ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เฝ้ามอง
“เฮ้ย ยูชอนมองอะไรอยู่ว่ะ จะเข้าเรียนแล้วนะ” ชางมินตะโกนเรียกร่างโปร่งที่เอาแต่จ้องลงไปในสนามเบื้องล่างตั้งแต่เมื่อเที่ยงไม่วางตา
“เออ ชางมินฉันถามนายหน่อย นายสนิทกับครูจุนซูหรือเปล่า” ร่างโปร่งขยับหน้าหันกลับเข้ามาถามอย่างจริงจัง
“เอ จะว่าไปฉันก็สนิทกับจุนจังมากเหมือนกันแหละ”
“จุนจัง” ยูชอนทวนชื่อเรียกที่ออกมาจากปากเพื่อนรักอย่างไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก ซึ่งชางมินก็ฉลาดพอที่จะจับน้ำเสียงแปลกๆนั่นได้
“เออ โทษทีพอดีติดจากพี่แทยอนน่ะ เขาชอบเรียกพี่เขาอย่างนั้น”
“อืม”
“แล้วนายถามทำไม ฉันสิน่าจะถามนายมากกว่า พี่เขาไปทำอะไรให้ว่ะ ตามจองเวรเขาจัง ฉันเห็นนายจ้องเขาไม่กระพริบเลยในคลาส แล้วไอ้คำพูดจิกจักนั่นอีก ไม่ใช่นิสัยนายเลยนะ” ร่างโย่งของชางมินเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้หน้าต่างที่ยูชอนนั่งอิงอยู่พร้อมกับลอบมองไปยังสนามแล้วภาพที่เห็นก็ยิ่งตอกย้ำ ความคิดที่อยู่ในใจ เพราะคนที่เห็นก็คือร่างเล็กของคนที่กำลังเป็นหัวข้อสนทนากับครูแจจุง
“ถ้าเกิดมีคนลืมนายล่ะ ชางมิน ทั้งๆที่มีความลับร่วมกันแล้วลืม นายจะโกรธรึเปล่า” ยูชอนปล่อยสายตาไปที่สนามอีกครั้ง ชางมินไม่ได้พูดอะไรอีก เขาแค่ต้องไปถามพี่ชายอีกคนว่าไปลืมใครหรือเปล่า (แต่ เอ ถ้าประมวลจากคำพูด และการกระทำ เพื่อนของเขานี่มันเรียกว่าอาการพาลจากความหึงได้เปล่าหว่า ถ้าหึงก็แปลว่าชอบ เฮ้ย! แล้วที่ว่าความลับร่วมกัน กับไอ้ประโยคที่ว่า ฟันแล้วทิ้ง อ่ะ อ่ะ หวังว่าคงเป็นเรื่องอื่นนะครับ)
สองคนมองกลับลงไปในสนามอีกครั้ง แต่ในหัวของทั้งสองกลับคิดกันคงล่ะเรื่องอยู่ ตอนนี้ แจจุงโบกมือลาเข้าไปในตัวอาคาร ในขณะที่จุนซูยังคงนั่งมองเด็กเล่นอยู่ในสนาม เนื่องจากยังไม่มีชั่วโมงสอน แล้วไม่รู้นึกอย่างไร ครูตัวจ้อยก็โดดเข้าไปร่วมแจมในเกมส์ฟุตบอลซะแล้ว ชางมินเคลื่อนตัวกลับไปนั่งที่หลังจาก ออดเข้าคาบเรียนบ่ายเริ่มขึ้น ซึ่งเป็นวิชาประวัติศาสตร์ ของครูแจจุงนั่นเอง แต่ดูเหมือนประธานนักเรียนคนเก่งไม่ได้หันกลับมาสนใจคาบเรียนแม้แต่น้อย สายตาเขายังคงจับตามหลังคนตัวเล็กไปไม่ห่าง
“เอ่อ คุณประธาน ช่วยกลับมาสนใจชั่วโมงครูหน่อยได้ไหมครับ” เสียงหวานปนดุของแจจุงเรียกให้ร่างโปร่งหันกลับเข้ามาสู่บรรยากาศการเรียนอีกครั้ง แต่เมื่อครูเผลอ เขาก็มองกลับลงไปในสนามอีกครั้ง รอยยิ้มน้อยๆ ของเขายกยิ้มทุกครั้งที่ร่างเล็กทำประตูได้แต้ม และทำท่าทางดีอกดีใจ มีจะขัดใจก็วิธีแสดงความดีใจของผู้ร่วมทีมที่วิ่งเข้ามากอดร่างเล็กนี่แหละ ที่ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ
อยู่ดีๆ ยูชอนก็ร้องเสียงดัง และรีบลุกออกจากเก้าอี้
“โอ๊ะ!”
“ยูชอนเธอมีอะไรนักหนากับชั่วโมงของครูเนี่ย” แจจุงเริ่มหมดความอดทน
“ผมขอตัวครับ ผมไม่สบาย” ยังไม่ทันจะได้ยินเสียงอนุญาติ ร่างของยูชอนก็หายลับไปจากห้องเรียนอย่างรวดเร็ว ทำให้ชางมินที่สังเกตุอยู่ตลอดอดกังวลไม่ได้
(อยากตามไปดู แต่กลัวอ่า สายตาครูแจจุงโครตน่ากลัวเลย)
.
.
.
“โอ๊ย! เจ็บชะมัดเลย” ร่างเล็กคว่ำครวญอยู่บนเตียงนอนในห้องพยาบาล โดยมีลูกศิษย์ที่เล่นบอลอยู่ด้วยกันเมื่อครู่ประคองมาส่ง จุนซูกระโดดหลบการเสียบของฝ่ายตรงข้าม แต่เสียหลักทำให้เขาล้มกลิ้ง แถมข้อเท้ายังดูเหมือนจะแพลงด้วย
ลูกศิษย์ที่ประคองมาเห็นข้อเท้าที่บวมเป่งของครูก็หน้าเสีย เขารีบมองหาครูพยาบาล แต่ก็ไม่มี เขาทำได้เพียงประคบข้อเท้าด้วยน้ำแข็งเท่าที่หาได้
“ครูไม่เป็นอะไรหรอก ออกไปเล่นต่อเถอะ” จุนซูที่เห็นสีหน้าที่จ๋อยลงของลูกศิษย์ก็อยากปลอบใจ แล้วทั้งสองก็ต้องตกใจเมื่อประตูห้องพยาบาลเปิดออกอีกครั้ง แต่คนที่เปิดเข้ามากลายเป็นประธานนักเรียนซึ่งควรจะมีคาบเรียนอยู่ปรากฎตัวมา
“นายไปเหอะ เดี๋ยวตรงนี้ฉันดูเอง” เสียงทรงอำนาจของยูชอนได้ถูกเปล่งออกมา เหมือนทั้งขู่ทั้งบังคับกลายๆ จนคนฟังไม่กล้าขัดขืน
“ครับ” เด็กนักเรียนคนนั้นวิ่งออกไปด้วยความเร็ว ไม่มีใครในโรงเรียนกล้าขัดคำสั่งของเขา เพราะไม่กล้าจะมีปัญหากับประธานนักเรียนซึ่งเป็นลูกของ ผอ.โรงเรียน เมื่อเหลือกันเพียงสองคน ยูชอนก็นั่งตรงปลายเท้าของจุนซูแล้วเอาน้ำแข็งมาประคบให้อย่างแผ่วเบา จุนซูมองอาการของคนตรงหน้าอย่างงงๆ เอ ได้ข่าวว่าเกลียดกันไม่ใช่เหรอ ไหงมานั่งพยาบาลกันอย่างนี้ว่ะ หรือเขาเข้าใจผิดไปเอง ขณะที่จุนซูตัดสินใจจะขอบคุณ ยูชอนก็พูดสยบความเงียบอีกครั้ง
“ซุ่มซ่ามจังนะครับ ทำไมชอบทำให้ตัวเองมีแผลจัง”
(อึ๋ย อีกแล้ว ไอ้เด็กเนี่ย ปากไมมันจัดจังว่ะ)
“ชาติที่แล้วเป็นไก่เหรอ” แล้วคำถามก่อกวนก็หลุดออกมาจากร่างเล็กจนได้ เพราะเขาคงไม่ทนให้โดนด่าอยู่ฝ่ายเดียวแน่ ยูชอนเงยหน้ามองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจคำถาม
“อะไรนะครับ”
“ก็ฉันสงสัยว่าชาติที่แล้วเธอต้องเป็นไก่แน่ ถึงได้จิกเก่งจริงๆ” หน้าของยูชอนร้อนวาบ เขาไม่คิดว่าร่างเล็กจะโต้กลับ เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงพูดดีๆไม่เป็นกับคนคนนี้ หรืออาจแค่น้อยใจที่ไม่มีวี่แววว่าจะจำเขาได้สักทีก็ได้ แต่ความอยากเอาชนะของคนเราบางทีก็อยู่เหนือเหตุผล
“จะว่าไปผมก็เลือกจิกนะครับ อย่างพวกข้าวเปลือกขี้เลื่อยอะไรอย่างเนี่ย” หัวเล็กๆ ของจุนซูประมวลผลอย่างรวดเร็ว (ขี้เลื่อย อ๊าก! นี่มันด่าว่าฉันไม่มีสมองเหรอ ไอ้เด็ก) ด้วยความโกรธ ทำให้จุนซูออกอาการ เขาขยับเท้าหนี แต่นั่นก็เรียกความ ปวดร้าวจากบาดแผลได้อีกครั้ง จนเขาต้องร้องออกมา
“โอ๊ย!” เมื่อยูชอนเห็นอาการเจ็บของคนตรงหน้าเขาก็ตกใจ และพยายาม ประคบอย่างแผ่วเบาอีกครั้ง พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่เจือไปด้วยความห่วงใยจนคนฟังจับได้
“อย่าขยับสิครับ เดี๋ยวจะเจ็บมากไปกว่านี้นะ” จุนซูเลยหยุดดื้อ เขายอมนั่งนิ่งๆให้ยูชอนรักษา
พอยูชอนเงยหน้าไปมองก็เห็นจุนซูจ้องมองไม่วางตา เขาก็รู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก เขาเลือกที่จะก้มหน้าหลบสายตาที่สดใสอันนั้น เพราะกลัวห้ามใจตัวเองไม่ได้
“ครูถามจริงเถอะ นายโกรธอะไรครูรึเปล่า หรือว่าครูทำอะไรไม่เหมาะสมก็บอกกันได้นะ” จุนซูเลือกที่ถามเรื่องที่คาใจของเขา ยูชอนเงยหน้ามามองด้วยใจที่บอกไม่ถูก ก็ไม่ได้โกรธ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร รู้แต่มันทั้งหวง ทั้งห่วง ทั้งน้อยใจ ทั้งหงุดหงิด ปนกันไปหมด
“เปล่า ครับ ผม..............” แล้วสายตาของยูชอนก็เหลือบไปเห็นแผลถลอกบริเวณข้อมือของคนตัวเล็ก ที่มีเลือดออกซิบๆ ด้วยความเร็ว เขารีบคว้าข้อมือเล็กมาเลียลงไปบริเวณแผลทันที ลิ้นหยุ่นสัมผัสไปยังบาดแผลอย่างแผ่วเบา ก่อนจะก้มลงไปใช้ริมฝีปากซับเลือดออก เขาอดใจไม่ไหว กลิ่นเลือด และกลิ่นหอมประจำตัวของจุนซูส่งผลต่ออาการของเขาอีกครั้ง ร่างโปร่งเผลอนึกไปถึงค่ำคืนเร่าร้อนนั่น เขากดริมฝีปากให้แน่นกับบาดแผลและใช้ลิ้นเลีย เรื่อยไปยังนิ้วเล็ก มืออีกข้างเผลอกดไปยังข้อเท้าด้านล่างอย่างไม่รู้ตัว เขากำลังเผลอไผลไปกับอารมณ์ที่เก็บไม่มิด
“อ่ะ อืม ปล่อย ยูชอนครูเจ็บ” จุนซูเผลอส่งเสียงที่เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันรู้แต่มันรู้สึกแปลกๆ ทั้งเจ็บทั้งอาย เขาไม่รู้ว่าเด็กนี่ทำไมต้องทำแบบนี้ ยูชอนยังคงไม่ปล่อยร่างเล็กตรงหน้า จนน้ำตาหยดเล็กๆเริ่มปริ่มไหลออกมาจากหางตาเรียวจากความเจ็บที่เท้า ยูชอนเมื่อมองเห็นเขาก็ตกใจ เขารีบปล่อยมือออก
“ผม ขอโทษ เจ็บเหรอครับ อย่าร้องนะ” มือหนาถูกเลื่อนมาปาดน้ำตา ของคนตรงหน้า
ปัง! เสียงประตูเปิดออกด้วยความแรง ทำให้ยูชอนสะดุ้งและดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว
“จุนซู นายเป็นอะไรไหม ฉันได้ยินว่านายล้ม” เป็นแจจุงนั่นเองเมื่อเขาได้ข่าวหลังเลิกชั่วโมงก็รีบดิ่งมาหาทันที โดยไปนั่งแทรกตรงยูชอน ทำให้ร่างโปร่งต้องลุกออกมายืนข้างเตียงแทน ชางมินได้แต่แอบชะเง้อชะแง้มองสถาณการณ์อยู่ตรงหน้าประตู
“ร้องไห้ด้วยสงสัยจะเจ็บมาก ไปโรงพยาบาลดีกว่านะ” แจจุงทำท่าจะพยุงร่างเล็กออกไป แต่จุนซูก็ดึงตัวเองไว้ด้วยกลัวว่าเพื่อนจะห่วงมาก
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ” ร่างเล็กยิ้มน้อยๆ กลับไปให้เพื่อนหนึ่งครั้ง แจจุงอดหมั่นไส้กับรอยยิ้มนี่ไม่ได้เขาขยี้หัวของจุนซูเบาๆ
“นายน่ะ ชอบทนอย่างนี้ทุกที โอ.เค. งั้นก็นอนพักเถอะ เดี๋ยวตอนเย็นฉันไปส่งเอง วันนี้พี่จุนโฮไม่ว่างไม่ใช่เหรอ”
“ขอบใจนะ” จุนซูค่อยๆขยับตัวเองล้มตัวลงนอน แจจุงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ก่อนจะดันหลังยูชอนออกมา
“นายก็กลับไปเรียนได้แล้ว ฉันไม่เห็นนายจะป่วยตรงไหนเลย อย่ากวนครูเขาเลย”
ร่างโปร่งที่โดนดันออกพยายามเหลียวกลับมามองร่างเล็กที่นอนหันหลังให้อย่างพะวักพะวน
“แต่..........”
“ไม่ตงไม่แต่แล้วไปเรียน”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น