“พี่ยุนโฮเร็วครับเดี๋ยวเราไปไม่ทันหรอก” เสียงรุ่นน้องที่เหลือเพียงคนเดียวของผมตะโกนเรียกมาจากด้านล่าง ผมขยับตัวออกจากเตียงอย่างเกียจคร้าน เหมือนเคยตื่นแต่เช้าไปทำงาน งานที่เหมือนเดิม แต่ทำไมหัวใจผมกลับไม่รู้สึกว่ามันสนุกเหมือนเดิมนะ ชื่อเสียงที่ยังคงอยู่ ชื่อเสียงที่สร้างมาพร้อมๆกับเพื่อนและน้องพวกนั้น
“เฮ้อ!” อา เผลอถอนหายใจแต่เช้าอีกแล้ว ผมยกมือขึ้นมาตบไปเบาๆที่หน้าเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับ กลับสู่โลกความจริงที่เหลือเพียงสองคนในวงที่ชื่อว่า ดงบังชินกิ ไม่รู้เมื่อไหร่ที่รู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นๆมาจับที่บ่าของผม เมื่อหันไปก็เจอกับน้องชายที่จ้องมองหน้าผมราวกับอ่านความคิดทั้งหมดของผมได้
“ชางมิน” ผมได้แต่เรียกชื่อเขาเบาๆ มือนั้นออกแรงบีบขึ้นอีกเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มด้วยใบหน้าที่นับวันยิ่งดูหล่อเหลามากขึ้น
“ไปอาบน้ำเถอะครับ เรายังมีสิ่งที่ต้องทำอยู่นะ” ว่าจบเจ้าน้องชายที่ใครๆก็มองว่าเข้มแข็งก็เดินออกไป ผมเห็นไหล่ของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ผมได้แต่หวังว่าเขา คงไม่ได้ร้องไห้นะ เพราะผมไม่อยากเห็นใครร้องไห้อีกแล้ว แม้แต่ตัวผมเอง ถ้าการกระทำของผมทำให้เขาเสียใจล่ะก็ พี่ขอโทษชางมิน พี่จะเข้มแข็งให้มากกว่านี้
.
.
.
เคร้ง! เสียงของบางอย่างตกลงเบื้องล่างระหว่างที่ผมกำลังรีบ ตัวผมคงไปโดนบางอย่างตก ผมก้มมองตามเสียง และค่อยๆเก็บ กรอบรูปโลหะสีเงินสะท้อนที่ผมจำได้แม่นว่าใครเป็นคนซื้อขึ้นมามองรูปที่อยู่ด้านในทำให้หัวใจผมเต้นล้าเป็นหนที่สองของวันนี้ ภาพเราทั้งห้าคนยืนกอดกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ภาพที่พวกเรายังคงยิ้มแย้มให้กัน ภาพที่ยังคงติดอยู่ในใจของผมไม่ว่าจะลืมตาหรือหลับตา ภาพที่ผมตั้งใจคว่ำเอาไว้บนโต๊ะ แต่ไม่เก็บเข้าลิ้นชัก
“แจจุงฉันว่ากรอบรูปสีนี้มันแหม่งๆอ่ะ” ใบหน้าที่หวานกว่าผู้หญิงหันมายู่ปากใส่ พร้อมกับเสียงกระเง้ากระงอดที่น้อยคนจะได้เห็น
“ยุนโฮ ฉันซื้ออะไรก็ต้องเห็นว่ามันดีแล้วสิถึงซื้อ รับไว้เหอะน้า”
ผมรับเอาของขวัญแปลกๆจากเพื่อนรักไว้ด้วยหน้าที่ครุ่นคิด พร้อมคิดในใจว่า เอ่อ ของผมมันต้องสีดำหรือน้ำเงิน หรือเป็นกรอบไม้เรียบๆจะเข้ากันกว่าหรือเปล่า ระหว่างที่ผมครุ่นคิด มือนิ่มๆของรุ่นน้องที่ผมรักมากอีกคนก็มากอดไว้อย่างออดอ้อน ผมไม่วายต้องเสียวสันหลังเฮือกกับสายตาของอีกคนที่มองตามมา ใครจะรู้ครับว่าสายตาที่ใครๆต่างก็มองว่าหวานเชื่อม กรุ้มกริ่ม จะดูน่ากลัวทุกที ที่เจ้าตัวเล็ก จุนซูมีท่าทีสนิทกับคนอื่นมากกว่า คนขี้หวง
“สุขสันต์วันเกิดครับ นี่ของผมกับยูชอน” กล่องของขวัญสีดำผูกโบว์สีเงินถูกยัดไว้ในมือ แถมรอยยิ้มน่ารักๆที่ใครๆก็หลงกันไปทั่วเมือง
“ขอบใจจุนซู” ผมเอื้อมมือไปลูบผมนิ่มอย่างเอ็นดู แต่แล้วร่างของน้องรักก็โดนดึงออกจากใครอีกคน ที่เอาแต่นิ่งไปตั้งแต่เมื่อครู่
“ของนั้นผมก็ซื้อนะ ฮยองไม่ขอบใจผมมั้งเหรอ” ยูชอนพูดแบบงอนๆ หากแต่มือกับกอดเอวของจุนซูไว้ไม่ปล่อยทั้งๆที่อีกคนทำท่าฮึดฮัดจะไปกินขนมกับชางมินที่เตรียมโต๊ะอยู่ให้ได้
“เอ่อ ขอบใจ”
“อ่ะ กรอบรูปสวยจัง” สายตาแหลมคมของรุ่นน้องกวาดมองไปยังของที่อยู่บนโต๊ะ
“อืม แจจุงให้นะ”
“แล้วฮยองจะเอารูปอะไรใส่ ผมว่าอันนี้ดีกว่านะ” ว่าแล้วเจ้าน้องชายจอมจัดแจงก็หยิบเอารูปภาพที่เราไปถ่ายวีดีโอกันที่ไซปัน มาใส่ให้ พร้อมกับยิ้มกริ่มด้วยความชอบใจ เขาลูบภาพในกรอบแล้วบรรจงวางมันไว้บนโต๊ะ
“ผมชอบรูปนี้มากและคงรู้สึกดีที่มันได้อยู่กับพี่ชายที่ดูแลพวกเราดีมาตลอด ความทรงจำที่มีความสุขของเรา อยู่ที่พี่นะครับ”
“เอ้าทำอะไรกันอยู่ มากินกันได้แล้ว” แจจุงตะโกนออกมาจากครัว ซึ่งตอนนี้จุนซูและชางมินเริ่มเปิดศึกชิงอาหารกันเรียบร้อยแล้ว
“ครับไปแล้ว”
.
.
.
นั่นสิ ความทรงจำที่มีความสุขยังคงอยู่กับผมเสมอมา ความสุขที่บางทีทำเอาหัวใจของผมเจ็บ จนอยากที่จะย้อนเวลากลับไปวันนั้น พวกเรายังคงมีเสียงหัวเราะ และรอยยิ้มให้กัน วันที่ยังมีเสียงโหวกเหวก ให้หนวกหูเหมือนเคย ผมพึ่งรู้ว่าตัวเองชอบความวุ่นวายมากกว่าความเงียบมากนัก
ที่ผมคว่ำรูปใบนั้นไว้ไม่ใช่ว่าผมเกลียดพวกเขา หรือโกรธ แต่ ผมแค่อิจฉา ที่พวกเขากล้าที่จะก้าวออกไปเผชิญโลกกว้างอย่างที่ตัวเองต้องการ อิจฉา จนไม่กล้าแม้แต่จะโทรไปหาสักครั้ง
.
.
.
วันนี้ผมต้องขึ้นคอนเสริตแล้วต้องร้องเพลงบอลลูน กับน้องๆ ชายนี่ บอกตามตรง ผมไม่อยากเลย เพราะมันเป็นเพลงของพวกเราห้าคน เพลงของเรา
ทุกๆท่อน ทุกๆท่วงทำนองผมจำได้หมด เพลงแห่งความสนุกสนาน เพลงแห่งความฝัน ที่ทุกคนไล่ตาม ผมร้องท่อนของผม แล้วพอเป็นท่อนของแจจุง กลับเป็นคนอื่นที่ร้องแทน ไม่ต่างอะไรกับท่อนของจุนซู และยูชอน เสียงเพลง ที่มันไม่ใช่ของเราอีกต่อไป เพลงที่เคยเป็นของเรา แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ไม่ว่าจะร้องยังไงมันก็ยังคงไม่ใช่ แค่คิดผมก็แทบจะกลั้นน้ำตาของตัวเองไม่ไหว คิดแต่เพียงว่าทำไม เพลงนี้มันช่างยาวนานนัก ไม่จบเสียที ผมเหลือบไปเห็นชางมินที่ยังคงร้องอย่างร่าเริง ก็แสนละอายใจ ผมอ่อนแออีกแล้ว
แน่นอนว่าท่าทางของผมไม่พ้นสายตาของแฟนคลับที่คอยตามสนับสนุนพวกเราต่อ ภาพที่ผมเกือบร้องไห้ปรากฏไปทั่วเนต และเป็นสาเหตุให้ผมกลั้นน้ำตาตัวเองไม่ไหว ผมเปิดดูคลิปของแฟนคลับคนหนึ่งที่ทำเพลงบอลลูน ให้ท่อนที่ใครควรร้องก็คือคนนั้น ภาพเดิมๆที่ผมร้องเพลงนี้ด้วยความสนุกสนาน พร้อมๆกับเด็กพวกนั้น รอยยิ้มจริงๆที่ผมเคยมีเสมอเวลาที่ร้องเพลง มันไม่มีอีกแล้ว น้ำตาของลูกผู้ชายที่ผมสาบานแล้วว่าจะไม่ให้มันไหลออกมาอีกเอ่อเต็มสองแก้มกร้าน โดยผมก็ไม่คิดจะเช็ดมันออกแม้แต่นิด แค่วันนี้ได้ไหมผมขอร้องไห้อีกครั้งแค่วันนี้เท่านั้น ผมแค่อยากลดความทรมานของผมลงบ้างแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดี
“อึก ๆ” มีเพลงเสียงสะอื้นที่ตัวเองกลั้นไว้ ผมไม่อยากให้ชางมินได้ยิน และต้องเศร้าใจไปอีกคน
“คิดถึง ฉันคิดถึงพวกนายชะมัดเลย”
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น