ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ..IZee merris..

    ลำดับตอนที่ #5 : คำสอนข้อที่ 4 ผู้สืบทอดเจตนารมณ์แห่งแสงคือผู้ขัดเกลาจิตใจของผู้คน

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 54


     คำสอนข้อที่ 4 ผู้สืบทอดเจตนารมณ์แห่งแสงคือผู้ขัดเกลาจิตใจของผู้คน

     
                    ยกตัวอย่างหม่ามี้ของเจ้าก็ได้ เพราะตำแหน่งนี้แหละข้าถึงคว้านางมาได้(กระซิบ)

                    ‘อ้าว! ข้าก็นึกว่าท่าน ใช้ศาสตร์มืดแขนงไหนมาทำเสน่ห์ใส่หม่ามี้ซะอีก

                    ‘ข้าเป็นผู้สืบทอดเจตนารมณ์แห่งแสงใช้ศาสตร์มืดไม่เป็นโว้ยย!...แต่ถ้าให้ย้อนเวลาไปได้ข้าก็จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับนางซะจะดีกว่า(กระซิบ)

                    ‘ทำไมล่ะขอรับ หม่ามี้สวยออกจะตาย

                    ‘สวยก็สวยอยู่หรอก...แต่น่ากลัวเป็นบ้า!’ (ลืมกระซิบ)

                    อุย~! ท่านอาจารย์ ข้าขอตัวก่อนล่ะขอรับ!’

                    ผ่างงง~!!

                    โอ้ยแม่จ๋า!! พ่อเจ็บ! อย่าทำพ่อเลย! พ่อสำนึกผิดแล้ว จะไม่นินทาแม่อีกแล้วจ้า~!! โอ้ย!!’

                 

                จักรพรรดิมืด ชื่อที่ไม่ว่าจะเด็กเล็กอายุ 2 ขวบ ยันเด็กใหญ่อายุ 60 อัพ ไม่ว่าจะมนุษย์หรือไม่ใช่มนุษย์ เมื่อได้ยินก็ต้องรีบมุดเข้าใต้โต๊ะอย่างหวาดผวา ด้วยเหตุที่ว่าเจ้าของชื่อนี้ขึ้นชื่อเรื่องความน่ากลัวชนิดถ้ามองหน้า...หัวก็จะหลุดออกจากบ่า ถ้าไม่ถูกชะตา...หัวก็จะปลิวหายไปตามสายลม ซึ่งถ้าพูดถึงความอำมหิต คงไม่มีใครกล้ามองข้ามชื่อนี้ไปเป็นแน่

                    ชื่อนี้มีปรากฏไปทั่วทุกสารทิศ ไม่ว่าจะเป็นแบบเรียนเด็กประถม นิทานบ้านสุขสันต์ นิยายสยองขวัญเขย่าประสาท ตำนานโบราณ นิทานท้องถิ่น นิตยาสารรายสัปดาห์ บลาๆๆๆ...

                    ซึ่ง ณ ตอนนี้ข้าก็กำลังเล่นจ้องตากับนายแบบนิตยาสารชื่อดังคนนั้นอยู่เสียด้วย

                   

                    “ยินดีที่ได้รู้จักในร่างจริงนะไอซี รอยยิ้มแสยะชวนสยองเผยให้เห็นแบบเต็มๆ ตา ทำให้คนขวัญอ่อนอย่างข้าเขยิบถอยโดยไม่รู้ตัว

                    พวกเจ้าต้องการอะไรจากข้า รอยยิ้มเป็นมิตรสุดๆ แต่ยังข่มเสียงไม่ให้สั่นได้ไม่เนียนนัก

                    ข้าควรจะทำยังไงดี ระหว่างหวาดกลัวในเกียรติศักดิ์อันแสนน่ากลัวที่เล่าต่อกันมา กับหัวเราะในพฤติกรรมของตัวจริงที่กำลังจัดดอกไม้ในแจกัน

                    ข้าไม่ได้ต้องการอะไรจากเจ้าหรอก แต่อาจารย์ของเจ้าฝากให้ข้าทดสอบเจ้าปากพูดแต่มือทั้งสองยังวุ่นวายอยู่กับการจัดดอกไม้

                    ทดสอบ?

                    ทดสอบเป็นหนึ่งในเทพแห่งการควบคุมที่ขึ้นตรงต่อองค์มหาเทพ ข้าพูดให้เจ้าฟังไปแล้วไม่ใช่หรือ เจ้าภูติน้อย อืม...ขอดอกกุหลาบสีชมพูสองดอก

                    ประโยคหลังเขาพูดกับข้ารึเปล่านะ?

                    หยิบให้หน่อยสิ อยู่บนหัวเตียงของเจ้า ข้าหยิบไม่ถึง เด็กชายชี้ไปที่แจกันอีกใบบนหัวเตียงของข้า

                    ข้าเลยเอื้อมไปหยิบแล้วส่งให้เขาอย่างงงๆ

                    ข้าว่าจักรพรรดิมืดกับการจัดดอกไม้มันไม่เข้ากันเท่าไหร่นะเจ้าว่าไหมล่ะ! ถึงจะเตี้ย...หมายถึงตัวเล็ก ตัวเล็กกว่าข้า หน้าตาสู้ข้าไม่ได้ แต่งตัวเหมือนเด็กหนีออกจากบ้าน เรื่องความสยองก็ยังพอได้อยู่...แต่มันก็ไม่เข้ากันสักนิด!

                    ข้าพยายามตัดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองทิ้ง การทดสอบเป็นเทพเนี่ยนะ ใครเป็นคนคิดกัน! ข้าคิดว่าเทพอาจเป็นเผ่าพันธุ์หรืออะไรสักอย่างที่สูญพันธุ์ไปแล้วด้วยซ้ำ ถึงไม่มีคนเคยเห็นเคยรู้จัก!” ตอนนี้หน้าข้าคงเหลอหลาน่าดูทีเดียวในเมื่อเวลเดย์ถึงกับหยุดจัดดอกไม้ในแจกันนั่นแล้วหันมาขำข้าแทน

                    อัชลานไม่ได้สอนอะไรที่มันถูกต้องกับเจ้าเลยจริงๆ ด้วย สายตาเขาดูเวทนาชอบกล น่าเสียดาย แต่อัชลานก็เป็นเด็กที่เก่งทีเดียว เรื่องวิชาความรู้น่าจะพอไหว

                    เด็ก...อืม...ข้าว่าคำนี้ไม่ค่อยเหมาะกับท่านอาจารย์เท่าไหร่

                    เจ้าอายุเท่าไหร่กัน เวลเดย์

                    อืม...จำไม่ได้แล้วล่ะ เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก ข้าอยู่มานานแล้ว...ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มของเผ่าเงาน่าจะได้

                    เฮือก!

                    เท่าที่ข้ารู้เผ่าเงาสูญพันธุ์ไปแล้วไม่ต่ำกว่าแสนปี!

                    ขะ...ข้าไม่ถามต่อแล้วล่ะ เชิญเจ้าพูดต่อเถอะ ข้าพยายามทำใจในเมื่อเด็กตรงหน้าข้าไม่ค่อยมีอะไรปกติตั้งแต่แรกเห็นแล้ว ข้าว่าข้าลืมไอ้ที่รู้ไปจะดีกว่า...

                    ข้าอยู่ในนามจักรพรรดิมืดสำหรับพวกอมนุษย์อย่างพวกเราก็จริง แต่ถ้าเป็นพวกมนุษย์พวกเขารู้จักข้าในนามเทพแห่งความมืด ซึ่งเป็นหนึ่งในเทพแห่งการควบคุมทั้ง 7 ที่ขึ้นตรงต่อองค์มหาเทพยังไงล่ะ หาว~” เขาพูดเนิบๆ ก่อนจะเอามือมาป้องปากแล้วหาววอดใหญ่

                    “แล้วผู้สืบทอดเจตนารมณ์แห่งแสงคืออะไร

                    ท่านอาจารย์เป็นผู้สืบทอดเจตนารมณ์แห่งแสงรุ่นที่ 21 ส่วนข้านั้นเป็นรุ่นที่ 22 ข้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้ตำแหน่งนี่มีไว้เพื่อทำอะไรกันแน่

                    ถ้าจะให้พูดง่ายๆ พวกเขาก็คือผู้ที่มีสิทธิรับการทดสอบเป็นจักรพรรดิแห่งแสงยังไงล่ะ 21 คนที่ผ่านมาไม่มีใครสอบผ่านสักกะคน เวลเดย์ทำสีหน้าหน่ายๆ เหมือนอยากจะบอกว่า ขอให้เจ้าผ่านเถอะข้าขี้เกียจพูดอะไรซ้ำซากบ่อยๆ

                     21 คนที่ผ่านมาไม่มีใครผ่านเนี่ยนะ! แล้วข้าจะผ่านได้ยังไง ไม่ต้องทดสอบก็เห็นๆ กันอยู่แล้ว!” มือทั้งสองขยี้ผมตัวเองอย่างหัวเสียเป็นที่สุดเมื่อนึกถึงระดับความยากของบททดสอบที่ว่า

                    อย่าพึ่งกังวลไป อัชลานอาจารย์ของเจ้าเกือบผ่านเชียวนะ ดาเกอร์แทรกบทสนทนาเหมือนจะพยายามบอกว่า เฮ่ ข้ายังนั่งอยู่ตรงนี้นะอะไรแบบนี้

                    แล้วเจ้ารู้ได้ไง คิ้วขมวดเป็นปมเมื่อหัวข้อสนทนามันช่างวุ่นวายวนเวียนวกวน น่าปวดหัวอย่างเหลือแสน

                    ชายหนุ่มจากคณะตัวตลกแย้มรอยยิ้ม ยืนขึ้นก่อนจะโค้งทำมุม 90 องศาขนานกับพื้นโลก ข้ามีนามว่าดาเกอร์ เมทัล เผ่าพันธุ์ต้นกำเนิดคือมนุษย์ อาชีพหลักคือการตะลอนไปตามคณะละครสัตว์ต่างๆ เพื่อแสดงโชว์ ขึ้นรับตำแหน่งเป็น 1 ใน 7 เทพแห่งการควบคุมผู้ขึ้นตรงต่อองค์มหาเทพตอนอายุ 25 ปี บริบูรณ์แป๊ะๆ ดำรงตำแหน่งมาเป็นเวลา 52 ปี อายุตอนนี้ก็ 25 ปีบริบูรณ์แป๊ะๆ อยู่เช่นเดิม

                    ตาลุงขี้ตู่เอ้ย! แก่ปูนนี้ยังบอกว่าตัวเองอายุ 25 อยู่อีกหรอเนี่ย!”

                    คิ้วกระตุกกึกก่อนที่จะทิ้งมาดดูดีไปเสียสิ้น ใครเป็นลุงเจ้ากัน! ไอ้แก่หน้าเด็ก! อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเจ้าน่ะอายุจริงๆ อายุเท่าไหร่! เจ้าเด็กสตอ!” มือทั้งสองคว้าคอเสื้อคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงจนตัวลอย

                    ใครแก่กันโว้ยยย!!” คนป่วยโวยวาย พยายามแกะโครงกระดูกที่คอเสื้อออก

                    เจ้าไง! ไอ้แก่หน้าเด็ก! ตัวก็เตี้ยหม้อต้อ! สตอได้อย่างหน้าด้านๆ!”

                     แฮ่ม!!

                    เสียงกระแอมไอเรียกให้ศึกขนาดย่อมหยุดชะงัด สายตาทั้งสองคู่เบนไปทางร่างเล็ก

                    อืม...ไอ้แก่หน้าเด็ก ตัวเตี้ยหม้อต้อ สตอได้อย่างหน้าตาย

                    คุ้นๆ เนอะ...

                    “... เชลยคนที่หนึ่งรูดซิบปากก่อนจะปล่อยมือทั้งสองออกอย่างรวดเร็ว

                    ... เชลยคนที่สองก็กริบไม่แพ้กัน พอก้นถึงเตียงก็รีบคว้าผ้าห่มมาคลุมโปงจนไม่เหลือให้เห็นแม้แต่ผมสักเส้น

                    ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คนพูด แต่ก็เป็นจำเลยในเหตุการณ์

                    ข้าลอบกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอโดยไร้เสียง ถึงแม้ว่าข้าจะไม่เคยเห็นภัยอันตรายใดๆ จาก...ไอ้แก่หน้าเด็ก คนนี้ แต่ข้าก็ไม่อยากจะลองประสบกับภัยนั้นกับตัวนัก

                    อืม...ว่าแต่ อัชลานจะรอดมาถึงที่นี่รึเปล่านะเวลเดย์เอ่ยเบาๆ

                    นั่นสิ...ข้อนี้ข้าก็ไม่แน่ใจนัก

                   

                    รองเท้าส้นสูงก้าวไปตามทางเดินของห้องโถงกว้าง เกิดเสียงเป็นจังหวะจนทำให้สายตาหลายต่อหลายคู่หันไปมองต้นกำเนิดเสียง เพราะที่นี่ไม่บ่อยนักที่จะได้ยินเสียงของรองเท้าส้นสูงที่เป็นรองเท้าสำหรับสุภาพสตรีจากแขกที่มาใช้บริการ

                    สถานที่เริงรมย์สำหรับคุณผู้ชายผู้เปล่าเปลี่ยวหัวใจ รวบรวมสิ่งผ่อนคลายชวนให้หายเหนื่อยล้า สถานที่ที่ถูกขนานนามว่า อาบอบนวด(!?)

                    สาวหุ่นสวยแต่งตัวเผยนู่นนิดนี่หน่อยแต่ดูมีระดับ ผมสีฟ้าครามสยายพลิ้วไปตามจังหวะการก้าวเดิน หน้าตาสละสลวยชวนเก็บไปฝันถึง ริมฝีปากสีแดงสดน่าลิ้มลอง กับดวงตาสีแดงเพลิงที่เข้ากัน สาวสวยขนาดฟ้าประทาน แต่ท่านผู้ชายทั้งหลายเมื่อสบตากลับต้องหันหนี!

                    ทำไมนะ! สาวสวยมาอยู่ตรงหน้าแล้วทั้งที แต่ใยแล้วต้องหันหน้าหนีกันเสียหมด! เสียชาติชายชาตรีกันพอดี!

                    นั่นคือเรื่องปกติ ซึ่งนี่ก็ไม่มีข้อยกเว้น...สบกับดวงตาสีเพลิงเพียงเสียววินาทีก็อยากจะวิ่งเข้าไปกอดร่างบางที่อวบอิ่มนั่นสักทีให้ชื่นใจ แต่สบตาอย่างเดียวไม่พอกลับต้องสบกับเคียวขนาดมหึมาที่หล่อนแบกติดมาด้วยทำให้ต้องหันหนีแบบฉับพลัน

                    ไม่ทราบว่า...พอจะบอกได้ไหมว่าแขกที่ชื่ออัชลานอยู่ห้องไหนคะ เสียงหวานปานน้ำผึ้งหลุดออกจากปากสาวเนตรสีเพลิง

                    พนักงานสาวที่เคาเตอร์อ้ำอึ้ง เพราะปกติแล้วการที่มีผู้หญิงเข้ามาถึงที่นี่ก็คือเหล่าภริเมียของแขก ซึ่งการบอกว่าแขกใช้บริการอยู่ที่ห้องไหนนั้นเป็นข้อห้ามของพนักงานต้อนรับอย่างเธอ

                    เมื่อเห็นอีกฝ่ายอ้ำอึ้งอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่แล้วก็ยิ่งทวี เพราะการที่เธอมาที่นี่ก็เพื่อจะจัดการกับสามีตัวแสบที่แวบมาขลุกอยู่ในสถานที่แบบนี้

                    เสียงหวานถูกกดต่ำ อัชลานอยู่ห้องไหน!” เคียวยักษ์ถูกฟาดลงไปยังโต๊ะรับแขกที่อยู่ด้านข้างเคาเตอร์อย่างไม่ปราณีจนแหลกกระจาย ก่อนจะลุกไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านภายในทันที

                    1313 ค่ะ!! คุณอัชลานอยู่ห้อง 1313  ค่ะ!” เสียงที่ตอบกลับมาแทบจะกลืนหายไปกับอากาศ ตัวสั่นงกยิ่งกว่าร่างทรง

                    ถึงแม้จะไล่ออกเธอก็จะไม่เสียดายที่ยอมตอบไปในเมื่อเธอยังเสียดายชีวิตอันน้อยนิดของตัวเอง

                    ขอบคุณค่ะ เสียงใสเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้ม สะบัดมือคราหนึ่งโต๊ะที่พึ่งจะพังไปต่อหน้าต่อตาก็กลับมาสวยงามเหมือนเดิม หันหลังก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ประตูลิฟต์ เห็นแก่ที่ช่วยบอก...เตรียมไปหางานที่อื่นทำไว้ได้เลยนะคะหันกลับมายิ้มให้ก่อนจะหันกลับไปเดินต่อ

                    ติ๊ง...

                    เสียงดังขึ้นก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออก ประตูห้องมากมายเรียงรายอยู่ตามทางเดิน

                    สาวเท้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอเลขที่ต้องการ 1313

                    ก๊อกๆ

                   

                    ก๊อกๆ

                    หือ? ใครกันนะ

                    พี่คะอย่าสนใจเลยน่า มามะเหมาๆ นวดให้หนึ่งในบรรดาหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยดึงแขนชายหนุ่มที่กำลังจะลุกขึ้นไปเปิดประตูด้วยสภาพรุ่งริ่ง (?)

                    ซึบ! โครม!

                    ประตูที่หวังว่าจะไปเปิดคงไม่ต้องเปิดอีกแล้ว...ในเมื่อประตูไม้บานใหญ่พังทลายลงมาก่อนจะไหม้เป็นจุนจนไม่เหลือสภาพเดิม

                    หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้มีความสุขดีไหมล่ะ...คุณสามีที่รัก

                    เสียงหวานจ๋อยแต่กลับทำให้คนในห้องถึงกับหน้าถอดสี

                    แม่จ๋า!!”

                    มีอะไรจะแก้ตัวไหมล่ะ อัชลาน คาซาล เคียวอันยักษ์หวดเข้ากลางเตียงสีขาวสะอาดอย่างไม่ปราณีส่งผลให้มันพังลงมาอย่างไม่เหลือซาก

                    แม่จ๋าเดี๋ยวก่อน! ฟังพ่อก่อนสิจ๊ะ เหวอ~!!” กระโดดหลบรัศมีการฟาดฟันอีกครา ก่อนจะกลิ้งลงกับพื้น

                    ซึบ!

                    เคียวอันใหญ่ที่ไม่ได้น่ากลัวแต่ขนาด ถูกปักลงบนพื้นระหว่างขาของเป้าหมาย

                    รอยยิ้มเย็นเผยอขึ้น ทิ้งลูกให้เดินทางคนเดียวอย่างยากลำบาก แต่ตัวเองมาขลุกอยู่ที่นี่พูดพลางเอามือดันอาวุธคู่กายให้ถลำลึก นิสัยอย่างนี้! วิธีให้เลิกมีแต่ต้องตัดมันทิ้งใช่ไหม หา!!!”

                    ไม่จ้ะแม่ๆ ไม่อ้าวไม่เอา! แม่ใจเย็นๆ ก่อนเถอะนะ โอ้ว! แม่ใจเย้นนน!!” เหงื่อกาฬแตกพลั่กสองมือได้แต่ยันคมมีดให้อยู่ไกลตัวที่สุด

                    ใจเย็นงั้นรึ...ก็ได้ๆ

                    แม่อภัยโทษให้พ่อแล้วใช่ไหมน้ำตาปริ่มดวงตาทั้งสองข้าง เมื่อเห็นแววรอดเงื้อมือยมทูตสาว

                    หึ...ตายซะเถอะไอ้แก่!!”

     

                    “แม่ก็ไม่น่าจะทำแบบนั้น ที่นั้นมีคนต้องใช้หาเลี้ยงชีพตัวเองอยู่ตั้งเยอะ แม่ไม่สงสารพวกมนุษย์พวกนั้นบ้างหรอ น้ำเสียงออดอ้อนอย่างเต็มที่ ตาทั้งคู่มองไปยังกองเพลิงขนาดมหึมาตรงหน้า แต่ก็ต้องเงียบกริบเมื่อถูกถลึงตาใส่

                    สถานที่ผิดต่อศีลธรรมการทำลายมันให้สิ้นซาก ถือเป็นจรรยาบันของตัวแทนมหาเทพอย่างฉัน มีอะไรจะคัดค้านอีกไหม!”

                    “...ผิดศีลธรรมอะไรกัน ของดีๆ ทั้งนั้น ชายหนุ่มพึมพำเสียงเบา แต่มีหรือจะรอดหู

                    ยังเจ็บไม่พอใช่ไหม!!” มือบิดหูอีกฝ่ายอย่างเต็มที่หวังให้หลาบจำ แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าถึงจะเผาสถานที่แบบนี้ไปจนหมดโลก ผู้ชายคนนี้ก็สามารถจะไปหาอีหนูในหลืบแถวไหนมาใหม่ก็ได้

                   

                    โห... ข้าอ้าปากค้างกับสภาพของบุคคลตรงหน้า

                    หลังจากที่เวลเดย์บ่นไม่นานนักเปลวเพลิงสีเขียวก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เมื่อหายไปก็พบกับหนึ่งหญิงสาวกับหนึ่งชายหนุ่ม...

                    หญิงสาวคนแรกไม่ใช่ใครที่ไหน นางก็คือเอลซ่า หม่ามี้สุดสวยของข้า

                    ส่วนอีกหนึ่งหนุ่มที่มาด้วยสภาพค่อนข้างจะย่ำแย่ขนาดหนักก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เขามีนามว่า อัชลาน คาซาลนั่นเอง

                    ท่านอาจารย์มาด้วยสภาพค่อนข้าง...รุ่งริ่งอย่างหนัก เสื้อผ้าหลุดลุ่ยไม่เป็นชิ้นเป็นอัน หน้าตาที่ปกติมักจะประดับด้วยรอยยิ้มกวน (อะไรสักอย่าง) กลับมุ่ยจนกู่ไม่กลับคล้ายๆ กับเด็กที่พ่อแม่ไม่ยอมซื้อลูกอมให้ ดวงตาสีเงินมีแต่น้ำตาเอ่อคลอ เส้นผมสีเดียวกับดวงตาที่ปกติมักจะสยายยาวสวย กลับกระเซิงจนไม่เป็นทรงอีกทั้งยังสั้นจนระต้นคอ แถมตอนนี้เจ้าตัวก็เอาแต่ทำแก้มป่องไม่ยอมลุกขึ้นจากพื้น

                    ลุก เอลซ่ากระตุกคอเสื้ออัชลาน

                    หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...

                    จะลุกไหมอัชลาน...” เสียงถูกลากยาว รอยยิ้มเย็นเผยอขึ้นอีกครั้ง

                    ลุกก็ได้น้ำเสียงเหมือนงอนๆ

                    พอข้าเหลือบเห็นเส้นผมของท่านอาจารย์ข้าก็พอจะรู้แล้วว่าทำไมเขาถึงดูงอนหม่ามี้ขนาดนั้น เพราะส่วนที่ท่านอาจารย์หวงรองจากจุดสำคัญของตัวเองก็คือเส้นผมสีเงินยาวสุดแสนจะนุ่มนิ่มของเขา                

                    หึ...สมน้ำหน้า เอลซ่าพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

                    แม่ก็ทำเกินไป ทำไมแม่ต้องตัดผมเค้าด้วยอะ เสียงอู้อี้สั่นเครือ น้ำตาที่เอ่อคลออยู่ทะลักออกมาราวกับเด็กที่ลูกโป่งหลุดมือลอยหายไปบนฟากฟ้า

                    สมน้ำหน้า เชลยคนที่หนึ่งกล่าวขึ้นซึ่งเชลยคนที่สองและต้นคดีต่างพยักหน้าหงึกหงัก

                    ที่การลงมติพร้อมเพรียงทั้งสภาในครั้งนี้อาจเป็นไปได้สองข้อด้วยกันคือ หนึ่ง...ไม่อยากขัดหม่ามี้ หรือสอง...เพราะเหตุการณ์ในอดีตที่ผุดขึ้นก่อให้เกิดความสะใจส่วนตัว (?)

                    ซึ่งสภาลงมติแล้วว่าเหตุทั้งสองนี้เป็นเอกฉันท์!

                    “พวกตัวกลั่นแกล้งเก๊า!!!”

     

                    เหตุที่อัชลานไม่ผ่านการทดสอบที่จริงมีเหตุอยู่นิดเดียว เอลซ่านั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้โดยมีอัชลานนอนซบตัก

                    ภายในห้องมีเสียงสะอื้น ฮึกๆ ฮักๆ จากร่างเจ้าของผมทรงหนูแทะ (?) เป็นพักๆ

                    เขาพลั้งมือฆ่าปฐพีเทพไป

                    ฮึก!

                    คราวนี้ไม่ใช่เสียงสะอื้นน่ารันทดของท่านอาจารย์ แต่เป็นเสียงสะอึกของข้า

                    ไหนเจ้าบอกว่าเทพไม่แก่ไม่ตายไงล่ะ!” หน้าซีดเผือดหันไปมองจักรพรรดิมืดตัวจิ๋ว เลือดทั้งตัวเหมือกับไม่ยอมไหลขึ้นมาเลี้ยงสมองฉับพลัน

                    ดูมันจะไม่คุ้มเลยที่ต้องมาโดนฆ่าแบบนั้น...

                    เขาส่งยิ้มแปลกๆ ให้ข้า ระหว่างการทดสอบ เพื่อไม่ให้ยากจนเกินความสามารถของคน อืม...เหล่าผู้รับการทดสอบไป พวกเราจะต้องผลึกอำนาจเอาไว้ ทำให้การเป็นอมตะนั้น เป็นโมฆะ...กฎของพวกเราคือคือห้ามเบียดเบียนชีวิต ซึ่งการคร่าชีวิตของเทพปฐพีนั้นทำให้อัชลานหมดสิทธิรับตำแหน่ง

                    ข้ามองไปที่หม่ามี้ ท่านทำได้ไม่ใช่หรือ การชุบชีวิตน่ะ

                    นางส่ายหน้า เหล่าเทพนั้นล้วนยอมแลกของสำคัญเพื่อเข้ารับตำแหน่ง จากนั้นวิญญาณของพวกเราก็จะถูกจองจำ ซึ่งแม้แต่ข้าที่เป็นเทพีแห่งอัคคีไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวในส่วนนั้นได้นางมองข้าด้วยสายตาบอกว่ามันเกินความสามารถจนเกินไป

                    ยังไงก็มีโอกาสที่จะตาย ถึงแม้จะยื้อได้นานแค่ไหนก็ตาม...นี่สินะชีวิต

                    ข้าถอนหายใจ

                    ชีวิตนี่มันช่างยุ่งยากซะจริง...

                    งั้นเทพแห่งปฐพีก็ไม่มีน่ะสิ”                

                    “ใช่แล้ว...แต่เดี๋ยวก็หาเจอ อีกไม่นานหรอกเวลเดย์หัวเราะร่า

                    โถ...เวรกรรมแท้ พูดอย่างกับหาได้แถวๆ ตลาดนัดใกล้บ้านอย่างนั้นล่ะ

                    วิญญาณที่ถูกจองจำจะไปเกิดใหม่...เขาจะเกิดเป็นทายาทของเหล่าเทพองค์ใดองค์หนึ่ง เอลซ่าพูดด้วยสีหน้าครุ่นคิด ไม่ใช่ข้าแน่ๆ พูดด้วยเสียงกลั้วหัวเราพลางส่ายหน้าข้ามีลูกที่น่ารักอยู่แล้วทั้งคนนางยิ้มแป้นส่งให้ข้า

                    ว่าแต่...ที่นี่ที่ไหนกัน ข้ากวาดตามองรอบๆ ห้อง

                    คงไม่ใช่โรงพยาบาล เพราะถ้าใช่...คงโดนตะเพิดออกไปเป็นชาติแล้ว เสียงดังซะขนาด

                    ที่นี่หรอ...บ้านเกิดข้าเองล่ะ อยู่ระหว่างชายแดนของนครจันทร์เสี้ยวกับเมืองตุ๊กตาแก้ว ดาเกอร์ยกมือ

                    เมืองตุ๊กตาแก้ว!”

                    ข้ามองท่านอาจารย์ที่อยู่ดีๆ ก็ลุกพรึบขึ้นมาอย่างกับติดสปริง

                    ที่นี่คือสนามทดสอบแรก!” เขาตาโตเท่าไข่ห่าน

                    แต่ข้ากลับต้องตาโตเท่าไข่ก็อตซิล่า!

                    สนามสอบแรก!!
    ...............................................................................................................................................................................................
    อุวะฮ่ะฮ่า!!! ท่านอาจารย์โผล่มาดังตุ้บเลย! (สะใจ!)

    ประโยคข้างต้นนั้นไม่ใช่ของผมแต่เป็นของไอซีนะครับ เฮอๆ =3=

    ภาพไอซีจากฝีมือของไอ้หนอนเพื่อนกระผมขอรับ =w=)b


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×