีชีวิตชีวา ยามนี้
เห็นเพียงแพขนตายาวงอน ริมฝีปากอิ่มหยักได้รูปสวยเย้ายวนชวนให้คนมองเหมือนลมหายใจจะติดขัด
“พี่ตรัย...” ริมฝีปากที่ชายหนุ่มเฝ้ามองอย่างลืมหายใจนั้นกลับร้องเรียกหาชายหนุ่มอดีตคนรัก สองมือไขว่คว้าพร้อมๆ หยาดน้ำตาร่วงพรูอาบแก้มเนียนที่ซีดเซียว จนชายหนุ่มรู้สึกสงสารเธอจับใจ เอื้อมกุมมือหญิงสาวไว้ กระซิบบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“หลับซะนะคนดีของพี่...”
“พี่ตรัย...” อยู่ๆ ร่างของคนที่หลับเพ้อเพราะพิษไข้ก็งัวเงียลุกขึ้น ตาปรือมองชายหนุ่ม จากนั้นผวาเข้ามากอดเขาไว้แน่น
“พี่ตรัย...พี่ตรัยกลับมาหาพลอยแล้ว” หญิงสาวพึมพำกับอกกว้างของเขา มีผลทำให้ร่างของนภันต์แข็งทื่ออย่างตื่นตระหนก เพราะร่างนุ่มนิ่มที่สวมใส่เพียงชุดนอนบางเบาเบียดแนบชิดเขาจนเกิดความร้อนรุ่มแผ่ซ่านไปทั่วเรือนร่าง
“พลอยรักพี่ตรัยนะ” เสียงเพ้อยังดังขึ้นต่อเนื่อง ล้วนแต่เป็นคำที่ระคายหูชายหนุ่มเหลือเกิน เขารุนร่างเธอออกห่าง ดวงตาเธอยังหลับพริ้ม มีรอยยิ้มแต้มมุมปากหยักสวยอย่างคนที่ฝันดี นภันต์มองใบหน้าที่แม้จะซีดเซียวก็ยังดูสวยใสอย่างหมั่นไส้นิดๆ ก่อนจับร่างบางให้เอนลงนอนตามเดิม คลุมผ้านวมเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น และเพื่อปกปิดเรือนร่างงามสมส่วนที่ปราศจากชุดชั้นในของเธอ แล้วปัดปอยผมที่ระใบหน้าสวยรูปไข่อย่างเบามือ หากพลอยรู้ว่าเขาได้มีโอกาสดูแลใกล้ชิดแบบนี้เธอคงโกรธจนลมออกหู หรือไม่ก็คงทำท่าสะอิดสะเอียน
ชายหนุ่มจำได้ ครั้งหนึ่งพลอยเคยวิ่งมาชนเขาในห้องครัว ชายหนุ่มจับร่างเธอไว้ พอตั้งหลักได้หญิงสาวรีบสะบัดตัวออกห่างแล้วมองเขาอย่างรังเกียจ จากนั้นวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ไม่นานก็ได้ยินเสียงน้ำไหลจากฝักบัว ตอนนั้นนภันต์โมโหแทบตายเพราะไม่คิดว่าพลอยจะแสดงท่าทางรังเกียจกันอย่างไม่ไว้หน้า ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายวิ่งชนเขาเองแท้ๆ
แต่ดูพลอยตอนนี้สิ...หลับใหลไม่ได้สติ เพ้อถึงอดีตคนรักไม่พอ ยังตาพร่ามองเห็นเขาเป็นไอ้หมอนั่น ขนาดผวาเข้ามากอดไว้แน่นอีก อยากให้ดวงตาโตกว้างสีดำขลับที่เคยจ้องมองเขาอย่างรังเกียจมาหลายปีนั้นลืมตาขึ้นมาในเวลานี้ อยากเห็นสีหน้าของพลอยเมื่อเห็นเขานั่งอยู่บนขอบเตียงนอนของเธอ หญิงสาวคงช็อก...จากนั้นคงหันมาเล่นงานเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ตลอดเวลาที่ผ่านมานภันต์ไม่เคยสลัดดวงตาโตกว้างที่มองเขาอย่างรังเกียจออกไปได้เสียที การพบกันอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันนานนับสามเดือน มันยิ่งทำให้นภันต์มั่นใจว่าเขาถูกดวงตาของหญิงสาวคนนี้หลอนเข้าให้แล้ว ไม่มีวันจะสลัดมันหลุดออกไปง่ายๆ หากคนเราสามารถลบความทรงจำได้ ชายหนุ่มคงย้อนกลับไปลบภาพการพบกันครั้งแรกระหว่างเขากับพลอยเมื่อแปดปีก่อน
มันเป็นวันที่แสนเลวร้ายที่สุดสำหรับตัวเขา เพราะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับชีวิตจนชายหนุ่มคลุ้มคลั่ง ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ มีใครคนหนึ่งเดินมาชนเขา แล้วตราหน้าว่าเขาวางก้ามเพราะเป็นลูกชายนักการเมืองใหญ่...ประโยคนั้นแล่นปราดจุกแน่นอก เขาไม่สามารถยอมรับประโยคเสียดแทงจิตใจที่หลุดออกจากปากของผู้ชายแปลกหน้าได้ ในตอนนั้นเขาแค่อยากปลดปล่อยสิ่งที่พลุ่งพล่านข้างใน ซึ่งไม่ต่างจากลาวาที่พร้อมจะพวยพุ่งออกไปราดรดทุกอย่างให้วอดวาย นภันต์เล่นงานหมอนั่นพร้อมกับแหกปากถามอย่างมีอารมณ์คั่งแค้นราวกับโกรธคนมาทั้งโลกก็ไม่ปาน กระทั่งร่างบางของเด็กสาวคนหนึ่งถลันเข้ามาผลักเขาเต็มแรง แล้วร้องให้คนมาช่วยผู้ที่ถูกเขาทำร้าย
เด็กสาวคนนั้นไปเป็นพยานให้กับคนที่ถูกเขากระทืบ เธอยืนยันว่าเขาเป็นคนลงมือทำร้ายร่างกายผู้ชายคนนั้นก่อนโดยที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสได้ต่อสู้เลยสักนิดเดียว เรื่องราวจึงกลายเป็นข่าวใหญ่ครึกโครมในหน้าหนังสือพิมพ์อยู่หลายวัน นับแต่นั้นมาในสายตาของสื่อต่างๆ รวมทั้งผู้คนทั่วไปที่ไม่รู้จักเขาอย่างแท้จริงต่างมองนภันต์เป็นเพียงเป็นลูกชายนักการเมืองชื่อดังที่มีนิสัยเป็นนักเลง หรือมาเฟียชอบใช้ความรุนแรง สร้างความเสื่อมเสียให้กับครอบครัว ซึ่งมันก็สาแก่ใจของนภันต์ไม่น้อยในเวลานั้น
วันหนึ่งเขาได้มีโอกาสไปงานวันเกิดเพื่อนรัก ซึ่งก็คือเพชรนั่นเอง...ชายหนุ่มจึงได้เจอเข้ากับเด็กสาวคนนั้นอีกครั้ง รับรู้ในเวลาต่อมาว่าเธอเป็นน้องสาวเพื่อนรักของเขา พอเจอหน้ากันพลอยก็สะบัดหน้าใส่เขาทันที ไม่แม้แต่จะยกมือไหว้เหมือนเช่นที่เธอทำกับเพื่อนสนิทของพี่ชายคนอื่นๆ หากนภันต์ก็ไม่ได้ถือโกรธเธอ เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำต่อหน้าหญิงสาวในวันนั้นมันเลวร้ายเกินกว่าที่เธอจะยอมรับนับถือเขาเป็นพี่ชายได้ เหมือนเช่นที่ปฏิบัติต่อเพื่อนสนิทคนอื่นๆ ของพี่ชายเธอ
“พลอย...พี่ดีใจนะที่อย่างน้อยพลอยก็กอดพี่ ถึงแม้พลอยจะคิดว่าพี่เป็นผู้ชายคนอื่น” นภันต์แตะปลายนิ้วที่แก้มซีดเซียวของเธออย่างแผ่วเบา ชายหนุ่มเห็นแพขนตางอนหนากะพริบราวกับได้ยินเสียงพึมพำของเขา
“พี่ตรัย...พลอยคิดถึงพี่ตรัย” เธอยังเพ้อหาผู้ชายเฮงซวยคนนั้นไม่เลิก ทำเอาคนที่นั่งมองเธออยู่อย่างห่วงใยชักสีหน้าขึ้นมาทันที
“จะรักมันทำไมหนักหนานะพลอย!” เอ่ยอย่างเข่นเขี้ยว มองเรียวปากแห้งผากทว่ายังดูอิ่มสวยได้รูปอย่างหมั่นไส้เมื่อเธอยังเพ้อหา
ชายหนุ่มที่เป็นสามีของคนอื่นไม่เลิกรา
“พี่ตรัย...อย่าทิ้งพลอยไปนะ”
นภันต์ไม่อาจทนฟังอีกต่อไป จึงแตะปลายนิ้วปิดริมฝีปากเธอ แต่หญิงสาวกลับคว้ามือเขาไปจับไว้แนบอก
“พลอยรักพี่ตรัย”
“โธ่เว้ย!” ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างเหลืออด หากพลอยไม่หยุดเพ้อถึงหมอนั่น เขาจะปิดปากเธอด้วยเทปกาวจริงๆ ด้วย หญิงสาวเหมือนจะล่วงรู้ว่าเขากำลังคิดเล่นงานเธออยู่ จึงหลับใหลไปอย่างสงบด้วยลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอในเวลาต่อมา
“เฮ้อ...กว่าจะยอมหลับแบบดีๆ ได้” ชายหนุ่มบ่นงึมงำ คิดจะดึงมือออกจากอุ้งมือร้อนรุ่มของเธอ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเพราะอยากให้เธอจับมือเขาไว้อย่างนั้นนานๆ ทดแทนสายตาอันแสนรังเกียจที่เคยจ้องมองเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ตั้งแต่วันที่เพชรไปใช้ชีวิตอยู่ที่ปารีส นั่นเท่ากับว่าเขาไม่เคยเจอพลอยแบบเผชิญหน้ามาสามเดือนแล้ว แต่เขาเคยไปแอบมองเธอหน้าบริษัทดีอาร์เอนเตอร์เทนเม้นท์ หรือหน้าร้านอาหารที่เธอไปรับประทานกลางวันกับเพื่อนร่วมงานบ่อยๆ นภันต์ไม่กล้าเข้าไปหาหรือทักทายเธออย่างที่ใจต้องการ เพราะรู้ว่าพลอยชิงชังเขาแค่ไหน หรือแม้แต่วันนี้ที่เธอไปดื่มจนเมามายในผับซึ่งเป็นร้านของกานดิศ เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของเขาที่ตอนนี้นภันต์ได้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนอีกคนตามคำชักชวนของกานดิศ เขาเห็นพลอยกับนีรดาเข้ามาในผับ จึงเฝ้ามองอยู่ห่างๆ ไม่ได้คลาดสายตา เห็นหญิงสาวทำหน้าเศร้า จากนั้นก็เริ่มร้องไห้ ก่อนที่เธอจะดื่มเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่าอย่างคนไร้สติ
นภันต์รับรู้เรื่องของตรัย...อดีตคนรักของพลอยที่คบกันมานานนับเจ็ดปี แต่กลับไปแต่งงานกับไฮโซสาวสวยชื่อดังอย่างชญานันท์ รติโชติเมื่อเดือนก่อน เขาเองก็รู้จักชญานันท์ตั้งแต่ที่เรียนปริญญาโทอยู่อังกฤษ และนับเธอเป็นเพื่อนสาวที่สนิทที่สุด โลกมันกลมหรือเพราะสังคมมันแคบก็ไม่อาจรู้ที่ทำให้พลอยกับอดีตคนรักต้องเวียนมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อครอบครัวของชญานันท์เข้าไปร่วมหุ้นในดีอาร์เอนเตอร์เทนเม้นท์
ยักษ์ใหญ่แห่งวงการบันเทิง ผลิตงานเพลง ละคร ภาพยนตร์ และรายการโทรทัศน์ รวมทั้งสื่อสิ่งพิมพ์อีกหลายประเภท
หญิงสาวเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอกับอดีตคนรักและภรรยา มันไม่ต่างจากการพยายามบ่งเอาเสี้ยนออกจากฝ่ามือ เหมือนยิ่งพยายามเท่าไรเสี้ยนเล็กๆ กลับยิ่งฝั่งลึกลงไปอีก ยากที่จะดึงออกมาง่ายๆ ชายหนุ่ม
อดไม่ได้ที่จะนึกห่วงพลอยทั้งที่เธอไม่เคยมองเขาในแง่ดีเลยสักนิด นภันต์หัวเราะหยันตัวเองก่อนวางมือที่ศีรษะของหญิงสาว พึมพำออกมาเบาๆ
“สักวันพี่จะทำให้พลอยมองพี่ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป พี่จะทำให้พลอยรู้ว่าพี่ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พลอยคิดหรอกนะ”
นีรดากลับมาถึงห้องพักของเพื่อนรักในเวลาค่อนรุ่ง เห็นผู้ชายตัวโตยังนั่งอยู่ข้างเตียง เฝ้ามองคนหลับใหลด้วยท่าทีสบายๆ มาดนักเลงใหญ่แทบไม่เหลือเค้าให้น่าหวาดหวั่น เขาดูเหมือนชายหนุ่มธรรมดาๆ ที่กำลังเฝ้าผู้หญิงคนหนึ่งอย่างห่วงใย พอหันมาเห็นเธอ นภันต์ก็ส่งยิ้มเพลียๆ ให้นีรดา
“คุณแม่เป็นยังไงบ้างครับนิด”
“แขนหักค่ะ ตอนนี้ยังนอนที่โรงพยาบาลอยู่เลย” นีรดายิ้มตอบอย่างรู้สึกผิดที่ทิ้งภาระเรื่องพลอยให้เขาจัดการ
“ขอให้หายไวๆ นะครับ”
“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่พลอยเป็นยังไงบ้าง”
“เมื่อคืนก็อาเจียนไปครั้งหนึ่ง มีไข้ด้วย ตอนนี้ไข้ลดลงแล้วครับ ไม่มีอะไรน่าห่วง เว้นเสียแต่ว่าเขาจะลืมตาขึ้นมาแล้วเจอกับพี่เข้า” ชายหนุ่มว่าแล้วกระตุกยิ้มที่มุมปาก ในสายตาของนีรดาดูมันจะเป็นรอยยิ้มที่ทั้งขบขันระคนเยาะหยันอย่างไรไม่รู้
“ถ้าไม่มีพี่ภันต์ นิดแย่แน่ๆ เลยค่ะ”
“ไม่เป็นไร...เอาเป็นว่าพี่กลับก่อนที่เพื่อนนิดจะตื่นแล้วกันครับ อ้อ...อย่าบอกพลอยนะว่าพี่เป็นคนดูแลเขา ถ้านิดไม่อยากเจอฤทธิ์แม่มด” ชายหนุ่มยิ้มล้อเลียนก่อนหัวเราะเบาๆ
ให้ตายเถอะ ในสายตาของนีรดา เธอรู้สึกว่านภันต์ช่างเป็นผู้ชายที่เวลาเงียบขรึมแล้วดูมีเสน่ห์ร้ายแบบแบดบอย ด้วยสายตาคมดุบวกกับท่าทางน่าเกรงขาม แต่พอเขายิ้มก็ดูมีเสน่ห์น่ารักไปอีกแบบ เพราะตาคมดุ
จะกลายเป็นดาวดวงเล็กๆ วิบวับจนคนมองตาพร่างพรายเอา แม้ร่างสูงใหญ่นั้นจะเดินออกจากห้องไปแล้ว แต่ดูเหมือนนีรดายังยืนเหม่อต่อ
ภาพของนภันต์ที่กำลังลงมือเล่นงานผู้ชายคนหนึ่งในลานจอดรถของร้านอาหารยังทำเธอขวัญผวา และหลังจากนั้นยังมีข่าวของเขาลงหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หลายฉบับติดๆ กัน กับพฤติกรรมชกต่อยกับชาวบ้าน แม้ทุกวันนี้จะไม่มีข่าวทำนองนั้นออกมาแล้ว แต่ภาพของชายหนุ่มในอดีตก็ยังติดตา
ถึงพี่เพชรจะพยายามบอกเธอกับพลอยเสมอว่านภันต์เจ้าอารมณ์ ใจร้อนมุทะลุ แต่เขาไม่ใช่ผู้ชายที่จะหาเรื่องใครก่อน ทว่าพลอยกับนีรดายังไม่เชื่อ เพราะที่เธอกับพลอยเห็นวันนั้น นภันต์ลงไม้ลงมือคนอื่นก่อนชัดๆ แต่แม้นีรดาจะมองว่าชายหนุ่มน่ากลัวอย่างไร ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ในสายตาเธอ นภันต์ยังดูหล่อชวนมองอยู่ดี ทั้งรูปร่างสูงใหญ่ดูแข็งแกร่งอย่างคนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งใบหน้าคร้ามคมไว้หนวดจางๆ ที่เหนือริมฝีปากจรดปลายคาง ส่วนนัยน์ตาคมดุนั้นดูลึกลับชวนค้นหา บางครั้งเจือรอยเศร้า ปากเรียวหยักของเขาที่ชอบเม้มเป็นเส้นตรงบ่อยๆ ยามคลี่ยิ้มก็ชวนหลงใหลชะมัด
...มิน่า ผู้หญิงบางคนถึงหวั่นไหวกับคนเลว คนเลวหล่อโฮกแบบนี้เป็นใครก็อดใจไม่ไหวเหมือนกันล่ะฟะ นีรดาคิดขำๆ ไปตามเรื่อง เพราะเธอเป็นนักอ่านนิยายตัวยง โดยเฉพาะเรื่องที่พระเอกโหด หื่น เถื่อน ปล้ำจูบๆ แต่นั่นมันโลกนิยาย หากเป็นชีวิตจริงเธอก็ขอบายเหมือนกันแหละ
นภันต์ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายที่ใช้ผู้หญิงเปลือง มีคู่ควงทั้งดารา
นางแบบไฮโซชื่อดัง แต่ไม่เคยคบหาใครจริงจังขนาดเรียกเป็นแฟนเลยสักคน พอเห็นรสนิยมเรื่องผู้หญิงของนภันต์แล้วถึงนีรดาจะปลาบปลื้มหุ่นล่ำใบหน้าหล่อขั้นเทพของชายหนุ่ม เธอก็ไม่กล้าฝันถึงเขา
...ไม่เกิดมาสวย เซ็กซี่ก็แล้วไปยายนิดเอ๊ย! นีรดาหัวเราะเบาๆ ก่อนเอนร่างลงบนโซฟายาวมุมห้องนอนของเพื่อนสาว ด้วยความอ่อนเพลียที่นั่งเฝ้ามารดามาทั้งคืน ส่งผลให้เธอหลับใหลไปในเวลาอันรวดเร็ว
................
***นิยายเรื่องนี้เคยลงในเด็กดีจนจบมาแล้วครั้งหนึ่ง และกดสถานะจบ จึงแก้ไขเพิ่มตอนไม่ได้ นอกจากกดลบและซ่อนตอนได้เท่านั้น จึงเปิดชื่อเรื่องใหม่เพื่อให้อัปเดตได้
และนิยายเรื่องนี้เคยตีพิมพ์กับสนพ. แจ่มใส ในหมวดความรู้สึกดีที่เรียกว่ารักในปี 2554 พอหมดสัญญาคนเขียนก็ทำอีบุ๊คและทำมือ
ถือว่าเป็นงานยุคแรกๆ ของจูนิตาเลยค่ะ
"""""""""""""
ฝากติดตามด้วยนะคะ
![]() |
|
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
