ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปาณรวัฐ-ปราลี

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่7

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 47


    บนทางข้างหน้า  มีลำธารใสแจ๋ว  โขดหินน้อยใหญ่เรียงราย  ความเย็นชุ่มฉ่ำของสายน้ำช่างเย้ายวนใจ



    ให้ปราลีอยากเข้าไปสัมผัส  แต่เพราะเขานั่นแหละ  ทำให้เธอทำอย่างนั้นไม่ได้  ถึงยังไงมันก็คุ้มไม่ใช่เหรอ  ที่เป็น



    แบบนี้   โอ๊ย! คิดอะไรไม่เป็นกุลสตรีเอาซะเลย  ขณะที่เธอกำลังต่อสู้กับความคิดอย่างสับสน  เจ้าของสูงใหญ่ที่



    กำลังโอบอุ้มเธอ  ก็ส่งเสียงถามมา

        

    “อยากลองแตะน้ำดูสักนิดไหมครับ  เย็นชุ่มฉ่ำเชียว”



    เขาบอก  เมื่อมายืนอยู่กลางลำธาร  สายไหลรินเอื่อยๆปะทะขาแข็งแรงทั้งสองข้าง  ปราลีพยักหน้ารับ  ยิ้มจนตาหยี



    เหมือนเด็กที่ได้ของเล่นอันใหม่

        

    เขาจึงย่อตัวลง  เพื่อให้มือเธอได้สัมผัสกับสายน้ำอันฉ่ำเย็น

        

    “ระวังนะครับ  ที่ข้อมือคุณยังมีแผลอยู่”

        

    เขาไม่วายเตือน  แต่เพราะใครกันล่ะ  ปราลีค้อนเขาอย่างหมั่นไส้

        

    “จะล้างหน้าก็ได้นะครับ  จะได้สดชื่นไง”

        

    ปราลีกวักน้ำขึ้นมานิดนึง  แล้วลูบบนใบหน้าที่ชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อของคนที่ต้องเหน็ดเหนื่อยอุ้มเธอ



    ข้ามลำธารมาอย่างเบามือที่สุด  เขาหันมาสบตาเธอด้วยความตกใจเล็กน้อย  แต่แล้วก็ส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยนและ



    จริงใจที่สุด  ไม่มีแววแห่งความเจ้าชู้หลงเหลืออยู่เลย

        

    “ขอบคุณครับ”

        

    ปาณรวัฐอุ้มเธอมาจนถึงอีกฝั่งของลำธาร  อุตส่าห์ยิ้มให้แบบจริงใจที่สุดในชีวิตแล้วนะเนี่ย  เธอจะรู้บ้าง



    มั้ยนะ  ว่าเรารู้สึกยังไง  เขาคิด  พลางแอบเหลือบมองสะพานข้างลำธารซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก  และหวังว่าเธอคง



    ไม่เห็นมัน  (ถ้าเธอเห็น  แผนเขาก็แตกน่ะสิ)

        

    “วางฉันลงได้แล้วค่ะ”

        

    ปราลีบอก  เมื่อข้ามมาถึงอีกฝั่งของลำธารแล้ว  แต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่มตรงหน้า  ทำให้เธอชัก



    เอะใจ  เขาทำเป็นเดินเรื่อยเปื่อย  ไม่สนใจกับสายตาค้อนขวักของใครบางคนที่ส่งมา

        



    “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ  ไอ้คนบ้า”



      คราวนี้ปราลีไม่ยอมแพ้  พยายามดิ้นสุดแรงเกิด  แต่ยิ่งดิ้น  อ้อมแขนนั้นกลับยิ่งแน่นกระชับขึ้นทุกที  เขาคง



    พันธนาการทั้งตัวและหัวใจเธอจนดิ้นไม่หลุดซะแล้ว  ใบหน้างามจึงได้แต่ซุกลงบนอกเขาเงียบๆ  ไม่เอะอะ



    โวยวายอะไรอีก

        

    แผ่นกระดาษที่เหลือ  ถูกหาเจออย่างง่ายดายเพราะความชำนาญในการอ่านแผนที่และการแกะรอยของ



    เขา  แต่ไม่ยักจะไปซ่อนอยู่บนเนินสูงเหมือนแผ่นแรก  แต่ที่น่าเจ็บใจกว่านั้น  คือ เขาไม่ยอมปล่อยเธอสักที  ดิ้น



    ไปก็เสียแรงเปล่า  เธอสู้แรงเค้าไม่ได้เลย  จึงได้แต่บ่นกับตัวเอง

        

    “นึกว่าตัวเองเป็นพระเอกละครหรือไง  ถึงมาอุ้มคนอื่นอยู่ได้”

        

    ปราลีคงบ่นดังไปนิด  เพราะเจ้าของใบหน้าคมเข้มนั้น  หันมาสบตาเธอในทันที

        

    “คงงั้นมั้งครับ  แต่ถ้าให้ดี  น่าจะมีฝนตกหนัก  พระเอกกับนางเอกจะได้ไปหลบอยู่ใต้ต้นไม้กลางป่ากัน



    สองต่อสอง  คงจะโรแมนติกพึลึก”

        

    พูดไม่พูดเปล่า  ยังจะมายิ้มเยาะพร้อมทั้งยักคิ้วให้เธออีก  ปราลีแบะปากด้วยความหน่ายกับความกะล่อน



    ของนายคนนี้  แต่ปากนายนั่นน่ะพาจนซะจริงๆ  เพราะอยู่ดีๆเมฆฝนจากที่ไหนไม่รู้  ก็มารวมตัวกันอยู่บริเวณที่



    เธอและเขาอยู่พอดี  เสียงฟ้าร้องครืนครืน  พร้อมทั้งผนก็เทลงมาอย่างหนักในทันที  ปาณรวัฐจึงพาเธอไปหลบใต้



    ต้นไม้  นายนี่น่าจะไปเป็นหมอดูจริงๆเล้ย  ทายแม่นเหลือเกิน

        

        

    สายฝนเทลงมาอย่างหนัก  กระทบพื้นดินจนเปียกแฉะ  เสียงฟ้าร้องครืนครืนและบรรยากาศภายนอกก็



    มืดสลัวลงทันทีราวกับมีใครมาปิดไฟ  สองหนุ่มสาวนั่งขดตัวอยู่ใต้ต้นไม้ซึ่งไม่อาจเป็นกำบังสายฝนได้ดีนัก  ร่าง



    กายของทั้งสองจึงเปียกชื้นจากละอองฝน  ทำให้หญิงสาวไม่อาจทนกับความหนาวเย็นได้  ตัวเธอเริ่มสั่น

        

    เสื้อหนาวตัวใหญ่ถูกคลุมทับลงบนร่างกายที่หนาวสั่น  ความอบอุ่นจากเสื้อทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง  



    แต่มันก็คงไม่เท่ากับความอบอุ่นจากสายตาและรอยยิ้มจากคนข้างกายเธอ  เขาทำให้เธอรู้สึกมั่นใจได้อย่าง



    ประหลาด  มั่นใจว่าจะต้องปลอดภัยเมื่อมีเขาอยู่  มั่นใจว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งเธอแน่นอน  ถึงแม้ภายนอกจะดูเป็นคน



    กะล่อนเจ้าชู้  แต่ลึกๆแล้ว  เขาเป็นผู้ชายที่แสนดีและอ่อนโยนที่สุดคนหนึ่ง  เพราะเหตุนี้แหละที่ทำให้เธอรู้สึก



    ว่า........เธอตกหลุมรักเขาแล้ว

        

    “คุณจะทำอะไรน่ะ”

        

    เธอถาม เมื่อเห็นเขารื้อเอาแผ่นกระดาษออกมา

        

    “ผมแค่อยากรู้ว่ามันคืออะไร  ตามแผนที่บอกว่าถ้าหาครบแล้วให้เอามาเรียงกันดู  แล้วอธิบายความ



    หมาย  คุณช่วยถือแผ่นนี้หน่อยสิ”



    และแล้ว  ทั้งเขาและเธอก็ช่วยกันต่อจิ๊กซอปริศนาจนเสร็จสมบูรณ์

        

    “อ้อ! ที่แท้ก็รูปหัวใจนี่เอง  เราจะอธิบายความหมายว่ายังไงดีล่ะ”

        

    นายปาณรวัฐโยนคำถามตอบยากมาให้เธอหน้าตาเฉย

        

    “ก็น่าจะหมายถึง........เอ่อ..........ความร่วมแรงร่วมใจอะไรทำนองนี้มั้ง”  เธอตอบอ้อมแอ้ม  อยู่ดีๆใบ



    หน้ามันก็ร้อนผ่าวขึ้นมา

        

    “ไม่ใช่หรอก  รูปหัวใจก็ต้องหมายถึงความรักสิ”  เขาหันมาจ้องหน้าเธอเขม็ง  ทำให้ปราลีแทบหลบตา



    ไม่ทัน  “มันต้องหมายถึง  คนสองคนที่ร่วมฟันฝ่าอุปสรรคกันมา  ค่อยค้นพบจิ๊กซอหัวใจทีละชิ้นๆ  แล้วช่วยกัน



    ต่อจนเสร็จสมบูรณ์  ออกมาเป็นภาพหัวใจซึ่งหลอมรวมใจคนสองคนไว้ด้วยกัน”

        

    “แหวะ”  เธอไม่รู้จะตอบอะไรดีไปกว่านั้น  จึงได้แต่หันหน้ามองไปทางอื่นแล้วแอบยิ้มคนเดียว  โดย



    ไม่ทันสังเกตเห็นไปหน้าของอีกฝ่าย  ซึ่งเปื้อนรอยยิ้มแห่งความสุขไม่แพ้กัน

        

    เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่อาจทราบได้  ฝนหยุดตก  ท้องฟ้าแจ่มใส  ยามนี้  บนท้องฟ้าหมู่ดาวนับร้อย



    พันเรียงราย  พากันแข่งแสงเจิดจรัสงดงาม  สายตาของทั้งคู่  เหม่อมองไปบนท้องฟ้า  ชมความงามของแสงดาว



    ยามค่ำคืน  ลมหนาวพัดมาเอื่อยๆ  ทว่าหัวใจทั้งสองดวงกลับอบอุ่นและเต็มไปด้วยรัก



    “ไม่อยากให้ผ่านคืนนี้รู้มั้ย  ขอให้มีเพียงเราได้มั้ย  ฉันและเธอและภาษาใจ  ให้นานเท่านานอย่างนี้”        

                                                                                                                                                     (เพลงของ the sis)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×