ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่8
“กลับกันเถอะ”  ปาณรวัฐเป็นผู้ทำลายความเงียบขึ้นก่อน  ทั้งสองจึงเตรียมลุกขึ้น
“มืดขนาดนี้จะมองเห็นอะไร”  ปราลีบ่นพลางมองฝ่าความมืดออกไปด้วยท่าทางหวาดกลัว  แต่พยายามข่มเสียงไว้ไม่ให้สั่น
“เห็นสิ  จากตรงนี้ผมยังพอมองเห็นอะไรได้รางๆ”
“อย่าดีกว่านะ  เดี๋ยวหลงทาง”
“ไม่หรอกน่า  คนอื่นกำลังรอเราอยู่นะ  อย่าลืมสิว่าคืนนี้  มีงานเลี้ยง”
“แต่มันมืดมากเลย”
“มืดที่ไหนกัน  คุณดูสิ  ดวงดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด  เราอาศัยแสดงดาวช่วยนำทางได้  เชื่อผมสิ”  รอย
ยิ้มแห่งความเชื่อมั่นปรากฏบนใบหน้าเขา  พร้อมทั้งส่งผ่านความรู้สึกนี้มายังปราลีด้วย  แต่เธอก็ยังรู้สึกกลัว
“มาสิ  ตามมาเร็ว”  เขากล่าวซ้ำอีกครั้ง  เมื่อเห็นเธอยังยืนนิ่งอยู่  มือใหญ่แข็งแรงคว้ามือเรียวบางออก
เดินมุ่งหน้าไป  เขาจับมือเธอไว้แน่น  คอยประคับประคองเธอไม่ห่าง  ฝ่าฟันความเหน็บหนาวและมืดมิดแห่ง
รัตติกาล  เพียงเท่านี้  ดีกรีความเชื่อมั่นในหัวใจปราลีก็พุ่งขึ้นเกินร้อยแล้วล่ะ
   
กลับมาถึงที่พักเป็นเวลาดึกพอสมควร  คู่อื่นๆมาถึงกันเกือบครบแล้ว  ยกเว้นบางคู่ที่คงจะติดฝนอยู่เช่น
กัน  คนที่กลับมาถึงแล้ว  ก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  เพื่อจะมาร่วมงานเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ในคืนนี้  ชายหนุ่มผมสีน้ำตาล
อ่อน  คิ้วเข้มสีเดียวกัน  และดวงตาสีเขียวสดใส  ยืนรออยู่ข้างอาจารย์สมศรีอย่างกระวนกระวาย  ทันทีที่คู่ของปรา
ลีมาถึงบริเวณหน้าที่พัก  ชายหนุ่มคนนั้นก็วิ่งเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าร้อนใจ  รัวภาษาอังกฤษใส่ปราลีทันที
    “คุณชื่อปราลีใช่ไหมครับ”
เธอพยักหน้า  แล้วถามกลับ
    “มีอะไรเหรอคะ  คุณคือ................”
   
    “ผมชื่อเอริคครับ  เป็นบัดดี้ของคุณไง”
    “อ๋อ! คุณนี่เอง  หายป่วยแล้วหรือคะ”
    “ครับ  ขอบคุณที่เป็นห่วง”
    คำขอบคุณของเอริค  สะกิดใจของผู้ชายที่ยืนข้างปราลีโดยฉับพลัน  ความรู้สึกไม่พอใจที่แล่นเข้ามา
อย่างกะทันหัน  ทำให้เขาพูดแทรกขึ้นมา
    “เอาไว้ค่อยคุยกันวันหลังดีกว่า  คุณเอริค  วันนี้ปราลีเจ็บขา  ผมต้องพาเธอไปทายาก่อน”
    เอริคมีสีหน้าห่วงกังวลขึ้นมาทันที  ชนิดที่อาจจะไปกระตุ้นต่อมหมั่นไส้ของใครบางคนให้ปล่อยสัก
หมัดสองหมัดใส่หน้าเขา
    “งั้นผมจะดูแลเธอเอง  ยังไงผมก็เป็นบัดดี้ของเธอ  ให้ผมได้ทำหน้าที่บ้างดีกว่า”
    “ไม่ต้องหรอก  เพราะผมได้ทำหน้าที่นี้มาตลอดทั้งวันแล้ว  และผมคิดว่าผมทำได้ดีพอ”
   
    ศึกชิงนางกำลังจะเกิดอยู่รอมร่อ  ถ้าปราลีไม่เป็นฝ่ายตัดสินเสียก่อน
   
    “ฉันว่าคุณไปพักเถอะวัฐ  วันนี้คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว  เรื่องใส่ยาฉันทำเองได้”
    “ใช่  คุณไปพักเถอะ หน้าตาซีดเซียวท่าทางจะเหนื่อยมาก  ทางนี้ผมดูแลเธอเอง”
    ปาณรวัฐมองหน้าเอริคและปราลีสลับไปมาอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะเดินไป
    ที่จริงแล้ว  ปราลีตั้งใจจะใส่ยาเองอย่างที่บอกไว้กับปาณรวัฐตั้งแต่แรก  แต่นายเอริคก็ตามตื๊อ  พยายาม
อาสาช่วยเธอให้ได้  ปราลีขี้เกียจขัดใจเพราะเห็นเขาอัธยาศัยดี  และตั้งใจจะช่วยจริงๆ  ก็เลยตกลง  ทั้งสองคุยกัน
หัวเราะสนุกสนาน  โดยไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องดูอยู่  ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและน้อยใจ
    “จะไปไหนซะล่ะ  นายปาณรวัฐ  บอกว่าจะเข้าไปดูแลปราลีไม่ใช่เหรอ”
   
ครูสมศรีเอ่ยถาม  หลังจากเห็นเขาเพิ่งเดินเข้าไปไม่ถึง5นาที  ก็ออกมาซะแล้ว
    “คงไม่ต้องหรอกครับ  เขามีคนคอยดูแลอยู่แล้ว”
น้ำเสียงเจือด้วยความน้อยใจจนผู้ฟังสัมผัสได้  จึงได้แต่ตบบ่าเขาเบาๆ
    “ไม่เป็นไร  งั้นเธอก็ออกไปร่วมงานเลี้ยงเถอะ  เพื่อนๆคงกำลังรออยู่”
    เขาเดินไปยังห้องโถงใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่จัดเลี้ยง  แต่ขาก้าวยังไม่ทันถึงบริเวณงาน  ก็กลับเลี้ยวไปอีก
เส้นทางหนึ่ง  บริเวณรอบๆที่พักปลูกดอกไม้ไว้หลายชนิด  แข่งกันส่งกลิ่นอบอวล  ลมพัดอ่อนๆหอบเอากลิ่นดอก
ไม้กระจายไปทั่ว  ปาณรวัฐก้าวออกมา  สูดกลิ่นนั้นไว้เต็มปอด  ทอดสายตาไปยังป่าใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป
    จะว่าไปแล้ว  บริเวณนี้เป็นสถานที่ที่โรแมนติคมาก  เหมาะจะชวนคนรู้ใจมานั่งกินลมชมวิวและดื่มด่ำ
กับบรรยากาศของธรรมชาติ  คู่รัก2-3คู่ (ซึ่งก็คงจะเพิ่งมาตกลงปลงใจกันเมื่อตอนที่ไปบุกป่าหาสมบัติกันนั่นเอง) 
กำลังคุยกันกระหนุงกระหนิง  ปาณรวัฐแอบมองด้วยความรู้สึกอิจฉานิดๆ  แต่ก็อยากร่วมยินดีกับพวกเขาเสียมาก
กว่า  ค่อยนี้สร้างให้คนรักกันเพิ่มขึ้นตั้งหลายคู่  แต่ทำไมกลับลืมหาคู่ให้เขา  ปล่อยให้เขานั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียว
ดายเช่นนี้
“มืดขนาดนี้จะมองเห็นอะไร”  ปราลีบ่นพลางมองฝ่าความมืดออกไปด้วยท่าทางหวาดกลัว  แต่พยายามข่มเสียงไว้ไม่ให้สั่น
“เห็นสิ  จากตรงนี้ผมยังพอมองเห็นอะไรได้รางๆ”
“อย่าดีกว่านะ  เดี๋ยวหลงทาง”
“ไม่หรอกน่า  คนอื่นกำลังรอเราอยู่นะ  อย่าลืมสิว่าคืนนี้  มีงานเลี้ยง”
“แต่มันมืดมากเลย”
“มืดที่ไหนกัน  คุณดูสิ  ดวงดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด  เราอาศัยแสดงดาวช่วยนำทางได้  เชื่อผมสิ”  รอย
ยิ้มแห่งความเชื่อมั่นปรากฏบนใบหน้าเขา  พร้อมทั้งส่งผ่านความรู้สึกนี้มายังปราลีด้วย  แต่เธอก็ยังรู้สึกกลัว
“มาสิ  ตามมาเร็ว”  เขากล่าวซ้ำอีกครั้ง  เมื่อเห็นเธอยังยืนนิ่งอยู่  มือใหญ่แข็งแรงคว้ามือเรียวบางออก
เดินมุ่งหน้าไป  เขาจับมือเธอไว้แน่น  คอยประคับประคองเธอไม่ห่าง  ฝ่าฟันความเหน็บหนาวและมืดมิดแห่ง
รัตติกาล  เพียงเท่านี้  ดีกรีความเชื่อมั่นในหัวใจปราลีก็พุ่งขึ้นเกินร้อยแล้วล่ะ
   
กลับมาถึงที่พักเป็นเวลาดึกพอสมควร  คู่อื่นๆมาถึงกันเกือบครบแล้ว  ยกเว้นบางคู่ที่คงจะติดฝนอยู่เช่น
กัน  คนที่กลับมาถึงแล้ว  ก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  เพื่อจะมาร่วมงานเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ในคืนนี้  ชายหนุ่มผมสีน้ำตาล
อ่อน  คิ้วเข้มสีเดียวกัน  และดวงตาสีเขียวสดใส  ยืนรออยู่ข้างอาจารย์สมศรีอย่างกระวนกระวาย  ทันทีที่คู่ของปรา
ลีมาถึงบริเวณหน้าที่พัก  ชายหนุ่มคนนั้นก็วิ่งเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าร้อนใจ  รัวภาษาอังกฤษใส่ปราลีทันที
    “คุณชื่อปราลีใช่ไหมครับ”
เธอพยักหน้า  แล้วถามกลับ
    “มีอะไรเหรอคะ  คุณคือ................”
   
    “ผมชื่อเอริคครับ  เป็นบัดดี้ของคุณไง”
    “อ๋อ! คุณนี่เอง  หายป่วยแล้วหรือคะ”
    “ครับ  ขอบคุณที่เป็นห่วง”
    คำขอบคุณของเอริค  สะกิดใจของผู้ชายที่ยืนข้างปราลีโดยฉับพลัน  ความรู้สึกไม่พอใจที่แล่นเข้ามา
อย่างกะทันหัน  ทำให้เขาพูดแทรกขึ้นมา
    “เอาไว้ค่อยคุยกันวันหลังดีกว่า  คุณเอริค  วันนี้ปราลีเจ็บขา  ผมต้องพาเธอไปทายาก่อน”
    เอริคมีสีหน้าห่วงกังวลขึ้นมาทันที  ชนิดที่อาจจะไปกระตุ้นต่อมหมั่นไส้ของใครบางคนให้ปล่อยสัก
หมัดสองหมัดใส่หน้าเขา
    “งั้นผมจะดูแลเธอเอง  ยังไงผมก็เป็นบัดดี้ของเธอ  ให้ผมได้ทำหน้าที่บ้างดีกว่า”
    “ไม่ต้องหรอก  เพราะผมได้ทำหน้าที่นี้มาตลอดทั้งวันแล้ว  และผมคิดว่าผมทำได้ดีพอ”
   
    ศึกชิงนางกำลังจะเกิดอยู่รอมร่อ  ถ้าปราลีไม่เป็นฝ่ายตัดสินเสียก่อน
   
    “ฉันว่าคุณไปพักเถอะวัฐ  วันนี้คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว  เรื่องใส่ยาฉันทำเองได้”
    “ใช่  คุณไปพักเถอะ หน้าตาซีดเซียวท่าทางจะเหนื่อยมาก  ทางนี้ผมดูแลเธอเอง”
    ปาณรวัฐมองหน้าเอริคและปราลีสลับไปมาอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะเดินไป
    ที่จริงแล้ว  ปราลีตั้งใจจะใส่ยาเองอย่างที่บอกไว้กับปาณรวัฐตั้งแต่แรก  แต่นายเอริคก็ตามตื๊อ  พยายาม
อาสาช่วยเธอให้ได้  ปราลีขี้เกียจขัดใจเพราะเห็นเขาอัธยาศัยดี  และตั้งใจจะช่วยจริงๆ  ก็เลยตกลง  ทั้งสองคุยกัน
หัวเราะสนุกสนาน  โดยไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องดูอยู่  ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและน้อยใจ
    “จะไปไหนซะล่ะ  นายปาณรวัฐ  บอกว่าจะเข้าไปดูแลปราลีไม่ใช่เหรอ”
   
ครูสมศรีเอ่ยถาม  หลังจากเห็นเขาเพิ่งเดินเข้าไปไม่ถึง5นาที  ก็ออกมาซะแล้ว
    “คงไม่ต้องหรอกครับ  เขามีคนคอยดูแลอยู่แล้ว”
น้ำเสียงเจือด้วยความน้อยใจจนผู้ฟังสัมผัสได้  จึงได้แต่ตบบ่าเขาเบาๆ
    “ไม่เป็นไร  งั้นเธอก็ออกไปร่วมงานเลี้ยงเถอะ  เพื่อนๆคงกำลังรออยู่”
    เขาเดินไปยังห้องโถงใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่จัดเลี้ยง  แต่ขาก้าวยังไม่ทันถึงบริเวณงาน  ก็กลับเลี้ยวไปอีก
เส้นทางหนึ่ง  บริเวณรอบๆที่พักปลูกดอกไม้ไว้หลายชนิด  แข่งกันส่งกลิ่นอบอวล  ลมพัดอ่อนๆหอบเอากลิ่นดอก
ไม้กระจายไปทั่ว  ปาณรวัฐก้าวออกมา  สูดกลิ่นนั้นไว้เต็มปอด  ทอดสายตาไปยังป่าใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป
    จะว่าไปแล้ว  บริเวณนี้เป็นสถานที่ที่โรแมนติคมาก  เหมาะจะชวนคนรู้ใจมานั่งกินลมชมวิวและดื่มด่ำ
กับบรรยากาศของธรรมชาติ  คู่รัก2-3คู่ (ซึ่งก็คงจะเพิ่งมาตกลงปลงใจกันเมื่อตอนที่ไปบุกป่าหาสมบัติกันนั่นเอง) 
กำลังคุยกันกระหนุงกระหนิง  ปาณรวัฐแอบมองด้วยความรู้สึกอิจฉานิดๆ  แต่ก็อยากร่วมยินดีกับพวกเขาเสียมาก
กว่า  ค่อยนี้สร้างให้คนรักกันเพิ่มขึ้นตั้งหลายคู่  แต่ทำไมกลับลืมหาคู่ให้เขา  ปล่อยให้เขานั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียว
ดายเช่นนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น