คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Pass 3 - I Am Serious
Pass 3
‘I Am Serious’
“หืม? นี่มัน...”
ในระหว่างที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อซ้อมบาสหลังเลิกเรียนฮิวงะสังเกตเห็นนิตยสารกีฬารายเดือนวางกองอยู่บนเก้าอี้ เล่มที่สะดุดตาเขามากที่สุดคือเล่มที่หน้าปกเป็นรูปของนักกีฬาบาสที่บนเสื้อปักชื่อโรงเรียนเทย์โควเอาไว้ เขาเดาว่าเล่มนี้น่าจะเมื่อประมาณสามปีที่แล้ว เป็นปีที่ ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ถือกำเนิดขึ้นมา หน้าปกจึงเป็นรูปของ 1 ใน ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ เนื้อหาภายในกว่าครึ่งเป็นภาพและบทสัมภาษณ์ของ ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ทั้งนั้น ทว่ากลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
‘ชมรมบาสเทย์โควเปิดตัวดาวดวงใหม่ ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ...อ่านต่อหน้า 3’
“นี่มันตั้งแต่สมัยที่คุโรโกะกับนิจิมุระยังอยู่เทย์โควไม่ใช่รึไง?”
“อ๋อ ที่มันมีบทความเกี่ยวกับผู้เล่น ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ด้วยนี่”
พอได้ยินว่าเป็นนิตยสารที่มีบทความเกี่ยวกับ ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ทุกๆ คนก็เริ่มให้ความสนใจ ยกเว้นก็แต่นิจิมุระ เพราะเขาเห็นมันจนชินตาแล้ว เมื่อก่อนเจ้าพวกนั้นถูกสัมภาษณ์ ถ่ายรูป และออกนิตยสารกีฬามากมาย ขนาดเขาที่ตอนนั้นมีตำแหน่งเป็นกัปตันที่ถึงแม้จะไม่โด่งดังเทียบเท่า ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ก็ยังมีบทความจากนิตยสารกีฬาเอ่ยถึงบ้างประปราย
“หือ? ทำไมไม่เห็นมีบทความของคุโรโกะเลยล่ะ?”
“ทั้งๆ ที่เป็นถึง ‘ผู้เล่นแฟนท่อมคนที่ 6’ ไม่มีใครสัมภาษณ์เลยรึไง?”
พอลองนึกดูดีๆ แล้วพวกเขาไม่เคยเห็นนิตยสารกีฬาสนพ.ไหนลงบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับ ‘ผู้เล่นแฟนท่อมคนที่ 6’ เลยสักเล่ม ทั้งๆ ที่เป็นผู้เล่นหญิงคนเดียวในทีมบาสชาย แม้แต่รูปสักใบก็ยังไม่มี ดังนั้นคนในห้องเลยหันไปมองทางนิจิมุระที่ตอนนี้เปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วอย่างกดดัน ซึ่งเจ้าตัวก็พอจะรู้ว่าที่มาที่ไปอยู่บ้างว่าทำไมนิตยสารกีฬาเหล่านั้นถึงไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับทาคาระเลย
“นี่นิจิมุระ ทำไมถึงไม่เห็นมีบทความของคุโรโกะเลยล่ะ?” ฮิวงะ
“ขนาดบทความของนายยังมีเลย” อิซึกิ
“ไม่มีใครไปสัมภาษณ์คุโรโกะเลยเหรอ?” โคงาเนะ
“เรื่องนั้นน่ะ...”
“มีค่ะ” ???
เพราะมัวแต่สนใจนิจิมุระเลยไม่ทันเห็นทาคาระที่เข้ามานั่งอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่ตรงหน้ามีผู้ชายเกือบเปลือยอยู่ทว่าเด็กสาวหนึ่งเดียวอย่างทาคาระกลับไม่มีสีหน้าเขินอายอย่างนางเอกเวลาเจอผู้ชายแก้ผ้าเหมือนในการ์ตูนหรือนิยายรักหวานแหววสักนิด ต่างจากผู้ชาย(เกือบจะ)ทั้งห้องที่แหกปากออกมาด้วยความตกใจระคนเขินอาย
“หวา!?”
“เฮ้ย!!”
“!@#$%^&*”
เห็นจะมีเพียงนิจิมุระเท่านั้นที่ชินชากับเรื่องแบบนี้ เพราะเมื่อสมัยก่อนทาคาระก็ชอบมานั่งรอในห้องระหว่างที่พวกผู้ชายในชมรมเปลี่ยนเสื้อบ่อยๆ แรกๆ เขาก็มีเขินบ้าง แต่พอนานๆ เข้ามันก็เป็นความเคยชิน ไม่ใช่แค่เรื่องเปลี่ยนเสื้อผ้ารวมไปถึงเรื่องเจ้าตัวชอบทำตัวผลุบๆ โผล่ๆ ทำเอาคนหัวใจวายเล่นด้วย ดูจากเสื้อผ้าของทาคาระตอนนี้เขาเดาว่าเธอคงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมายืนรอพวกเขาอยู่ที่หน้าห้อง พอได้ยินประโยคสนทนาที่เกี่ยวข้องกับตัวเองเลยเข้ามาสมทบด้วย แต่คนที่ดันโวยวายกับเหตุการณ์นี้หนักสุดดันเป็นหนุ่มอิมพอร์ตจากนอกอย่างคางามิซะงั้น
“นี่มันห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าผู้ชายเธอจะเข้ามาทำไมยัยบ้านี่!?”
“ไม่ต้องห่วงค่ะคางามิคุง ฉันไม่แอบถ่ายรูปคุณตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าไปขายหรอกนะคะ”
“ใครเขาห่วงเรื่องนั้นกัน!!”
“...เออ คุโรโกะคือที่บอกว่ามีก่อนหน้านี้หมายถึงอะไรเหรอ?”
ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้ ฮิวงะเลยถามเบี่ยงประเด็นเป็นคำตอบที่ทาคาระตอบมาก่อนหน้านี้แทน ซึ่งมันก็ได้ผล
“มีคนมาจากนิตยสารกีฬามาสัมภาษณ์ฉันจริงค่ะ แต่เพราะพวกเขาตามตื้อจนน่ารำคาญฉันเลยเอาเรื่องนี้ไปบอกโค้ช ฉันรู้แต่ว่าโค้ชเรียกกัปตัน(ซึ่งตอนนั้นคือนิจิมุระ) ผู้จัดการทีม รวมถึงทุกๆ คนในชมรมยกเว้นฉันไปปรึกษาเรื่องอะไรบางอย่างกัน หลังจากนั้นก็ไม่มีสนพ.นิตยสารกีฬาไหนโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีกเลยค่ะ”
เธอเล่าราวกับเล่าเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไปโดยที่ไม่รู้ถึงสีหน้าของคนรอบข้างเลยสักนิด นิจิมุระซึ่งตอนนั้นยังดำรงตำแหน่งกัปตันอยู่จำได้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาแค่ทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครมา ‘รบกวน’ ทาคาระอีก ส่วนคนที่เหลือก็พอเดาๆ ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสนพ.ผู้โชคร้ายเหล่านั้น
‘นะ...นะ...น่าสงสาร’ ทุกคนคิดในใจ
“นะ...น่าเสียดายนะ ฉันว่าบทความของเธอคงขายดีไม่แพ้พวกนั้นแน่ๆ”
ฮิวงะพยายามหาเรื่องชวนคุย
“ไม่หรอกค่ะ”
“???”
“...คนอย่างฉันแตกต่างจากอีก 5 คนนั้นอย่างสิ้นเชิง เพราะว่าพวกนั้นคือ ‘อัจฉริยะ’ อย่างแท้จริง”
ไม่ว่าจะด้วยสีหน้าหรือท่าทางขนาดคนซื่อบื้อย่างคางามิยังดูออกว่าทาคาระไม่อยากพูดถึงเรื่องนิตยสารอีก พวกเขาเลยเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็นอย่างเรื่องอื่นแทนในระหว่างรอคนที่เหลือเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน
เนื่องจากเลิกเรียนมาได้สักพักแล้วทำให้เหลือนักเรียนอยู่ไม่มากนักพวกเขาต่างแยกย้ายไปทำกิจกรรมต่างๆ ของชมรม ส่วนนักเรียนที่ไม่ได้เข้าร่วมชมรมก็ทยอยกันกลับบ้านไปแล้ว จากบรรยากาศที่เงียบสงบก็มีเสียงฮือฮาขึ้นมาทันทีเมื่อมีผู้มาเยือนหน้าตาดีจากต่างโรงเรียน นักเรียนชายรูปร่างสูงและมีใบหน้าที่ดูดีราวกับนายแบบ ผมสีทองสว่าง รวมถึงชุดนักเรียนที่บ่งบอกว่าไม่ใช่เด็กโรงเรียนเซย์ริน ทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจทันทีที่ก้าวเข้ามาในรั้วโรงเรียน เขามองสำรวจโดยรอบอย่างสนอกสนใจ
“โอ้ นี่น่ะเหรอเซย์ริน ถึงจะเป็นโรงเรียนใหม่แต่ดูดีใช้ได้เลยนะเนี่ย”
ผู้คนรอบๆ ข้างต่างหันมามองเขาอย่างสนใจ โดยเฉาะสาวๆ
“ดูนั่นสิ เขาดูเท่จังเลย”
“สูงจัง เดี๋ยวนะ! เขาเป็นนายแบบไม่ใช่เหรอ!?”
กว่าจะนึกออกว่าชายรูปงามผมสีทองคนนี้เป็นนายแบบมีชื่อเขาก็เดินจากไปเสียแล้ว จุดหมายปลายทางของเขาคือโรงยิมซึ่งตอนนี้ชมรมบาสกำลังฝึกซ้อมกันอยู่ จากข้อมูลที่ได้มาตอนนี้คนที่เขาต้องการเจอตัวน่าจะกำลังฝึกซ้อมอยู่ ด้วยความคิดถึงเขาแทบจะอยากติดจรวดหรือไม่ก็วาบไปยืนอยู่ตรงหน้าคนๆ นั้นแล้วกอดแน่นๆ สักที
‘รอผมก่อนนะ คุโรโกจิ’
โดยที่ไม่รู้เลยสักนิดว่าเขาโดนสาวๆ เดินตามเพื่อที่จะขอรูปและลายเซ็นจำนวนมาก
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ชมรมบาสซ้อมกันอย่างขะมักเขม้น รู้เพียงแค่ว่าทีมที่พวกเขาจะต้องเจอคือ 1 ใน ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ซึ่งอดีตเด็กเทย์โควทั้งสองก็พอจะเดาๆ ได้ว่าคนที่พวกเขาจะต้องเจอเป็นคนแรกคือใคร ถึงแม้จะเป็นเพียงนัดซ้อมแข่งไอดะก็อัดโปรแกรมซ้อมพวกเขาหนักขึ้นไปอีกเท่าตัว แล้วยิ่งมีนิจิมุระอาสามาช่วยจัดตารางการฝึกให้อีกแรง บอกเลยนรกยังต้องร้องขอชีวิต
ตารางการฝึกซ้อมของวันนี้คือการแข่งแบบทีมทีมละ 5 คน เกมส์ละ 30 นาที ในระหว่างนั้นไอดะและนิจิมุระจะวิเคราะห์ถึงจุดด้อยและจุดแข็งของผู้เล่นแต่ละคน พอทีม 1 และทีม 2 แข่งเสร็จก็สับเปลี่ยนเป็นทีม 3 และทีม 4 ที่สแตนด์บายรออยู่ข้างสนามเข้ามาแทน เนื่องจากการแข่งคราวก่อนพวกเขาเห็นว่าคางามิและทาคาระเล่นเข้าขากันได้ดีเลยจับทั้งคู่อยู่ทีมเดียวกันอีกครั้ง และพวกเขาก็คิดถูก ทาคาระชิงบอลจากฝ่ายตรงข้ามและส่งพาสให้ทีมของตัวเองอย่างง่ายดาย และทันทีที่บอลสัมผัสมือของคางามิก็ไม่มีใครที่จะมาสารถหยุดเขาได้
“ชิ!!!”
“อู๊ว!!”
“ยังหรอกน่า! ฉันไม่ปล่อยนายไปง่ายๆ แน่!!”
คางามิจิ๊ปากอย่างขัดใจ เพราะทันทีที่เขาได้บอลฝ่ายตรงข้ามก็เข้ามาประกบ ทว่าก็ไม่สามารถหยุดเสือป่าอย่างคางามิได้ เขาหมุนตัวอ้อมไปด้านหลังของฝ่ายตรงข้ามแล้วกระโดดขึ้นไปดังก์ลูกลงห่วงได้อย่างสวยงาม
สวบ!
“เร็วมาก!!!”
“วู้วว!!”
“ไนซ์ชู้ต!”
เพราะมัวแต่ตกตะลึงกับความสามารถของคางามิก็เลยไม่มีใครสังเกตเห็นผู้บุกรุกที่น่ากลัว(รึเปล่า?) ในระหว่างช่วงที่ทีม 1 และ 2 ผลัดเปลี่ยนกับทีม 3 และ 4 แล้วออกมาพักซ้อมที่ข้างสนามพวกปี 1 คนอื่นๆ ก็อดที่จะพูดถึงการเล่นของคางามิกับทาคาระไม่ได้
“เหลือเชื่อจริงๆ หันหลังกลับทั้งๆ ที่กำลังวิ่งเร็วขนาดนั้น!!?”
“นายคิดไหมว่าความสามารถระดับคางามิและทาคาระสามารถเอาชนะ ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ได้!?”
“ก็เป็นไปได้!! พวกนายก็คิดใช่ไหมว่าเป็นไปได้!?”
“ใช่ การเคลื่อนไหวแบบนั้นไม่ใช่ว่าใครๆ ก็ทำได้”
“ฉันว่าไม่แน่คางามิอาจจะเก่งกว่าพวกนั้นด้วยว่าไหม!?”
“…”
พอได้เห็นความสามารถของทั้งคางามิและทาคาระ รวมถึงรุ่นพี่คนอื่นๆ อีกทั้งยังมีคนที่ครั้งนึงเคยเป็นถึงกัปตันของทีมเทย์โควอย่างนิจิมุระอยู่อีกทั้งคน ถึงพวกเขาจะไม่เคยเห็นอีกฝ่ายโชว์ความสามารถให้เห็นแบบเต็มๆ ก็ตามที พวกปี 1 ก็อดที่จะคาดหวังไม่ได้ว่าพวกเขาอาจจะเอาชนะ 'ทีมแห่งปาฏิหาริย์' ได้ แต่ไม่ใช่กับทาคาระ เพราะความสามารถของคางามิและสภาพร่างกายของทาคาระในตอนนี้ไม่มีทางที่จะเอาชนะ ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ทั้ง 5 คนได้
หลังจากที่ซ้อมกันจนครบทุกทีมแล้วไอดะก็เรียกรวมตัวเพื่อประชุมเกี่ยวกับนัดซ้อมแข่งที่กำลังจะมาถึง ทว่าเพราะความจืดจางของทาคาระทำให้พวกเขาหาเธอไม่เจอ มีเพียงนิจิมุระเท่านั้นที่สังเกตเห็นว่าทาคาระมายืนอยู่ข้างๆ เขาตั้งแต่เรียกรวมตัวกันแล้ว
“หือ? แล้วคุโรโกะล่ะ? พวกเราก็บอกให้มารวมตัวกันที่นี่แล้วนะ”
“ให้ตายสิ บางครั้งก็น่ารำคาญจริงๆ”
“คุโระโกะ!! ออกมาได้แล้ว!!”
“…เออ ฉันอยู่นี่ค่ะ”
“เหวอ!?”
หลังจากที่แจกแจงจุดด้อยและจุดแข็งของแต่ละคนแล้วพวกเขาก็เข้าสู่บทสนทนาที่แสนเคร่งเครียดทันที ทีมที่พวกเขาจะต้องเจอในนัดซ้อมแข่งคือชมรมบาสโรงเรียนไคโจว
“ซ้อมแข่งกับทีมไคโจว!?”
“ใช่แล้ว! พวกเขาเป็นคู่แข่งที่ไม่เลวเลยนะ! พวกเราจะใช้เด็กใหม่ลงแข่งด้วย!”
“หา!?”
ไอดะเล็งเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้พัฒนาศักยภาพของเด็กใหม่เลยเลือกปี 1 ลงแข่งด้วย ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นนั่นก็คือทาคาระและคางามิ ทว่าพวกปี 2 ที่รู้จักชื่อเสียงของทีมบาสโรงเรียนไคโจวก็อดที่จะห่วงไม่ได้
“ไม่ใช่แค่ไม่เลวนะ พวกนั้นแข็งแกร่งมากเลยล่ะ”
“พวกเขาแข็งแกร่งมากเหรอครับ?”
“ไคโจวเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงด้านคุณภาพระดับชาติ ชมรมบาสของที่นั่นเข้าชิงระดับสูงๆ ทุกปี”
“เอ๋!?”
‘ใช่แล้ว โรงเรียนไคโจวเป็นโรงเรียนที่มีมาตรฐานและคุณภาพระดับนานาชาติ ชมรมบาสของที่นั่นก็มีชื่อเสียงค่อนข้างโด่งดัง และถ้าเดาไม่ผิด 1 ใน ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ที่ว่าก็คงเป็นเจ้านั่นแน่ๆ เฮ้อ แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว’ นิจิมุระคิด
พอมองไปทางทาคาระ เธอก็พยักหน้าอย่างเข้าใจตรงกันว่าเป็นไปตามที่คิดเอาไว้แต่แรก ทั้งสองได้แต่มองหน้ากันอย่างปลงๆ เพราะดูท่านัดซ้อมแข่งในครั้งนี้คงมีแต่เรื่องน่าปวดหัวแน่ๆ
“ที่สำคัญนะโค้ช ที่พูดเมื่อก่อนหน้านี้พูดจริงใช่ไหม?”
“มีอะไรกัน”
เพราะมัวแต่ซ้อมบาสคางามิเลยไม่ได้ยินที่ไอดะบอกเมื่อคราวก่อนว่าคู่แข่งในคราวนี้มี 1 ใน ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ด้วย
“อา ตอนนั้นนายไม่ได้ยินที่โค้ชบอกเหรอ?”
”ใช่แล้ว ไคโจวเป็น 1 ในโรงเรียนที่มีผู้เล่นจาก ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ คิเสะ เรียวตะ”
‘’ทีมแห่งปาฏิหาริย์’!!’
“เอ๋!?”
“จริงเหรอ!?”
ตอนแรกพวกเขาก็คิดว่าไอดะแค่พูดเล่นๆ แต่เมื่อได้รับการยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงพวกเขาก็อดที่จะกลัวไม่ได้ ทางด้านคางามิก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้ประลองฝีมือกับ 1 ใน ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’
‘ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ ชักจะเครื่องร้อนขึ้นมาแล้วสิ’
“ยิ่งไปกว่านั้น คิเสะเป็นนายแบบมีชื่อด้วยไม่ใช่เหรอ?”
“จริงดิ!?”
“เหลือเชื่อ!!”
“ทั้งหน้าตาดีทั้งเล่นบาสเก่งมันจะเกินไปรึเปล่าเนี่ย!?”
“นั่นสินะ น่าอิจฉาชะมัด”
“ไม่ยุติธรรมเลย!!”
เหล่าเด็กหนุ่มต่างโอดครวญด้วยความอิจฉาคิเสะ นอกจากจะเป็นเล่นบาสเก่งจนมีชื่อเสียงแล้วก็ยังหน้าตาดีขนาดมีดีกรีเป็นนายแบบที่ใครๆ ก็ต้องรู้จัก สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
‘เจ้าพวกบ้า’ ไอดะคิด
“กรี๊ดดดดดด!!”
เพราะมัวแต่ประชุมกันอย่างเคร่งเครียด(?)เลยไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีนักเรียนหญิงจำนวนมากเข้ามาในโรงยิม ทั้งๆ ที่ปกติช่วงเวลานี้มักจะมีเพียงนักเรียนที่อยู่ทำกิจกรรมชมรมจนเย็นเท่านั้น ซึ่งวันนี้มีเพียงชมรมบาสชายเท่านั้นที่ใช้โรงยิม นอกจากนี้พวกเธอยังพกอุปกรณ์มามากมายไม่ว่าจะเป็น กระดาษ ปากกา กล้องถ่ายรูป หรือไม่ก็มือถือ ราวกับว่าที่นี่กำลังมีมีทติ้งไอดอลไม่มีผิด
“…!?”
“หือ?”
“อะไรกัน!? ทำไมคนถึงเยอะขนาดนี้เนี่ย!?”
“อา แย่จัง ฉันไม่ได้มาเพื่อทำแบบนี้นะเนี่ย”
ต้นเหตุของเรื่องไม่ใช่ใครอื่น คิเสะ เรียวตะ จากตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะแอบมาทักทายทาคาระสักหน่อย ตอนนี้กลายเป็นต้องมานั่งแจกลายเซ็นให้แฟนคลับแทนซะงั้น จากตอนแรกแค่คนสองคนกลายเป็นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นสิบยี่สิบคน และตอนนี้เขาเลยกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งโรงยิมรวมถึงทีมบาสของเซย์รินด้วย
“เจ้านั่น...”
“!!!”
“คิเสะ เรียวตะ”
‘ทำไมคนจาก ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?’
‘เจ้านั่นสินะ!!’
คงจะมีเพียงทาคาระกับนิจิมุระเท่านั้นที่ไม่ได้ตกใจกับการมาของคิเสะเลยสักนิด เพราะทุกๆ ที่ที่คิเสะไปก็มักจะมีแฟนคลับล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เสมอ ตอนสมัยอยู่เทย์โควก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้อยู่บ่อยๆ พวกเขาเลยแก้ปัญหาเวลาชมรมบาสฝึกซ้อมห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้า โดยเฉพาะแฟนคลับของคิเสะ เพราะมันจะทำให้คนในชมรมเสียสมาธิได้
“...ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” ทาคาระ
“เฮ้อ เหมือนเดิมไม่มีผิด” นิจิมุระ
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน!!! ผมคิดถึงมากๆ เลยล่ะ! เหวอ!…”
พอเห็นหน้าทาคาระคิเสะก็แทบจะกลายร่างเป็นโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่ส่ายหางไปมาอย่างดีใจที่เจอเจ้าของแล้วกระโจนเข้าหาทันที ก่อนที่จะสังเกตเห็นว่าข้างๆ อดีตเพื่อนร่วมทีมมีบุคคลที่แสนน่ากลัวยืนอยู่ด้วย
“…กะ กะ กัปตัน ไม่สิ รุ่นพี่นิจิมุระ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”
“ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามมากกว่าว่านายมาทำอะไรที่นี่กันแน่? แล้วนี่อะไร รีบๆ จัดการซะ อย่าให้ฉันต้องพูดเป็นครั้งที่สอง”
“ขอโทษขอรับ!!! จะรีบจัดการเดี๋ยวนี้แหละขอรับ!”
ไม่ต้องรอให้เอ่ยซ้ำเป็นครั้งที่สอง คิเสะรีบจัดการเคลียร์แฟนคลับของตัวเองในทันทีทันใด ไม่ถึงห้านาทีเหล่าสาวก(?)ก็หายไปราวกับเหตุการณ์ชุลมุนก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นเจ้าตัวก็วิ่งไปหลบรังสีอำมหิตของอดีตกัปตันที่ด้านหลังทาคาระอย่างหาที่พึ่งเหมือนที่เคยทำทันที พลางทำเสียงออดอ้อนให้ดูน่าสงสารใส่ทาคาระไม่หยุด โดยไม่สนใจถึงขนาดตัวที่ต่างกันราวกับหมีคะ...เออ หมีป่ากับกระต่ายสักนิด ทำเอาผู้คนรอบข้างต่างอดสับสนไม่ได้ว่านี่ใช่คนเดียวกับคิเสะ เรียวตะ นายแบบสุดฮอตที่ขึ้นปกนิตยสารมากมายคนนั้นรึเปล่า
‘นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!?’
“เออ... ว่าแต่มาที่นี่ทำไมเหรอ?”
ไม่รู้ว่าจะสงสารใครก่อนดี ระหว่างพวกเขาที่ถูกกันซีนเหมือนอยู่คนละโลกกับสามคนนั้นหรือจะเป็นทาคาระที่เหมือนโดนหมายักษ์เกาะอยู่ รุ่นพี่ปีสองคนนึงเลยรวบรวมความกล้า(?)แล้วเอ่ยถามในสิ่งที่ทุกคนๆ ในที่นี้อยากรู้มากที่สุดออกไป
“อ๋อ ... โอ๊ยๆ!!”
นิจิมุระอาศัยจังหวะที่คิเสะเผลอดึงหูแล้วลากเจ้าตัวออกมาจากข้างหลังทาคาระทันที พลางใช้สายตากดดันประมาณว่าตอบๆ เขาไปซะว่าเอ็งมาที่นี่ทำไม
“...ก็ตอนที่ได้ยินว่าคู่แข่งที่ต้องเจอคือเซย์รินผมจำได้ว่าคุโรโกจิมาเข้าโรงเรียนนี้ ผมก็เลยกะว่าจะมาทักทายสักหน่อย ...(พึมพำ)แต่ไม่คิดว่าจะเจอรุ่นพี่นิจิมุระด้วย”
คิเสะบ่นประโยคสุดท้ายเบาๆ กับตัวเอง ทว่าทุกคนกับได้ยินอย่างดี เพราะจาก ‘สาย’ ที่รายงานมาไม่ได้บอกมาด้วยว่าอดีตกัปตันมหาโหดคนนี้อยู่ที่เซย์รินด้วย นอกจะท่าทางที่สุดแสนจะไม่ตรงปกของคิเสะแล้วพวกเขาก็ต้องประหลาดใจกับชื่อเล่น(?)ที่เจ้าตัวใช้เรียกทาคาระอีก
“ตอนม.ต้นพวกเราสนิทกันมากเลยเนอะคุโรโกจิ?” คิเสะพูดโอ้อวด
“ไม่นี่คะ”
“ใจร้ายที่สุด!!!”
ใช้เวลาไม่ถึงเสี้ยววินาทีทาคาระตอบปฏิเสธอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิดสักนิด ถ้าไม่ติดว่านิจิมุระยืนคุมอยู่นายแบบสุดฮอตคงกระโจนเข้ากอดทาคาระแล้วพร่ำเพ้อถึงความเย็นชาที่ทาคาระมีต่อตัวเองแน่ๆ
‘นี่มันไม่ตรงปกแบบสุดๆ เลย!!’
“เหลือเชื่อ ดูความยาวของบทความนี้สิ”
ในระหว่างนั้นพวกเขาก็พยายามหาบทความที่เขียนถึงคิเสะเอาไว้ ซึ่งมันเยอะมากจนพวกเขาไม่อยากเชื่อเลยว่าเป็นบทความที่เขียนถึงนักกีฬาบาสระดับม.ต้นเท่านั้น
“ว่าแต่นายไปเอานิตยสารมาจากไหนเนี่ย?”
“อย่าสนใจรายละเอียดเหล่านั้นเลยน่า”
หลังจากนั้นโคงาเนะก็พยายามย่อบทความของคิเสะลงให้ได้มากที่สุด
“ถึงแม้ว่าเขาจะเริ่มเล่นบาสตอนม.ต้นปี 2 แต่ก็มีพรสวรรค์และและความสามารถในการเล่นสูงมาก เขากลายมาเป็น 1 ในผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดของเทย์โควภายในชั่วพริบตา ประสบการณ์ของเขายังอ่อนอยู่มากเมื่อเทียบกับอีกสี่คนที่เหลือ(ไม่นับรวมทาคาระ) เขาซึมซับทุกอย่างที่อยู่รอบตัวและเรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว”
“เพิ่งเล่นเพียงแค่สองปีเองเหรอ!?”
“ผมดีใจนะที่ถูกขนานนามว่าเป็น 1 ใน ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ แต่ความจริงแล้วผมน่ะอ่อนแอที่สุดในทีมเลยล่ะ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่คุโรโกจิกับผมถูกเลือกอยู่บ่อยๆ เนอะคุโรโกจิ?”
คิเสะหันไปหาแนวร่วม(?)
“ฉันไม่ได้ถูกเลือกบ่อยขนาดคิเสะคุงหรอกนะคะ เลิกพูดมั่วๆ ซะทีเถอะค่ะ”
“อะไรกัน!? นี่ผมคิดไปเองเหรอเนี่ย!?”
เพราะ ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ เป็นทีมที่มีความสามารถเฉพาะตัวที่ไม่ต้องพึ่งพาการเล่นแบบทีมเวิร์ค ดังนั้นคู่ต่อสู้จึงจ้องเล่นงานคนที่อ่อนแอที่สุดของทีม ซึ่งคิเสะกับทาคาระมักจะโดนเลือกว่าเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดอยู่บ่อยครั้ง เหตุผลที่คิเสะโดนเลือกก็เพราะเพิ่งเริ่มเล่นบาสได้ไม่นาน ประสบการณ์ยังไม่ค่อยมี และอีกเหตุผลคือหมั่นไส้หน้าตาล้วนๆ ส่วนทาคาระเหตุผลส่วนใหญ่เป็นเพราะเธอเป็นผู้หญิง พวกเขาเลยสบประมาทในความสามารถและคิดว่าทาคาระอ่อนแอที่สุดในทีม แต่ที่ไม่โดนเลือกบ่อยเท่ากับคิเสะเป็นเพราะความจืดจางมากจนแทบจะไม่มีใครสังเกตเห็นจนกระทั่งเริ่มเกมส์ กว่าพวกเขาจะรู้ตัวมันก็สายไปซะแล้ว
พลั่ก!
ยังไม่ทันที่คิเสะจะเริ่มตีหน้าเศร้าเล่าบทโศกตัดพ้อในความใจร้ายของอดีตเพื่อนร่วมทีมจู่ๆ ก็มีลูกบาสลอยตรงมาเขาอย่างรวดเร็ว ดีที่เขาหยุดมันได้ก่อนที่จะกระแทกเข้ากับใบหน้าที่เป็นเครื่องมือในการทำงานของเขา ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเขาหยุดลูกบาสไม่ทันแล้วมีแผลที่หน้าขึ้นมาเขาคงโดนผู้จัดการฆ่าแน่ๆ แต่ที่สำคัญกว่านั้น...
“โอ๊ย เดี๋ยวสิ นี่มันอะไรกันเนี่ย!? เกือบโดนทาคาระแล้วนะ!”
คิเสะหันไปตวาดคางามิที่เป็นคนขวางลูกบาสใส่ทันที ยังดีที่นิจิมุระไหวตัวทันเลยดึงทาคาระออกจากวิถีของลูกบาสได้ทัน ซึ่งตัวการอย่างคางามิก็รู้ดีว่ายังไงลูกบาสที่เขาปาไปไม่มีทางโดนทาคาระอย่างแน่นอน ทว่าคนอื่นๆ ในชมรมกลับไม่คาดคิดว่าคางามิจะบ้าดีเดือดถึงขนาดปาลูกบาสใส่หน้า 1 ใน ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ อย่างคิเสะ เรียวตะเหมือนอย่างที่เคยทำกับนิจิมุระไปเมื่อหลายวันก่อนหน้านี้
“ขอโทษที่ขัดจังหวะงานคืนสู่เหย้าอันแสนหวาน แต่นายคงไม่ได้มาที่นี่แค่ทักทายหรอกใช่ไหม? ลองมาดวลกันสักเกมส์เป็นไงไอ้คุณชาย”
“คางามิ!?”
“คางามิคุง!!”
“อา ถึงนายจะว่าอย่างนั้นก็เถอะนะ ผมว่าก่อนอื่น...”
คิเสะชะงักเล็กน้อย พลางขบคิดอะไรบางอย่าง จากทีแรกเขาจะขอปฏิเสธทว่าจู่ๆ ก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก เขายิ้มที่มุมปากนิดๆ รอยยิ้มที่สาวๆ เห็นเป็นต้องตกหลุมรักในความเท่แบบแบดบอย ทว่าคนที่รู้จักรอยยิ้มนี้ดีอย่างทาคาระและนิจิมุระย่อมรู้ดีว่าหลังจากนี้คงมีเรื่องน่าปวดหัวเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน
“…ฮึ ก็ได้ ถือซะว่าเป็นคำเตือนจากผมก็แล้วกันนะ”
คิเสะถอดเสื้อนอกออกแล้วฝากไว้ที่ทาคาระก่อนที่จะไปวอร์มร่างกายนิดหน่อย ไอดะได้แต่ยืนหัวเสียกับความบ้าเลือดผิดเวลาของคางามิอย่างมาก แต่ถ้ามองในแง่ดีก็ถือซะว่าเป็นการศึกษาการเล่นของคิเสะไปด้วย
“ให้ตายสิ!”
“...อาจจะแย่ก็ได้นะคะ”
“เอ๊ะ?”
เกมเป็นแบบ 1 ต่อ 1 ใครที่สามารถทำคะแนนได้ก่อนถือว่าเป็นผู้ชนะทันที คิเสะเป็นฝ่ายชิงบอลมาได้ก่อน ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนกับก่อนหน้านี้ สุขุมเยือกเย็นและจริงจังขึ้นจนน่าประหลาดใจ แม้กระทั่งคางามิก็รู้สึกได้ถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของคิเสะ
ตึก ตึก ตึก
คิเสะเริ่มรุกเข้าไปหวังทำแต้มโดยที่มีคางามิคอยตามประกบไม่ห่างเพื่อหาช่องว่างแย่งบอลมาจากอีกฝ่าย ทว่าสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดก็คือคิเสะหมุนตัวอ้อมไปด้านหลังของคางามิก่อนที่จะกระโดดขึ้นเพื่อที่ดังก์ลูกลงห่วง ท่าเดียวกับที่คางามิโชว์ให้พวกเขาดูก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
“เพียงแค่มองครั้งเดียวเขาก็สามารถลอกเลียนแบบการเล่นของอีกฝ่ายและทำมันออกมาได้อย่างดีเยี่ยม”
“หวา!?”
‘แบบนี้ไม่ใช่แค่ลอกเลียนแบบแล้ว แต่เขาสามารถเล่นออกมาในรูปแบบของเขาได้อย่างไร้ที่ติเลยต่างหาก!!’ ไอดะคิด
‘อย่ามาอำกันน่า!! นั่นมันท่าที่ฉันใช้ไปก่อนหน้านี้ไม่ใช่เรอะ แต่...โธ่เอ้ย ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย!?’
ไม่ถึงเสี้ยววินาทีคางามิก็กระโดดตามขึ้นไปเพื่อที่จะขัดขวางลูกดังก์ของคิเสะ
“โว้ว คางามิก็เท่ไม่แพ้กันเลย!!”
“ตอบโต้ได้รวดเร็วสุดๆ!?”
ทว่าก็ไม่ทันการ
เคร้ง!!
ด้วยความสามารถและพละกำลังที่ต่างกันเกินไปทำให้คางามิไม่อาจหยุดลูกดังก์ของคิเสะได้ จึงทำให้นายแบบผมทองอดีตผู้เล่นจากเทย์โควเป็นผู้ชนะไป ทุกๆ คนอดทึ่งไม่ได้ นี่สินะ ‘คิเสะ เรียวตะ’ 1 ใน ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ผู้ที่ไม่ได้มีดีเพียงรูปร่างหน้าตา แต่พวกเขาได้ประจักษ์ถึงความสามารถ(รอบสอง)ของผู้ที่ถูกขนานนามว่าเป็น ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ แล้ว ไม่เว้นแม้กระทั่งคางามิ
‘ทั้งพละกำลังทั้งความสามารถ หมอนี่เหนือกว่าฉันทุกอย่าง!?’
“นี่สินะ ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ คุโรโกะเพื่อนเธอเนี่ยสุดยอดมากเลยนะว่าไหม!?”
“…เขาเปลี่ยนไปมากเลยนะคะ”
“หือ?”
“บอกตามตรงฉันไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเก่งขึ้นมากขนาดนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่เจอหน้ากันเพียงไม่กี่เดือน แต่ว่า...”
‘ดูเหมือนว่าความสามารถของ ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ มีการพัฒนาขึ้นมากกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก’
ใช่แล้ว เหมือนกับที่คิเสะบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่านี่เป็นเพียงแค่ ‘การเตือน’ เท่านั้น
“เฮ้อ เอาล่ะ”
“???”
“อย่าเสียเวลาไปมากกว่านี้เลย ที่จริงผมไม่ได้มาแค่ทักทายหรอกนะ ...ได้โปรดยกคุโรโกจิให้ผมเถอะ!!!”
“…!?”
“!!!”
“ไปเข้าโรงเรียนเดียวกันกับผม ไปเล่นบาสด้วยกันอีกครั้ง”
“ว่าไงนะ!?”
ทุกคนต่างตกตะลึงกับคำขอที่แสนจะสุดโต้งของคิเสะ มีเพียงทาคาระและนิจิมุระเท่านั้นที่ยังคงสงบนิ่งไม่ไหวติ่ง คิเสะเลยยิ่งได้ใจคิดว่าทาคาระต้องยอมใจอ่อนย้ายไปอยู่โรงเรียนเดียวกับตัวเองแน่ๆ
“ผมพูดจริงๆ นะ ผมชื่นชมคุโรโกจิมากๆ เลยล่ะ! อะ เออ คุณก็ด้วยนะ รุ่นพี่นิจิมุระ (เหมือนเพิ่งนึกได้) อยู่ที่นี่ก็มีแต่เสียเวลาเปล่าๆ! ดังนั้นมากับผมดีกว่าไหม?”
“ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณคิดกับฉันแบบนี้”
เพราะสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไปของทาคาระทำเอาทุกคนต่างลุ้นกันตัวโก่งว่าเธอจะยอมตกลงตามคำเชิญของคิเสะไหม ส่วนนิจิมุระพวกเขาเองก็พอจะเดาๆ ได้ว่าถ้าทาคาระอยู่ไหนเขาก็อยู่ที่นั่น ถ้าทาคาระเลือกไปไคโจวกับคิเสะนิจิมุระก็อาจจะย้ายไปไคโจวด้วยเช่นกัน แต่ใครบ้างล่ะจะไม่อยากไปไคโจว โดยเฉพาะเมื่อมีนายแบบสุดหล่ออย่างคิเสะมาเชิญชวนถึงทะ...
“ฉันขอปฏิเสธค่ะ”
“ทำไมล่ะ!?”
คงจะมีทาคาระคนนึงล่ะที่ปฏิเสธ ทางด้านคิเสะไม่คาดคิดว่าตัวเองจะถูกสาวปฏิเสธ(?)ก็ตกใจอย่างมาก
“ทำไมล่ะ!? ถ้าเป็นเรื่องรุ่นพี่นิจิมุระล่ะก็ให้ไปไคโจวด้วยกันก็ได้นี่ ที่สำคัญชัยชนะคือทุกสิ่งไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไม่ไปเข้าโรงเรียนที่ดีกว่านี้ล่ะ?”
“ความคิดฉันเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะค่ะ ที่สำคัญฉันได้ให้สัญญากับคางามิคุงเอาไว้”
“…”
“สัญญาว่าจะล้ม ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ด้วยกัน”
แถมท้าย
แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ
“เออ... คิเสะคุง”
หลังจากที่ทำใจอยู่สักพักกับคำปฏิเสธของทาคาระ คิเสะก็กลับมาร่าเริงขึ้นอีกครั้ง เจ้าตัวตั้งเป้าเอาไว้ว่านัดซ้อมแข่งที่จะถึงนี้จะเอาชนะเซย์รินแล้วแย่งชิงทาคาระมาอยู่ไคโจวให้จนได้ ทว่าแทนที่จะกลับคิเสะดันอยากจะขอถ่ายรูปทาคาระเอาไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย ถ่ายไปนับร้อยรูปมีทั้งรูปเดี่ยว รูปคู่ รูปถ่ายสามคนรวมนิจิมุระด้วย ทำเอาพวกที่เหลืออดคิดไม่ได้ว่าคิเสะเป็นนายแบบหรือโอตาคุกันแน่
‘‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ไม่มีใครปกติสักคนเลยรึไง!?’
“น่ารักจังเลย!!! คุโรโกะจิน่ารักขึ้นมากๆๆๆๆๆๆ เลยล่ะ! ผมยาวขึ้นด้วย! รู้ไหมว่าผมคิดถึงคุโรโกะจิมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“…”
“อา แบบนี้ต้องส่งรูปไปให้พวกนั้นดูสักหน่อยแล้ว ให้อิจฉาตาร้อนผ่าวกันไปเลย!”
“ฉันว่ามันคง...”
ช้าไปแล้ว ไม่ทันที่ทาคาระจะห้าม คิเสะส่งรูปคู่ที่ถ่ายกับทาคาระในท่าโอบไหล่เข้าไปในกลุ่มแชทที่มีชื่อว่า ‘Treasure’ ซึ่งมีสมาชิกในกลุ่มทั้งหมด 8 คน ไม่ถึงเสี้ยววินาทีก็มีข้อความตอบกลับมาอย่างล้นหลาม ข้อความส่วนมากออกแนวสาปแช่งคิเสะซะมากกว่า มีทั้งข้อความ ข้อความเสียง ถึงขั้นโทรมาก็มี
KTMSatsuki : กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!! ทาคะจังน่ารักกกกกกกกกกกกกก!
KTMSatsuki : คีจังขี้โกงงงงงงงงงงงงงงงงง!
KTMSubaru : ใช่ๆ
เทพแห่งบาสเก็ตบอล : แกกล้ามากนะคิเสะ
เทพแห่งบาสเก็ตบอล : รับโทรศัพท์เดี๋ยวนี้นะเจ้าโกลเด้นท์!
KTMSatsuki : คีจังส่งรูปมาอีก!!!
KTMSatsuki : อย่าไปรับสายของไดจังนะ! รับสายของฉันสิคีจัง! ฉันอยากคุยกับทาคะจัง!!
Sweettooth : คุโรจินน่ารัก อยากจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัวเลยล่ะ
Sweettooth : คงจะหวานน่าดู
KTMSatsuki : ไม่ได้นะมุกคุง!
Sweettooth : ...ซะเมื่อไหร่
LuckyDay : เขาว่าราศีเมถุนดวงจะถึงฆาต
บลาๆๆๆๆ
แต่ข้อความที่เด่นสะดุดตามากที่สุดก็คงจะเป็น…
KingOfGOM : ท่าทางคงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วสินะเรียวตะ (อีโมจิกรรไกรสีแดง)
“ม่าาาาาาาาย!!!” คิเสะ
‘เฮ้อ อยู่ดีไม่ว่าดี คิดสั้นชัดๆ’ นิจิมุระ
‘ขอให้โชคดีนะคะคิเสะคุง’ ทาคาระ
ความคิดเห็น