ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : เหตุร้าย
ตอนที่13
    “คุณพิมพ์หายไปแล้วครับ”  โป้งตะโกนมาจากหลังร้าน  ทำให้เท้าของพิพัฒน์ขยับวิ่งออกไปทางหลังร้านอย่างรวดเร็ว
    “ตามหาให้ทั่วสิ”
    สองหนุ่มช่วยกันตามหาอย่างจ้าละหวั่น  แต่แล้วก็ได้ยินเสียงกุกกักในครัว  จึงรีบเข้าไปดู  ภาพที่เห็นคือ  พิมพ์ปรีดาในสภาพฟื้นไข้  กำลังล้างจานอย่างขะมักเขม้น  ถึงแม้ใบหน้าเธอจะซีดเซียวไม่มีสีเลือดเลยก็ตาม  พิพัฒน์เข้าไปดึงมือเธออกมาทันที
    “คุณทำอะไรน่ะ”
    “ล้างจานค่ะ”
    “อย่ามายั่วโมโหผมนะ  คุณยังป่วยอยู่  มาทำงานแบบนี้ได้ยังไง”
    “มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ  แค่ฉันทำงานใช้หนี้ที่ฉันติดคุณไว้หมดก็พอแล้ว”
    “ใครต้องการให้คุณใช้หนี้  ผมไม่อยากให้ร้านของผม  ต้องมาแปดเปื้อนกับผู้หญิงหลอกลวงแบบคุณ”
    “ใช่สิคะ  ฉันมันเลว  เลวไปหมดทุกอย่าง  ฉันจะไปจากร้านคุณเดี๋ยวนี้”
    พิมพ์ปรีดาทั้งโกรธทั้งเสียใจสุดขีด  จึงรีบวิ่งออกจากร้าน  แต่เพราะอาการยังไม่ดีขึ้นนัก  เธอจึงมึนหัวและเป็นลมไป  พิพัฒน์ตกใจจึงรีบพาเธอขึ้นรถ  ขับพุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที  แต่รถเจ้ากรรมที่ทั้งเก่าและใกล้ผุพัง  มันกลับจอดสนิทอยู่กลางทาง  ไม่มีหนทางอีกแล้ว  นอกจากพิพัฒน์จะต้องพาพิมพ์ปรีดาหาที่พักข้างทางก่อน  รุ่งเช้าจึงค่อยพาไปหมอ
    ภายในโรงแรมขนาดเล็ก  พิพัฒน์จ้องมองร่างของพิมพ์ปรีดาที่สลบไสลไม่ได้สติอยู่บนเตียง  ด้วยความเป็นห่วง  เขาจึงต้องลดทิฐิลงชั่วคราว  ค่อยๆบรรจงใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดพอหมาด  ซับใบหน้าอันร้อนผ่าว  ซอกคอ  แขนและขา  หลังจากนั้น  ใช้มือแตะหน้าผากเธอเบาๆ  ตัวยังไม่หายร้อน  เขาจึงปลุกเธอลุกมาทานข้าวต้มที่สั่งไว้
    ข้าวต้มร้อนๆช้อนแรกเข้าปากคนป่วยไปอย่างช้าๆ  พิพัฒน์ยิ้มให้กับสายตาที่มองมาทางเขาอย่างฉงน  พลางตักข้าวต้มช้อนต่อไปเตรียมไว้  คนป่วยยังคงเคี้ยวข้าวต้มอย่างเอร็ดอร่อยและกลืนลงคอไป  พิพัฒน์รีบป้อนช้อนต่อไปโดยทันที  ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ยิ่งคำถามใดๆ  พิมพ์ปรีดาทานข้าวต้มได้เกือบครึ่งจานจึงอิ่ม
    “ทานเก่งจังนะครับ  เอ้า นี่  คุณต้องทานยา1เม็ด  แล้วพักผ่อนซะ”
    เธอรับยาจากมือเขามาทานอย่างว่าง่าย  หลังจากนั้นจึงล้มตัวลงนอน  พิพัฒน์แตะหน้าผากของเธอเบาๆเพื่อตรวจสอบอาการไข้  แต่พิมพ์ปรีดากลับมือเขามาวางไว้ที่หัวใจของเธอแล้วหลับตาลงเหมือนเด็กๆ  ราวกับจะต้องการซึมซับความรู้สึกดีๆทั้งหมดเก็บมาไว้ในหัวใจให้เนิ่นนานที่สุด  พิพัฒน์มองเธอด้วยความเอ็นดู  ทว่าความรู้สึกโกรธแค้นกลับพยายามแทรกเข้ามาในจิตใจ  เขาดึงมือเธออกไป  และกลับไปนอนอีกห้องทันที
    พิมพ์ปรีดารับรู้ถึงการกระทำของเขาอย่างชัดเจน  แม้ดวงตาของเธอยังปิดสนิทอยู่  ความเจ็บปวดประดังเข้ามาในจิตใจทันที  กับการต้องรับกับอารมณ์ที่แปรปรวนของเขา  เดี๋ยวก็ดีกับเธอ  ทำให้เธอหลงดีใจ  แต่พอเขาร้าย  ก็เหมือนทำลายหัวใจเธอให้ย่อยยับแหลกเหลวลงไป  น้ำตาอาบแก้มสองข้าง  เสียงสะอื้นลอดริมฝีปากมาเพียงแผ่วเบา  สลับกับเสียงหัวใจที่เต้นอย่างกึกก้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน
    ภาพที่มืดสลัวเลือนราง  ค่อยๆแจ่มชัดขึ้นเป็นลำดับ  อาการขยับตัวและลืมตาขึ้นของคนป่วย  ทำให้คุณหมอที่ตรวจอาการเรียบแล้วและกำลังจะออกไป  ต้องหันกลับมาใหม่อีกครั้ง
“คุณไม่เป็นอะไรหรอกครับ  แค่สำลักควันเท่านั้นเอง”
พิพัฒน์มึนงงกับคำพูดของหมอ  เพราะเมื่อคืนเขานอนอยู่บนเตียงดีๆ  แล้วตอนนี้ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้  มันเกิดอะไรขึ้น  นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
    “คุณหมอครับ  นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ”
    “คุณพิมพ์หายไปแล้วครับ”  โป้งตะโกนมาจากหลังร้าน  ทำให้เท้าของพิพัฒน์ขยับวิ่งออกไปทางหลังร้านอย่างรวดเร็ว
    “ตามหาให้ทั่วสิ”
    สองหนุ่มช่วยกันตามหาอย่างจ้าละหวั่น  แต่แล้วก็ได้ยินเสียงกุกกักในครัว  จึงรีบเข้าไปดู  ภาพที่เห็นคือ  พิมพ์ปรีดาในสภาพฟื้นไข้  กำลังล้างจานอย่างขะมักเขม้น  ถึงแม้ใบหน้าเธอจะซีดเซียวไม่มีสีเลือดเลยก็ตาม  พิพัฒน์เข้าไปดึงมือเธออกมาทันที
    “คุณทำอะไรน่ะ”
    “ล้างจานค่ะ”
    “อย่ามายั่วโมโหผมนะ  คุณยังป่วยอยู่  มาทำงานแบบนี้ได้ยังไง”
    “มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ  แค่ฉันทำงานใช้หนี้ที่ฉันติดคุณไว้หมดก็พอแล้ว”
    “ใครต้องการให้คุณใช้หนี้  ผมไม่อยากให้ร้านของผม  ต้องมาแปดเปื้อนกับผู้หญิงหลอกลวงแบบคุณ”
    “ใช่สิคะ  ฉันมันเลว  เลวไปหมดทุกอย่าง  ฉันจะไปจากร้านคุณเดี๋ยวนี้”
    พิมพ์ปรีดาทั้งโกรธทั้งเสียใจสุดขีด  จึงรีบวิ่งออกจากร้าน  แต่เพราะอาการยังไม่ดีขึ้นนัก  เธอจึงมึนหัวและเป็นลมไป  พิพัฒน์ตกใจจึงรีบพาเธอขึ้นรถ  ขับพุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที  แต่รถเจ้ากรรมที่ทั้งเก่าและใกล้ผุพัง  มันกลับจอดสนิทอยู่กลางทาง  ไม่มีหนทางอีกแล้ว  นอกจากพิพัฒน์จะต้องพาพิมพ์ปรีดาหาที่พักข้างทางก่อน  รุ่งเช้าจึงค่อยพาไปหมอ
    ภายในโรงแรมขนาดเล็ก  พิพัฒน์จ้องมองร่างของพิมพ์ปรีดาที่สลบไสลไม่ได้สติอยู่บนเตียง  ด้วยความเป็นห่วง  เขาจึงต้องลดทิฐิลงชั่วคราว  ค่อยๆบรรจงใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดพอหมาด  ซับใบหน้าอันร้อนผ่าว  ซอกคอ  แขนและขา  หลังจากนั้น  ใช้มือแตะหน้าผากเธอเบาๆ  ตัวยังไม่หายร้อน  เขาจึงปลุกเธอลุกมาทานข้าวต้มที่สั่งไว้
    ข้าวต้มร้อนๆช้อนแรกเข้าปากคนป่วยไปอย่างช้าๆ  พิพัฒน์ยิ้มให้กับสายตาที่มองมาทางเขาอย่างฉงน  พลางตักข้าวต้มช้อนต่อไปเตรียมไว้  คนป่วยยังคงเคี้ยวข้าวต้มอย่างเอร็ดอร่อยและกลืนลงคอไป  พิพัฒน์รีบป้อนช้อนต่อไปโดยทันที  ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ยิ่งคำถามใดๆ  พิมพ์ปรีดาทานข้าวต้มได้เกือบครึ่งจานจึงอิ่ม
    “ทานเก่งจังนะครับ  เอ้า นี่  คุณต้องทานยา1เม็ด  แล้วพักผ่อนซะ”
    เธอรับยาจากมือเขามาทานอย่างว่าง่าย  หลังจากนั้นจึงล้มตัวลงนอน  พิพัฒน์แตะหน้าผากของเธอเบาๆเพื่อตรวจสอบอาการไข้  แต่พิมพ์ปรีดากลับมือเขามาวางไว้ที่หัวใจของเธอแล้วหลับตาลงเหมือนเด็กๆ  ราวกับจะต้องการซึมซับความรู้สึกดีๆทั้งหมดเก็บมาไว้ในหัวใจให้เนิ่นนานที่สุด  พิพัฒน์มองเธอด้วยความเอ็นดู  ทว่าความรู้สึกโกรธแค้นกลับพยายามแทรกเข้ามาในจิตใจ  เขาดึงมือเธออกไป  และกลับไปนอนอีกห้องทันที
    พิมพ์ปรีดารับรู้ถึงการกระทำของเขาอย่างชัดเจน  แม้ดวงตาของเธอยังปิดสนิทอยู่  ความเจ็บปวดประดังเข้ามาในจิตใจทันที  กับการต้องรับกับอารมณ์ที่แปรปรวนของเขา  เดี๋ยวก็ดีกับเธอ  ทำให้เธอหลงดีใจ  แต่พอเขาร้าย  ก็เหมือนทำลายหัวใจเธอให้ย่อยยับแหลกเหลวลงไป  น้ำตาอาบแก้มสองข้าง  เสียงสะอื้นลอดริมฝีปากมาเพียงแผ่วเบา  สลับกับเสียงหัวใจที่เต้นอย่างกึกก้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน
    ภาพที่มืดสลัวเลือนราง  ค่อยๆแจ่มชัดขึ้นเป็นลำดับ  อาการขยับตัวและลืมตาขึ้นของคนป่วย  ทำให้คุณหมอที่ตรวจอาการเรียบแล้วและกำลังจะออกไป  ต้องหันกลับมาใหม่อีกครั้ง
“คุณไม่เป็นอะไรหรอกครับ  แค่สำลักควันเท่านั้นเอง”
พิพัฒน์มึนงงกับคำพูดของหมอ  เพราะเมื่อคืนเขานอนอยู่บนเตียงดีๆ  แล้วตอนนี้ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้  มันเกิดอะไรขึ้น  นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
    “คุณหมอครับ  นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น