ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ก็แค่ยิ้ม
“อ่ะ เธออยู่ห้องนี้เหรอ” จุนซูพยายามเปลี่ยนบรรยากาศอึดอัดหลังจากที่จบประโยคเหมือนจะด่าของประธานนักเรียนสุดเฮี๊ยบแล้วทั้งคู่ก็เดินมาด้วยกันเงียบๆ ในสายตาของจุนซู ยูชอนติดอับดับบุคคลที่เขาต้องอยู่ให้ห่างที่สุดเท่าที่ทำได้ เพราะเขาคิดว่าเด็กนี้ต้องจ้องจับผิดพฤติกรรมอันแสนโก๊ะของเขาเป็นแน่ ดีไม่ดีเอาไปรายงานพวกผู้ใหญ่ล่ะก็คะแนนเขาได้ติดลบแน่ ไอ้การที่คิดจะมาเป็นครูประจำที่นี้ก็เลิกหวังได้เลย
“ครับ แค่นี้ทำไมไม่รู้ล่ะครับ สงสัยจำได้แค่ชื่อล่ะมั้ง ผมเข้าใจมันคงยากไปสำหรับครูล่ะมั้งไอ้การจำอะไรสักอย่างเนี่ย” ยังไม่วายปล่อยประโยคทำร้ายจิตใจอย่างต่อเนื่อง นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นเด็กนักเรียนล่ะก็ได้วางมวยกันแน่ เห็นเขาอย่างนี้แต่คิมจุนซูก็ไม่เคยตีแพ้ใคร
จุนซูที่มัวแต่ต่อสู้กับอารมณ์โกรธของตัวเอง ต้องหน้าเจื่อนอีกรอบเมื่อเสียงทุ้มๆ นั้นที่เหมือนเคยได้ยินที่ไหนสักแห่ง แต่นึกไม่ออก กระซิบข้างหูจนทำให้เขาหน้าแดงวาบอย่างช่วยไม่ได้
“อ้าว จะยืนตรงนี้จนหมดคาบรึไงครับครู”
ยูชอนรอบมองอาการของคนหน้าเด็กข้างๆที่ยืนหน้าแดงกล่ำอยู่ก็อดจะยกยิ้มมุมปากไม่ได้ (ทำไมผมจะไม่รู้ว่าจุดอ่อนของคุณอยู่ที่ไหนล่ะครับ)
แอ๊ด ! เมื่อเสียงเปิดประตูดังขึ้นเหล่าลูกลิงทั้งหลายที่ตอนแรกกำลังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องในห้องประชุม จนกระทั่งเรื่องเที่ยวช่วงปิดเทอมกันอย่างออกรส หยุดแล้วหันมามอง สิ่งแรกที่พวกเขาเห็นก็คือประธานนักเรียนผู้เอาจริงเอาจังหอบหนังสือกองโตมาวางไว้บนโต๊ะด้านหน้า และคนที่เดินตามมาติดๆก็คือครูผู้ซุ่มซ่ามแต่มีมีรอยยิ้มที่จะตรึงทุกร่างไม่ให้หนีหาย
“สะ สวัสดีนักเรียน คงรู้จักครูกันแล้วนะ” จุนซูยังคงมีอาการประหม่าเมื่อเห็นเหล่าเด็กนักเรียนจ้องมองมาที่เขาอย่างสนใจ แต่แล้วอาการประหม่าก็ลดลงเมื่อสายตาสอดส่ายไปพบ ใบหน้าใบหน้าหนึ่งที่คุ้นเคย ชิมชางมิน ลูกพี่ลูกน้องของแทยอน ก็เรียนอยู่ห้องนี้ด้วย ทำเอาจุนซูที่เห็นอาการโบกมือน้อยๆของน้องชายก็โล่งอก จนเผลอยิ้มกว้างออกมาอีกรอบ รอยยิ้มที่ไม่เจือไปด้วยความเขินอายอย่างเมื่อเช้า หากแต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้โลกสว่างไสวขึ้นมาทันตา เรียกเสียงฮือฮาจากทั้งห้องได้อีกครั้ง
ยูชอนที่เฝ้ามองอยู่ไม่วางตาอดรู้สึกโมโหไม่ได้
“ฮะแฮ่ม เมื่อไหร่จะเริ่มสอนครับครูจุนซู” เขากดหางเสียงจนดุ ทำให้นักเรียนคนอื่นๆเงียบเป็นปลิดทิ้งแล้วหันมาสนใจการเรียนที่กำลังจะเริ่มต้น
.
.
.
การเรียนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้และมุขตลกของผู้สอน ทำเอานักเรียนหลายๆคนประทับใจในตัวจุนซูไม่น้อย ทีเห็นนั่งหน้าหงิกก็มีเพียงท่านประธานนักเรียนแต่เพียงผู้เดียว ที่เอาแต่นั่งกอดอกและจ้องมาที่จุนซูแทบไม่วางสายตา ปากที่แอบยกยิ้มแต่ไม่หัวเราะซะทีเดียวเวลาที่จุนซูเล่นมุขประหลาดๆที่เรียกเสียงหัวเราะจากเด็กคนอื่นจนเสียงดัง และยูชอนจะทำหน้าน่ากลัวทุกครั้งที่จุนซูยิ้มร่าออกมา
ออด ....ออด..................... เสียงออดดังบ่งบอกถึงการหมดเวลาแห่งความสุขแล้ว จุนซูทำท่าเก็บข้าวของ โดยมีชางมินมาคอยช่วยอยู่ก็ต้องตกใจเมื่อมีเด็กใจกล้า สอบถามเรื่องส่วนตัวที่เขาอยากรู้
“ครูครับ ผมอยากรู้ว่างานอดิเรกของครูคืออะไรครับ” เด็กผู้ชายร่างสูงหน้าตาคมคาย คิ้วหนาจนมองดูคมเข้มที่นั่งอยู่หลังห้อง ชอยชีวอน ยืนขึ้นถามเสียงดังด้วยใบหน้าที่แดงไปถึงใบหู ใครๆก็ดูออกว่างานนี้เด็กหลงอีกหนึ่งแล้ว
“ก็ อ่านหนังสือ รึไม่ก็แต่งเพลงน่ะ” ยังไม่วายส่งยิ้มละมุนไปให้อีกที จนคนถามที่ว่าหน้าแดงอยู่แล้วเพิ่มระดับความแดงจนไปถึงคอ และคนที่ทนไม่ได้อย่างยูชอนก็เลยต้องขอสอดออกมา
“ไม่ใช่ว่างานอดิเรกคือ ฟันแล้วทิ้งหรือครับ” คำพูดที่หลุดออกมาจากปากอิ่มที่ยกยิ้มที่มุมปาก โดยเฉพาะคำที่เขาจงใจเน้นให้มันดัง เรียกเสียงฮือฮาจากทั้งห้องได้อีกระลอก ชีวอนและทุกคนในห้องรวมถึงชางมินและจุนซูหันไปมองคนที่พูดเหวอหวา หลายคนทำหน้าไม่เชื่อ แต่หลายคนก็หันไปซุบซิบกัน ชางมินหันมาเห็นพี่ชายยืนหน้าเสียโดยไม่ได้ตอบโต้อะไรก็แก้ตัวแทนให้เห็นเป็นเรื่องขำขันแทน
“อ๋อ กินทิ้งกินขว้างนะเหรอ ไม่หรอก คนนี้นะกินเรียบต่างหาก” คราวนี้กลายเป็นเสียงฮาลั่นห้อง ชางมินเห็นได้จังหวะก็ดันหลังจุนซูที่ไม่ขำกับมุขที่เขาคิดขึ้น เพราะกำลังโกรธจนตัวสั่นออกไปนอกห้องด้วยความเร็ว
“ชางมิน ฉันไปสร้างความแค้นอะไรให้มันอ่ะ ถึงด่าฉันเอาด่าฉันเอาแบบนี้” จุนซูที่ไม่เข้าใจว่าทำไมไอ้เด็กเจ้าระเบียบนั่นจะต้องจ้องล้างผลาญเขาด้วย
“ผมก็สงสัยเหมือนกัน ปกติมันไม่ใช่คนอย่างนี้นะ ว่าแต่พี่แน่ใจนะว่าไม่รู้จักกันนะ”
“แน่นอนอยู่แล้วฉันจะไปรู้จักคนกวนประสาทแบบไอ้เด็กนั่นได้ยังไง” ชางมินครุ่นคิด ถึงคำพูดเพื่อนเมื่อเช้าบวกกับอาการแปลกๆ ที่ยูชอนมีต่อจุนซูก็ออกจะสงสัยไม่ได้ว่า พี่ชายตัวเล็กนี้ไปสร้างความโกรธแค้นอะไรได้ นิสัยก็ออกจะน่ารัก ห่ามบ้างบางที แต่ไม่ค่อยเป็นเรื่องร้ายแรง ถ้าเรื่องชกต่อยก็ไม่เคยเริ่มก่อน แล้วเรื่องอะไรว่ะ ระหว่างคิดเพลินๆ คำพูดของพี่ชายก็ทำให้เขาปวดหัวอีกรอบ
“พี่เกลียดมัน อย่าได้เข้าใกล้เชียว มีต่อยกันแน่ นาย ชางมินเตือนเพื่อนด้วยว่า พี่ไม่ใช่คนที่จะมาทำอย่างนี้ได้ เข้าใจไหม” ไม่พูดเปล่าตอนนี้มือทั้งสองรอบปกคอเสื้อของร่างที่โย่งกว่าตัวเองลงมากระซิบข้างหูด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“คร๊าบ พี่อดทนหน่อยน้า สามเดือนเอง” จุนซูปล่อยมือออกกลับมากอดไว้บนอก
“ว่าแต่ ถามจริงพี่ไปฟันใครแล้วทิ้งมาเหรอ” ชางมินส่งสายตาก่อกวนมายังจุนซู จนเจ้าตัวเล็กอดออกอาการว๊ากไม่ได้ จนวิ่งไล่เตะน้องชายตัวป่วนที่ทิ้งไว้แต่เสียงหัวเราะสะใจ
“ช๊างมิน อย่าอยู่เลยแก”
.
.
.
.
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ชมรมดนตรีก็มีสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะปากต่อปากถึงคุณสมบัติของอาจารย์ที่ปรึกษา
“ครูสอนดีมากเลยว่ะ ฉันรักดนตรีขึ้นเป็นกองเลย”
“มือนิ้ม นิ่ม เวลามาจับตอนสอนเปียโนเนี่ยฉันเคลิ้มเลยว่ะ”
“ครูอารมณ์ดีมากเลย ทำห้ไม่ใช่เรื่องกดดันอีก”
เสียงลือเสียงเล่าอ้าง ที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ บางคำจุนซูก็น้อมรับ บางกระแสเขาก็ไม่เห็นด้วย เช่นว่า เขาน่ารัก อย่างนู้น อย่างนี้ หรือกระทั่งเหล่าเด็กผู้ชายที่เข้ามาแบบมีปารถนาอื่นแอบแฝง เช่นพยายามจับมือเขาบ้างล่ะ แตะนู่นนิด นู่น หน่อย เขาไม่ใช่ผู้หญิงนะ
ตอนนี้แจจุงกับจุนซูออกมาทานอาหารกลางวันที่สวนหน้าโรงเรียนใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่ พร้อมกับดูการเล่นของเด็กๆในสนาม ไปด้วย
“แจจุง นี่ฉันเหมือนผู้หญิงนักเหรอ”
พรวด น้ำชาที่เจ้าตัวบรรจงชิมลิ้มรสได้ไหลไปอยู่บนหน้าในสนามอย่างช่วยไม่ได้
“แค่ก แค่ก นี่นายจะฆ่าเพื่อนเหรอเนี่ย มีใครพูดอะไรอีกล่ะคราวนี้”
“ก็ เด็กผู้ชายในชมรมนะสิ ฉันไม่ชอบเลย เขาพยายามโดนตัวฉันตลอดเลย ฉันกลัวอ่ะ กลัว...”
“นายเนี่ยนะกลัว ฮะ ฮะ”
“กลัวต่อยเด็กนะดิ โอ๊ย! ฉันโคตรเกลียดเลยเวลามีใครทำเหมือนฉันเป็นผู้หญิงอย่างเนี้ยะ” ว่าแล้วร่างเล็กก็ล้มตัวลงนอนบนพื้นหญ้าอย่างไม่กลัวเปื้อน ก่อนจะปิดตาลงเพื่อข่มอารมณ์หงุดหงิดของตัวเอง ปากก็บ่นกระปอดกระแปด เรียกรอยยิ้มจากเพื่อนรักที่เห็นท่าทางนี้ไม่ได้ แจจุงล้มตัวลงข้างเพื่อนก่อนจะได้แค่ ยกมือขึ้นลูบผมนิ่มสั้นสีน้ำตาลแดงที่เจ้าตัวตั้งใจตัดให้สั้นกว่าสองเดือนที่แล้วมาก เหมือนเพื่อเตือนอะไรบางอย่างให้กับตัวเอง อย่างแผ่วเบา
“ฉันเห็น นายอารมณ์นี่ยังดีกว่าเมื่อสองเดือนก่อนนะจุนซู อย่างน้อยนายก็กลับมามีรอยยิ้มเหมือนเดิมแล้ว ฉันคิดถูกจริงๆที่ชวนนายมาที่นี่”
จุนซูนอนตะแคงข้างจ้องมองหน้าสวยของแจจุงอย่างขอโทษ
“อืม ฉันไม่เป็นไรแล้ว ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ”
แจจุงจับมือเพื่อนรักขึ้นมาวางไว้บนอกตัวเองก่อนจะหลับตาลงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น