ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : แผนการของเธอ
ตอนที่11
    บรรยากาศยามค่ำคืนในร้านกาแฟยังคงเป็นดังเช่นทุกวัน  ฝนโปรยโรยละอองกระทบหลังคามุงแฝกดังเป็นจังหวะน่าฟัง  แสงไฟจากเสาไฟริมถนนสาดลงมากระทบพื้นที่เปียกแฉะไปด้วยน้ำ  แลเห็นเป็นเงารางๆของบรรดาลูกค้าที่มาดื่มกาแฟกันอย่างสุขสำราญ  พิมพ์ปรีดาก้าวเท้าเข้ามาอย่างแช่มช้า  เลือกนั่งโต๊ะตัวเดิมซึ่งยังว่างอยู่  สายตาของคนที่กำลังง่วนอยู่กับการชงกาแฟเหลือบมองไปทางนั้น  ก่อนที่เพื่อนร่วมงานคู่ใจ  จะเดินตรงไปรับออเดอร์  หลังจากได้รับอาหารตามที่สั่งแล้ว  พิมพ์ปรีดาก็ลงมือกิน กิน กิน แล้วก็กินราวกับอดอยากมาสักสิบปี  กาแฟถ้วยแล้วถ้วยเล่า  ขนมปังแผ่นแล้วแผ่นเล่า  ถูกนำมาเสิร์ฟ  แต่ดูเหมือนกว่า  ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของคนที่กำลังเจริญอาหารอย่างพิมพ์ปรีดา
    “เขาเป็นอะไรของเขา  กินอย่างกับ .” พิพัฒน์พูดได้เท่านั้นก็ชะงักไป  โป้งซึ่งยืนฟังอยู่หัวเราะเบาๆ
    “คงติดใจฝีมือชงกาแฟของพี่น่ะครับ  ผมเห็นดื่มเข้าไปตั้ง5ถ้วยแล้ว”
    “ไม่ต้องให้เขาดื่มอีกนะ  ดื่มมากไปไม่ดี  เสียสุขภาพ”
    ผู้รับคำสั่งแอบอมยิ้ม  ก่อนจะเดินไปรับออเดอร์จากลูกค้าโต๊ะอื่นๆต่อ  พิมพ์ปรีดาไม่ได้สั่งกาแฟแก้วที่6หรือ7มาดื่มอีก  หล่อยเพียงใช้ปลายนิ้วเขี่ยเศษขนมปังที่ยังคงเหลืออยู่ในจานเล่นๆเท่านั้น  หลังเอนพิงพนักเก้าอี้ไม้ไผ่ในท่าสบายอารมณ์
    ผู้คนในร้านลุกออกไปทีละคนสองคน  จนตอนนี้เหลือเพียงแค่เธอกับเจ้าของร้านและลูกจ้างอีก1คน
    “ทั้งหมดเท่าไหร่คะ”  ถามโดยไม่หันมามอง
    “72ครับ”
    พิมพ์ปรีดาพยักหน้าหงึกๆ  แล้วเงยหน้าขึ้นถามพร้อมรอยยิ้ม
    “ต้องทำงานกี่วันคะ  ถึงจะพอชดใช้ค่าอาหาร”
    คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความฉงน  แต่แล้วก็พอเข้าใจบางอย่างจึงยิ้มให้พร้อมกับตอบว่า
    “อันนี้ต้องถามเจ้าของร้านดูครับ  รอสักครู่นะครับ”
    “มีอะไร” พิพัฒน์ถาม  เมื่อเห็นโป้งเดินอมยิ้มเข้ามา
    “เขาบอกว่าไม่มีเงินจ่ายค่าอาหาร  จะขอทำงานชดใช้แทนครับ”
    “บอกเขาว่าไม่ต้อง  กลับไปซะ  มื้อนี้ฉันไม่คิดก็แล้วกัน”
    “พี่ยังคิดไม่ได้อีกเหรอ  เขาอุตส่าห์ทำขนาดนี้แล้วนะ”
    “พี่คิดได้แล้ว  และจะไม่คิดอะไรอีก”
    “แต่คุณต้องคิดค่ะ  ฉันไม่อยากติดหนี้ใคร”  พิมพ์ปรีดาเอ่ยเสียงเรียบ
    “คุณกลับไปดีกว่า  ถ้าคุณไม่อยากติดหนี้ผม  วันหลังค่อยจ่ายก็ได้”
    “ฉันไม่มีเงินค่ะ  มีแต่แรงงาน  แต่สองวันคงพอนะคะ”
    ว่าแล้ว  พิมพ์ปรีดาก็ลงมือเก็บจานอาหารทันที  ส่วนโป้งเข้าไปล้างจานหลังร้าน  พิพัฒน์ดึงจานออกจากมือพิมพ์ปรีดา
    “บอกแล้วว่าไม่ต้อง  อย่าให้ผมต้องหมดความอดทนนะ”
    “ถ้าคุณหมดความอดทน    คุณจะทำยังไงเหรอคะ”
    เธอหันมายิ้มยั่ว  แล้วลงมือเก็บจานต่อ
    พิพัฒน์ลากมือพิมพ์ปรีดาออกจากร้านในทันที  เขาผลักเธออย่างแรง  จนเธอลงไปกองกับพื้นข้างล่าง
    “ร้านกาแฟเล็กๆของผมคงไม่มีอะไรให้คุณโกงอีกแล้ว  เพราะฉะนั้น คุณจำไว้เลยนะว่า  อย่าเข้ามาเหยียบที่นี่อีกเด็ดขาด”
    “ฉันแค่อยากช่วยคุณเท่านั้น”  พิมพ์ปรีดาเม้มริมฝีปากแน่น  เพื่อกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกมา
    “ไม่จำเป็น  คุณคิดว่า  ผมจะโง่ยอมให้คุณหลอกอีกงั้นเหรอ  เก็บมารยาของคุณไว้ใช้กับผู้ชายคนอื่นจะดีกว่า”
    เขาหันหลังกลับเข้าร้านไป  เหลือไว้เพียงร่างบอบบางที่ชุ่มโชกด้วยสายฝน  หยดน้ำตาหลั่งรินอาบแก้ม  คละกับหยดน้ำฝนที่ยังคงตกลงมาอย่างหนัก  ร่างเล็กๆนั้น  ค่อยๆฟุบลงไปบนพื้น  อย่างคนที่เหนื่อยอ่อนและใกล้หมดลมหายใจ
    บรรยากาศยามค่ำคืนในร้านกาแฟยังคงเป็นดังเช่นทุกวัน  ฝนโปรยโรยละอองกระทบหลังคามุงแฝกดังเป็นจังหวะน่าฟัง  แสงไฟจากเสาไฟริมถนนสาดลงมากระทบพื้นที่เปียกแฉะไปด้วยน้ำ  แลเห็นเป็นเงารางๆของบรรดาลูกค้าที่มาดื่มกาแฟกันอย่างสุขสำราญ  พิมพ์ปรีดาก้าวเท้าเข้ามาอย่างแช่มช้า  เลือกนั่งโต๊ะตัวเดิมซึ่งยังว่างอยู่  สายตาของคนที่กำลังง่วนอยู่กับการชงกาแฟเหลือบมองไปทางนั้น  ก่อนที่เพื่อนร่วมงานคู่ใจ  จะเดินตรงไปรับออเดอร์  หลังจากได้รับอาหารตามที่สั่งแล้ว  พิมพ์ปรีดาก็ลงมือกิน กิน กิน แล้วก็กินราวกับอดอยากมาสักสิบปี  กาแฟถ้วยแล้วถ้วยเล่า  ขนมปังแผ่นแล้วแผ่นเล่า  ถูกนำมาเสิร์ฟ  แต่ดูเหมือนกว่า  ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของคนที่กำลังเจริญอาหารอย่างพิมพ์ปรีดา
    “เขาเป็นอะไรของเขา  กินอย่างกับ .” พิพัฒน์พูดได้เท่านั้นก็ชะงักไป  โป้งซึ่งยืนฟังอยู่หัวเราะเบาๆ
    “คงติดใจฝีมือชงกาแฟของพี่น่ะครับ  ผมเห็นดื่มเข้าไปตั้ง5ถ้วยแล้ว”
    “ไม่ต้องให้เขาดื่มอีกนะ  ดื่มมากไปไม่ดี  เสียสุขภาพ”
    ผู้รับคำสั่งแอบอมยิ้ม  ก่อนจะเดินไปรับออเดอร์จากลูกค้าโต๊ะอื่นๆต่อ  พิมพ์ปรีดาไม่ได้สั่งกาแฟแก้วที่6หรือ7มาดื่มอีก  หล่อยเพียงใช้ปลายนิ้วเขี่ยเศษขนมปังที่ยังคงเหลืออยู่ในจานเล่นๆเท่านั้น  หลังเอนพิงพนักเก้าอี้ไม้ไผ่ในท่าสบายอารมณ์
    ผู้คนในร้านลุกออกไปทีละคนสองคน  จนตอนนี้เหลือเพียงแค่เธอกับเจ้าของร้านและลูกจ้างอีก1คน
    “ทั้งหมดเท่าไหร่คะ”  ถามโดยไม่หันมามอง
    “72ครับ”
    พิมพ์ปรีดาพยักหน้าหงึกๆ  แล้วเงยหน้าขึ้นถามพร้อมรอยยิ้ม
    “ต้องทำงานกี่วันคะ  ถึงจะพอชดใช้ค่าอาหาร”
    คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความฉงน  แต่แล้วก็พอเข้าใจบางอย่างจึงยิ้มให้พร้อมกับตอบว่า
    “อันนี้ต้องถามเจ้าของร้านดูครับ  รอสักครู่นะครับ”
    “มีอะไร” พิพัฒน์ถาม  เมื่อเห็นโป้งเดินอมยิ้มเข้ามา
    “เขาบอกว่าไม่มีเงินจ่ายค่าอาหาร  จะขอทำงานชดใช้แทนครับ”
    “บอกเขาว่าไม่ต้อง  กลับไปซะ  มื้อนี้ฉันไม่คิดก็แล้วกัน”
    “พี่ยังคิดไม่ได้อีกเหรอ  เขาอุตส่าห์ทำขนาดนี้แล้วนะ”
    “พี่คิดได้แล้ว  และจะไม่คิดอะไรอีก”
    “แต่คุณต้องคิดค่ะ  ฉันไม่อยากติดหนี้ใคร”  พิมพ์ปรีดาเอ่ยเสียงเรียบ
    “คุณกลับไปดีกว่า  ถ้าคุณไม่อยากติดหนี้ผม  วันหลังค่อยจ่ายก็ได้”
    “ฉันไม่มีเงินค่ะ  มีแต่แรงงาน  แต่สองวันคงพอนะคะ”
    ว่าแล้ว  พิมพ์ปรีดาก็ลงมือเก็บจานอาหารทันที  ส่วนโป้งเข้าไปล้างจานหลังร้าน  พิพัฒน์ดึงจานออกจากมือพิมพ์ปรีดา
    “บอกแล้วว่าไม่ต้อง  อย่าให้ผมต้องหมดความอดทนนะ”
    “ถ้าคุณหมดความอดทน    คุณจะทำยังไงเหรอคะ”
    เธอหันมายิ้มยั่ว  แล้วลงมือเก็บจานต่อ
    พิพัฒน์ลากมือพิมพ์ปรีดาออกจากร้านในทันที  เขาผลักเธออย่างแรง  จนเธอลงไปกองกับพื้นข้างล่าง
    “ร้านกาแฟเล็กๆของผมคงไม่มีอะไรให้คุณโกงอีกแล้ว  เพราะฉะนั้น คุณจำไว้เลยนะว่า  อย่าเข้ามาเหยียบที่นี่อีกเด็ดขาด”
    “ฉันแค่อยากช่วยคุณเท่านั้น”  พิมพ์ปรีดาเม้มริมฝีปากแน่น  เพื่อกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกมา
    “ไม่จำเป็น  คุณคิดว่า  ผมจะโง่ยอมให้คุณหลอกอีกงั้นเหรอ  เก็บมารยาของคุณไว้ใช้กับผู้ชายคนอื่นจะดีกว่า”
    เขาหันหลังกลับเข้าร้านไป  เหลือไว้เพียงร่างบอบบางที่ชุ่มโชกด้วยสายฝน  หยดน้ำตาหลั่งรินอาบแก้ม  คละกับหยดน้ำฝนที่ยังคงตกลงมาอย่างหนัก  ร่างเล็กๆนั้น  ค่อยๆฟุบลงไปบนพื้น  อย่างคนที่เหนื่อยอ่อนและใกล้หมดลมหายใจ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น