ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่11
ตอนที่11
    ก่อนรถยนต์คันนั้นจะทันชนเธอ  ก็มีใครคนนึงมาดึงเธอให้หลงไปข้างทางเสียก่อน  แรงจากการกระชากทำให้ทั้งคู่ล้มลงบนพื้นถนน  ปราลีนั่งทับเขาเต็มๆ  ขณะที่มือข้างหนึ่งของเธอยังถูกเขาจับไว้แน่น  ปราลีกำลังจะหันไปขอบคุณ  แต่การสบสายตากับเขาทำให้คำพูดเหล่านั้นถูกกลืนหายลงไปในคอจนหมด
    “คุณทำอะไร  รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังจะโดนรถชนอยู่แล้วนะ”
    “อย่ามายุ่งกับฉัน”
    ปราลีตะโกนตอบไปด้วยความน้อยใจ  ก็เพราะใครกันล่ะที่ทำให้เธอต้องเป็นอย่างนี้  แทนที่จะถามว่าเธอเป็นอะไรบ้างไหม  กลับมาตะคอกใส่อยู่ได้
    “นี่คุณมีสติดีอยู่หรือเปล่า  รู้ตัวไหมว่ายืนอยู่กลางถนน”
    “สติฉันครบถ้วนดี  ปล่อยได้แล้ว  ฉันจะกลับบ้าน”
    “ผมปล่อยคุณกลับไปคนเดียวไม่ได้หรอก  ดูท่าทางใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว”  เขาพูดพลางประคองตัวเธอให้ลุก  แต่ปราลีกลับสะบัดออก
    “ปล่อยฉัน  ไม่ต้องมายุ่ง” 
    เธอพยายามยันตัวให้ออกห่างจากเขา  แต่ไม่สำเร็จ  เพราะเขาจับแขนเธอไว้แน่นทั้งสองข้าง  พยายามบังคับให้เธอหยุดดิ้นให้ได้  ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งที่ผ่านมา  ปราลีไม่ยอมแพ้เขาอีกแล้ว  ไม่ยอมอ่อนข้อให้ใจเธอต้องเจ็บปวดอีก  เธอรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้าย  ผลักเขาล้มลงไปนอนกองกับพื้นแล้วลุกวิ่งไป
    ปาณรวัฐประคองตัวขึ้นได้  ก็รีบวิ่งตามไป  จนถึงมุมตึกก็คว้าแขนคนอวดเก่งไว้ได้  แต่เธอก็ยังดิ้นและทุบเขาไม่ยอมหยุด
    “เลิกทำตัวเป็นเด็กๆซะทีนึงสิ”  เขาตะโกนแข่งกับเสียงฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนัก  แทนคำตอบ  ปราลีดิ้นอย่างไม่ยอมแพ้  ปากก็ตะโกนว่า  ปล่อยฉันๆไปด้วย  โดยไม่นึกว่าปาณรวัฐจะหยุดการดิ้นรนของเธอด้วยวิธี
    ริมฝีปากของเขากดทับลงบนริมฝีปากนุ่มอย่างรวดเร็ว  ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างของทั้งสอง  ขจัดความหนาวเหน็บจากสายฝนจนหมดสิ้น  อาการดื้อของปราลีหยุดลงอย่างฉับพลัน  เขาค่อยๆบดริมฝีปากเธอเป็นจังหวะที่นุ่มนวลอ่อนโยน  ปราลีรู้สึกวาบหวามด้วยไม่เคยมีผู้ชายคนใดกล้าทำอย่างนี้กับเธอมาก่อน  เธอยืนนิ่งดั่งถูกสะกด  คอยรับสัมผัสที่เขาส่งมาให้ด้วยใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ  และลมหายใจที่ขาดห้วง  เขาถอนริมฝีปากออก  จ้องมองใบหน้าเธอที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำฝนและหยาดน้ำตา  เอื้อมมือมาเช็ดใบหน้าเธอเบาๆ  พร้อมทั้งดึงตัวเธอเข้ามากอด  ร่างกายเปียกปอนของทั้งคู่  ต่างซุกหาไออุ่นจากอ้อมแขนของกันและกัน  ท่ามกลางพายุฝนโหมกระหน่ำ
    “อย่าทำอย่างนี้อีก  เข้าใจมั้ย  มันอันตราย  มีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็บอกผม  ผม..เอ่อ.....”
    เขาพูดได้แค่นั้น  ก็ผลักเธอออกจากอ้อมแขนเขา
    “ผมว่าเอริคเขาคงเป็นห่งคุณ”
    ปราลีได้ยินก็รู้สึกน้อยใจ  จะพูดว่าเขาเป็นห่วงเธอสักคำมันยากนักเหรอ  นั่นสินะ  เขาคงมีพันธะสัญญากับผู้หญิงคนอื่นอยู่  ก็เลยพูดไม่ได้
    “ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน”
    เขาเดินนำเธอไปยังรถ  และขับมาส่งจนถึงที่พัก  ทำไมนะ  เวลาที่เธอเดือดร้อน  ต้องเป็นเขาเสมอที่ยื่น มือเข้ามาช่วย  ทำไมไม่เป็นเอริคบ้าง  เธอจะได้ตัดใจจากเขาได้สักเล็กน้อยก็ยังดี  แต่ยิ่งนานวัน  กลับกลายเป็นเธอยิ่งรักเขามากขึ้นทุกวัน  ใจของเธอถลำลึกลงไปจนถอนไม่ขึ้นเสียแล้ว
    ส่วนปาณรวัฐขับรถกลับคอนโดด้วยใจเหม่อลอย  นึกโทษตัวเองหลายครั้งที่ทำกับเธออย่างนั้น  เธอคงโกรธเขาและหาว่าเขาไม่เป็นสุภาพบุรุษ  ตอนนั้นเขาควบคุมใจตัวเองไม่ได้เลย ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปว่าทำอะไรลงไป  รู้แต่ว่าเป็นห่วงเธอมาก  ต้องการจะให้เธอกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย  แต่ก็ดีแล้วนี่  ปล่อยให้เธอเกลียดเขา  เขาจะได้เลิกหวังในตัวเธอซะที  เลิกหวังว่าสักวันนึง  เธออาจจะรักเขาเหมือนอย่างที่เขารักเธอบ้าง
    “ปราลีเป็นอะไร”
    กุ๊กไก่ตะโกนใส่หูเธอ  ทำให้ปราลีที่นั่งใจลอยถึงกับสะดุ้งโหยง
    “ปล่าว”
    “ไม่จริง  ฉันเห็นเธอนั่งอย่างนี้มาครึ่งค่อนวันแล้วนะ  เดี๋ยวก็ทำหน้าเศร้า  เดี๋ยวก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่  ใจเธอเนี้ย  ลอยไปถึงหนุ่มคนไหนแล้วล่ะจ๊ะ”
    “ไม่มีซะหน่อย”
    “ฉันว่า  น่าจะเป็นหนุ่มที่ชอบนั่งข้างหน้าเธอใช่มั้ยล่ะ”
    โดนจับได้  หน้าของปราลีก็เป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมาในทันที  แต่ปากก็ปฏิเสธ
    “ไม่ใช่ซะหน่อย”
    “แต่เธอนั่งมองเก้าอี้ว่างๆตัวนี้มาตั้งหลายชั่วโมงแล้วนะ  ไม่คิดถึงนายหน้าหล่อนั่น  แล้วจะคิดถึงใคร”
    “ก็........เอ่อ.........เอริคไง”
    ปราลีแก้ตัวไป  โดยไม่ทันเห็นสีหน้าที่ซีดลงทันตาของเพื่อนสาว  เมื่อเธอเอ่ยนาม “เอริค”  ออกมา  จะว่าไป  ตั้งแต่วันที่นัดทานไอติมกัน  เธอก็ไม่เคยพบเอริคอีกเลย  เวลาก็ผ่านมานานหลายวันแล้ว  นานพอๆกับที่เธอไม่ได้พบเจ้าชายของเธอนั่นแหละ 
    “เขาไปไหนเหรอ”  ปราลีถาม  สุดท้าย  เธอต้องยอมเปิดใจตัวเองให้เพื่อนได้รับรู้
    “ใคร....เอริคเหรอ”
    “ไม่ใช่”
    ปราลีปฏิเสธ  พลางเบือนหน้าไปยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ข้างหน้าเธออีกครั้ง  ความเศร้าสร้อยฉายชัดในแววตาทั้งคู่
    “อ๋อ  เขาไปแข่งขันตอบคำถามภาษาอังกฤษ  พรุ่งคงกลับแล้ว”
    “เขาเก่งจังเลยนะ  เพียบพร้อยไปหมดทุกอย่าง”
    กุ๊กไก่ตบบ่าเพื่อนเบาๆ  แม้จะยังไม่เข้าใจปัญหาของคู่นี้  แต่เธอก็พอรู้ว่า  ทั้งสองคนรักกัน  จากปากของเอริค  ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนใจมาคบเธอแทน
    “รับคนที่เขาไม่รักเรา  มันเศร้าใจ  เลยเลิกดีกว่า”  นี่คือเหตุผลของเอริค  เธอเองก็อดเป็นห่วงเพื่อนคนนี้ไม่ได้  ใครๆก็รู้กิตติศัพท์ความเจ้าชู้ของนายปาณรวัฐคนนี้ดี
    “ปราลี  เขาเป็นคนเจ้าชู้นะ”
    ปราลีฝืนยิ้ม  ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้เรื่องนี้  แต่คนมันรัก  ห้ามได้ไง
    ก่อนรถยนต์คันนั้นจะทันชนเธอ  ก็มีใครคนนึงมาดึงเธอให้หลงไปข้างทางเสียก่อน  แรงจากการกระชากทำให้ทั้งคู่ล้มลงบนพื้นถนน  ปราลีนั่งทับเขาเต็มๆ  ขณะที่มือข้างหนึ่งของเธอยังถูกเขาจับไว้แน่น  ปราลีกำลังจะหันไปขอบคุณ  แต่การสบสายตากับเขาทำให้คำพูดเหล่านั้นถูกกลืนหายลงไปในคอจนหมด
    “คุณทำอะไร  รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังจะโดนรถชนอยู่แล้วนะ”
    “อย่ามายุ่งกับฉัน”
    ปราลีตะโกนตอบไปด้วยความน้อยใจ  ก็เพราะใครกันล่ะที่ทำให้เธอต้องเป็นอย่างนี้  แทนที่จะถามว่าเธอเป็นอะไรบ้างไหม  กลับมาตะคอกใส่อยู่ได้
    “นี่คุณมีสติดีอยู่หรือเปล่า  รู้ตัวไหมว่ายืนอยู่กลางถนน”
    “สติฉันครบถ้วนดี  ปล่อยได้แล้ว  ฉันจะกลับบ้าน”
    “ผมปล่อยคุณกลับไปคนเดียวไม่ได้หรอก  ดูท่าทางใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว”  เขาพูดพลางประคองตัวเธอให้ลุก  แต่ปราลีกลับสะบัดออก
    “ปล่อยฉัน  ไม่ต้องมายุ่ง” 
    เธอพยายามยันตัวให้ออกห่างจากเขา  แต่ไม่สำเร็จ  เพราะเขาจับแขนเธอไว้แน่นทั้งสองข้าง  พยายามบังคับให้เธอหยุดดิ้นให้ได้  ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งที่ผ่านมา  ปราลีไม่ยอมแพ้เขาอีกแล้ว  ไม่ยอมอ่อนข้อให้ใจเธอต้องเจ็บปวดอีก  เธอรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้าย  ผลักเขาล้มลงไปนอนกองกับพื้นแล้วลุกวิ่งไป
    ปาณรวัฐประคองตัวขึ้นได้  ก็รีบวิ่งตามไป  จนถึงมุมตึกก็คว้าแขนคนอวดเก่งไว้ได้  แต่เธอก็ยังดิ้นและทุบเขาไม่ยอมหยุด
    “เลิกทำตัวเป็นเด็กๆซะทีนึงสิ”  เขาตะโกนแข่งกับเสียงฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนัก  แทนคำตอบ  ปราลีดิ้นอย่างไม่ยอมแพ้  ปากก็ตะโกนว่า  ปล่อยฉันๆไปด้วย  โดยไม่นึกว่าปาณรวัฐจะหยุดการดิ้นรนของเธอด้วยวิธี
    ริมฝีปากของเขากดทับลงบนริมฝีปากนุ่มอย่างรวดเร็ว  ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างของทั้งสอง  ขจัดความหนาวเหน็บจากสายฝนจนหมดสิ้น  อาการดื้อของปราลีหยุดลงอย่างฉับพลัน  เขาค่อยๆบดริมฝีปากเธอเป็นจังหวะที่นุ่มนวลอ่อนโยน  ปราลีรู้สึกวาบหวามด้วยไม่เคยมีผู้ชายคนใดกล้าทำอย่างนี้กับเธอมาก่อน  เธอยืนนิ่งดั่งถูกสะกด  คอยรับสัมผัสที่เขาส่งมาให้ด้วยใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ  และลมหายใจที่ขาดห้วง  เขาถอนริมฝีปากออก  จ้องมองใบหน้าเธอที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำฝนและหยาดน้ำตา  เอื้อมมือมาเช็ดใบหน้าเธอเบาๆ  พร้อมทั้งดึงตัวเธอเข้ามากอด  ร่างกายเปียกปอนของทั้งคู่  ต่างซุกหาไออุ่นจากอ้อมแขนของกันและกัน  ท่ามกลางพายุฝนโหมกระหน่ำ
    “อย่าทำอย่างนี้อีก  เข้าใจมั้ย  มันอันตราย  มีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็บอกผม  ผม..เอ่อ.....”
    เขาพูดได้แค่นั้น  ก็ผลักเธอออกจากอ้อมแขนเขา
    “ผมว่าเอริคเขาคงเป็นห่งคุณ”
    ปราลีได้ยินก็รู้สึกน้อยใจ  จะพูดว่าเขาเป็นห่วงเธอสักคำมันยากนักเหรอ  นั่นสินะ  เขาคงมีพันธะสัญญากับผู้หญิงคนอื่นอยู่  ก็เลยพูดไม่ได้
    “ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน”
    เขาเดินนำเธอไปยังรถ  และขับมาส่งจนถึงที่พัก  ทำไมนะ  เวลาที่เธอเดือดร้อน  ต้องเป็นเขาเสมอที่ยื่น มือเข้ามาช่วย  ทำไมไม่เป็นเอริคบ้าง  เธอจะได้ตัดใจจากเขาได้สักเล็กน้อยก็ยังดี  แต่ยิ่งนานวัน  กลับกลายเป็นเธอยิ่งรักเขามากขึ้นทุกวัน  ใจของเธอถลำลึกลงไปจนถอนไม่ขึ้นเสียแล้ว
    ส่วนปาณรวัฐขับรถกลับคอนโดด้วยใจเหม่อลอย  นึกโทษตัวเองหลายครั้งที่ทำกับเธออย่างนั้น  เธอคงโกรธเขาและหาว่าเขาไม่เป็นสุภาพบุรุษ  ตอนนั้นเขาควบคุมใจตัวเองไม่ได้เลย ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปว่าทำอะไรลงไป  รู้แต่ว่าเป็นห่วงเธอมาก  ต้องการจะให้เธอกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย  แต่ก็ดีแล้วนี่  ปล่อยให้เธอเกลียดเขา  เขาจะได้เลิกหวังในตัวเธอซะที  เลิกหวังว่าสักวันนึง  เธออาจจะรักเขาเหมือนอย่างที่เขารักเธอบ้าง
    “ปราลีเป็นอะไร”
    กุ๊กไก่ตะโกนใส่หูเธอ  ทำให้ปราลีที่นั่งใจลอยถึงกับสะดุ้งโหยง
    “ปล่าว”
    “ไม่จริง  ฉันเห็นเธอนั่งอย่างนี้มาครึ่งค่อนวันแล้วนะ  เดี๋ยวก็ทำหน้าเศร้า  เดี๋ยวก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่  ใจเธอเนี้ย  ลอยไปถึงหนุ่มคนไหนแล้วล่ะจ๊ะ”
    “ไม่มีซะหน่อย”
    “ฉันว่า  น่าจะเป็นหนุ่มที่ชอบนั่งข้างหน้าเธอใช่มั้ยล่ะ”
    โดนจับได้  หน้าของปราลีก็เป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมาในทันที  แต่ปากก็ปฏิเสธ
    “ไม่ใช่ซะหน่อย”
    “แต่เธอนั่งมองเก้าอี้ว่างๆตัวนี้มาตั้งหลายชั่วโมงแล้วนะ  ไม่คิดถึงนายหน้าหล่อนั่น  แล้วจะคิดถึงใคร”
    “ก็........เอ่อ.........เอริคไง”
    ปราลีแก้ตัวไป  โดยไม่ทันเห็นสีหน้าที่ซีดลงทันตาของเพื่อนสาว  เมื่อเธอเอ่ยนาม “เอริค”  ออกมา  จะว่าไป  ตั้งแต่วันที่นัดทานไอติมกัน  เธอก็ไม่เคยพบเอริคอีกเลย  เวลาก็ผ่านมานานหลายวันแล้ว  นานพอๆกับที่เธอไม่ได้พบเจ้าชายของเธอนั่นแหละ 
    “เขาไปไหนเหรอ”  ปราลีถาม  สุดท้าย  เธอต้องยอมเปิดใจตัวเองให้เพื่อนได้รับรู้
    “ใคร....เอริคเหรอ”
    “ไม่ใช่”
    ปราลีปฏิเสธ  พลางเบือนหน้าไปยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ข้างหน้าเธออีกครั้ง  ความเศร้าสร้อยฉายชัดในแววตาทั้งคู่
    “อ๋อ  เขาไปแข่งขันตอบคำถามภาษาอังกฤษ  พรุ่งคงกลับแล้ว”
    “เขาเก่งจังเลยนะ  เพียบพร้อยไปหมดทุกอย่าง”
    กุ๊กไก่ตบบ่าเพื่อนเบาๆ  แม้จะยังไม่เข้าใจปัญหาของคู่นี้  แต่เธอก็พอรู้ว่า  ทั้งสองคนรักกัน  จากปากของเอริค  ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนใจมาคบเธอแทน
    “รับคนที่เขาไม่รักเรา  มันเศร้าใจ  เลยเลิกดีกว่า”  นี่คือเหตุผลของเอริค  เธอเองก็อดเป็นห่วงเพื่อนคนนี้ไม่ได้  ใครๆก็รู้กิตติศัพท์ความเจ้าชู้ของนายปาณรวัฐคนนี้ดี
    “ปราลี  เขาเป็นคนเจ้าชู้นะ”
    ปราลีฝืนยิ้ม  ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้เรื่องนี้  แต่คนมันรัก  ห้ามได้ไง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น