คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Pass 4 - He Might Not Be A Decent One
Pass 4
‘He Might Not Be A Decent One’
ในที่สุดวันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง ตอนนี้สมาชิกชมรมบาสเซย์รินก็ได้เดินทางมาถึงโรงเรียนไคโจวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แค่มองจากภายนอกก็รู้แล้วว่าใหญ่กว่าเซย์รินสองถึงสามเท่า สมแล้วที่เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียง
“โอ้ ใหญ่เป็นบ้าเลยแหะ เขาแบ่งพื้นที่ส่วนของชมรมกีฬาไว้เพียบเลย”
ไม่ใช่แค่โดดเด่นเรื่องบาสเก็ตบอล ชมรมกีฬาอื่นๆ ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันเสาร์แต่ก็ยังคงมีนักเรียนมาทำกิจกรรมชมรมกันค่อนข้างเยอะอยู่พอสมควร พวกปี 2 ยังคงดูชิวๆ อยู่ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขานัดซ้อมแข่งนอกสถานที่ ต่างจากพวกปี 1 ที่ดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเสือป่าของทีมอย่างคางามิ สภาพของเขาเหมือนคนไม่ได้นอนทั้งคืน
“คางามิคุง ตาของคุณดูแปลกผิดปกตินะคะ”
“หุบปาก ก็แค่...เมื่อคืนฉันนอนไม่หลับทั้งคืนเลย”
‘ใครจะกล้าบอกว่ามัวแต่คิดจะเอาชนะเจ้าบ้าคิเสะนั่นจนนอนไม่หลับทั้งคืนล่ะ’
ทาคาระยืนมองคางามิบ่นงึมงำๆ อะไรสักอย่างอยู่ข้างๆ ไม่ใช่แค่สภาพเหมือนคนอดหลับอดนอนเท่านั้น แต่เจ้าตัวยังปล่อยรังสีที่เหมือนเตรียมพร้อมออกรบไม่หยุด แค่มองทาคาระก็พอจะเดาออกว่าเจ้าตัวคงตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้ประลองฝีมือกับคิเสะหลังจากที่ได้ดวลกันแบบ 1 ต่อ 1 ไปแล้ว
“นายเป็นเด็กประถมที่ไปทัศนศึกษาครั้งแรกรึไง?”
นิจิมุระที่ยืนอยู่ข้างๆ ทาคาระที่เห็นสภาพของคางามิแล้วอดที่จะพูดออกมาไม่ได้
“คุโรโกจิ!!! วันนี้ก็ฝากด้วยล่ะ!”
หมับ!
“คิเสะ!!”
เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมาก แม้กระทั่งนิจิมุระที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ไม่ทันตั้งตัว จู่ๆ คิเสะก็โผล่ออกมาจากไหนก็ไม่มีใครทราบ เจ้าตัวกระโจนเข้าไปกอดทาคาระในทันที ทั้งๆ ที่เพิ่งจะเจอหน้ากันไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ แต่คิเสะทำราวกับว่าไม่ได้เจอทาคาระมาเป็นสิบปี
“ผมคิดถึงคุโรโกจิมากๆ เลยรู้ไหม ผมตื่นเต้นมากเลยนะที่จะได้เล่นบาสกับคุณอีกครั้ง(ถึงแม้ว่าจะอยู่คนละทีมก็เถอะ)”
“...คิเสะคุง”
“ไคโจวใหญ่มาก ผมกลัวคุโรโกจิหลงเลยอาสามานำทางไปโรงยิมให้”
“ฉันว่าคุณปล่อยก่อนเถอะค่ะ”
พอหันไปทางเซย์รินที่เหลือคิเสะก็พบว่าไม่ใช่เพียงแค่นิจิมุระเท่านั้นที่ส่งสายตาข่มขู่มาให้ เขาจึงต้องจำใจปล่อยทาคาระและเปลี่ยนไปเป็นเดินจับมือแทน ในระหว่างทางเดินไปที่โรงยิมคิเสะก็พยายามชวนทาคาระคุยไปเรื่อย ส่วนใหญ่จะเป็นการตัดพ้อที่โดนอีกฝ่ายปฏิเสธไปเมื่อคราวก่อน
“คุโรโกจิรู้ไหมว่าตั้งแต่ที่คุณปฏิเสธผมคราวก่อนผมนอนร้องไห้ทุกคืนเลยนะ ฮือ”
“…”
“ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธผมเลยสักคน”
“...ช่วยหยุดพูดเรื่องชวนเข้าใจผิดนี่สักทีเถอะค่ะ”
“แต่ก็นั่นแหละ ตั้งแต่คุโรโกจิพูดกับผมเมื่อคราวก่อน ผมเลยรู้สึกสนใจนิดหน่อย”
ไม่ต้องบอกทุกคนก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่คิเสะพูดด้วยคือคางามิซึ่งอยู่ด้านหลังของพวกเขาอีกที คำพูดที่ราวกับจะเปิดสงครามประสาทของคิเสะทำให้คนอื่นๆ เงียบเสียงลงในทันที ถึงภาพลักษณ์และอุปนิสัยของคิเสะที่ใครๆ ต่างก็บอกว่าเจ้าตัวเหมือนลูกหมาหรือไม่ก็โกลเด้น ทว่าคนในทีมบาสเทย์โควจะรู้ดีเลยว่าคิเสะนะเสือซ่อนเล็บดีๆ นี่เอง
“ผมไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับชื่อเสียงของ ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ หรอกนะ แต่ถ้าคุณอยากที่จะแข่งขนาดนั้น แม้กระทั่งคนอย่างผมก็คงจะปล่อยผ่านไปไม่ได้”
“…”
“โทษทีนะ แต่ผมจำเป็นที่จะต้องล้มคุณให้ได้จริงๆ และเมื่อถึงตอนนั้นผมจะพาทาคาระ(รวมถึงรุ่นพี่นิจิมุระ)ย้ายมาอยู่ที่ไคโจว”
“…หึหึ แน่นอนอยู่แล้ว”
ปึก!
“โอ๊ย! คุโรโกจิผมเจ็บนะ!”
อาศัยช่วงทีเผลอทาคาระกระแทกศอกใส่ท้องของคิเสะเต็มแรง เป็นผลทำให้นายแบบสุดหล่อแทบล้มทั้งยืน คนที่เหลือไม่รู้ว่าควรจะสงสารหรือหัวเราะก่อนดี แต่พอเห็นสีหน้าที่อึมครึมของทาคาระแล้วพวกเขาเลยเลือกที่จะไม่พูดหรือส่งเสียงใดๆ ออกมา
“คิเสะคุง ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าจะไม่ย้ายไปอยู่ไคโจว”
“ถ้าคุโรโกจิมั่นใจขนาดนั้นมาพนันกับผมไหมล่ะครับ!?”
“…”
“!!?”
“เฮ้!?”
หลังจากลุกขึ้นมาตั้งหลักได้ คิเสะก็ไม่มีสีหน้าขี้เล่นเหมือนปกติอีกแล้ว เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังอย่างมาก
“...นายหมายความว่ายังไง?” นิจิมุระ
“…” ทาคาระ
“มาพนันกันไหมล่ะครับ? ถ้าผมชนะทั้งทาคาระและรุ่นพี่นิจิมุระจะต้องย้ายมาไคโจว”
“!!!”
พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าจากนัดซ้อมแข่งธรรมดาทั่วๆ ไปกำลังกลายเป็นเกมส์ที่ต้องเดิมพันด้วยสมาชิกใหม่ของเซย์รินสองคน คางามิที่ได้ยินดังนั้นก็กัดฟันด้วยความโมโห ทว่าทาคาระกลับยกมือขึ้นมาห้ามก่อนที่คู่หูคนใหม่ของเธอจะกระโจนเข้าไปชกหน้าคิเสะ
“แล้วถ้าพวกเราชนะล่ะคะ?”
“...ไม่มีทาง!”
“มันก็ไม่แน่หรอกนะคิเสะ”
นิจิมุระก้าวเข้ามายืนอยู่ข้างๆ ทาคาระเพื่อแสดงตัวอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าในตอนนี้เขาจะไม่ใช่กัปตันทีมบาสของเทย์โควแล้ว แต่นั้นก็ไม่ทำให้นายแบบหนุ่มรู้สึกกลัวคนตรงหน้าน้อยลงเลยสักนิด จนคิเสะอดรู้สึกไม่ได้ว่าตัวเองคิดผิดที่เผลอพลั้งปากไปท้าพนันอีกฝ่ายเข้า
“ไหนลองบอกมาสิว่าถ้าพวกเราชนะแล้วจะได้อะไร?”
“อา...ถึงแล้ว”
“...เดี๋ยวนะ”
“หือ?”
ใช้เวลาเพียงไม่นานก็เดินมาถึงโรงยิม ทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไปก็พบว่าสนามถูกจัดเตรียมเอาไว้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ส่วนอีกครึ่งก็มีนักกีฬาบาสคนอื่นๆ ของไคโจวกำลังฝึกซ้อมกันอยู่ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับเซย์รินอย่างมาก
“...จะให้พวกเราเล่นครึ่งสนามเหรอ”
“ทำไมพวกเขากำลังฝึกอยู่ที่สนามอีกฝั่ง?”
“เดี๋ยวสิ อันนั้นไม่ใช่ว่าพังไปแล้วเหรอ”
ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของสนามที่ให้ใช้ได้แค่ครึ่งนึงเท่านั้น แต่อุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่ถูกนำมาใช้กลับดูเก่าซะจนสามารถผุพังลงมาได้ทุกเมื่อ แต่ไอดะก็ยังพยายามใจดีสู้เสือปั้นหน้ายิ้มและเดินเข้าไปทักทายโค้ชของไคโจว ถึงแม้ว่าตอนนี้ภายในใจของเธอเริ่มจะมีน้ำโหนิดๆ
“อ้าว มากันแล้วเหรอ ยินดีที่ได้พบนะ วันนี้เราจะเล่นแค่ครึ่งสนามฝั่งนี้ พวกเธอคงจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”
‘...หมายความว่ายังไงนะ!? ถามแบบนี้มันมัดมือชกกันชัดๆ!’
“…ยินดีที่ได้พบเช่นกันค่ะ เออ ที่คุณพูดหมายความว่ายังไงคะ?”
“ก็อย่างที่เธอเห็น วันนี้เป็นเพียงการแข่งอุ่นเครื่องของพวกเราเท่านั้น ส่วนสมาชิกที่ไม่ได้ลงเล่นก็ไม่เห็นว่าจะมีประโยชน์อะไรถ้าจะปล่อยให้นั่งดูเฉยๆ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาฉันเลยให้พวกเขาซ้อมกันตามปกติ”
“…”
“และถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงการแข่งอุ่นเครื่อง แต่พวกเขาก็เป็นถึงนักกีฬาตัวจริงของพวกเรา ระวังลูกชู้ตสามแต้มของพวกเขาด้วยล่ะ”
ตอนนี้กลายเป็นว่าไม่ใช่เพียงไอดะเท่านั้นที่โกรธจนควันแทบจะออกหู สมาชิกในทีมเซย์รินคนอื่นๆ มองไปที่โค้ชของอีกฝ่ายอย่างโมโหไม่ต่างไปจากโค้ชของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคางามิที่พร้อมจะกระโดดเข้าไปงับหัวอีกฝ่ายทันที
‘เจ้าพวกนี้กำลังหยามพวกเรา หรือพูดอีกอย่างก็คือพวกเราก็แค่ ‘คู่ซ้อมในเวลาว่าง’ เท่านั้น’
และเหมือนว่าโค้ชของไคโจว ‘ทาเคอุจิ เก็นตะ’ จะไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่ตัวเองจะต้องเผชิญในเวลาต่อมา เพราะพอเขาหันมาเห็นคิเสะกำลังเปลี่ยนไปใส่เสื้อบาสก็รีบห้ามเอาไว้ทันที และยังพูดประโยคที่ทำเอาเซย์รินอารมณ์เดือดมากยิ่งขึ้นไปอีก
“...หืม? นายเปลี่ยนเสื้อทำไม? คิเสะครั้งนี้นายไม่ต้องลงเล่น!”
“เอ๋?”
“ถึงแม้ในโรงเรียนเราจะรวบรวมคนเก่งๆ มาจากม.ต้นหลายๆ ที่ก็เถอะ แต่กับนายมันคนละระดับกันเลย”
“เดี๋ยวสิครับโค้ช หยุดพูดเถอะครับ”
“แค่เราเอาตัวจริงลงเล่นก็ไม่ค่อยแฟร์อยู่แล้ว ถ้าขืนนายลงเล่นด้วยมันก็ไม่ใช่การแข่งขันน่ะสิ”
มาจนถึงตอนนี้ไม่ใช่เพียงแค่เซย์รินเท่านั้นที่เดือดกับคำพูดของทาเคอุจิ ทางฝั่งนักกีฬาไคโจวเองก็อยากจะหาอะไรมาอุดปากโค้ชตัวเองซะให้รู้แล้วรู้รอด พวกเขารู้ดีว่าโค้ชทาเคอุจิเป็นคนที่ปากเสียและพูดจาขวานผ่าซาก แต่พวกเขาเองก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะถ้าพวกเขายื่นมือหรือเอ่ยแย้งไปจะกลายเป็นการหักหน้าโค้ชตัวเองแทน คิเสะจึงอาสาไปไกล่เกลี่ยเซย์รินแทนเอง ซึ่งไม่แน่ใจว่าไปไกล่เกลี่ยให้มันดีขึ้นหรือเป็นการราดน้ำมันบนกองไฟกันแน่
“ขอโทษจริงๆ นะ แต่ไม่ต้องห่วง เขาแค่ให้ผมเป็นตัวสำรองเท่านั้น”
“…”
“ถ้าคุณล้มความมั่นใจของเขาลงได้ ผมเองก็อาจจะได้ลงเล่น มันอาจจะฟังดูแย่ไปบ้าง...”
“…”
“แต่ถ้าคุณไม่สามารถทำให้ผมลงแข่งเกมส์นี้ได้ ผมว่าคุณไม่มีทางเอาชนะ ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ที่เหลือได้”
‘และพวกคุณก็ไม่คู่ควรที่จะมีทาคาระ(และรุ่นพี่นิจิมุระ)อยู่ในทีมเลยสักนิด’ คิเสะคิด
“อ๋อ แล้วถ้าเป็นแบบนั้นที่พวกเราพนันกันเอาไว้จะทำยังไงต่อดีล่ะครับ”
“!!!”
“เฮ้! โรงเรียนเซย์ริน! เดี๋ยวฉันจะพาไปที่ห้องล็อกเกอร์”
ในระหว่างที่ทาเคอุจิบอกทางไปห้องล็อกเกอร์ให้กับเซย์ริน ทาคาระอาศัยจังหวะนี้หันไปพูดอะไรบางอย่างกับคิเสะก่อนที่จะเดินตามคนอื่นๆ ไป เธอเองก็รู้สึกโมโหอย่างมากกับท่าทีของโค้ชไคโจวและคิเสะที่มีต่อพวกเธอ
“คิเสะคุง”
“…”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พวกเราจะไม่ทำให้คุณต้องรอนานขนาดนั้น”
เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ไอดะหันไปพูดกับทาเคอุจิเช่นกัน
“เออ...ขอโทษนะคะ แต่ฉันคิดว่าการแข่งครั้งนี้...”
“…”
“พวกคุณ/นายไม่จำเป็นจะต้องออมมือเลยสักนิด”
ไอดะ นิจิมุระ ทาคาระ และคางามิพูดขึ้นพร้อมกัน สร้างความประหลาดใจให้กับไคโจวไม่ใช่น้อย นั้นทำให้ทาเคอุจิเริ่มอารมณ์เสียขึ้นมานิดหน่อยที่โดนทางเซย์รินพูดจายอกย้อนแบบนี้ ส่วนคิเสะก็ยิ้มออกมาอย่างถูกใจ
“ว่าไงนะ?”
“ก็ตามนั้นแหละค่ะ”
“ดี งั้นมาเริ่มแข่งกันเลย นัดซ่อมแข่งระหว่างโรงเรียนเซย์รินและโรงเรียนไคโจว!”
หลังจากที่เซย์รินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็วอร์มอัพกันนิดหน่อยก่อนที่จะลงสนามเพื่อเริ่มการแข่งขัน โดยผู้เล่นที่เซย์รินส่งลงสนามมีทาคาระ คางามิ ฮิวงะ อิซึกิ และมิโตเบะ และด้วยความจืดจางของทาคาระทำให้ผู้ตัดสินมองไม่เห็นว่าเธอยืนอยู่ในสนามด้วย เขาจึงเข้าใจผิดคิดว่าผู้เล่นคนที่ 5 ของเซย์รินยังไม่ได้ลงสนาม
“เออ เกมส์จะเริ่มแล้วนะ เซย์รินช่วยไปตามผู้เล่นคนที่ 5 ให้มาเร็วๆ หน่อยจะได้ไหม?”
“...เออ ครบ 5 คนแล้วนะคะ”
“...เฮ้ย!!?”
“หวา!!”
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่!!?”
“ผะ...ผะ...ผู้หญิง!!!”
“นักบาสผู้หญิง! ถามจริง!?”
“โผล่มาจากไหน!?”
“ส่งผู้หญิงลงเล่นตั้งแต่เริ่มเกมส์เลยเนี่ยนะ!?”
“ไม่ใช่ผู้จัดการอีกคนหรอกเหรอ!?”
ไม่ใช่แค่อีกฝั่งของสนามเท่านั้นที่ตกใจ เพราะขนาดนักกีฬาของไคโจวที่อยู่ในสนามเดียวกันยังอดที่จะตกใจทาคาระไม่ได้ เพราะพวกเขาไม่ได้สังเกตตั้งแต่แรกว่ามีผู้หญิงคนอื่นนอกจากไอดะอยู่ด้วย โดยเฉพาะกัปตันทีมอย่าง ‘คาซามัตสึ ยูกิโอะ’ ซึ่งยืนอยู่ตรงข้ามกันกับทาคาระ
‘ผะ...ผะ...ผู้หญิง! ก่อนหน้านี้ฉันไม่เห็นเธอเลย ’
‘แน่ใจนะว่าเป็นนักกีฬาบาสจริงๆ แบบนี้คนที่พวกเราจะต้องจับตาดูจริงๆ คงมีแค่เบอร์ 10’
‘ไม่ใช่ว่าเธอเป็นผู้จัดการอีกคนเหรอ!?’
‘ผู้หญิงในทีมบาสชายเนี่ยนะ!? เล่นบาสเป็นรึเปล่าเนี่ย!?’
‘นี่มันหยามกันชัดๆ’
“โธ่เอ๋ย คุยโม้ชัดๆ ฉันนึกว่าพวกเขาจะให้คนที่ดูมีฝีมือกว่านี้ลงเล่นซะอีก ผู้หญิงเนี่ยนะ?”
ทันทีที่ทาเคอุจิเห็นว่าผู้เล่นคนที่ 5 ของเซย์รินคือทาคาระก็อดไม่ได้ที่จะค่อนแคะ เพราะเขาคิดว่าการที่อีกฝ่ายส่งผู้หญิงที่รูปร่างอ่อนแอลงเล่นก็ไม่ต่างกับอีกฝ่ายหยามหน้าไคโจวอย่างแรง ซึ่งต่างจากคิเสะที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาไม่ค่อยพอใจอย่างมากที่โค้ชพูดดูถูกฝีมือของทาคาระ และเขาก็มั่นใจว่าทันทีที่เกมส์เริ่มอีกฝ่ายจะต้องกลืนคำพูดเหล่านั้นไปจนหมด
“...ผมว่าคุณไม่ควรสบประมาทเธอนะครับ”
“…”
“ถึงแม้ว่าคุโรโกจิจะเป็นผู้หญิงแต่เธอก็แข็งแกร่งไม่แพ้ใคร”
ผิดกับโค้ชของเซย์ริน ไอดะกำลังนั่งวิเคราะห์ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามอยู่ ซึ่งผลที่ได้ทำเอาเธอรู้สึกกังวลอย่างมาก
“…ให้ตายสิ”
“มีอะไรรึเปล่าครับโค้ช?”
‘หืมมม!? เดี๋ยวนะ…แบบนี้แย่แน่ๆ บางทีเราอาจเสียเปรียบเรื่องกายภาพ สถานะด้านศักยภาพของพวกเขาสูงมาก ถึงแม้ว่าฉันจะมองไม่ค่อยชัดเพราะใส่เสื้อผ้าอยู่ก็เถอะ บอกตรงๆ นี่มันระดับทีมชาติชัดๆ ทางด้านเรามีคางามิคุงกับคุโรโกะอยู่ก็จริง แต่พวกเราจะชนะพวกเขาได้จริงๆ งั้นเหรอ!?’
ในช่วงที่ไม่มีใครสังเกตทาคาระก็ส่งสัญญาณบางอย่างให้คางามิ มีเพียงนิจิมุระซึ่งนั่งอยู่ข้างสนามเท่านั้นที่เห็น และทันทีที่เกมส์เริ่มกัปตันของไคโจวก็เป็นฝ่ายได้ลูกมาไว้ในครอบครองก่อน
“เอาล่ะ! เริ่มเก็บแต้มกันแลย! ทุกคนเข้าประจำตำแหน่ง!”
พลั่ก
“อะ...อะไรเนี่ย!!?”
เพราะความประมาททำให้ทาคาระสามารถชิงบอลมาจากคาซามัตสึได้ พอหันมาเขาก็พบกับทาคาระที่กำลังเลี้ยงลูกไปยังอีกฝั่งของสนาม ด้วยอารามตกใจทำให้ไม่มีใครวิ่งตามไปสกัด
‘มาจากไหนกัน!!?’
แต่เพียงไม่นานคาซามัตสึก็วิ่งตามทาคาระทัน เจ้าตัวเตรียมเข้าประกบเพื่อทำการชิงลูก
‘เดี๋ยวนะ พอลองสังเกตดีๆ ผู้หญิงคนนี้วิ่งช้ามาก!!’
“อ๊ะ!?”
ทาคาระอาศัยจังหวะที่คาซามัตสึเผลอส่งลูกลอดระหว่างขาอีกฝ่ายส่งไปให้คางามิ พอได้ลูกมาคางามิก็รีบกระโดดขึ้นไปดังก์ทำคะแนนให้กับทีมทันที
‘รับไปซะ!!’
“!!!!!!!”
แต่เพราะใส่แรงมากจนเกินไปบวกกับแป้นบาสที่เก่ามากแล้วทำให้ห่วงบาสหลุดติดมือคางามิลงมาด้วย สร้างความแตกตื่นไปทั้งโรงยิมในทันที รวมถึงทีมเซย์รินเองก็ตกใจไม่แพ้กัน
“โอะ?...โอ้?”
“เอ๋!!?”
“เขาทำแป้นบาสพัง!!?”
“แป้นบาสหักเลย”
“แบบนี้ไม่ปกติแล้ว”
ส่วนตัวต้นเหตุอย่างคางามิและผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างทาคาระกลับไม่ดูสะทกสะท้านกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยสักนิด คางามิหยิบห่วงบาสขึ้นมาแล้วเทียบกับหน้าของตัวเอง ก่อนที่จะเอาไปเทียบกับขนาดของใบหน้าทาคาระต่อ
“อะไรกันเนี่ย? ดูนี่สิคุโรโกะ ขนาดมันใหญ่กว่าที่ฉันคิดเอาไว้ซะอีก”
“…”
“โห มันใหญ่กว่าหน้าของฉันหรือของเธอซะอีกนะเนี่ย”
“…ฉันว่าเราควรขอโทษก่อนนะคะ”
ทั้งสองหันหน้าไปทางที่ที่โค้ชและนักกีฬาคนอื่นๆ ของไคโจวยืนอยู่ ถึงจะบอกว่าขอโทษแต่ทว่าสีหน้าของทั้งสองกลับไม่มีความสำนึกผิดในสิ่งที่เกิดขึ้นเลยสักนิด โดยเฉพาะคางามิที่เอาห่วงบาสมาควงที่นิ้วชี้เล่นราวกับกำลังจะกวนประสาทพวกไคโจวให้อารมณ์เสียมากยิ่งขี้น
“ขอโทษนะคะ ดูเหมือนว่าเราจะทำมันพังซะแล้ว คุณจะว่าอะไรไหมถ้าพวกเราจะขอใช้สนามอีกฝั่ง?”
ความคิดเห็น