ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : คนใจแข็ง(คนเดิม)
ตอนที่12
    เข็มนาฬิกาบนฝาผนังยังคงกระดิกอยู่เรื่อยๆ  คล้ายกับจะทำหน้าที่ของมันให้ดีที่สุด  สายตาคู่นั้นจ้องไปที่มันด้วยความกระวนกระวายสับสนในใจ  เวลาผ่านไปกว่า2ชั่วโมงแล้ว  แต่ร่างที่ฟุบอยู่หน้าร้านยังนิ่งไม่ไหวติง
    มือแข็งแรงประคองร่างที่เกือบจะไม่ได้สติขึ้นมา  ดวงตาสองคู่ประสานกันอยู่ครู่หนึ่ง
    “พี่เขาให้ผมมาน่ะครับ  เข้าไปพักข้างในก่อนเถอะ”
    พิมพ์ปรีดาพยักหน้าช้าๆ  ก่อนจะเข้าไปนั่งบนโซฟาตัวหนึ่งในร้าน  โป้งหยิบผ้าเช็ดตัวพร้อมทั้งเสื้อผ้าชุดใหม่ส่งให้  พิมพ์ปรีดาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็หลับไปบนโซฟาด้วยความอ่อนล้า  สายตาคู่เดิมยังคงจ้องอยู่ที่ฝาผนัง  โป้งเข้ามารายงาน  “เธอหลับไปแล้วครับ”  ใบหน้านั้นพยักเพยิดเล็กน้อย  ก่อนจะสั่งให้โป้งไปนอนได้
    จากคนที่เคยอยู่ต่างสถานที่  กลับได้มาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน  หัวใจที่ใกล้ชิดกัน  นำพาร่างกายให้เข้ามาใกล้กันด้วย  แต่เมื่อทั้งร่างกายและหัวใจได้ไกลกันแล้ว  กลับทำให้ใจดวงหนึ่งไม่สงบ  คอยแต่กระวนกระวายห่วงหา  เมื่อใจไม่หลับ  ดวงตาก็ไม่อาจปิดลงได้  คงต้องคอยเฝ้าดูแลหัวใจอีกดวง  ที่กำลังสงบด้วยแรงแห่งนิทรารมณ์
    ยามเช้ามาเยือน  การทำงานก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง  พิพัฒน์ง่วนอยู่กับการเตรียมปิ้งขนมปัง  ต้มน้ำร้อนสำหรับชงกาแฟ  ส่วนโป้งก็ออกไปเปิดร้าน  ช่วยตระเตรียมจานชามสำหรับใส่ของให้ลูกค้า  พิมพ์ปรีดายังคงนอนนิ่งอยู่บนโซฟา  ด้วยพิษไข้ที่รุมเร้าตัวเธอ
    อาการนอนสงบนิ่งบนโซฟาติดต่อกันหลายชั่วโมง  ทำให้พิพัฒน์และโป้งเริ่มเอะใจในความผิดปกติที่เกิดขึ้น  แต่ด้วยทิฐิที่เกิดขึ้น  ผู้ที่เข้าไปดูอาการดอกหญ้าหรือพิมพ์ปรีดา  ก็ต้องกลายเป็นโป้งอย่างเสียไม่ได้  ทันทีที่เขย่าเรียกเธอ  โป้งก็ต้องร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ  เพราะแขนที่เย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง  แตะหน้าผากดู  ก็พบว่าหน้าผากร้อนเป็นไฟ
    “สงสัยคงเป็นไข้ซะแล้วล่ะครับ  พี่พัฒน์”
    “จริงเหรอ  งั้นเดี๋ยวพี่จะพาเขาไปหาหมอ”
    พิพัฒน์มีสีหน้าร้อนรนขึ้นมาทันที  ก่อนจะช้อนร่างบอบบางนั้นไว้ในอ้อมแขน ทำให้เจ้าตัวรู้สึกตัวฟื้นขึ้น  พิพัฒน์มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก  รีบวางร่างของเธอบนโซฟาตามเดิม
    “เดี๋ยวพี่ไปหายามาให้ทานดีกว่า  ท่าทางคงไม่เป็นอะไรมาก”
    ถึงปากจะพูดออกไปอยากนั้น  แต่จิตใจกลับเป็นห่วงกังวลจนบอกไม่ถูก  พิมพ์ปรีดารับประทานอาหารเข้าไปได้เพียง2-3คำ  หลังจากนั้นก็ทานยาและนอนพักต่อ
    “พี่พัฒน์อยู่ดูแลเขาเถอะครับ  เดี๋ยวเรื่องเปิดร้านตอนค่ำ  ผมจะจัดการเอง”
    “อย่าดีกว่า  พี่คิดว่าพี่คงถนัดจัดการกับเรื่องร้านมากกว่า  โป้งก็ดูแลเขาไปเถอะนะ”
    พิพัฒน์ทำแกล้งเดินไปจัดโน่นจัดนี่ในร้าน  แต่สายตากลับเหลือบมองพิมพ์ปรีดาบ่อยๆ  โป้งเห็นการกระทำของพิพัฒน์  ก็ได้แต่แอบขำในความหยิ่งไม่เข้าท่าของเขา
    ยามเย็นมาเยือนอีกครั้ง  แสงอาทิตย์เริ่มอ่อนล้าราลงทุกที  ตรงข้ามกับบรรยากาศร้านกาแฟซึ่งดูคึกคักมากเป็นพิเศษในวันนี้  โป้งจึงต้องละจากการดูแลคนป่วยชั่วคราว  หันมาทำงานในร้านแทน  ผู้คนขวักไขว่ไปมา  ผ่านเข้ามานั่งบนโต๊ะ  หาความสุขสำราญและขจัดความหิวเสร็จสิ้นก็ลุกออกไป  คนแล้วคนเล่า  จนนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืน  ภารกิจในร้านจึงสิ้นสุดลง
    “วันนี้  คนเยอะจังเลยพี่”
    “ก็ดีแล้ว  ไม่ใช่เหรอ”
    “ครับ  ไม่รู้คุณพิมพ์เป็นไงบ้าง”
    โป้งเอ่ย  พลางเดินไปดูหลังร้าน  แต่กลับพบเพียงโซฟาที่ว่างเปล่า
    เข็มนาฬิกาบนฝาผนังยังคงกระดิกอยู่เรื่อยๆ  คล้ายกับจะทำหน้าที่ของมันให้ดีที่สุด  สายตาคู่นั้นจ้องไปที่มันด้วยความกระวนกระวายสับสนในใจ  เวลาผ่านไปกว่า2ชั่วโมงแล้ว  แต่ร่างที่ฟุบอยู่หน้าร้านยังนิ่งไม่ไหวติง
    มือแข็งแรงประคองร่างที่เกือบจะไม่ได้สติขึ้นมา  ดวงตาสองคู่ประสานกันอยู่ครู่หนึ่ง
    “พี่เขาให้ผมมาน่ะครับ  เข้าไปพักข้างในก่อนเถอะ”
    พิมพ์ปรีดาพยักหน้าช้าๆ  ก่อนจะเข้าไปนั่งบนโซฟาตัวหนึ่งในร้าน  โป้งหยิบผ้าเช็ดตัวพร้อมทั้งเสื้อผ้าชุดใหม่ส่งให้  พิมพ์ปรีดาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็หลับไปบนโซฟาด้วยความอ่อนล้า  สายตาคู่เดิมยังคงจ้องอยู่ที่ฝาผนัง  โป้งเข้ามารายงาน  “เธอหลับไปแล้วครับ”  ใบหน้านั้นพยักเพยิดเล็กน้อย  ก่อนจะสั่งให้โป้งไปนอนได้
    จากคนที่เคยอยู่ต่างสถานที่  กลับได้มาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน  หัวใจที่ใกล้ชิดกัน  นำพาร่างกายให้เข้ามาใกล้กันด้วย  แต่เมื่อทั้งร่างกายและหัวใจได้ไกลกันแล้ว  กลับทำให้ใจดวงหนึ่งไม่สงบ  คอยแต่กระวนกระวายห่วงหา  เมื่อใจไม่หลับ  ดวงตาก็ไม่อาจปิดลงได้  คงต้องคอยเฝ้าดูแลหัวใจอีกดวง  ที่กำลังสงบด้วยแรงแห่งนิทรารมณ์
    ยามเช้ามาเยือน  การทำงานก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง  พิพัฒน์ง่วนอยู่กับการเตรียมปิ้งขนมปัง  ต้มน้ำร้อนสำหรับชงกาแฟ  ส่วนโป้งก็ออกไปเปิดร้าน  ช่วยตระเตรียมจานชามสำหรับใส่ของให้ลูกค้า  พิมพ์ปรีดายังคงนอนนิ่งอยู่บนโซฟา  ด้วยพิษไข้ที่รุมเร้าตัวเธอ
    อาการนอนสงบนิ่งบนโซฟาติดต่อกันหลายชั่วโมง  ทำให้พิพัฒน์และโป้งเริ่มเอะใจในความผิดปกติที่เกิดขึ้น  แต่ด้วยทิฐิที่เกิดขึ้น  ผู้ที่เข้าไปดูอาการดอกหญ้าหรือพิมพ์ปรีดา  ก็ต้องกลายเป็นโป้งอย่างเสียไม่ได้  ทันทีที่เขย่าเรียกเธอ  โป้งก็ต้องร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ  เพราะแขนที่เย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง  แตะหน้าผากดู  ก็พบว่าหน้าผากร้อนเป็นไฟ
    “สงสัยคงเป็นไข้ซะแล้วล่ะครับ  พี่พัฒน์”
    “จริงเหรอ  งั้นเดี๋ยวพี่จะพาเขาไปหาหมอ”
    พิพัฒน์มีสีหน้าร้อนรนขึ้นมาทันที  ก่อนจะช้อนร่างบอบบางนั้นไว้ในอ้อมแขน ทำให้เจ้าตัวรู้สึกตัวฟื้นขึ้น  พิพัฒน์มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก  รีบวางร่างของเธอบนโซฟาตามเดิม
    “เดี๋ยวพี่ไปหายามาให้ทานดีกว่า  ท่าทางคงไม่เป็นอะไรมาก”
    ถึงปากจะพูดออกไปอยากนั้น  แต่จิตใจกลับเป็นห่วงกังวลจนบอกไม่ถูก  พิมพ์ปรีดารับประทานอาหารเข้าไปได้เพียง2-3คำ  หลังจากนั้นก็ทานยาและนอนพักต่อ
    “พี่พัฒน์อยู่ดูแลเขาเถอะครับ  เดี๋ยวเรื่องเปิดร้านตอนค่ำ  ผมจะจัดการเอง”
    “อย่าดีกว่า  พี่คิดว่าพี่คงถนัดจัดการกับเรื่องร้านมากกว่า  โป้งก็ดูแลเขาไปเถอะนะ”
    พิพัฒน์ทำแกล้งเดินไปจัดโน่นจัดนี่ในร้าน  แต่สายตากลับเหลือบมองพิมพ์ปรีดาบ่อยๆ  โป้งเห็นการกระทำของพิพัฒน์  ก็ได้แต่แอบขำในความหยิ่งไม่เข้าท่าของเขา
    ยามเย็นมาเยือนอีกครั้ง  แสงอาทิตย์เริ่มอ่อนล้าราลงทุกที  ตรงข้ามกับบรรยากาศร้านกาแฟซึ่งดูคึกคักมากเป็นพิเศษในวันนี้  โป้งจึงต้องละจากการดูแลคนป่วยชั่วคราว  หันมาทำงานในร้านแทน  ผู้คนขวักไขว่ไปมา  ผ่านเข้ามานั่งบนโต๊ะ  หาความสุขสำราญและขจัดความหิวเสร็จสิ้นก็ลุกออกไป  คนแล้วคนเล่า  จนนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืน  ภารกิจในร้านจึงสิ้นสุดลง
    “วันนี้  คนเยอะจังเลยพี่”
    “ก็ดีแล้ว  ไม่ใช่เหรอ”
    “ครับ  ไม่รู้คุณพิมพ์เป็นไงบ้าง”
    โป้งเอ่ย  พลางเดินไปดูหลังร้าน  แต่กลับพบเพียงโซฟาที่ว่างเปล่า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น