คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 นายกำลังจะตาย ...
ตอนที่ 1 นายกำลังจะตาย ...
ในวันที่อากาศนั้นหนาวเย็น จมูกเล็กๆและปลายกลมได้รูปกำลังขึ้นสีแดงระเรื้อ ริมฝีปากสีชมพูสวยกำลังถูกแต่งแต้มด้วยสีขาวอ่อนจากอาการปากแห้งเล็กน้อยที่เกิดในฤดูหนาวเป็นประจำ ลมหนาวที่พัดมาเป็นระยะๆทำเอาคนที่ตัวค่อนข้างเล็กและบางกว่าผู้ชายทั่วไปนั้นเกิดอาการขนลุกเป็นระยะๆตามกระแสลมนั้น เสื้อกันหนาวตัวเดียวกับที่ใส่เมื่อวานและวันอื่นๆนั้นก็ช่างไม่ได้กรองความหนาวได้มากพอเทียบกับเสื้อกันหนาวราคาเพียง
เมื่อลองมองไปรอบๆ ... ผู้คนมากมายกำลังนั่งคุยกันตรงที่นั่งที่โรงเรียนจัดเตรียมเอาไว้ ในมือของแต่ละคนนั้นก็มีแต่เครื่องมือสื่อสารที่เรียกว่าโทรศัพท์และดูแต่ละเครื่องนั้นดูเหมือนว่ามันจะหรูและแพงมากๆ อย่างเขาขอแค่โทรเข้าโทรออกได้เป็นพอ
ในขณะที่ขากำลังก้าวฉับๆเพื่อที่จะไปยังห้องเรียนของตนนั้น อยู่ๆเมื่อเดินผ่านกลุ่มเด็กสาวกลุ่มหนึ่งที่กำลังจับกลุ่มพูดคุยถึงรายการประกวดนางแบบชื่อดังอย่างออกรสออกชาติ อยู่ๆ ‘สิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิด’ มันก็เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
บางสิ่งบางอย่างกำลังเล่นเข้ามาในหัวของผมอย่างรวดเร็ว ... ฮัน อียอน รถมอเตอร์ไซต์ กลางคืน เหล้า แล้วก็เหตุการณ์ที่ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้น …
“ฮัน อียอน มัธยมปลายปีสองห้องB … ถ้าไม่จำเป็นเธออย่าออกจากบ้านตอนกลางคืนแล้วก็ห้ามดื่มเหล้า ห้ามขี่หรือซ้อนมอเตอร์ไซต์ เพราะไม่งั้นเธอจะ ...”ยังไม่ทันสิ้นเสียงของชายแปลกหน้าที่เดินเข้าไปในกลุ่มสาวๆ เหล่าสาวๆทั้งโต๊ะต่างพากันกริ๊ดและวิ่งหนีราวกับนกแตกรัง ... เป็นแบบนี้อีกแล้ว
ทำไมเป็นแบบนี้อีกแล้ว
“ออกไปห่างๆพวกฉันนะ ไอ้ตัวซวย!”นั้นคือเสียงของฮัน อียอน คือเสียงของผู้หญิงที่ผมคิดจะ ‘ช่วย’ และก็เป็นเสียงแห่งความจงเกลียดจงชังราวกับชายคนนี้ไปทำอะไรผิดกฎหมายร้ายแรงมากๆมา
“ขอร้องหล่ะ ... อย่าออกบ้านตอนกลางคืนนะ ฉัน ...”
“อย่ามาแตะตัวฉันเชียวนะ ไอ้ตัวซวย! ใครๆในโรงเรียนก็รู้ว่าถ้าใครไปยุ่งกับนาย ... ทุกคนก็ต้องตายหมด!!”เธอกล่าวพร้อมกับวิ่งหนีไปกับเพื่อนๆอีกประมาณสี่ถึงห้าคน ก่อนที่โต๊ะข้างๆที่อยู่ในเหตุการณ์ก็พากันลุกฮือไปกันหมดพร้อมๆกับสายตาที่จ้องมองมายังชายตัวเล็กแบบแปลกๆและรังเกียจ
อีกแล้ว ... เป็นแบบนี้อีกแล้ว
“ขอร้องหล่ะ ช่วยออกไปๆกลๆพวกเราเถอะนะ!”เสียงของพวกเด็กผู้หญิงอีกโต๊ะที่ดูเหตุการณ์อยู่เอ่ยขึ้นมาอย่างอ้วนวอนพร้อมกับน้ำตาของเด็กสาวที่เปียผมสองข้างกำลังไหลเอ่อล้นออกมา
เวลาผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า
การนั่งเรียนในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆพร้อมกับอากาศหนาวๆนี่มันช่างทำให้หนังตาของหลายๆคนต้องการที่จะปิดเป็นอย่างมาก ความเสียใจจากเรื่องเมื่อตอนเช้ายังคงติดตรึงใจของเขาอยู่ไม่จางหายไป ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโดนรังเกียจแบบนี้ ... เรียกว่าถ้ายังมีคนไม่รังเกียจเขาสิแปลก
เขามันก็แค่เด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่หอพักราคาถูกคนเดียว
เขามันก็แค่คนที่ไม่เคยรับรู้รสอะไรจากลิ้นเลย
เขามันก็แค่คนที่ถูกเรียกว่า ‘ตัวซวย’ และโดนเกลียดทั้งโรงเรียน
เขามันก็แค่เด็กนักเรียนมอปลายปีสองที่สามารถ ‘มองเห็นความตายได้’
เขามันก็แค่คนที่ชื่อ ‘คิม จินฮวาน’
T a s t y S e n s e
“เลิกเรียนได้จ๊ะ แล้วอย่าลืมทำงานมาส่งครูอาทิตย์หน้านะ”เสียงหวานใสของคุณครูคนสวยดังขึ้นจากหน้าห้อง เธอเป็นผู้หญิงที่สูงและหุ่นเพรียวดูดีมาก ผมสีน้ำตาลเข้มยาวสลวยนั้นช่างเข้ากับคิ้วโค้งได้รูปของเธอจริงๆ แม้ว่าเธอจะเป็นครูที่ใจดีสำหรับนักเรียนแค่ไหน ... แต่นั้นมันไม่ใช่สำหรับ คิม จินฮวาน เลยแม้แต่น้อย ... เธอไม่แม้แต่จะมองหน้าหรือเข้ามาใกล้ชายตัวเล็กเลยแม้แต่น้อย
“ว่าไงจ๊ะจินฮวานตัวซวย … วันนี้จะไปเที่ยวทำให้ใครตายอีกหล่ะ?”เสียงทุ้มๆดังขึ้นข้างหลังของผมพร้อมๆกับเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากของวัยรุ่นผู้ชายดังขึ้น ... จริงๆก็มีพวกนักเลงผู้ชายที่ไม่ชอบเขานั้นเยอะมาก เพราะเหตุผลหลายๆอย่างแต่ก็ไม่ค่อยมีใครมายุ่งซักเท่าไหร่ ... มันก็มีแต่พวกนี้แหละที่พูดกับเขา ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่บทสนทนาที่คนอื่นเขาไว้ใช้ทักทายกันก็เถอะ
“ฉันไม่อยากยุ่งกับพวกนาย”เสียงเรียบๆและเบาๆของจินฮวานดังขึ้นพร้อมกับคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าแก้งค์นั้นได้กระโดดมาบังทางข้างหน้าของเขาจนมิด ชายตรงหน้าของเขานั้นชื่อว่า ‘คู จุนฮเว’ ชายที่ทำตัวเป็นนักเลงโตประจำโรงเรียน(แบบว่าพี่ใหญ่อย่างมอปลายปีสามยังต้องเกรงกลัว) แถมยังมาเกาะแกะเขาไม่ยอมปล่อยอีกเพียงเพราะเหตุผลที่ว่า
‘ฉันยุ่งกับนาย ... ก็ไม่เห็นว่าฉันจะตายนี่’
“อย่าทำเป็นหยิ่งไปหน่อยเลยน่า~ ดูแล้วมันน่าหมั่นใส้หว่ะ!”พร้อมกับเสียงหัวเราะของพวกลูกน้องของนายจุนฮเวที่ดูเสแสร้งมากๆ เพราะอย่างที่บอกนั้นแหละ ... กลายเป็นข่าวใหญ่โตตั่งแต่มอต้นปีสามแล้ว พอเริ่มถูกเรียกว่า ‘ตัวซวย’ ก็ไม่มีใครมายุ่งอีกเลย พวกลูกน้องของจุนฮเวก็คงกลัวเหมือนกับนักเรียนทั่วไปนั้นแหละ ... แต่คงกลัวจุนฮเวมากกว่า
“ฉันจะกลับบ้าน”จินฮวานพูดแค่นั้นก่อนจะเดินหลีกตัวออกไปจากสถานการณ์อันน่าเบื่อหน่ายที่เขาต้องเจอเกือบทุกวัน ... เขาเลือกที่จะมาโรงเรียนและกลับหอพักทันทีถ้าไม่จำเป็นเพราะเขาไม่อยากออกไปเห็นความตายถ้าไม่จำเป็น ... แถมถ้ามีคนมากก็จะยิ่งทำให้เขาเกิดความสับสนมากขึ้น ... บางทีเขาอาจจะกลายเป็นบ้าไปเลยก็ได้
“จินฮวาน! … จินฮวานตัวซวย!!”ชายตัวเล็กไม่คิดจะเหลียวหลังไปหาเสียงทุ้มๆใหญ่ๆที่ดูเหมือนกำลังหาเรื่องเขาอยู่
“กรุณาจ่ายค่าเช่าของเดือนนี้กับที่ค้างไว้อีกสองเดือนด้วย ... งั้นหรอ ประจานกันชัดๆนี่หน่า”แผ่นกระดาษที่ถูกเขียนด้วยปากกาสีแดงตัวใหญ่นั้นได้ถูกแปะไว้ประตูห้องสีขาวซึ่งมันเด่นชัดมากพอที่จะทำให้คนอื่นๆเห็นได้โดยไม่ต้องสังเกตเลย ... เงินทุนที่เอาไว้ใช้จ่ายค่าห้องของทุกเดือนนั้นก็ดันเลื่อนมาได้สามเดือนแล้ว นั้นไม่ดีเลย มันไม่ดีสำหรับเขาเลย
เขาเดินเข้าไปในห้องอันเงียบสงัด ห้องมืดและแคบอย่างที่เคยเป็นเหมือนทุกที สิ่งที่เขาทำเป็นประจำก็คือถอดกระเป๋าออกแล้วหยิบงานในกระเป๋าขึ้นมาทำตามเคยพร้อมกับหยิบกระเป๋าดินสอออกมาและสุดท้ายก็ต้องหยิบกระเป๋าเงินออกมาเพราะว่าในกระเป๋าเงินจะมีรูปพ่อแม่และน้องที่มองทีไรก็รู้สึกว่ามีกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไป
ว่าแต่ว่า มันอยู่ไหนกันนะ ... กระเป๋าเงิน? กระเป๋าเงิน?! กระเป๋าเงิน?!!
นอกจากความสามารถมองเห็นความตายในอนาคตได้แล้ว ลิ้นของเขายังไม่เคยสัมผัสกับคำว่าอร่อยแล้ว ก็ยังมีอีกความสามารถหนึ่ง ... คือลืมได้ทุกสิ่งอย่าง ซุ่มซ่ามแบบหาใครเปรียบไม่ได้ เคยมีครั้งหนึ่งที่เขาออกห้องไปโดยลืมกุญแจไว้ในห้อง หรือแม้กระทั่งหาแว่นตาไม่เจอ หาทั่วห้องก็ยังไม่เจอ รู้ตัวอีกทีมันก็อยู่บนหน้าตัวเองมาตลอด
ตอนนั้นเองสินะ ... ตอนเรียนพละคงจะลืมไว้ตรงสนามบาสสินะ เขาคงต้องกลับไปเอาที่สนามบาสของโรงเรียน ซึ่งหอพักของเขากับประตูโรงเรียนห่างกันประมาณ 10 ... ก้าว แค่เดินไปก็ไม่ถึงหนึ่งนาทีหรอก
เขาเดินลงมายังชั้นล่างของหอพัก ก่อนจะเช็คว่าตัวเองไม่ได้ลืมกุญแจไว้ในห้องแล้ว ไม่ได้ลืมอะไรแล้ว เมื่อมั่นใจดี เขาก็เดินออกมาจากรั้วของหอพักราคาถูกของเขาทันที
“พ่อหนุ่มจ๊ะ ... ช่วยยายขนของหน่อยได้ไหม?”เสียงแหบพร่าของยายแก่ๆคนหนึ่งดังขึ้นข้างๆเขา ข้างกายของยายคนนั้นเต็มไปด้วยของมากมายทั้งกล่องกระดาษขนาดใหญ่ตั่งสามสี่กล่อง ถุงอะไรซักอย่างของแกอีกมหาศาลซึ่งดูก็รู้ว่ายายคนนี้คงถูกเอามาส่งโดยรถโดยสารประจำทางแน่ๆ ยายแกแบกมาไม่ไหวแน่ๆ
“คือผมค่อนข้าง ...”ใจจริงของเขาอยากจะปฏิเสธแทบตาย ไม่ใช่ไม่อยากช่วยหรอกนะ แต่ถ้าเขาไม่เข้าไปเอาตอนนี้ ถ้าเกิดว่าค่ำมืดแล้วเขาเกรงว่าผมจะไม่กล้าไปเอากระเป๋าเงินหน่ะสิ ทำไมหน่ะเหรอ ... ถึงแม้ว่าเขาจะเห็นภาพแห่งความตายมานักต่อนัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะเห็นวิญญาณคนตายตัวเป็นเป็นหนิ
ไม่ทันที่ปากของเขาจะเอ่ยปฏิเสธไป ... อยู่ๆในสมองของเขาก็มีภาพหลายๆภาพแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็วและนั้นเป็นอัลบั้มภาพที่เขาเกลียดที่จะเจอมันที่สุด ...
คุณยายแก่ๆคนหนึ่งที่มีข้าวของเต็มมือ ซอยเปลี่ยวๆ ถังขยะเยอะแยะ ผู้ชายที่ถือมีด แล้วก็ ... คุณยายที่กำลังนอนรอความตายและกองเลือดที่ดูน่ากลัว
ไม่ได้แล้ว! นี่คือสิ่งที่เขาเกลียดที่จะต้องเห็นมันอยู่เกือบทุกวันและคนก็ต้องจากไปโดยที่เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
“คุณยายครับ ... เดี๋ยวผมช่วยเองครับ”
T a s t y S e n s e
ในซอยที่เงียบสงัด มีเพียงชายร่างเล็กที่อาสาถือของทั้งหมดไปให้คุณยายที่ดูเหมือนไม่มีกำลังที่พอสำหรับจะถือทุกอย่างไปตรงบ้านของลูกที่อยู่ในซอยแคบๆและสองข้างทางของซอยแคบๆนั้นตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นเหม็นของขยะ ทุกอย่างที่เขาเห็นในมโนภาพนั้น มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าถ้าเกิดว่าเขาจะเห็นความตายของคุณยายที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดเป็นวันๆเพื่อมาเจอลูกชายคนตนเองที่กำลังรอความรักจากผู้เป็นมารดาของตนอยู่
“บ้านหลังสีขาวนั้นแหละพ่อหนุ่ม ที่หลังคาแดงๆนั้นแหละ”และแล้วทั้งสองก็มาถึงบ้านอันเป็นเป้าหมายของคุณยาย ลูกชายของท่านดูดีใจมากที่เห็นแม่ของตนและไม่มีอะไรมีค่าไปมากกว่ารอยยิ้มของทั้งคู่และถึงแม้ว่าลูกชายและคุณยายนั้นจะชวนเขาอยู่กินข้าวด้วยกันเป็นคำตอบแทนแต่เขาก็ไม่มีเวลามากมายขนาดนั้นเพราะตอนนี้เริ่มมืดแล้ว เขาคงต้องเสียมารยาทซักหน่อยเพื่อที่จะได้กระเป๋าเงินคืน
เขาเดินออกมาจากรั้วบ้านก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังซอยอันเงียบสงัดและเต็มไปด้วยกลิ่นของขยะเพื่อที่จะมุ่งหน้าไปต่อยังโรงเรียนของเขา
“มึงหยุดนะ! ส่งเงินมา!!”เสียงดังๆทุ้มของปริศนาคนหนึ่งดังขึ้นตรงหน้าของเขาพร้อมกับปรากฏร่างของชายผู้สวมเสื้อผ้าสีดำทั้งตัวและมีมีดในมือ
อย่าบอกนะว่า ... ไอ้โจรคนนั้น?!
“ฉันไม่มีเงิน”เขากำลังพยายามพูดความจริงกับโจรที่หวังทรัพย์สินของเขาอยู่ ก็คนมันไม่มีจริงๆนี้หน่า
“อย่ามาตอแหล! เอาเงินมึงมาถ้าไม่อยากตาย!!”
“ฉันไม่มีเงินเลย!”
“กูคงต้องแทงมึงก่อนสินะถึงจะยอมเอาเงินให้กู!”
“ช่วยด้วย!!!”เขาตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจนสุดเสียง
“เงียบนะมึง!!!”
ปึก!
“โอ้ย!!!!!”เสียงของโจรนั้นร้องเสียงหลงก่อนที่จะล้มไปต่อหน้าต่อตาของเขาโดยที่เขายังไม่ทันจะทำอะไรเลยแม้แต่น้อยถ้าไม่นับตะโกนขอความช่วยเหลือ ก่อนที่เบื้องหลังของโจรที่ล้มไปนั้น จะปรากฏเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังถูมือตัวเองอย่างเบาๆ
“นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” จินฮวานอึ้งไปซักครู่กับสิ่งที่กำลังแล่นเข้ามาในหัว ผู้ชายที่ปรากฏตรงหน้าของเขา ... ผู้ชายที่ปรากฏตรงหน้าของเขานั้นเป็นผู้ชายที่อยู่ในความทรงจำของเขา
สิ่งสำคัญไม่ใช่หมอนี่ในตอนนี้ ... แต่คือหมอนี่ในอนาคตต่างหาก
อีก1 ปี ... หมอนี่จะตาย!!!
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ลองมาแนวนี้ดูครับ ถ้ามีอะไรจะพูดคุยหรือติชมได้เลยนะครับ จะนำไปปรับปรุง คือตอนที่หนึ่งอาจจะยังงงกับทุกอย่าง ก็รอติดตามผมด้วยนะครับ
ความคิดเห็น