คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Pass 5 - It's Not Just For Show
Pass 5
‘It's Not Just For Show’
เนื่องจากกลัวว่าคางามิจะทำแป้นบาสหักอีกเป็นรอบที่สอง ทางไคโจวจึงจำเป็นที่จะต้องใช้ทั้งสนามแทน เพราะแป้นบาสที่ใช้สำหรับทั้งสนามมีขนาดที่ใหญ่และแข็งแรงกว่าแป้นบาสที่ใช้เพียงครึ่งสนาม จึงทำให้สมาชิกชมรมบาสไคโจวที่เหลือโดนยกเลิกการฝึกซ้อมและมาช่วยกันเคลียร์สนามเพื่อใช้ในการแข่งแทน
“อะไรนะ? พวกเขาจะใช้ทั้งสนามเลยงั้นเหรอ?”
“พวกเขาทำแป้นบาสพังด้วย!”
“ห๊า? จริงดิ!!”
คิเสะรู้ได้ในทันทีว่าในอีกไม่ช้าเขาจะต้องถูกเรียกให้ลงสนาม จึงลุกขึ้นมาเตรียมวอร์มร่างกายให้พร้อม เขาเอ่ยติดตลกกับคางามิและทาคาระที่กำลังย้ายของไปยังอีกฝั่งของสนาม
“คุณทำให้โค้ชตกใจมากเลยนะ เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเขาทำหน้าแบบนั้น”
“ก็เพราะเขาเอาแต่ดูถูกพวกเรา สมควรแล้ว!”
“…คางามิคุง คุณรู้ไหมคะว่าค่าแป้นบาสราคาเท่าไหร่?”
ถ้าทาคาระไม่เอ่ยถามออกมาพวกเขาคงลืมไปแล้วว่าเธอยืนอยู่ตรงนี้ด้วย จากนั้นหัวข้อสนทนาของพวกเขาเลยเปลี่ยนไปเป็นเรื่องราคาของแป้นบาสกับเรื่องที่ว่าใครควรเป็นคนจ่ายค่าแป้นบาสที่พังไปแทน
“ห๊า!? พวกเราต้องจ่ายด้วยเหรอ!?”
“นั้นสิ! ในเมื่อคุโรโกจิไม่ได้เป็นคนทำพังทำไมจะต้องจ่ายด้วย!?”
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง!? นายจะบอกให้ฉันจ่ายคนเดียวงั้นสิ!”
“ก็ในเมื่อคุณเป็นคนทำพังทำไมคุโรโกจิต้องมาจ่ายด้วย!”
“ทำไมจะไม่ได้! ก็ในเมื่อยัยนี่เป็นคนต้นคิดดังนั้นก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันถึงจะถูก!”
พอพวกเขาทั้งสองหันมาอีกทีก็พบว่าคนที่เปิดหัวข้อสนทนาเหล่านี้ขึ้นมาหายตัวไปแล้ว ก่อนหน้านี้ทาคาระที่เห็นว่าพวกเขาเริ่มที่จะกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งโรงยิมมากขึ้นจึงอาศัยจังหวะที่ทั้งสองคนเผลอหลบฉากออกมา และในเสี้ยววินาทีที่เธอกวาดสายตาไปรอบๆ ก็ดันสบตาเข้ากับใครบางคนโดยบังเอิญ
“…นั่นมัน”
ทางด้านไคโจว ทาเคอุจิรู้สึกโกรธเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขารู้สึกเหมือนถูกเซย์รินหักหน้า นั่นจึงทำให้เขาตัดสินใจที่จะเอาดาวเด่นของทีมอย่างคิเสะลงแข่ง
“คิเสะ! มานี่สิ!!”
เนื่องจากตอนนี้พวกเขาเปลี่ยนแผนจากเดิมที่ใช้เพียงแค่ครึ่งสนามมาเป็นทั้งสนามแทน ทำให้นักกีฬาที่เหลือไม่สามารถฝึกซ้อมได้ตามตารางซ้อมเดิม จึงผันตัวเองไปเป็นผู้ชมกระจายอยู่รอบๆ สนามแทน โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นถึงจำนวนผู้ชมที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็เตรียมสนามเสร็จ นักกีฬาของทั้งโรงเรียนเดินเข้าประจำตำแหน่งในทันที และคราวนี้ทางฝั่งไคโจวเปลี่ยนตัวผู้เล่นหนึ่งคน
“ในที่สุดก็ลงเล่นแล้วสินะ” คางามิ
“แรงกดดันไม่ใช่เล่นเลย แน่ใจนะว่าหมอนั่นเป็นนายแบบจริงๆ” ฮิวงะ
“นี่ไม่ใช่การแสดง พวกเราไม่ควรที่จะประมาท” ทาคาระ
“พวกเราจะเริ่มการแข่งต่อแล้วนะ!”
กรรมการส่งเสียงเพื่อบอกให้ผู้เล่นเตรียมตัวลงสนาม คิเสะที่อยู่ในโหมดเอาจริงแตกต่างไปจากตอนปกติอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของเขาจริงจังไม่มีรอยยิ้มที่ขี้เล่นนั้นอีกแล้ว บวกกับการแข่งในครั้งนี้มีทาคาระ(และนิจิมุระ)เป็นเดิมพัน ทำให้คิเสะรู้สึกมีแรงจูงใจในการแข่งมากกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า และถึงแม้ว่าเขาจะแอบกังวลอยู่บ้างที่อีกทีมมีทาคาระกับนิจิมุระอยู่ด้วย ทว่าพอเห็นว่าคนที่ลงเล่นมีเพียงทาคาระเท่านั้นเขาจึงมั่นใจว่ายังไงตัวเองก็สามารถเอาชนะได้แน่ๆ
‘คราวนี่หล่ะ…’
ไอดะได้โอกาสจึงใช้ความสามารถประเมินศักยภาพของคิเสะในทันที
‘คิเสะ เรียวตะ! หมอนี่เป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ’
ส่วนสูง 189 ซม. น้ำหนัก 70 กก. ค่าพลัง ความรวดเร็ว และความคล่องตัวทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์ที่สูงมาก ถึงแม้ว่าเขาจะสวมใส่เสื้อผ้าอยู่ก็ยังคงมีตัวเลขที่สูงกว่าคนอื่นๆ ในสนาม นั่นยิ่งทำให้ไอดะรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก
“กรี๊ดดด!! คิเสะคุง!!”
“กรี๊ดดดดด!!!”
ทันทีที่คิเสะเดินลงสนามเสียงกรีดร้องของสาวๆ ก็ดังขึ้น ทาคาระ นิจิมุระ และนักกีฬาชมรมบาสของไคโจวรู้สึกชินตาและชินหูเป็นอย่างมาก เพราะทุกๆ ครั้งที่คิเสะลงสนามก็มักจะมีแฟนคลับมาให้กำลังใจอยู่เสมอ ต่างจากคนของเซย์ริน พวกเขาค่อนข้างตกใจและรู้สึกแปลกๆ นิดหน่อยที่มีผู้ชมสาวๆ เยอะขนาดนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มาเชียร์พวกเขาก็เถอะ ฮิวงะจึงอดที่จะถามคาซามัตสึที่ยืนถอนหายใจอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้
“เหวอ!? นี่มันอะไรกันเนี่ย?”
“อา นั่นนะเหรอ? มันมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เจ้านั่นลงเล่น”
“ดูท่าคิเสะคุงคงสร้างปัญหาให้คุณไม่ใช่น้อย”
“วะ...วะ...เหวอ!?”
ไม่ใช่แค่คาซามัตสึที่ตกใจ เพราะกัปตันทีมอย่างฮิวงะเองก็ตกใจไม่แพ้กันที่จู่ๆ ทาคาระก็โผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และด้วยความที่คาซามัตสึเป็นคนที่ทำตัวไม่ถูกเวลาอยู่กับเพศตรงข้ามเขาจึงทำทีเข้าไปสั่งสอนคิเสะเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าหรือพูดคุยกับทาคาระ นั่นทำให้เขาพลาดบทสนทนาบางอย่างของเซย์รินไป
“คุโรโกะ ตอนสมัยอยู่เทย์โควเป็นแบบนี้บ่อยไหม?”
“บ่อยๆ เลยค่ะ ตอนนั้นทั้งโค้ชและกัปตันโมโหคิเสะคุงมากๆ”
“เข้าใจเลยล่ะ”
ทางด้านคิเสะก็โดนคาซามัตสึกระโดดถีบขาคู่เข้าใส่เต็มๆ
พลั่ก!
“จะโบกมือให้สาวๆ อีกนานไหมห๊ะ!!!”
“โอ๊ย! ผมขอโทษ!”
“ฉันจะตีนายให้ตายเลย!!”
“…แต่คุณถีบผมไปแล้วนะ”
“นายเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ไหมคิเสะ!?”
“โอ๊ยๆ”
ยิ่งเห็นท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวของคิเสะก็ยิ่งทำให้เขาโมโหมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าภายในใจเขาจะสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นน้องของเขากับผู้เล่นผู้หญิงคนนั้นก็ตามที เขารู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเธอกับผู้ชายอีกคนของทีมเซย์รินเป็นอย่างมากแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ด้วยอารามโมโหบวกกับรู้สึกขัดใจที่นึกบางอย่างไม่ออกแต่ไม่รู้จะทำยังไงจึงเอาไปลงกับคิเสะแทน และเนื่องจากคิเสะยังต้องใช้หน้าตาทำมาหากินอยู่เขาจึงชกไปที่ไหล่ของอีกฝ่ายแทน
“ในเมื่อพวกนั่นเปิดตัวมาแบบนี้ มันเสียมารยาทนะถ้าพวกเราไม่ตอบโต้กลับไป”
“…”
คิเสะเข้าใจได้ในทันทีว่าสิ่งที่กัปตันพูดหมายถึงอะไร โดยที่คาซามัตสึและนักกีฬาคนอื่นๆ ในไคโจวไม่รู้เลยสักนิดว่าคิเสะไปท้าพนันกับเซย์รินเอาไว้ ทันทีที่เกมส์เริ่มฝ่ายไคโจวก็ได้ลูกไปก่อน และครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ประมาทเซย์รินเหมือนอย่างที่ผ่านมา
“อ่า!!”
คิเสะอาศัยจังหวะทีเผลอสลัดคางามิที่ตามประกบตัวเองหลุดและวิ่งไปรับลูกที่คาซามัคสึส่งมาให้ และทันทีที่เขาได้รับลูกก็กระโดดขึ้นไปเพื่อดังก์ทำแต้มให้กับทีม
“นี่คือคำทักทายของพวกเรา”
“…!!”
‘เจ้านั่น ไม่จริงใช่ไหม!?’
“โอ้ว!!”
“สุดยอด!!”
ไม่ใช่เพียงแค่คางามิเท่านั่นที่ตกใจ เพราะท่าดังก์มือเดียวของคิเสะเป็นท่าเดียวกันกับที่คางามิทำก่อนหน้านี้ไม่มีผิด เป็นท่าเดียวกับที่คางามิทำแป้นบาสของไคโจวพัง ราวกับว่าไคโจวกำลังตอบโต้กลับคำท้าของเซย์รินก่อนหน้านี้ ต่างกันแค่รอบนี้แป้นบาสไม่ได้พังเหมือนกันกับที่คางามิทำ ทำให้คาซามัตสึไม่พอใจคิเสะเป็นอย่างมาก เจ้าตัวไม่รอช้าถีบอีกฝ่ายโดยไม่ยั้งทันที
“เจ้าโง่! นายต้องทำให้แป้นบาสพังด้วยสิ!! ไปทำอีกรอบ!!”
“โอ๊ย ผมขอโทษ!”
‘เอ๋!!?’
ถึงแม้ว่าแป้นบาสจะไม่พังลงมาทว่ามันก็สั่นอยู่ไม่ใช่น้อย และคางามิก็มองออกได้ทันทีว่าถ้าแป้นบาสเป็นแบบเดียวกับก่อนหน้านี้ก็ไม่พ้นคงพังลงมาเหมือนกับที่เขาทำ และแน่นอนว่าสภาพอาจจะพังเยอะกว่าก็เป็นไปได้
‘ไม่สิ พละกำลังของหมอนั่นเยอะกว่าของฉันซะอีก’
“ผมทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ เพราะคุโรโกจิดูอยู่ แต่...”
“…”
“เมื่ออยู่ในเกมส์ผมจะไม่ลืมที่ตอบแทนคุณอย่างแน่นอน”
ประโยคที่สองคิเสะหันหน้ามาพูดกับคางามิ และนั่นก็ทำให้คางามิรู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เขาจึงตะโกนบอกให้ทาคาระส่งบอลให้ทันที เพื่อเริ่มทำการโต้กลับฝั่งไคโจวโดยไม่รีรอ
“ได้!! คุโรโกะส่งบอล!!!”
กว่าจะรู้ตัวทาคาระก็พาสบอลส่งไปให้คางามิแล้ว
“เหวอ!”
“!?”
‘โผล่ามาจากไหนกัน? ตั้งแต่แรกแล้วอย่างนั้นเหรอ!?’
ราวกับเดจาวู เพราะขนาดคาซามัตสึที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็ยังไม่สามารถสกัดทาคาระเอาไว้ได้ ทันทีที่ได้ลูกคางามิก็รีบโต้กลับทำคะแนนคืนได้อย่างรวดเร็ว ทางฝั่งไคโจวเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำคะแนนโต้กลับมาได้ก็ยิ่งเครื่องร้อนทันที เพราะตอนแรกพวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะมีฝีมืออะไรขนาดนั้น พอมาเจออะไรแบบนี้เข้าก็ทำให้ได้รู้ว่าพวกเขาประเมินอีกฝ่ายต่ำไปจริงๆ
“มาแข่งกันให้เต็มที่เถอะ!!”
‘เดี๋ยวสิ นี้มันเกิดอะไรขึ้นกัน…’
ไอดะมองกระดานคะแนนสลับกับในสนามไปมาด้วยความตกใจ เพราะการแข่งเพิ่งเริ่มได้ไม่ถึงสามนาทีต่างฝ่ายต่างก็ทำคะแนนไล่กันมาติดๆ ตอนนี้คะแนนอยู่ที่เซย์ริน 16 คะแนน ไคโจว 17 คะแนน ไม่ใช่เพียงไอดะเท่านั้นที่ตกใจ คนทั้งโรงยิมต่างก็รู้สึกไม่ต่างกัน
“นี่มันอะไรกันเนี่ย!?”
“แล้วคะแนนนั่นมันอะไรกัน!?”
“การแข่งเพิ่งเริ่มเมื่อสามนาทีที่แล้วไม่ใช่เหรอ!?”
‘ทั้งสองทีมต่างผลัดกันรุกผลักกันรับไปมา แน่นอนว่าการตั้งรับเองก็ทำได้ดีเยี่ยม แต่เพราะการโจมตีของทั้งสองทีมรวดเร็วและแข็งแกร่งกันมาก ขนาดเพิ่งเริ่มเกมส์เพียงสามนาทีทั้งสองทีมต่างก็ทำคะแนนตีตื้นกันมาถึงขนาดนี้แล้ว นี่น่ะเหรอสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อผู้เล่นทั้งสองของ ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ มาปะทะกัน!!’
ในสนามแข่งเองก็ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ฮิวงะพยายามหลบหลีกทีมตรงข้ามที่จะเข้ามาชิงบอลในมือของเขา
‘ถ้าไม่นับรวมคิเสะแล้วล่ะก็ผู้เล่นอีกสี่คนที่เหลือต่างก็มีฝีมือที่แข็งแกร่งเหมือนกัน นี่มันบ้าชัดๆ!! แต่ฉันก็ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะ แต่ถ้าไม่มีคางามิและคุโรโกะป่านนี้พวกเราคงแพ้ราบคาบแล้ว และฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าคะแนนที่ตีตื้นกันอยู่แบบนี้จะอยู่ได้นานสักเท่าไหร่กัน!?’
หลังจากนั้นฮิวงะก็พาสลูกส่งไปยังคางามิที่มีเพียงคิเสะตามประกบเท่านั้น และคางามิอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวกระโดดเอนตัวไปทางด้านหลังและชู้ตลูกออกไป สร้างความตกใจให้กับผู้ชมอย่างมาก
“หื้ม!?”
“ท่านั่นมัน!?”
“หวา!?”
ทว่าคิเสะก็สามารถกระโดดขึ้นมาบล็อกลูกเอาไว้ได้ทัน ทำให้ในตอนนี้ลูกตกไปอยู่ในมือของทีมไคโจวจนได้ คิเสะเลี้ยงลูกฝ่าไปอีกฝั่งทันที คางามิเองก็ตามไปประกบติดๆ และก็เป็นอีกครั้งที่คิเสะทำให้คางามิหงุดหงิดขึ้น เพราะเขากระโดดและใช้ท่าเดียวกับที่คางามิใช้ไปก่อนหน้านี้
‘ท่านี่มัน!? เจ้านี่เอาอีกแล้ว!! นอกจากนั้นแล้วพลังกำลังของหมอนี่แข็งแกร่งกว่ามาก!!’
และนั่นก็ทำให้ทางด้านไคโจวได้คะแนนไป ทาคาระที่เห็นท่าไม่ดีจึงเดินไปใกล้ๆ ฮิวงะเพื่อบอกให้อีกฝ่ายขอเวลานอก
“กัปตัน ฉันอยากจะขอเวลานอกสักหน่อยค่ะ”
“เหวอ!! เดี๋ยวก่อนสิ ทำไมถึงถามฉันแบบนั้นล่ะ!?”
“ถ้าขืนเล่นกันแบบนี้ต่อไปมันจะไม่ดีต่อร่างกายพวกเรานะคะ”
“เอ๋? อย่าบอกนะว่าเธอถอดใจแล้วนะ!?”
“และฉันว่าทางที่ดีพวกเราควรทำให้คางามิใจเย็นลงมากกว่านี้นะคะ”
“เอ๋?”
ทาคาระไม่ได้ตอบคำถามของฮิวงะแต่เบี่ยงประเด็นไปเรื่องของคู่หูของเธอแทน และพยายามอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าทำไมคางามิถึงต้องใจเย็นลงมากกว่านี้
“ถ้าคางามิคุงมัวแต่ใจร้อนก็จะยิ่งโมโหมากยิ่งขึ้น และยิ่งเขาท้าทายอีกฝ่ายมากเท่าไหร่คิเสะคุงก็จะตอบกลับด้วยพละกำลังที่มากขึ้น ถ้าทำแบบนี้ต่อไปพวกเราก็ทำได้แค่ไล่ตามอีกฝ่ายเท่านั้นและอาจทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง”
และพอฮิวงะคิดตามสิ่งที่ทาคาระพูดเขาก็เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพยายามจะสื่อได้ในทันที เพราะเขาเองก็สังเกตเห็นว่าไอดะที่อยู่ข้างสนามกำลังเดินไปบอกกรรมการเพื่อขอเวลานอกเหมือนกัน
‘คุโรโกะพูดเยอะกว่าปกตินะเนี่ย แสดงว่าสถานการณ์อาจจะย่ำแย่กว่าที่ฉันคิดเอาไว้ก็ได้’
“อืม ท่าจะจริง เพราะดูเหมือนว่าโค้ชเองก็คงจะคิดเหมือนกัน”
“เซย์รินขอเวลานอก!”
นักกีฬาทั้งสองทีมแยกย้ายกันไปนั่งพักทันที สภาพทางฝั่งเซย์รินดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ทั้งๆ ที่พวกเขาเพิ่งเล่นไปได้เพียงแค่ห้านาทีเท่านั้น ตอนนี้คะแนนอยู่ที่เซย์ริน 22 คะแนน ไคโจว 25 คะแนน ซึ่งทั้งนิจิมุระและไอดะต้องรีบวางแผนกันอย่างเร่งด่วน เพราะถ้าขืนยังคงเล่นแบบนี้ต่อไปพวกเขาไม่มีทางชนะไคโจวได้อย่างแน่นอน
‘ทุกคนเหนื่อยกันมาก สภาพดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งจะลงแข่งไปได้แค่ 5 นาทีเท่านั้น มันเป็นไปไม่ได้เลย พวกเขาเปลี่ยนสลับกันรุกสลับกันรับไปมาแบบนี้ทำให้ทุกอย่างดูวุ่นวายกันไปหมด พวกเราจะต้องเปลี่ยนแผนหาทางรับมือและวางแผนการโจมตีให้ดีกว่านี้ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่พวกเขาจะเอาชนะไคโจวได้แน่ๆ และทาคาระเองก็ยังไม่สามารถเล่นได้อย่างเต็มที่มากนัก ถ้าเป็นเมื่อก่อนทาคาระอาจจะสามารถเอาชนะคิเสะแบบ 1 ต่อ 1 ได้ ทว่าตอนนี้มันต่างออกไป ตัวทาคาระไม่สามารถออกแรงได้มากเหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว และเทคนิคมิสไดเรคชั่นเองก็มีจุดอ่อนอยู่เหมือนกัน ขืนฝืนเล่นไปเรื่อยๆ ยังไงอีกฝ่ายก็จับทางได้อยู่ดี แต่จะให้ใช้เทคนิคอื่นร่างกายก็ยังไม่พร้อม’ นิจิมุระคิด
ทางด้านไคโจวเองก็ดุเดือดไม่แพ้ทางด้านเซย์ริน ทาเคอุจิอารมณ์เสียอย่างมากเมื่อเห็นว่าทีมที่ตัวเองสบประมาทเอาไว้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่งทำคะแนนห่างกับทีมของเขาอยู่แค่ 3 คะแนนเท่านั้น
“นี่มันอะไรกัน!? พวกนายจะปล่อยให้พวกนั้นทำคะแนนไปถึงไหนกัน! ตอนตั้งรับพวกนายหลับอยู่รึไงห๊า!?”
สภาพผู้เล่นของไคโจวเองก็ไม่ต่างไปจากเซย์รินมากนัก พวกเขาเหงื่อออกและดูเหนื่อยมากกว่าปกติ
“ถึงคุณจะพูดแบบนั่นก็เถอะ แต่เด็กใหม่สองคนนั้นเป็นตัวปัญหาน่าดู”
คาซามัตสึพูดกับโค้ช ก่อนที่เขาจะนึกขึ้นมาได้ว่าคิเสะน่าจะรู้จักกับผู้เล่นของเซย์รินจึงหันไปถามเจ้าตัวเพื่อคลายข้อสงสัยบางอย่าง
“คิเสะนายรับมือกับเบอร์ 10 ได้เป็นอย่างดี แต่กับเบอร์ 11 นั่นก็อีกเรื่องเลย มันอะไรกันแน่ ฝีมือของเธอไม่ใช่ธรรมดาๆ”
“ใช่ไหมๆ!? ดูสิคุโรโกจิน่ะเท่สุดๆ ไปเลยเนอะ แล้วก็นะ...”
“นายจะทำท่าทางดีใจทำไมเจ้าโง่!”
“โอ๊ย!”
แทนที่คิเสะจะทำหน้ากังวลเกี่ยวกับการแข่งเหมือนกับคนอื่นๆ ทว่าเจ้าตัวกลับทำท่าทางดีอกดีใจที่ทุกคนประจักษ์ถึงความสามารถของทาคาระสักที นั่นยิ่งสร้างความโมโหให้กับคาซามัตสึอีกครั้ง เขาจึงประเคนหมัดเข้าที่ไหล่ของนายแบบหนุ่มอย่างไม่ยั้งแรงเลยสักนิด
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ในอีกไม่ช้าทุกอย่างก็จะจบลง เพราะ…”
“อย่างแรกปัญหาหลักคือคิเสะ”
นิจิมุระชี้ไปที่กระดานจำลองเพื่อเริ่มวางแผนการแข่ง
“แม้กระทั่งคางามิก็เอาไม่อยู่”
“หรือพวกเราจะเพิ่มผู้เล่นไปสกัดหมอนั่นอีกคน?”
“ดะ...เดี๋ยวก่อนสิ ผมยังไหวอยู่!!”
คางามิพอรู้ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแผนเขาก็พยายามแย้งว่าแค่ตัวเขาเดียวก็สามารถเอาคิเสะอยู่แล้ว ซึ่งคนที่เหลือก็ทำหน้าไม่เชื่อกันเพราะที่ผ่านมาก็เห็นกันอยู่แล้วว่าแค่คางามิคนเดียวไม่มีทางสกัดคิเสะอยู่แน่ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามวางแผนกันใหม่ จู่ๆ ทาคาระที่นั่งเงียบมาสักพักก็พูดอะไรบางอย่างขึ้นมา
“ไม่หรอกค่ะ ที่จริงแล้วก็ยังพอมีทางอยู่บ้าง…”
“คิเสะคุง/คุโรโกจิมีจุดอ่อนอยู่” คิเสะและทาคาระ
แถมท้าย
“คิเสะนายรู้จักกับผู้เล่นเบอร์ 11 ของเซย์รินใช่ไหม?”
ในที่สุดคาซามัตสึก็อดทนไม่ไหวถามคิเสะออกไปในทันที รวมถึงผู้เล่นคนอื่นๆ ต่างก็หันมามองอย่างต้องการคำตอบเหมือนกัน คิเสะคิดแค่ว่าพวกเขาสนใจทาคาระเพราะความสามารถที่แสนเก่งกาจของเธอ เขาจึงพูดออกมาราวกับพ่อแม่ที่กำลังอวดลูกๆ ของตัวเองอยู่
“แน่ซะยิ่งกว่าแน่!! ตอนม.ต้นคุโรโกจิเคยอยู่ที่เทย์โคว์เหมือนกันกับผมด้วยนะ เธอเล่นบาสเก่งมากๆ เลยล่ะ ไม่ใช่แค่อยู่ชมรมบาสเท่านั้น แต่เธอยังเป็นถึง 1 ใน ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ อีกด้วย ตอนสมัยผมเข้าชมรมบาสแรกๆ ก็ได้คุโรโกจิมาเป็นโค้ชคอยสอนด้วยล่ะ คุโรโกจิใจดีกับผมมากๆ เลย แล้วก็นะๆ บลาๆๆๆๆๆ”
“วะ...ว่าไงนะ!?”
“เทย์โควอย่างนั้นเหรอ!?”
“อยู่ ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ด้วย!”
“ล้อกันเล่นใช่ไหม!?”
ทุกๆ คนรวมถึงโค้ชเองก็อึ้ง พวกเขานึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นหรือก็คือทาคาระจะเป็นถึง 1 ใน ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ นั้นก็หมายความว่าถ้าที่คิเสะพูดเป็นความจริงพวกเขาก็เจองานหินซะแล้ว คาซามัตสึเองพอได้ยินคำว่าเทย์โควออกมาก็นึกขึ้นมาได้ว่าผู้ชายอีกคนที่เขาคุ้นหน้าคือใคร
“คิเสะ! ผู้ชายคนนั้นใช่ ‘นิจิมุระ ชูโซ’ รึเปล่า!? ที่เป็นอดีตกัปตันของชมรมบาสเทย์โควคนนั้น!?”
“!!!”
ท่าทางจะไม่ใช่แค่เบอร์ 10 กับ 11 ซะแล้วที่พวกเขาต้องระวังเป็นพิเศษ ปีนี้ดูท่าเซย์รินจะได้ของดีมาเยอะอยู่
ในระหว่างที่คนอื่นๆ กำลังเคร่งเครียดกับข้อมูลที่เพิ่งจะได้มาสดๆ ร้อนๆ คิเสะก็พยายามหาเวลาหรือพยายามเรียบเรียงคำพูดเพื่อบอกกับคนอื่นๆ เกี่ยวกับเรื่องที่เขาเผลอไปท้าพนันอีกฝ่ายเข้า
“...เออ กัปตัน”
“มีอะไรคิเสะ!? จะพูดก็พูดมา!”
“…ผมเผลอไปท้าพนันกับเซย์รินเอาไว้ว่าถ้าอีกฝ่ายแพ้จะต้องให้คุโรโกจิกับรุ่นพี่นิจิมุระย้ายมาอยู่ไคโจว!!!”
“…ว่าไงนะ!!!”
เพราะคิเสะพูดรัวมากๆ พวกเขาจึงต้องใช้เวลาประมวลผลสักครู่ หลังจากที่รู้แล้วว่าสิ่งที่คิเสะพูดคืออะไรพวกเขาก็ตกใจอย่างมาก โดยเฉพาะคาซามัตสึที่โมโหเป็นพิเศษในความปากไวของคิเสะ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะต้องลงไม้ลงมือกับรุ่นน้องคนนี้เพื่อเป็นการสั่งสอนสักหน่อย
“หนอยเจ้าคิเสะ!!”
“โอ๊ยๆ! ผมขอโทษ!”
“งึมงำๆ เทย์โควอีกสองคน งึมงำๆ ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ด้วย”
มีเพียงทาเคอุจิเท่านั้นที่เหมือนกำลังเรียบเรียงและประมวลผลกับข้อมูลที่ได้รับมาใหม่อยู่ เพราะถ้าสิ่งที่คิเสะบอกมาเป็นความจริงนั่นก็หมายความว่าถ้าพวกเขาชนะสองคนนั้นก็จะต้องย้ายมาอยู่ไคโจว และเมื่อถึงตอนนั้นทีมของเขาก็จะมีผู้เล่นที่มาจากเทย์โควถึง 3 คนด้วยกัน และ 2 ใน 3 ก็เป็นถึงสมาชิก ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ อีกด้วย แค่คิดเขาก็มีความสุขแล้ว เพราะถึงยังไงเขาก็ยังคงคิดว่าเซย์รินไม่มีทางชนะทีมของเขาได้อย่างแน่นอน เขาจึงไม่สนใจที่จะถามสักนิดว่าถ้าหากไคโจวแพ้ขึ้นมาจะทำยังไง เขาจึงรู้สึกเพียงแค่ว่าขอบคุณคิเสะอย่างมากที่พนันกับเซย์รินไปแบบนี้
“ดีมากคิเสะ! ทำได้ดีมาก ฮ่าๆๆ!!”
ความคิดเห็น