ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Scienca-Magica War ... สงครามจักรกลวิทยาศาสตร์และเวทมนตร์

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 : Tenka's secret. Episode 1 :The beginning

    • อัปเดตล่าสุด 8 มิ.ย. 57




               

                 หลังจากนั้น
    9 ปี ผมได้ย้ายถิ่นถานของตัวเองมาอยุ่ที่ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่เป็นกลางไม่แบ่งแยกระหว่างผู้ใช่วิทยาศาสตร์กับผู้ใช้เวทมนตร์ และวันนี้เป็นวันที่ผมจะต้องทำหน้าที่เหมือนกับเด็กอายุ 19 ทั่วไปเขาทำกัน

    “โว้ย!!! ไอ่หนู!!! จะตื่นได้รึยัง เด๋วก็สายหรอกเห้ย!!
    เสียงตะโกนโหวกเหวกในตอนเช้า ที่กำลังปลุกผมให้ตื่นคือเสียงที่ผมคุ้นเคยดีและผมเจอเป็นประจำทุกเช้า แต่... ปลุกดีๆหน่อยไม่ได้รึไงฟระตาลุง
    = =’’
    “คร้าบบบ ตื่นแล้วน่าตาลุง เดี๋ยวลงไป” ผมตะโกนตอบตาลุงนั่นอย่างหงุดหงิดนิดๆ

    ผม ซีโร่ แอล เซอร์ดีลัส อายุ 18 เป็นนักเรียนธรรมดาๆ แต่คนที่ผมอยู่ด้วยน่ะไม่ธรรมดาน่ะสิ ตาลุงที่ผมอยู่ด้วยคนนี้ชื่อ บาร์ตัน ดี เซอร์ดีลัส เป็นอดีตทหารของกองทัพอากาศแห่งฝั่งวิทยาศาสตร์ เรียกได้ว่าเป็นเอซของทางกองทัพเลยก็ได้ มุดเด่นอยู่ที่ร่างกายที่กำยำและผมสีแดงยาวประมาณต้นคอ และทรงผมที่ชี้เป็นบางจุดที่เป็นเอกลักษณ์

    แต่ทำไมเอซคนนั้นถึงได้ออกจากการเป็นทหาร สาเหตุก็เพราะว่าคนๆนี้ออกมาเพื่อเลี้ยงดูผมที่เกือบตายในการก่อการร้ายของฝั่งเวทมนตร์ และเลี้ยงดูผมในฐานะลูกศิษย์และเหมือนกับลูกแท้ๆคนนึง

    ผมในตอนนั้นได้สูญเสียความทรงจำไปหมดหลังจากโดนลูกหลงระเบิดของจอมเวทย์ก่อการร้าย จำได้แค่ชื่อของตัวเองที่ชื่อซีโร่เท่านั้น อาจารย์เลยให้ใช้นามสกุลของเขาแล้วเลี้ยงดูและฝึกฝนผมมาจนถึงตอนนี้

    ผมที่เดินลงมาจากห้องหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วนั้นก็ได้ลงมาทานอาหารเช้าข้างล่าง

    “อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์ เช้านี้มีอะไรกินเนี่ย “

    “ก็ตามที่เห็นนั่นแหละ ไก่ทอดกระเทียม แล้วก็ปลาย่างเกลือไง เออใช่ จะเอาซุปมิโซะด้วยไหม?”

    “นี่ลุง นี่ลุงเป็นอดีตทหารหรือว่าพ่อครัวระดับ 5 ดาวเนี่ย” ผมเหน็บตาลุง
    “เหอะ เห็นแบบนี้ก็เถอะ ฉันน่ะ ฝีมือระดับพระกาฬเลยนะเว้ย ขนาดท่านเทนชิยังชอบเลยนะขอบอก”
    ยืดเชียวนะลุง เอาเถอะ นานๆจะเห็นอาจารย์อารมณ์ดีชนิดที่ว่ากู่ไม่กลับแบบนี้ ตามน้ำละกัน
    เอ๊ะ? ว่าแต่.......

    “ว่าแต่ท่านเทนชินี่คือใครหรือครับอาจารย์?”
    “หา? นี่แกไม่รู้จักท่านเทนชิเหรอเนี่ย
    !!!!!????”
    อาจารย์ตะโกนแหกปากอย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่าผมจะไม่รู้จักท่านเทนชิ ก็คนมันไม่รู้จักจริงๆนี่หว่า
    “นี่ลุง จะตะโกนทำไมเนี่ย ผมไม่ได้อยู่ไกลเป็นกิโลนะลุง” ผมบ่น

    “ก็มันน่าตกใจจริงๆนี่หว่า ท่านเทนชิน่ะคือว่าที่ผู้นำของประเทศญี่ปุ่นนะเฟร้ย!! ทำไมแกถึงไม่รู้จักฟระ!! แกนี่มันจะหลังเขาไปถึงไหนวะเนี่ย!!! โว้ยยยยย ทำไมลูกศิษย์ตรูมันถึงได้น่าสมเพศแบบนี้วะเนี่ยยยย!!!!!
    อาจารย์บ่นยาวเป็นหางว่าว เอ่อ...อาจารย์ครับ ผมแค่ไม่รู้จักเค้าเองนะบ่นซะยังกะว่าผมไปแหกคุก

    “โห่อาจารย์ เอาน่า แค่ไม่รู้จักคนๆเดียวเองนี่”

    “แกนี่น้า ไม่สนใจโลกเหมือนเคยเลยนะ เอาเหอะ รีบๆกินข้าวแล้วไปที่สถาบันกันได้ละ เด่วก็สายหรอก”

    “ครับอาจารย์”

                       ซีโร่และอาจารย์บาร์ตัน นั่งทานข้าวกันอย่างเป็นกันเองและมีความสุขในเช้าของวันอันแสนสงบสุข

    หลังจากทานข้าวเสร็จซีโร่ก็รีบออกจากบ้านไปก่อนเพราะอาจารย์บาร์ตันต้องมีนัดไปประชุมกับกองกำลัง A.W.A.(Anti War Alliance) ซึ่งเขาไม่ค่อยอยากจะยุ่งซักเท่าไหร่ และเขาต้องรักษาความลับของ”พลังพิเศษ” ซึ่งพลังของเขานั้นหาคนใช้ได้ยากยิ่งนักและน้อยคนนักที่จะสามารถทำได้

                       แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ก็ไม่มีใครล่วงรู้ถึงพลังของเขานอกจากอาจารย์บาร์ตันและศาสตราจารย์ยูกิ

    ศาสตราจารย์ยูกิก็เปรียบเสมือนพี่สาวและอาจารย์ของซีโร่อีกคนที่ช่วยในเรื่องของการควบคุมพลังของเขา
    และทั้งคู่ก็เป็นอาจารย์ที่สถาบันที่ซีโร่ต้องไปเรียนตั้งแต่วันนี้ไปด้วย
    และวันนี้เป็นวันแรกที่จะต้องเข้าเรียนที่สถาบันหรือจะเรียกว่ามหาลัยก็ได้ สถาบัน Scimage of Tokyo เป็นสถาบันที่สอนการใช้พลังพิเศษในทางที่ถูกต้องไม่ว่าจะใช้พลังวิทยาศาสตร์หรือว่าเวทมนตร์ ที่นี่ไม่แบ่งแยกว่าเป็นใครมาจากไหนหรือมีพลังอะไร ไม่มีแบ่งแยกว่าใครมีความสามารถด้านไหนหรือใครมีความเชื่อเกี่ยวกับฝ่ายไหนเพียงแต่ทุกคนอยู่ใต้อดุมการณ์ของผู้นำของเราที่ว่า”พวกเราคือมนุษย์เหมือนกัน”...

    หลังจากเดินอยู่นานสองนาน ซีโรก็มาถึงที่สถาบันจนได้ ถึงจะเหนื่อยนิดนึงก็แล้วแต่ เพราะเขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ใช้เท้าเดินมาสถาบัน

    “ให้ตายสิ วันแรกนี่คนเยอะจริงๆแฮะ” ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง
    “ซีโร่
    !!!!!!!!!” เสียงเด็กผู้หญิงวัยเดียวกันที่คุ้นเคย เธอคือ ยางามิ มาริ เป็นลูกสาวของเซียนคาราเต้ 15 ดั้ง ยางามิ มุตซึมาสะ และมาริเป็นเพื่อนสมัยเด็กของซีโร่ที่เคยเจอกันมาครั้งตอนที่ยังอยู่ที่ไฮเดลเบิร์ก เธอมีรูปร่างที่เรียกได้ว่าดีพอๆกับนางแบบ มีผมสีแดงยาวมัดเป็นหางม้า ดวงตาสีแดง และที่สำคัญ....ยังป็อปในหมู่ผู้ชายอีกด้วย

    และเธอคนนั้นก็กำลังวิ่งมาหาผมในท่าทางที่ร่าเริงสุดๆ

    “ไม่เจอกันนานเลยนะซีโร่ นี่นายสูงขึ้นรีเปล่าเนี่ย?? แต่ที่สำคัญนะ นายยังมีสีหน้าสุขุมเยือกเย็นอยู่ตลอดเหมือนเคยเลยนะ” มาริวิจารณ์

    “ก็มันเป็นเรื่องปกติของชั้นตั้งนานแล้วไม่ใช่รึไงล่ะมาริ เธอก็เห็นฉันอยู่ประจำ” ผมตอบแบบปัดรำคาญ

    “ชิ ดูพูดเข้าสิ ไม่คิดจะเปลี่ยนตัวเองให้ร่าเริงขึ้นหน่อยรึไงหือตาบ้า!” เธอพูดแล้วก็ต่อยเข้าที่ไหล่ผมเบาๆ แต่มันก็เจ็บนะหมัดคุณเธอน่ะ

    “ช่างเถอะน่า เดี๋ยวค่อยปรับละกัน.......เอ๊ะ??” ผมยังพูดไม่ทันจะขาดคำ ผมก็ได้ยินเสียงระเบิดเหมือนคนกำลังใช้พลังพิเศษต่อสู้กัน เมื่อผมได้มาถึงที่จุดที่มีการต่อสู้ ผมเห็นชายสองคนกำลังใช้พลังพิเศษของตนโจมตีฝ่ายตรงกันข้าม และดูเหมือนว่าจะมีกองเชียร์ด้วย

    “นี่อะไรกันเนี่ย ขนาดในสถาบันนี้ก็ยังมีคนต่อสู้กันเพราะความแตกต่างของพลังที่ใช้อีกเหรอเนี่ย” มาริพูดในสิ่งที่ผมคิดออกมา โดยที่ผมไม่ได้บอกเธอแม้แต่นิดแต่ดูเหมือนว่าเธอก็รู้สึกแบบเดียวกับผม แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ญี่ปุ่นเองก็ใช่ว่าผู้คนจะเหมือนกันซะเสมอไป ก็ยังคงมีคนบางพวกที่มีความคิดบ้าๆนั่นอยู่ ในสถาบันนี้ก็เช่นกัน เหมือนพวกนี้จะมาจากประเทศอื่นที่ไม่ใช่ญี่ปุ่นสินะ แต่ยังดีหน่อยที่ในประเทศนี้มีการกางฟิลด์ที่ทำให้ทุกคนในประเทศเข้าใจในภาษาเดียวกันผมเลยฟังสิ่งที่พวกนั้นพูดเข้าใจได้ แต่ที่ผมได้ยินตอนนี้มีแต่คำที่ดูถูกดูแคลนฝ่ายที่กำลังเสียเปรียบและฝ่ายที่เสียเปรียบตอนนี้คือฝ่ายเวทมนตร์ ที่สำคัญฝ่ายนั้นเป็นผู้หญิง อีกฝั่งเป็นผู้ชายซึ่งใชกำลังอย่างโหดร้ายกับอีกฝั่ง และที่สำคัญใช้ Battle Suit ด้วย

    Battle Suit คือชุดเกราะจักรกลที่ ใช้ดึงพลังพิเศษของตนออกมาให้ใช้งานได้ แต่ละคนก็มีรูปแบบ Battle Suit ของตนเองและความสามารถของ Battle Suit ขึ้นอยู่กับระดับการ Synchronize ของตนกับสูท ท่าท่างว่าหมอนี่จะไม่สมบูรณ์เหมือนกัน

    “ถึงจะไม่ชอบฝั่งเวทมนตร์ขนาดไหนก็เถอะ แต่แบบนี้มันเกินไปแล้ว!!” ซีโร่ที่ควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ เดินตรงไปที่ฝ่ายชายเพื่อทำการต่อสู้กับพวกนั้น

    “เห้ย แกเป็นใครวะ!! อย่ามายุ่งน่า......เอ๋??”

    ในมือขวาของซีโร่เปล่งแสงออกมาหลังจากผมเรียกใช้งาน Battle Suit แต่เป็นแสงที่ไม่ธรรมดา ราวกับว่ามันจะระเบิดออกมาให้ได้

    “ซีโร่ อย่านะ!!!!” มาริเห็นท่าไม่ดีกำลังจะมาห้ามผม แต่มีคนนึงหยุดผมไว้เสียก่อนที่ผมจะเรียก Battle Suit ออกมาได้สำเร็จ

    “หยุดอยู่แค่นั้นแหละไอ้หนู!!!!

    เสียงของอาจารย์บาร์ตันนั่นเองที่เป็นคนเตือนสติของซีโร่ที่กำลังขาดสติ และหมัดของอาจารย์นั่นแหละที่ทำให้ซีโร่หยุดได้

    “แกจะทำอะไร!! หา!! ฉันบอกแกแล้วนี่ว่าอย่าใช้พลังของแกสุ่มสี่สุ่มห้า แกยังควบคุมมันไม่ได้เต็มที่ด้วยซ้ำ ถ้าพลาดไปล่ะก็ทั้งแกทั้งพวกนี้ตายเอาได้ง่ายๆเลยนะ”

    “ครับอาจารย์ ผมขอโทษครับ” ผมขอโทษอาจารย์ ถ้าอาจารย์ไม่มาห้ามไว้ จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ผมก็ไม่อาจรู้ได้

    “พวกแกก็ด้วย ตามฉันมาที่ห้องอาจารย์ใหญ่ มีคนมาเล่าเหตุการณ์หมดแล้ว เพรางั้นเตรียมตัวรับโทษซะ!!!”

    หลังจากนั้นอาจารย์ก็พาพวกนั้นไปทำโทษโดยการพักการเรียน1เดือนในข้อหาใช้พลังพิเศษทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ชอบธรรม และคราวนี้ก็เป็นคราวของผมที่จะต้องโดนเรียกไปพบบ้างแล้ว

    ก็อก ก็อก ก็อก

    “เข้ามาได้”

    ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องอาจารย์ใหญ่ เห็นคนๆนึงที่อายุน่าจะแก่กว่าอาจารย์บาร์ตัน แต่ดูน่าเกรงขามกว่าหลายเท่านัก ตาลุงเองก็น่าเกรงขามไม่ใช่เล่น แต่ผู้ชายคนนี้ ให้ความรู้สึกชนิดที่ว่า”ไม่สามารถเทียบได้” ใบหน้าที่ดูดุดันและร่างกายกำยำไม่แพ้ลุง แต่ว่า....ผมกำลังจะโดนผู้ชายคนนี้ทำอะไรกันล่ะเนี่ย

    “เธอ เป็นเด็กใหม่ใช่ไหม?”

    “ครับ ผมชื่อซีโร่ แอล เซอร์ดีลัส เป็นลูกศิษย์และเหมือนเป็นลูกบุญธรรมของอาจารย์บาร์ตันครับ”

    “ถึงว่าล่ะทำไมนามสกุลถึงได้เหมือนกัน ฉันชื่อ สึสึมุระ มุรามาสะ เป็นอาจารย์ใหญ่ ยินดีที่ได้รู้จัก เอาเถอะ เข้าเรื่องเลยละกัน วันนี้เธอกำลังจะไปห้ามฝ่ายชายที่กำลังทำร้ายฝ่ายหญิงอยู่สินะ”

    “ครับ” ผมตอบไปสั้นๆ

    “แต่พลังที่เธอใช้น่ะ มันไม่เหมาะที่จะใช้ในตอนนั้นเลยล่ะ แทนที่มันจะหยุดทั้งสองฝั่ง จะกลายเป็นว่าเธอจะฆ่าทั้งสองฝั่งนะ”

    ผมพูดไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งแล้วรู้สึกตกใจว่าตัวเองทำอะไรลงไปและที่เขารู้เรื่องพลังของผม

    “อาจารย์ใหญ่รู้แล้วใช่ไหมครับว่าพลังพิเศษของ Battle Suit ของผมคืออะไร”

    “พลังนิวเคลียร์ใช่ไหมล่ะ เธอสามารถควบคุมพลังนิวเคลียร์ได้ แต่ยังไม่สมบูรณ์”

    “ใช่ครับ”

    ใช่แล้ว พลังพิเศษของ Battle Suit ของผมคือสามารถควบคุมพลังนิวเคลียร์ได้ ไม่ว่าจะบีบอัดนิวเคลียร์ลงในกระสุนปืนใหญ่ให้กระสุนนั้นกลายเป็นนิวเคลียร์ขนาดเล็กหรือเปลี่ยนพลังงานบีมให้กลายเป็นพลังงานนิวเคลียร์แล้วเปลี่ยนเป็นระเบิดก็ทำได้ เพียงแต่ ผมยังควบคุมมันไม่ได้ ในตอนนี้ผมควบคุมมันได้แค่ 50% เท่านั้น

    “เอาเถอะ พลังนั้นน่ะ อย่าใช้มันพร่ำเพรื่อ ระวังการใช้ด้วยล่ะ ไปได้”

    “ขอตัวนะครับ”

    ผมเดินออกไปจากห้องนั้นเงียบๆ เมื่อผมออกมาก็พบกับผู้หญิงสองคนที่ผมกำลังจะเข้าไปช่วยเมื่อเช้านี้

    “ขอบคุณนะคะที่ช่วยพวกฉันไว้” พวกเธอก้มหัวขอบคุณ

    “ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ อีกอย่างอาจารย์เองก็มาห้ามผมไว้ก่อนด้วย” ผมยืนเกาหัวเพราะความงง

    “แต่ถ้าคุณไม่เข้ามา พวกเขาก็ไม่หยุดหรอกค่ะ เพราะฉะนั้นขอบคุณมากนะคะ” พวกเธอก้มหัวเสร็จแล้วก้รีบวิ่งออกไปทันที

    “อ้าว ไปซะละ” ผมยังยืนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

    กิ๊ง ก่อง-----

    “อ๊ะ ได้เวลาเข้าห้องเรียนละ” ผมรีบเดินไปที่ห้องเรียนเพื่อเข้าเรียนในคาบแรก

                       ในห้องนั้น ซีโร่ได้พบกับผู้คนที่มีพลังทั้งสองแบบ มีทั้งพวกใช้ชำนาญและไม่ชำนาญ แต่ยังไงก็แล้วแต่อย่างน้อยในห้องนี้ก็บรรยากาศดีกว่าเมื่อเช้าล่ะนะ ในห้องทุกคนคุยเป็นกันเองไม่มีทีท่าว่าจะรังเกียจหรือดูถูกฝ่ายตรงกันข้ามเลย

    “เฮ้อออ นี่แหละ ค่อยผ่อนคลายลงได้หน่อย” ผมถอนหายใจแล้วนั่งลงตรงที่นั่งของตัวเอง แต่ยังไงก็เถอะชุดของสถาบันนี่มันร้อนดีชะมัดเลยแหะ ชุดข้างนอกของผู้ชายเป็นเสื้อโค้ทยาวสีขาวยาวไปจนถึงหัวเข่ามีขอบสีน้ำเงินที่แขนเสื้อส่วนข้างในเป็นเสื้อเชิ้ตสีดำผูกด้วยเนกไทสีน้ำเงินส่วนกางเกงเป็นแสล็คสีดำรองเท้าหนัง ผู้หญิงก็จะเป็นชุดเดรสสีขาวยาวไปจนถึงเกือบหัวเข่าและมีแจ็กเก็ตสีแดงคลุมอยู่ แต่ชุดพวกนี้ ได้รับการเสริมความแข็งแกร่ง ทำให้สามารถทนรับ damage ได้ในระดับนึง แต่ก็ทนรับการโจมตีหนักๆไม่ได้นักหรอก

    หลังจากที่สังเกตชุดสถาบันอยู่นาน ก็มีเสียงเรียกมาจากด้านข้าง

    “นี่ซีโร่ ได้ยินไหมเนี่ย!!!

    “อ๊ะ ขอโทษๆ เมื่อกี้เหม่อไปหน่อยน่ะ”

    มารินั่นเอง

    “แหม ดูที่ทำเข้าสิไม่สนใจกันเลยนะ” เธองอนซะละ

    “เฮ้อ... จ้าๆ ขอโทษนะ เดี๋ยวเลี้ยงไอศกรีมชดใช้ให้ละกันนะ”

    “เย้!!! สัญญาแล้วนะ ฮิฮิ”

    เด็กชัดๆ พอบอกว่าจะเลี้ยงไอศกรีมเท่านั้นแหละ ร่าเริงเชียว

    “อ๊ะ อาจารย์มาละ เธอเองก็นั่งที่ก่อนดีกว่ามั้ง”

    “เอ๋?? ฉันก็นั่งข้างนายนี่ไง” เธอเอียงคอทำหน้างงๆ

    “เห? เออแฮะ จริงด้วย”

    ที่นั่งของเธออยู่ข้างผมจริงๆด้วย หลังจากนั้นอาจารย์ก็ทำการเช็คชื่อ แล้วก็เริ่มทำการสอน คาบสอนในช่วงช้าเป็นไปอย่างราบรื่น มีทั้งวิชาสอนของวิทยาศาสตร์และเวทมนตร์ ทำให้ต่างฝ่ายต่างเข้าใจวิชาของอีกฝั่งมากขึ้นถือว่าเป็นนโยบายที่ดีของสถาบัน

    .....................................

                       หลังจากเสร็จช่วงเช้า ตอนนี้ก็ถึงช่วงพักเที่ยง ผมและมาริกำลังจะไปหาข้าวเที่ยงทานกัน  ก็มีคนเข้ามาทักทาย

    “โย่ว นายชื่อซีโร่ใช่ไหม”

    “อ่า แล้วนายคือ?”

    “ฉัน จิน, ชิราบากิ จิน เรียกว่าจินก็ได้”

    ผู้ชายผมสั้นสีทองรูปร่างสูง จัดอยู่ในหมู่พวกหน้าตาดีบ้านรวยเรียนเก่ง ถ้าไม่นับความเป็นโอตาคุของหมอนี่ล่ะนะ กระเป๋าเป็นรูปอนิเมะชัดเจนเชียว

    “ส่วนฉัน เอนวี่ บาลานอฟ จ๊ะ” เป็นผู้หญิงใส่แว่น รูปร่างเล็กหน้าตาน่ารักผมสั้นสีเขียวเข้ม มีจุดเด่นอยู่ที่......หน้าอกที่ใหญ่เกินชาวบ้านเค้า

    “อ่ะ อ่า ฉันซีโร่ แอล เซอร์ดีลัส ส่วนยัยนี่ชื่อ ยางามิ มาริ” ผมแนะนำตัวเองและมาริให้ทั้งสองคนรู้จัก

    “ไปทานข้าวด้วยกันไหม ไปกันเยอะๆน่าจะสนุกกว่านะ” จินชักชวนพวกเรา

    “ก็ดีนะ พวกเราเองก็ยังไม่รู้จักเพื่อนที่นี่เท่าไหร่เลย” ผมตอบรับ

    หลังจากนั้นพวกซีโร่ก็เดินไปที่โรงอาหาร มีอาหารจากหลายประเทศให้เลือกทาน เรียกว่าหรูกว่าโรงแรม 5 ดาวเสียอีก เลือกอาหารกันเสร็จแล้ว ทุกคนก็บรรจงทานอาหารกัน

    “หือ...ฮีโฮ่ ฮูฮาฮายหู่เฮ๋อ?(หือ....ซีโร่ดูอารายอยู่เหรอ?)” มาริพูดในขณะที่อาหารยังเต็มปากอยู่เลย ยัยบ้าเอ้ยก่อนจะพูดน่ะเคี้ยวอาหารให้หมดก่อนสิเฟร้ย

    “ผู้หญิงคนนั้นใครน่ะ” ผมชี้ไปที่โต๊ะๆนึงที่มีผู้หญิงคนเดียวนั่งอยู่

    เธอมีผมสีเงินยาวสลวย ตาสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ มีจุดเด่นอยู่ที่headbandสีดำ รูปร่างเข้าขั้นว่าเยี่ยมเลยทีเดียว และดูมีออร่า เรียกได้ว่างดงามและน่ารักในคนเดียวกันเลยล่ะ  แต่เหมือนเธอไม่มีเพื่อนเลยแหะ อาจจะเพราะว่าสายตาของเธอที่ดูเยือกเย็นล่ะมั้ง

    “อ๋อ เทนกะน่ะ เทนกะ เดอ ลาฟา ฉายา Freezing Queen รายนั้นเค้าไม่ค่อยจะสุงสิงกับใครหรอก ว่าแต่.... สนใจเทนกะเหรอเนี่ย-----“ เอนวี่หยอกผมซะไปไม่เป็นเลย เอาจริงๆนะ ผมน่ะไม่เคยมีความรักอะไรกับเค้าหรอก เลยไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง

    “ก็...เปล่าหรอก แค่สงสัยน่ะว่าทำไมถึงนั่งคนเดียว”

    ผมเองก็ตอบไปตะกุกตะกักนิดๆ เพราะอาการเขิน(มั้ง) แต่อยู่ดีๆก็มีกลุ่มคนกลุ่มนึงเดินมาที่พวกเรา

    “นี่แกน่ะ ซีโร่ใช่ไหม” หนึ่งในพวกมันถามผม หมอนี้เป็นคนที่ดูมีฝีมือ รูปร่างสูง ใบหน้าดุดัน ผมสีน้ำตาลเข้มยาวไปจนถึงกลางหลัง

    “ใช่ แล้วมีอะไรรึเปล่า” ผมตอบแบบเย็นชาเพราะผมเริ่มรุ้สึกว่าพวกนี้ไม่ได้มาดีแน่

    “ฉัน ริวกะ เดอ ลาฟา ขอท้าแกสู้!!

    หา??!!! ผมนี่อึ้งไปเลย ไม่คิดว่าจะมีคนมาท้าสู้ตั้งแต่วันแรกที่เปิดเทอม

    “ทำไมอยู่ดีๆถึงมาท้าฉันสู้ล่ะ” ซีโร่ถามเพราะความสงสัย

    “เพราะแกทำให้หนึ่งในพวกของพวกเราต้องโดนทำโทษและพวกของฉันบอกมาว่าคนที่ทำมันชื่อ ซีโร่ แอล เซอร์ดีลัส .... และฉันก็เจอแกแล้ว แกต้องชดใช้ เพราะงั้นมาสู้กับฉันซะ!!!

    ดูท่าว่าหมอนี่จะอยากสู้มาก และโกรธมากด้วย

    “ฉันขอปฎิ.....” ทันทีที่ผมกำลังจะปฏิเสธพวกมัน อยู่ๆก็มีเสียงมาจากทางด้านขวา

    “ฉันอนุญาติ”

    อาจารย์บาร์ตัน!!!!! มาได้ไง

    “อาจารย์!!!??? แต่อาจารย์ห้ามผมใช้พลังไม่ใช่เหรอครับ”

     Battle Suit ใหม่ของแกมาแล้วล่ะ เพราะงั้นถือว่าเป็นการทดลองไปเลยละกัน”

    “เอ๋?” ผมงงสุดๆ ไหงผมมี Battle Suit ใหม่ ซะงั้นล่ะ

    “ฉันจะให้พวกแกสู้กันในสนามประลองของสถาบันในวันพรุ่งนี้ เตรียมตัวกันให้ดี เพราะผู้แพ้จะต้องถูกทำโทษในข้อหาทำเรื่องวุ่นวายตั้งแต่วันแรก”

    ไม่ใช่แค่ผมหรอกที่หน้าซีด พวกมันก็ด้วยครับ

    .......

    พอมาถึงที่ลานประลอง หลังจากที่ซีโร่รับ Battle Suit แล้ว ก็พบว่าเด็กนักเรียนมาดูกันเป็นจำนวนมาก เกือบจะล้นสนาม ก็แน่ล่ะ การประลอง Battle Suit มันไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆไงล่ะ

    ริวกะเองก็เตรียมพร้อมแล้วเหมือนกัน Battle Suit รูปแบบต่อสู้ระยะประชิด ใช้หมัดเป็นอาวุธหลัก และดูท่าทางจะแข็งไม่ใช่เล่น

    “ซีโร่...” มาริพูดขึ้นมาอย่างเป็นห่วงและตอนนี้เธอนั่งอยู่บนที่นั่งที่สนามประลองพร้อมกับจินและเอนวี่

    “เอาน่า เชื่อในตัวหมอนั่นสิ ว่าหมอนั่นต้องทำได้” จินปลอบ

    “ฉันรู้สึกว่าคนที่จะแพ้คราวนี้คือ ผู้ชายคนที่มาหาเรื่องคนนั้นนะ”

    หลังจากที่เอนวี่พูดขึ้นเหมือนกับว่ารู้อยู่แล้วว่าใครจะชนะ จินและมาริก็หันมาทางเอนวี่

    “เอ๊ะ? ทำไมเหรอ” มาริถาม

    “ไม่รู้สิ แต่มีอะไรบางอย่างบอกฉัน อาจจะเป็นพลังของฉันมั้ง ฉันสามารถรู้สึกถึงอนาคตได้น่ะ ถึงตอนนี้จะยังจับได้ไม่ชัดเจนก็เถอะ”

    “งั้นเหรอ?” มาริเอ่ย แล้วหันกลับไปที่สนาม เพื่อดูซีโร่ต่อสู้

     ในมุมที่บันไดด้านหลังของสนามประลอง มีคนๆนึงยืนดูอยู่.... เทนกะ ผู้หญิงที่ซีโร่เห็นที่โรงอาหาร ตามมาดูการประลองด้วยเพราะรู้สึกแปลกๆกับพลังของซีโร่

    “.......” เธอยืนดูอยู่เงียบๆ

                       ซีโร่ได้เดินเข้ามาในสนามแล้ว และทำการเรียก Battle Suit ของตน แสงได้สาดส่องสว่างไปทั่ว ไม่ใช่แสงสีส้มอมแดงที่ดูรุนแรงเหมือนเมื่อตอนเช้า แต่เป็นแสงสีขาวดูลดความรุนแรงลงมา หลังจากที่แสงหายไปแล้ว Battle Suit ของซีโร่ก็เปิดเผยให้เห็นโฉมหน้าของมัน เกราะสีดำตัดด้วยสีแดงและเทาอ่อน ดูไม่หนาและเทอทะ เหมือนแค่เอาเกราะมาติดแค่บางส่วนของร่างกายเลยทำให้ดูคล่องตัว มีปีกเหล็กอยู่ด้านหลังเพื่อเพิ่มความคล่องตัวบนอากาศ และมีhead setเพื่อใช้ติดต่อสื่อสารอยู่ แต่ยังไม่เท่าปืนที่ติดอยู่เกือบทุกที่ของเกราะ ที่ไหล่ เอว เกราะอก และแขน

    “นี่แกเป็นป้อมปราการเคลื่อนที่รึไงวะ” หมอนั่นถามผม

    “ถามคนออกแบบเกราะของฉันละกัน” ผมตอบแบบปัดรำคาญ

    หลังจากนั้น อาจารย์บาร์ตันได้ให้สัญญาณว่า การประลองจะเริ่มแล้ว

    1…2…3….ready…..FIGHT!!!

    ทันทีที่สัญญาณดัง ริวกะก็พุ่งเข้าหาซีโร่ในทันที ริวกะชักหมัดที่ชาร์จพลังงานไว้เตรียมจะต่อย แต่ด้วยความคล่องตัวที่มากกว่าของซีโร่ ทำให้หลบได้ แต่อีกฝ่ายก็ไม่รอช้า ดีดตัวมาโจมตีซีโร่ในทันที

    “ชิ! หลบไม่ทันแน่” พอรู้อย่างนั้น ซีโร่จึงเรียกโล่ออกมาบังการโจมตีของอีกฝั่ง

    โครม!!!! การโจมตีโดนที่โล่ของซีโร่ ถึงจะรับได้แต่ก็ลดพลังทำลายไม่ได้มากนัก เพราะอีกฝั่งมีความสามารถในการควบคุมแรงสั่นสะเทือนหลังจาก After Impact ทำให้ส่งแรงสั่นสะเทือนทั้งหมดไปทีซีโร่ ส่งผลให้ซีโร่กระเด็นไปไกลจนกระแทกเขากับผนังของสนาม

    “อึก!!!”  แรงกระแทกจากหมัดของอีกฝ่ายรุนแรงมากแล้วบวกกับแรงกระแทกที่โดนจากผนังอีกเลยทำให้ทำความเสียหายเป็นเท่าตัว

    “ซีโร่!!!!” มาริและเอนวี่ร้องเสียงหลงเมื่อเห็นแบบนั้น

    “เห้ย!!!” จินเองก็ตกใจเช่นกัน เพราะอีกฝั่งไม่ออมมือเลย

                       แต่ซีโร่ก็ยังลุกขึ้นมาสู้ต่อ เมื่อเขาเห็นแบบนี้แล้วเขาจึงเริ่มคิดวิธีต่อสู้กับอีกฝ่าย

    “สงสัยว่าจะให้หมอนี่เข้าประชิดไม่ได้เด็ดขาดเลยแหะ อีกอย่าง เกราะของเราก็ไม่ได้มีพลังป้องกันสูง คงต้องรักษาระยะห่างแล้วล่ะ” ซีโร่บ่นพึมพำกับตัวเอง

     

    พอคิดได้แบบนั้น ซีโร่ก็เริ่มบิน เพื่อรักษาระยะห่างของเขากับอีกฝั่ง

    “เหอะ!! จะหนีไปไหน แกหนีไม่พ้นหรอกเว้ย!!!” ริวกะเองก็เริ่มบินตาม

    ซีโร่เรียกปืนไรเฟิล2กระบอกออกมาใช้ แต่มันเองก็ดูยาวกว่าปกติ แปลกที่มันมีน้ำหนักเบา ที่สำคัญมี2ลำกล้องด้วย

    เขาเริ่มทำการตอบโต้โดยการยิงปืนนั้นไปที่อีกฝั่ง ปืนซ้ายเป็น Twin barrel Beam rifle ปืนขวาเป็นปืน Magnum twin barrel Rifle แต่อีกฝั่งเองก็หลบได้บ้าง ถึงยังไงก็ตามซีโร่ก็ยังไม่ได้ใช้กระสุนนิวเคลียร์ของเขาซึ่งเป็นนิวเคลียร์ขนาดย่อม เพราะยังไม่เห็นจังหวะที่จะปิดเกมในทีเดียว ต่างฝ่ายต่างไล่บี้กัน ริวกะเองก็มีวิชาโจมตีระยะไกลเช่นต่อยอากาศแล้วส่งแรงสั่นสะเทือนผ่านมาทางอากาศ โดนเข้าไปซักทีคงเจ็บหนักแน่ๆ เพราะอีกฝั่งได้ชาร์จเต็มที่กับการโจมตีและอารมณที่กำลังคุกรุ่น เลยทำให้ไม่มีการยั้งมือ

    “ชิ หลบเร็วนักนะแก แต่จะหลบได้ถึงไหนกันเชียว”

    คราวนี้ริวกะรัวหมัดใส่เป็นชุด ซึ่งคราวนี้ซีโร่เห็นท่าไม่ดีเลยได้ทำการเก็บปืนที่ติดอยู่ทั่วร่างเข้าเกราะ เพื่อเพิ่มความเร็วให้กับตัวเอง หมัดมาเป็นห่าฝนแต่ความคล่องตัวของซีโร่เองก็สูงมากจนทำให้หลบหมัดบ้าพลังพวกนั้นได้เกือบหมด ถึงจะโดนไปบ้างแต่ก็เจ็บไม่ใช่น้อย จนตอนนี้ความเสียหายของเกราะไปถึง68%แล้ว หากถึง 90% จะถูกปรับแพ้ทันที ซีโร่จึงต้องรีบหาวิธีสวนกลับ ซึ่งตอนนี้ริวกะมีความเสียหายแค่45% ซึ่งเค้าต้องใช้กระสุนนิวเคลียร์แล้ว เมื่อเค้าดูเวลา เหลือเวลาอีกแค่ 2.30 นาทีเท่านั้น เพราะอาจารย์บาร์ตันบอกว่า ”แกต่อสู้ได้แค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ไม่งั้นแกจะสูญเสียการควบคุมพลังนิวเคลียร์ไป”

    ใช่...สูทนี้ใช้พลังงานนิวเคลียร์ พลังงานของซีโร่จึงไม่หมดง่ายๆ แต่เขาต้องรีบล้มอีกฝั่งก่อนที่เขาจะควบคุมพลังไม่ได้

    “สงสัยคงต้องใช้แล้วล่ะ” ซีโร่พึมพำ แล้วจึงใช้พลังบีบอัดนิวเคลียร์ไปในกระสุน Magnum Rifle

    อีกฝั่งเองก็พลังงานเกือบหมดแล้ว จึงต้องจบภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียวเช่นกัน จึงชาร์จพลังทั้งหมดไปที่หมัด

    แล้วพุ่งด้วยความเร็วเสียงไปที่ซีโร่

    แว็บแรก ซีโร่ก็ตกใจเพราะอีกฝั่งพุ่งเร็วมาก แต่เขาก็ได้โอกาสสวนกลับแล้ว

    ซีโร่จึงเก็บปืนบีมไรเฟิลไป และชาร์จพลังไปที่ ปืนแม็กนั่มไรเฟิลทั้งหมด เพื่อจบเกมในนัดเดียว แต่แผนนี้ก็ตัดสินกันเพียงเสี้ยววินาที ว่าใครจะโจมตีก่อน หากเขาโดนโจมตีก่อน ซีโร่จะเป็นฝ่ายแพ้ แต่ถ้าซีโร่โจมตีได้ก่อน เขาจะชนะแน่นอนเพราะพลังทำลายของ Tactical Nuclear Shell ในปืน Magnum Rifle สองลูกนี้สูงมากจนทำลายรถถังได้คันนึงได้ในนัดเดียว แต่เกราะของริวกะน่าจะแข็งกว่าเขาจึงใช้2ลูก

    “เรามาตัดสินกัน!!! เข้ามาเลยซีโร่!!!!!”     “ เอาล่ะนะ ริวกะ!!!

    ทั้งสองพุ่งด้วยความเร็วเสียงเข้าหากัน วัดกันว่าใครจะได้โจมตีก่อน

    เพียงแค่เสี้ยววินาที พวกเค้าทั้งคู่ก็ตั่งท่าโจมตีแล้ว

    ริวกะปล่อยหมัด ซีโร่เหนี่ยวไก

    ตูม!!!!!!!! เสียงดังสนั่นไปทั้งสนามประลองจากการระเบิดอย่างรุนแรงบนฟ้า

    “ว้าย!!!” “เห้ย!!!!” “อึก!!!

    ทุกคนตกใจกับแรงระเบิดนั่น

    ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์ใหญ่และอาจารย์บาร์ตัน

    “ไอ่หนู...” “ซีโร่!!!!

     “ซีโร่!!!!!!!!!!!!!!!!” จิน มาริ และเอนวี่ตะโกนออกมาหลังจากเห็นระเบิดนั่น

    แม้แต่เทนกะที่ดูอยู่ห่างๆยังตกใจกับระเบิดเมื่อครู่นี้
    “อะไรน่ะ??
    !! ทำไมมันถึงได้รุนแรงขนาดนี้” เทนกะพูดออกมาด้วยความตกใจ

                       หลังจากที่ควันหายไป ทุกคนที่สนามลุ้นว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ ทุกสายตาจดจ้องไปที่กลุ่มควันนั้น

    หลังจากนั้นซักพัก กลุ่มควันก็เผยให้เห็นผู้ชนะ

    ซีโร่..... เป็นผู้ได้โจมตีก่อน แต่เขาเองก็โดนการโจมตีของริวกะเช่นกัน ทำให้ปีกข้างนึงขาดไป ความเสียหายของเกราะอยู่ที่ 88% แต่ริวกะโดนกระสุนTactical Nuclear ของซีโร่ไปเต็มๆ ทำให้ความเสียหายจาก 45% ไปที่ 93% ในการโจมตีครั้งเดียว แต่การโจมตีนั้นก็กินพลังงานเกือบทั้งหมดของสูทของซีโร่เช่นกัน

    ซีโร่ บินอยู่ในขณะที่หอบร่างของริวกะที่หมดสติไว้อยู่เช่นกัน แต่เขาเองก็สบักสบอมเช่นกัน

    “ซีโร่!! ชนะแล้วๆ ซีโร่ชนะแล้ว!!!” มาริและเอนวี่กอดคอกันเพราะความดีใจที่เพื่อนตัวเองชนะ

    “เจ๋งชะมัดเลยแหะหมอนี่” จินพูดอย่างชื่นชม

    อาจารย์บาร์ตันที่เห็นเพื่อนๆของลูกศิษย์ตนเองดีใจขนาดนั้นก็อดที่จะยิ้มอย่างภูมิใจไม่ได้

    อาจารย์ใหญ่เองก็ดูจะสนใจในฝีมือของซีโร่ละริวกะอยู่เช่นกัน

    “น่าสนใจจริงๆแหะเจ้าสองคนนี้”

    “พี่ชายแพ้เหรอเนี่ย.... หมอนั่นเป็นใครกัน” เทนกะเองก็ตกใจที่พี่ชายแพ้ แต่กลับสนใจในตัวของซีโร่มากกว่า

    แล้วเธอก็เดินออกไปจากสนามเงียบๆ

    “ทำไมถึงช่วยฉันไว้?” ริวกะถาม

    “เอ๋? ก็เราแค่ประลองกันไม่ใช่รึไง ไม่ได้มาฆ่ากันซะหน่อย” ผมตอบไป

    “....... หึ.... แกนี่มันแปลกคนจริงๆเลยแหะ...” ริวกะหัวเราะออกมาด้วยความรู้สึกแปลกใจ แต่รู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

    “มาเป็นเพื่อนกับฉันไหมล่ะ นายมีฝีมือดี อีกอย่างนานๆจะได้เจอคนที่มีฝีมือพอๆกับฉันซักที” ริวกะถาม

    “เห?!!? ฉันน่ะไม่มีปัญหาหรอก ว่าแต่นายน่ะ โอเครึไง” ซีโร่ถามกลับไปแบบงงๆ

    “อีกอย่าง ฉันเองก็เริ่มรู้สึกว่าไอ่ทางที่ฉันเคยเดินมา มันไม่ใช่ทางของฉัน เพราะงั้นถ้าไปกับพวกของแกน่าจะดีกว่า มั้งนะ”        อ๋อ---- ที่แท้ก็ยังหาเพื่อนที่จริงใจจริงๆไม่ได้นี่เอง

    “เอาสิ” ผมตอบตกลง

    “ฝากตัวด้วยล่ะ สหายเอ๋ย” ริวกะเอ่ย

                       หลังจากการต่อสู้ที่จะเอาชีวิตกัน กลายเป็นว่าผมได้สหายมาเพิ่มอีกคนแล้วล่ะ เฮ้ออ หนึ่งวันนี่มันยาวนานจริงๆแฮะหลังจากการประลอง ผมและริวกะก็ได้เป็นเพื่อนกัน ผมได้แนะนำริวกะให้ทุกคนรู้จัก และผมเองก็พึ่งรู้ว่า ริวกะเองก็เป็นโอตาคุอ่อนๆด้วยเช่นกัน ถึงว่าล่ะทำไมถึงคุยกับจินได้ยาวเชียว มาริและเอนวี่เองก็เข้ากันได้ดีเหลือเกิน ทำไปทำมาเหมือนกับว่าผมอยู่คนเดียวซะงั้น แต่ก็ดีแล้วล่ะ ทุกๆคนสนิทกันไว้แบบนั้นก็ดีแล้ว พอผมคิดว่าผมอยู่คนเดียว อยู่ดีๆทุกคนก็ชวนผมเข้าร่วมวงสนทนาด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น .... “วันนี้เป็นวันที่ดีจริงๆแหะ”ผมคิด                                                             

    .....................

    To be continue…..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×