ตอนที่ 4 : ใกล้ชิด
4
“นี่คุณมาทำอะไรที่นี่!” วีนินเอ่ยเสียงแข็ง มองชายหนุ่มตาขวาง แต่อีกฝ่ายยังโปรยยิ้ม ทำตาวิบวับใส่
“ผมก็มาทำงานน่ะสิ…เถอะขึ้นรถได้แล้ว ผมมารออยู่นานแล้วนะ” ว่าไม่ว่าเปล่า หากแต่เอื้อมมือมาไปดึงกระเป๋าใบย่อมที่วีนินถืออยู่หน้าตาเฉย
“ฉันไม่ไปนะ จนกว่าคุณจะบอกว่า คุณมาทำอะไรที่นี่!” วีนินตะเบ็งเสียง จนคนที่ผ่านไปมาหันมาจ้องมอง
“เฮ้อ…คุณนี่ ชอบโวยวายจริงๆ เลย เอ้าบอกก็ได้ ผมเป็นตัวแทนสินค้าน้ำผลไม้ตราละไม”
“เป็นตัวแทนเลยเหรอ”
“นี่คุณสงสัยอะไรนักหนา เอาเป็นว่า เวลานี้ผมเป็นเจ้าของสินค้า ที่จ้างคุณมาทำงานก็เพียงพอแล้ว ขึ้นรถ!” ตรัยรัตน์แกล้งเสียงดังบ้าง เผื่อหญิงสาวจะได้เกรงๆ บ้าง อย่างน้อยๆ เวลานี้เขาก็เปรียบเหมือนนายจ้างเธอนั่นแหละ
แต่เขาก็ต้องผิดหวังอย่างแรง เมื่อหญิงสาวเข้าไปแย่งกระเป๋าจากมือของเขา แล้วเอ่ยเสียงแข็งตอบกลับ
“ถ้าสินค้าตัวนี้เป็นของครอบครัวคุณ ฉันขอยกเลิกสัญญา!”
“นี่คุณมันยกเลิกได้ยังไงล่ะ ทุกอย่างได้เตรียมไว้หมดแล้ว ถ้าคุณเบี้ยวงานนี้คุณหมดตัวแน่ ถูกปรับหนึ่งเท่าของค่าตัวนะคุณ ตามสัญญาที่คุณเซ็นไปน่ะไม่ได้ดูรึยังไง”
วีนินชะงัก เม้มเรียวปากเป็นเส้นตรง มองชายหนุ่มตัวสูงที่กำลังยักคิ้วให้เหมือนคนที่ถือแต้มเหนือกว่า
ขณะยืนนิ่งลังเลอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เธอกดรับทันที เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ที่บ้าน
“แม่มีอะไรอีกล่ะ หนูเพิ่งมาถึงนะ” วีนินเอ่ยเสียงติดหงุดหงิด
แต่เสียงของแม่ที่เอ่ยตอบกลับมานี่สิ ทำเอาเธอตัวชาและพานจะล้มทั้งยืน
“นิน ช่วยน้องด้วย! น้องถูกจับตัวไปเมื่อตะกี้”
“ใครแม่! ใครทำ มันเกิดอะไรขึ้นน่ะแม่” วีนินทิ้งกระเป๋าลงพื้นอย่างหมดแรง แล้วเดินเซไปนั่งที่เก้าพักผู้โดยสาร
ตรัยรัตน์เดินไปเก็บกระเป๋า แล้วมานั่งลงข้างๆ เธอ
“มีคนมาทวงหนี้พนันบอลกับวินน่ะ เขาบอกว่าถ้าไม่โอนเงินห้า แสน มันจะตัดนิ้ว นินช่วยน้องหน่อยนะ อย่าปล่อยให้พวกมันทำอะไรน้องนะ!” เสียงพูดปนสะอื้นของแม่ทำให้วีนินถึงกับน้ำตาไหล
มันเป็นทั้งความเสียใจ เจ็บปวดและผิดหวัง น้องชายคนเดียวที่เธอรักนักหนา ไม่คิดว่าเขาจะหลงผิดได้ถึงขนาดนี้
เธอทำงานหนักเพื่อส่งเสียให้เรียนในมหาวิทยาลัยดีๆ วาดฝันอนาคตว่าวันหนึ่งชวินจะต้องได้ไปร่ำเรียนปริญญาโทถึงเมืองนอก เธอจะทำทุกอย่างเพื่อจะทำให้ชีวิตของน้องชายคนเดียวมีสิ่งดีๆ
...แต่มันกับทำตัวเลว!
“นินอย่าบอกเรื่องนี้กับตำรวจหรือกับใครนะ เดี๋ยวน้องจะเป็นอันตราย!”
“ค่ะแม่ หนูจะโอนเงินไปให้แม่ แล้วแม่จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยนะคะ” วีนินกล้ำกลืนน้ำตาไว้อย่างยากเย็น ด้วยเห็นสายตาของคนข้างๆ ที่หันมามองอย่างสนใจ
“ฉันขอทำธุระแป๊บหนึ่งนะ คุณรออยู่ตรงนี้แหละ” วีนินหันมาพูดกับชายหนุ่มเสียงเรียบ
“ครับ…” เขาเอ่ยตอบเสียงเรียบไม่แพ้กัน
“อย่าทำกระเป๋าฉันหายล่ะ”
วีนินว่า ก่อนจะเดินตัวตรงไปยังเคาน์เตอร์แบ็งค์ภายในสนามบิน
“นี่ห้องพักของคุณนะ” ตรัยรัตน์ผลักประตูห้องที่กรุด้วยกระจกกว้างตลอดทั้งผนัง สามารถมองออกไปเห็นทะเลสีครามเข้ม และท้องฟ้าใสกระจ่าง
บ้านพักบนเนินเขาของครอบครัวตรัยรัตน์นั้นช่างหรูหราใหญ่โต สมกับที่เป็นเจ้าของธุรกิจผู้มั่งคั่ง บริเวณบ้านก็แวดล้อมไปด้วยแมกไม้ร่มรื่น
“ขอบคุณค่ะ” วีนินเอ่ยเสียงแผ่ว ก่อนจะเดินไปยังระเบียง มองออกไปไกลยังท้องทะเลที่แดดยามบ่ายล้อกับฟองคลื่นเป็นประกายระยับตา
“วันนี้คุณพักผ่อนนะครับ พรุ่งนี้เราจะลุยงานตั้งแต่เก้าโมงเช้า” ตรัยรัตน์เดินมายืนข้างๆ
“ค่ะ” วีนินขานรับสั้นๆ ดวงตายังทอดมองออกไปไกล
“มีปัญหาอะไรก็บอกผมได้นะ”
ด้วยเสียงนุ่มๆ อย่างที่เธอไม่เคยได้ยินจากปากผู้ชายคนนี้ ทำให้วีนินหันมามองเขาอย่างเต็มตา ใบหน้าหล่อเหลานั้นก็เพียงยิ้มบางๆ ดวงตาคมที่เคยพราวระยับนั้นนิ่งขรึมดูจริงจัง
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอเอ่ยเสียงนุ่มไม่แพ้กัน
“ก็ดีครับ งั้นผมขอตัวก่อน” พูดจบ เขาก็ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้จนวีนินอุทานอย่างตกใจ
“บ้าจริงๆ! อย่ามาทำอะไรบ้าๆ กับฉันอีกนะ คนอะไรพูดดีด้วยไม่ได้” วีนินขยับออกห่าง มองเขาอย่างหวาดระแวง
“ขอหอมแก้มหน่อยได้ไหม…” เขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“หน้าด้าน!” วีนินตะคอก
“ออกไปเลยนะ! ออกไปจากห้องพักของฉันได้แล้ว เรื่องเมื่อวันก่อน ฉันยังไม่เอาคืนเลยนะ”
“งั้นผมให้จูบคืนเอาไหมล่ะ” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้ง
“ไปนะ!” วีนินหมุนตัวตั้งใจจะเดินออกจากห้องไปด้วยรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้อันตราย! แต่เขาก็ดึงมือเธอ
“ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก แค่อยากถาม…”
“คุณอยากรู้อะไร” วีนินย้อนถาม มองเขาอย่างหวาดหวั่น
“ไอ้กรรเคยจูบคุณ อย่างที่ผมจูบคุณหรือเปล่า…”
“บ้าจริงๆ เลย!” วีนินสบถ ใบหน้าแดงเรื่ออย่างไม่อาจปิดบัง เธอสะบัดมือจนหลุด แล้วเดินตัวตรงออกจากห้องพักไปทันที เข้าไปรวมกลุ่มกับทีมงานที่พักผ่อนอยู่ในห้องนั่งเล่น
“สวัสดีค่ะทุกคน” วีนินยกมือไหว้พร้อมยิ้มหวาน
“เดินทางเรียบร้อยนะครับคุณวีนิน” คุณภารณเอ่ยถาม
“ค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรเลย ห้องพักก็ดูดี ที่นี่บรรยากาศดีนะคะ
น้ำทะเลก็เขียวใสน่าว่ายน้ำเล่นจังเลยค่ะ”
“แต่คุณวีนินอย่าเพิ่งเล่นน้ำตอนนี้เลยนะครับ” คุณภารณว่าอย่างร้อนรน
“ค่ะ ไม่เล่นหรอก เดี๋ยวเป็นหวัดหรือไม่สบาย หรือเจออุบัติเหตุอะไรขึ้นมาจะยุ่งยาก นินเข้าใจค่ะ งั้นขอตัวก่อนนะคะ”
“ครับ คุณนินพักผ่อนเยอะๆ พรุ่งนี้จะได้สดชื่น”
“ค่ะ…”
ตรัยรัตน์รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากที่อยู่ๆ พี่เขยของเขาก็โผล่มาถึงภูเก็ต มองแวบเดียวอย่างผู้ชายมองกัน ตรัยรัตน์รู้ทันทีว่าพี่เขยตัวแสบนั้นจดจ้องวีนินตาไม่กะพริบ
ความเจ้าชู้ร้ายกาจของกรณ์นั้น สร้างความเจ็บช้ำให้พี่สาวของเขาบ่อยครั้ง และคนในบ้านก็รู้ว่าตอนนี้พี่เขยของเขานั้น เลี้ยงนางแบบนามพลอยรุ้งมาหลายปีแล้ว ถึงแม้ตรัยรัตน์จะอยู่เมืองนอกมาหลายปี แต่เขาก็ยังติดต่อกับพี่สาวพูดคุยเกือบทุกเรื่องราวในบ้าน ทางอินเทอร์เน็ต และโทรศัพท์
ตรัยรัตน์เคยยุพี่สาวให้เลิกกับกรณ์ แต่พี่สาวเขายังทำใจไม่ได้ ตรัยรัตน์ก็เลยได้แต่สงสารพี่สาวมาตลอด และหวังว่าวันหนึ่งพี่สาวของเขาจะเข้มแข็ง และตัดใจจากผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนี้
อากาศยามเที่ยงวันเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตรัยรัตน์มองตามร่างสูงระหงที่เดินอย่างมาดมั่นไปตามชายหาด ในชุดว่ายน้ำทูพีชกึ่งสปอร์ต ที่เน้นรูปร่างมากกว่าเนื้อหนัง
เขายอมรับว่าวีนินเป็นผู้หญิงที่หุ่นดีมาก ผิวสีน้ำผึ้งนั้นเนียนละเอียด โดยเฉพาะช่วงขาเรียวและนวลเนียน จนเขาไม่สามารถละสายตาได้
“5-4-3-2-1 แอ็คชั่น” เสียงผู้กำกับร้องขึ้น
วีนินเดินไปตามชายหาดโดยมีกล้องแพนตาม
“รูปร่างที่ดี มากับสุขภาพที่ดี นินดื่มน้ำผลไม้ตราละไมทุกวัน พร้อมๆ กับการออกกำลังกาย แค่นี้ง่ายๆ รูปร่างก็ดูดีได้”
เสียงร้อง “คัท” ของผู้กำกับดังขึ้น วีนินก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ เพราะเธอถูกสั่งเทคถึงสามครั้งแล้ว
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนครับ พรุ่งนี้จะถ่ายฉากเล่นเจ็ทสกี”
“ค่ะ”
เมื่อสวมใส่เสื้อคลุมเรียบร้อยแล้ว วีนินเดินขึ้นเรือนพักไปพร้อมๆ ที่ตรัยรัตน์เดินตามหลังเธอมา
“นี่คุณ ฉันเหนื่อยมาครึ่งวันเต็มๆ แล้วนะ ไม่ต้องตามมากวนประสาท ฉันอยากพักผ่อน” วีนินหันไปทำตาเขียวปั้ดใส่
“ผมจะเดินไปส่งที่ห้อง” ตรัยรัตน์บอก
“ฉันไปเองได้แค่นี้ไม่หลงหรอก” วีนินว่า
“เถอะครับ…”
“ไงคะ กลัวพี่เขยจะงาบฉันเหรอ” วีนินเอ่ยขึ้นเหมือนจะรู้เท่าทันความคิดของเขา
“คุณรู้เหรอ” เขาถามเสียงอ่อย
“ใครๆ ก็รู้ว่าคุณกรณ์น่ะเจ้าชู้ ชอบเลี้ยงนางแบบ” วีนินว่าออกมาตรงๆ
“หวังว่าคุณไม่ใจอ่อนนะ” ตรัยรัตน์ว่า และพอดีกับที่วีนินหันมาฟาดที่แขนเขาเต็มแรง
“อย่ามาดูถูกฉันนะ คนอย่างฉันถึงไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาอย่างพวกคุณ แต่ก็ไม่เคยคิดขายศักดิ์ศรี แม้จะเต้นกินรำกิน โป๊ เปลือยบ้าง นั่นก็เพราะงานและมันก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะอะไรเดี๋ยวนี้ ล้วนต้องขายความเซ็กซี่ทั้งนั้นนี่คุณ”
“ครับ ผมเชื่อคุณ” ตรัยรัตน์เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่ต้องเชื่อก็ได้คุณ! แต่ทีหลังอย่ามาพูดแบบนี้อีกนะ ไม่เกรงใจนะขอบอก” เธอหันมาขู่ฟ่อใส่เขา เหมือนนางแมวที่พร้อมจะตะปบเหยื่อ
“คร้าบผม…” เขาลากเสียงล้อเลียนเธอ
“นี่คุณ..ถึงหน้าห้องพักแล้ว เชิญกลับไปได้แล้ว มาตามฉันทำไม เดี๋ยวคนอื่นจะคิดไง”
“ก็คิดว่าเป็นแฟนกันตั้งแต่ข่าวนั่นออกมาแล้วคุณ ไหนๆ ก็ไหนๆ คุณลองมาคบกับผมดูไหม” เขาเอ่ยชวนหน้าตาเฉย ด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนเอ่ยชวนไปกินข้าวประมาณนั้น วีนินก็เลยสวนกลับไปว่า
“เสียใจ!”
กรณ์มองเห็นวีนินอยู่ที่สนามนั่งเล่นบนลานกว้างริมทะเล กำลังพูดโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขารอจังหวะอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสนาม เมื่อเธอจบการสนทนาและเก็บโทรศัพท์ที่กระเป๋าเสื้อคลุมชุดนอน เขาก็เดินตรงเข้าไปหาทันที
“ยังไม่นอนอีกเหรอครับ” เขาเอ่ยเสียงสุภาพ พร้อมยิ้มอ่อนโยน
“ค่ะ…ว่าจะนั่งเล่นสักแป๊บ คุณกรณ์ล่ะคะ ยังไม่นอนเหรอ” เธอย้อนถามเสียงเรียบ
“ครับ เมื่อตอนบ่ายทานกาแฟเยอะไปหน่อยน่ะครับ เลยนอนไม่ค่อยหลับ”
“ค่ะ เออ…คุณกรณ์มาที่ภูเก็ตนี่พลอยรุ้งรู้หรือเปล่าคะ” วีนินเอ่ยถาม
“มันไม่เกี่ยวกันนะครับ ทำไมพลอยรุ้งต้องรู้ล่ะครับ” กรณ์เผลอเอ่ยเสียงกระด้าง
“ค่ะ ไม่เกี่ยวกัน แต่คุณก็ควรรู้ไว้ว่าฉันกับพลอยรุ้งไม่ค่อยถูกกันนัก ถ้าไม่มีธุระเรื่องงาน ฉันไม่อยากพูดคุยกับคุณ!” วีนินกระแทกเสียงก่อนเดินไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
กรณ์มองตามร่างสูงระหงนั้นไปอย่างแสนเสียดาย บางทีมันอาจจะถึงเวลาที่ต้องตัดพลอยรุ้งออกไปจากชีวิต เพราะเขาอยากมีลุ้นกับการได้วีนินมาครอบครอง เพราะเขาเชื่อมั่นในเงินและการทุ่มสุดตัวของเขา ผู้หญิงที่ใช้เรือนร่างเพื่องาน เพื่อปากท้อง จะใจแข็งกับเงินก้อนโตไปอีกนานแค่ไหนเชียว!
และที่สำคัญวีนินเป็นผู้หญิงที่ตรัยรัตน์สนใจ กรณ์เกลียดขี้หน้าไอ้น้องเมียตัวแสบคนนี้มานาน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันพยายามยุยงพี่สาวให้เลิกรากับเขา! เลิกให้โง่ในเมื่อภานีนั้นออกร่ำรวย มีเงินให้ผลาญเล่นไปจนตายก็ไม่หมด หากไม่มีตรัยรัตน์ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเป็นของภานีคนเดียว และต้องเป็นของเขาด้วยเช่นกัน หากมันไม่ยุ่งกับเรื่องของเขาก่อน เกมนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น!
+++++++++
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
