ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KNB All x Kuroko Project] Treasure

    ลำดับตอนที่ #3 : Pass 2 - Monday at 8.40 On The Rooftop

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ค. 66


    Pass 2

    ‘Monday at 8.40 On The Rooftop’

     

    เช้าวันต่อมาคางามิออกมาซ้อมบาสที่สนามใกล้ๆ อพาร์ทเม้นท์ ในระหว่างที่ฝึกซ้อมอยู่นั้นก็คิดถึงบทสนทนาระหว่างเขาและอดีตนักกีฬาทั้งสองของเทย์โควเมื่อคืน

    ''ทีมแห่งปาฏิหาริย์' แข็งแกร่งขนาดไหนกันนะ?'

    “...ตอนนี้พวกเขาทั้ง 5 แยกย้ายไปอยู่คนละโรงเรียนกันหมด”

    “...และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็ 1 ใน 5 คนนั้นจะได้เป็นแชมป์ระดับประเทศ”

    “ฉันตัดสินใจได้แล้ว! ฉันจะล้มเจ้าพวกนั้นลงและจะเป็นที่หนึ่งของญี่ปุ่นให้จนได้!!!”

    “ฉันไม่รู้เกี่ยวกับความสามารถและพลังกำลังของคุณมากนัก แต่เท่าที่ฉันสังเกตนะคะ ระดับอย่างคุณตอนนี้ฉันว่าคงเทียบกับพวกเขาไม่ได้ แล้วยิ่งถ้าคุณลุยเดี่ยวล่ะก็ มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่คุณจะเอาชนะพวกเขาได้ ...ทว่าฉันเองก็ได้ตัดสินใจเอาไว้แล้ว ฉันจะคอยเป็นเงาที่สนับสนุนการต่อสู้ของคุณเอง แต่ว่าเงาจะเด่นชัดขึ้นถ้าหากแสงมีความแข็งแกร่ง และเงาจะช่วยให้แสงเปล่งประกายมากยิ่งขึ้น ...และในฐานะของเงา ฉันจะทำให้คุณเป็นแสงที่ส่องประกายและแข็งแกร่งที่สุดในญี่ปุ่นเองค่ะ”

    ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งจะทำให้คางามิอยากที่จะแข่งบาสกับพวกนั้นจนแทบอดใจรอไม่ไหว ราวกับเด็กๆ ในวันทัศนศึกษานอกสถานที่ครั้งแรกไม่มีผิด ในระหว่างนั้นเขาก็ฝึกชู้ตบาสลงหวงไปด้วย

    'ฮ่าฮ่า! บ้าเอ๊ย... อดใจรอไม่ไหวแล้วสิ ฉันอยากจะแข่งในเกมที่มันไม่ธรรมดา!!

     

    ทันทีที่มาถึงโรงเรียนคางามิไม่รอช้ารีบตรงไปหาฮิวงะซึ่งเป็นกัปตันทีมทันที

    “แมตซ์งั้นเหรอ? ตอนนี้นายยังลงแข่งไม่ได้หรอกนะ”

    “...ห๊า!?”

    คำตอบที่ไม่คาดคิดจากปากของฮิวงะทำเอาคางามิรู้สึกเหมือนมีก้อนหินหรืออะไรสักอย่างหล่นใส่หัวของเขา

    “ทะ ทะ ทำไมล่ะ ทำไมถึงลงแข่งไม่ได้ล่ะกัปตัน!? หรือฉันทำอะไรผิดงั้นเหรอ!!”

    'เฮ้อ หมอนี่ไม่พูดจาเคารพรุ่นพี่เอาซะเลย'

    ก็เข้าใจอยู่ว่าเป็นเด็กนอกแต่ฮิวงะก็ไม่ค่อยพอใจคำพูดคำจาที่รุ่นน้องอย่างคางามิใช้กับตนนัก ทว่าก็ทำเป็นไม่ใส่มากนัก และเริ่มอธิบายถึงเหตุผลให้ฟังว่าทำไมอีกฝ่ายถึงยังลงแข่งไม่ได้

    “อา ไม่ใช่อย่างนั้น เด็กใหม่อย่างนายยังเป็นแค่สมาชิกชั่วคราวอยู่รู้ไหม นายยังไม่เหมาะสมที่จะมาเป็นสมาชิกตอนนี้”

    “!!!”

    “แล้วเรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจของโค้ชด้วย ไม่ใช่ฉัน”

     

    12.05 น.

    ปี 2 ห้อง c

    ในช่วงพักเที่ยงไอดะเลือกที่จะทานอาหารกลางวันที่ห้องเรียนแทน เพราะวันนี้เธอเพิ่งได้รับข่าวดีมาเลยอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ในระหว่างที่กำลังดื่มนมอยู่เธอก็กำลังเล่นเกมส์จำลองเกี่ยวกับบาสเก็ตบอลบนเครื่องเล่นพีเอสพีอยู่

    “...ใช่เลย เท่สุดๆ ไปเลย”

    พูดออกมาราวกับคนเพ้อฝัน พลางมองภาพบนหน้าจออย่างเคลิบเคลิ้ม (ราวกับโรคจิต)

    “ช่างเป็นชายที่สุดยอดจริงๆ”

    “โค้ช! ทำให้ฉันเป็นสมาชิกตัวจริงหน่อยสิ!!”

    พรวด!

    จู่ๆ คางามิก็โผล่มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ด้วยอารามตกใจไอดะเลยเผลอพ้นนมที่กำลังดื่มอยู่ออกมา

    “อา เลอะหมดเลย”

    บ่นพลางหยิบผ้าออกมาเช็ดคราบนมที่เลอะออก

    “ฮึ่ย วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย นายก็ด้วยงั้นเหรอ!?”

    “ฉันด้วย?”

    “ก่อนหน้านี้ทาคาระกับนิจิมุระก็มาพูดแบบเดียวกันเนี่ยแหละ”

    ก่อนหน้านี้

    “...ฉันอยากจะเป็นสมาชิกตัวจริงค่ะ”

    “...ฉันจะมาขอสมัครเข้าชมรม”

    พรวด!

    “พวกนายสองคนมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!?”

    พอตั้งสติได้ก็ตกใจอย่างมากกับสิ่งที่เธอได้ยิน

    “ว่าไงนะ!!”

    ปัจจุบัน

    “...เจ้าพวกนั้น”

    “ฮึ่ย พวกนายนี่รีบร้อนกันไปไหนเนี่ย? ดื้อด้านกันจริงๆ เลย!”

    ไอดะบ่นออกมาราวกับคนแก่ ตอนแรกเธอคาดหวังแค่ให้มีคนมาสมัครชมรมบาสเยอะๆ เท่านั้น แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ของดีมาถึงสามคน คนแรกดีกรีเด็กนอกฝีมือดี ส่วนอีกสองคนก็มเป็นถึงเด็กจากโรงเรียนเทย์โคว ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความสามารถไม่ธรรมดา

    “...บ่นอะไรของเธอเนี่ย”

    ไอดะทำเป็นหูทวนลมกับคำพูดของอีกฝ่ายและยื่นเอกสารบางอย่างให้

    “อะนี่ รับไว้สิไม่ต้องเกรงใจ”

    ทันทีที่รับเอกสารมาคางามิก็เข้าใจว่าตอนนี้เขาเป็นผู้เล่นตัวจริงของชมรมและสามารถลงแข่งได้แล้ว จึงรีบหมุนตัวเตรียมออกไปทันที ทว่าไอดะก็รั้งเขาเอาไว้ด้วยคำพูดบางอย่าง

    “เท่านี้ฉันก็สามารถลงแข่งได้แล้วใช่ไหม!?”

    “อา เดี๋ยวก่อน ที่เหลือก็แค่บททดสอบอีกอย่างเท่านั้น แล้วเจอกันวันจันทร์ตอน 8.40 ที่ดาดฟ้า!”

    “...?”

    ระหว่างที่เดินกลับห้องคางามิก็สะดุดตากับข่าวๆ นึงที่อยู่บนบอร์ดของโรงเรียน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นข่าวเก่าของเมื่อปีที่แล้ว

    ชมรมบาสเก็ตบอลเตรียมตัวที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน 'บาสเก็ตบอลเขตคันโต'

    “เห บางทีชมรมบาสของที่นี่อาจจะเจ๋งจริงๆ ก็ได้?”

    “สุดยอดไปเลย”

    “...!!!”

    ในระหว่างที่มัวคิดอะไรเพลินๆ ก็ต้องตกใจหัวใจแทบวาย (ที่ไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว) เพราะจู่ๆ ทาคาระก็โผล่มายืนข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทำให้คางามิเผลอตะคอกอีกฝ่ายออกมา โดยที่ลืมไปว่าทั้งคู่ยืนอยู่หน้าห้องสมุดของโรงเรียน

    “ยัยบ้านี่! โผล่มาแบบปกติหน่อยสิเฟ้ย!! เลิกโผล่มาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงได้แล้ว!!!”

    “ชู่”

    ทาคาระยกนิ้วขึ้นแตะที่ริมฝีปากและส่งเสียงบอกให้อีกฝ่ายเบาเสียงลง เจ้าตัวเลยได้แต่ส่งเสียงฮึดฮัดอย่างขัดใจ และพยายามระงับอารมณ์เอาไว้

    “ฮึม เธอกำลังหาเรื่องฉันอยู่ใช่ไหม? กำลังหาเรื่องฉันอยู่สินะ? พูดมา!”

    “...ฉันเปล่านะคะ”

    'ฉันล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ... ยัยนี่ชอบหายตัวไปมาอยู่บ่อยๆ' คางามิคิด

    'นี่น่ะเหรอผู้ที่ถูกขนานนามว่า 'ผู้เล่นแฟนท่อมคนที่ 6' แห่งวงการบาสเก็ตบอล...'

    จะว่าผิดหวังก็ไม่เชิง เพราะพอได้ยินเรื่องเล่าต่างๆ ที่ไปถามมาจากปี 1 คนอื่นๆ ในชมรมบาสฯ แล้วกลับแตกต่างจากคนตรงหน้าเขาอย่างมาก พอวกกลับมาคิดถึงเรื่องของ 'ทีมแห่งปาฏิหาริย์' อีกครั้งเขาก็เหมือนจะฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

    'แต่เดี๋ยวนะ ทำไมกัน? ทั้งๆ ที่ผู้เล่นคนอื่นๆ ใน 'ทีมแห่งปาฏิหาริย์' ต่างเลือกโรงเรียนดังๆ ที่มีชื่อเสียงกันทั้งนั้น แล้วทำไมยัยนี่ถึงเลือกเซย์รินล่ะ?'

    “นี่คุโรโกะ...”

    “...”

    หายไปแล้ว

    พอหันมาอีกทีก็พบว่าตรงที่ที่ทาคาระเคยยืนอยู่เจ้าตัวได้หายไปแล้ว คากามิบ่นพึมพำบางอย่างกับตัวเองอย่างปลงๆ ทว่าร่างกายของเขากลับสื่อออกมาอีกแบบ

    “อา ช่างมันเถอะ ที่สำคัญกว่านั้น...”

    'เจอกันครั้งหน้า(ตอนที่ไม่มีเจ้าคนที่ชื่อนิจิมุระอยู่ด้วย)... ฉันจะฆ่ายัยนั่นซะ'

    ด้วยความโมโหเจ้าตัวเลยเผลอกระชากราวบันไดใกล้ๆ ติดมือมาด้วย ทำเอาผู้คนแถวนั้นมองดูด้วยความตกใจระคนหวาดกลัว

    “วะ เหวอ!?”

    “ว๊าย!”

     

    วันจันทร์ เวลา 8.40น.

    “หึหึหึ กำลังรออยู่เลย!”

    พอขึ้นไปบนดาดฟ้าตามเวลาที่นัดเอาไว้ก็พบไอดะยืนรออยู่ก่อนแล้ว

    “เธอบ้าไปแล้วรึไง?”

    คางามิอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา

    “จะให้ดวลกันรึคะ?”

    ทาคาระถามออกมาเล่นๆ

    “จะทำอะไรก็รีบๆ ทำเข้าเถอะน่า”

    นิจิมุระพูดออกมาอย่างเบื่อหน่าย และทำให้ทาคาระนึกอะไรบางอย่างออก

    “จริงด้วย ลืมไปซะสนิทเลยแฮะ พอพูดถึงวันจันทร์ก็ต้องเรื่องนั้นสินะคะ”

    “เรื่องอะไร?” คางามิถาม

    “ก็วันนี้วันจันทร์ไงคะ”

    “ก็ใช่ไง แล้วมันมีอะไรล่ะห๊า!?”

    โป๊ก!

    “โอ๊ย!/เบิกตาดูตรงลานกว้างของโรงเรียนเอาซิเฟ้ย!”

    ในเมื่อไม่ได้คำตอบจากคนตรงหน้า แถมยังได้กำปั้นมาอีก คางามิเลยทำตามคำแนะนำ(ที่สุดโหด)ของนิจิมุระและมองลงไปที่ลานกว้างของโรงเรียน ซึ่งตอนนี้มีนักเรียนมากมายมายืนเข้าแถวแยกชั้นปีและห้องเรียบร้อยแล้ว รวมถึงสมาชิกชมรมบาสปี 2 คนอื่นๆ นอกจากไอดะเองก็ด้วย

    “จริงด้วย!”

    “อีก 5 นาทีก็ได้เวลาเข้าแถวตอนเช้าแล้วไม่ใช่รึไง!”

    เพราะเหลือเวลาอีกไม่มากพลอยทำให้คนอื่นๆ ร้อนรนกันมากยิ่งขึ้น ทว่าไอดะกลับมีท่าทีที่ไม่สะทกสะท้านและใจเย็นมากผิดกับคนอื่นๆ ลิบลับ จนคางามิต้องเอ่ยปากเร่ง

    “รีบๆ ทดสอบกันสักทีสิ!”

    ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สนใจ

    “ก่อนอื่นฉันมีเรื่องที่อยากจะพูด เมื่อปีที่แล้วฉันรับปากไว้แล้วเมื่อตอนที่กัปตันของพวกนายมาขอให้ฉันเป็นโค้ชให้กับชมรม พวกเราจะเล่นบาสเกตบอลไปจนถึงการแข่งระดับประเทศกันเลย! ถ้ายังไม่พร้อมก็เชิญไปชมรมอื่นได้เลย!!”

    'พวกเราจะไปแข่งระดับประเทศด้วยกัน!'

    ภาพเหตุการณ์เมื่อวันวานไหลย้อนกลับมาอย่างช่วยไม่ได้ ภาพความทรงจำเก่าๆ ที่ยากจะลืมเลือน วันที่พวกเขายังคงมีความสุข ยังคงยิ้ม และหัวเราะไปด้วยกันเสมอ ก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป เพราะทุกๆ คนมัวแต่สนใจไอดะอยู่เลยไม่มีใครทันสังเกตเห็นใบหน้าที่เศร้าหมองของทาคาระ มีเพียงนิจิมุระเท่านั้น เขาเองก็ได้แต่จับมือของเธอเอาไว้และบีบมันเบาๆ ราวกับให้กำลังใจอีกฝ่าย

    “...ห๊า? พูดเรื่องอะไรของเธอเนี่ย!?”

    “ฉันรู้ว่าพวกนายแข็งแกร่ง แต่ฉันต้องการตรวจสอบสิ่งที่สำคัญกว่านั้น ต่อให้นายฝึกซ้อมมากมายแค่ไหน นายจะไม่แข็งแกร่งขึ้นเลยหากมัวแต่คิดว่า 'แล้วค่อยทำ' หรือ 'ตราบใดที่ฉันยังไม่ตาย' ดังนั้นฉันเลยอยากให้พวกนายมีจุดมุ่งหมายที่ยิ่งใหญ่ และทำมันให้สำเร็จไม่ว่าจะอะไรก็ตาม นั้นคือเหตุผลว่าทำไมตอนนี้! จากตรงนี้!! พวกนายจะต้องตะโกนชั้นเรียน! ชื่อ! และเป้าหมายในปีนี้! ซึ่งเมื่อปีที่แล้วพวกปี 2 ก็เคยทำแบบนี้เหมือนกัน อ๋อ แล้วก็นะ ถ้าพวกนายไม่ทำมันที่นี้ละก็ คราวหน้าฉันจะให้นายแก้ผ้าแล้วสารภาพรักกับผู้หญิงที่แอบชอบ!'”

    “เอ๋!?”

    “...ห๊า?”

    สิ้นเสียงของไอดะบรรดาเด็กปี 1 ต่างก็อุทานกันออกมาด้วยความตกใจ และโอดครวญกันถ้วนหน้า ยกเว้นคางามิ ทาคาระ และนิจิมุระ

    “ห๊าา!? ฉันไม่เห็นจะเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนเลย”

    “จะว่าไปพวกเขาเคยบอกเราตอนที่แนะนำเข้าชมรมนี่!”

    “แต่ฉันว่ามันเกินไปแล้วนะเฟ้ย!”

    พอเห็นทีท่าว่าไม่มีปี 1 คนไหนก้าวออกมาสักคน ไอดะเลยพูดกระตุ้นอะไรเพิ่มอีกสักเล็กน้อย เพราะถ้ามัวชักช้ากว่านี้จะไม่ทันการ

    “ก็เหมือนที่ฉันพูดไม่ก่อนหน้านี้ ฉันต้องการให้พวกนายมีจุดมุ่งหมายที่ยิ่งใหญ่! ถ้าพวกนายมัวแต่คิดว่า 'ขอแค่ผ่านรอบแรกก็พอ' หรือ 'ฉันจะทำให้ดีที่สุด' ละก็แก้ไขความคิดพวกนั้นซะ!”

    ยิ่งเห็นว่าไอดะเอาจริงและไม่มีทีท่าว่าพูดเล่นแต่อย่างใดก็ยิ่งกดดันพวกเขามากยิ่งขึ้น

    “เอายังไงดีวะเนี่ย เธอเอาจริงใช่ไหมเนี่ย!?”

    “พวกอาจารย์จะต้องโกรธมากแน่ๆ”

    ยิ่งคิดถึงผลที่จะตามมาก็ยิ่งทำให้พวกเขาตัดสินใจยากเข้าไปอีก และก็แน่นอนว่าคนที่ไม่คิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบอย่าคางามิก็ติดกับของไอดะเข้าอย่างจัง และเลือกที่จะเป็นคนแรกที่ทำการทดสอบบ้าๆ นี่

    “เฮ้อ มันจะง่ายไปรึเปล่าเนี่ย? แบบนี้เขาไม่เรียกว่าบททดสอบหรอกนะ”

    “วะ เหวอ!”

    “เฮ้ย!”

    พอรู้ตัวอีกทีเจ้าตัวก็กระโดดขึ้นไปยืนบนราวเหล็กอย่างอาจหาญและตะโกนไปยังเบื้องล่างซึ่งมีนักเรียนยืนเรียงรายเข้าแถวอยู่มากมาย

    “ปี 1 ห้อง B เลขที่ 8 คางามิ ไทกะ! ฉันจะล้ม 'ทีมแห่งปาฏิหาริย์' และเป็นที่ 1 ของประเทศ!”

    “!!?”

    “เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย!?”

    “ตกใจหมดเลย”

    “นั่นมันอะไรกันเนี่ย?”

    สร้างความแตกตื่นให้กับคนในสนามทั้งหมด สำหรับปี 2 บางส่วนแล้วก็ถือว่าเป็นภาพที่คุ้นตากันพอสมควรสำหรับเรื่องแบบนี้ โดยเฉพาะกับพวกปี 2 ที่อยู่ชมรมบาสแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะเมื่อที่แล้วพวกเขาก็ต้องทำแบบนี้เหมือนกัน

    "หวา พวกเขาทำเหมือนเมื่อปีที่แล้วเลย" ฮิวงะ

    "ใช้ได้เลยๆ" โคงาเนะ

    "ฉันว่าหมอนั่นน่าจะใส่มุขตลกเข้าไปด้วยนะ" อิซึกิ

    ส่วนคนที่อยู่บนดาดฟ้าต่างก็อึ้งไม่แพ้กัน

    “...ใจกล้าน่าดูเลยแฮะ” ทาคาระพึมพำ

    “ฮึ ทำได้ไม่เลวนี่” นิจิมุระ

    และในตอนนั้นเองคนที่ไม่มีใครคาดคิดก็ก้าวออกมาเพื่อเป็น(เหยื่อ?)รายต่อไป เขาหยุดยืนในตำแหน่งเดียวกันกับคางามิเมื่อสักครู่ ทว่าไม่ได้ใจกล้าบ้าบิ่นถึงขนาดกระโดดขึ้นไปยืนบนราวเหล็กเหมือนกับคางามิ

    “...”

    “หวา!?”

    “จริงดิ!?”

    “ปี 2 ห้อง B นิจิมุระ ชูโซ! ไม่อยากจะแพ้ไม่ว่ากับใครหน้าไหนและฉันจะพิสูจน์ให้ดูว่าชัยชนะไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง!”

    ประโยคที่ฟังดูขัดๆ กันอย่างแปลกๆ ทำเอาคนฟังงงๆ อย่างบอกไม่ถูก มีเพียงทาคาระเท่านั้นที่เข้าใจว่านิจิทุระต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ ประโยคที่แฝงไปด้วยอดีตที่แสนเจ็บปวด

    “...ก็ไม่เข้าใจหรอกนะ แต่สุดยอดเลย”

    ไอดะมองนิจิมุระอย่างทึ่งๆ เพราะไม่คิดว่าคนที่นิ่งๆ ติดจะเย็นชาอย่างเขาจะกล้าทำอะไรแบบนี้ด้วย

    “ใครจะเป็นคนต่อไป? ถ้าไม่รีบล่ะก็ เดี๋ยวอาจารย์ก็มาพอดี”

    เธอเอ่ยเร่ง ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

    'เดี๋ยวนะ? มันจะเกินกำลังของคุโรโกะไปรึเปล่าเนี่ย? หื้ม?'

    ทว่าคนที่ไอดะกำลังกังวลอยู่กลับโผล่มายืนข้างๆ เธอพร้อมกับโทรโข่งในมือที่ไม่รู้ว่าหยิบมาจากไหนและตั้งแต่เมื่อไหร่

    “หวา!?”

    “ขอโทษนะคะ เสียงฉันไม่ค่อยจะดัง ไม่เป็นไรใช่ไหมถ้าจะใช้เจ้านี่ช่วย?”

    “...กะ ก็ได้”

    เมื่อได้คำอนุญาตทาคาระก็หันหน้าไปทางสนามโรงเรียนและสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่เพื่อเตรียมตัวเปล่งเสียงออกมา ทว่าไม่ทันที่เธอจะได้พูดออกมาสักประโยคก็มีเหล่าอาจารย์เปิดประตูโผล่พรวดออกมาซะก่อน

    “พวกเธอ!! ชมรมบาสอีกแล้ว!!”

    “อ๊ะ ปีนี้พวกเขามาเร็วกว่าปีที่แล้วอีก!?”

    ผลสุดท้ายก็โดนเทศนาซะยกใหญ่

     

    มาจิเบอร์เกอร์

    “พวกเขาจำเป็นต้องโกรธขนาดนั้นเพียงเพราะฉันตะโกนออกไปงั้นเหรอ?”

    ระหว่างทางกลับบ้านคางามิก็แวะเข้ามาสั่งเบอร์เกอร์กองเท่าภูเขาและเครื่องดื่มเหมือนกับวันที่ผ่านๆ มา และก็อดไม่ได้ที่จะบ่นถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้

    “ฉันไม่ทันจะได้ทำอะไรก็ยังโดนดุไปด้วย”

    พรวด!

    'อีกแล้ว!'

    ด้วยอารามตกใจเลยเผลอพ้นเครื่องดื่มออกมา

    'ฉันควรจะเปลี่ยนร้านใช่ไหมเนี่ย? เจอกันบ่อยเกินไปแหละ'

    หันมาอีกทีก็พบคู่หูดูโอ้ที่ช่วงนี้ดูจะตัวติดกันเป็นพิเศษอย่างนิจิมุระและทาคาระ ซึ่งหัวข้อที่พูดถึงก็คงหนีไม่พ้นเรื่องบททดสอบเมื่อเช้านี้ ซึ่งมีเพียงคางามิและนิจิมุระเท่านั้นที่ทำมันได้ทันก่อนที่โดนอาจารย์จับตัวไปเทศนา ทาคาระจึงเป็นเพียงคนเดียวที่นั่งกันอยู่ในตอนนี้ที่ยังไม่ได้ทำแบบทดสอบของไอดะ และนั่นหมายความว่าโอกาสที่จะได้เข้าชมรมก็น้อยลงไปด้วย

    “และมันก็กลายเป็นปัญหาแล้วด้วย” นิจิมุระเอ่ย

    “จริงดิ!? ได้ไง!?”

    “ฉันคงทำตามสัญญาที่ให้ไว้ไม่ได้แล้วค่ะ”

    “หา?”

    “ดูเหมือนว่าตั้งแต่นั้นมาที่ดาดฟ้ามียามมาเฝ้าตลอด แบบนี้ฉันจะเข้าชมรมบาสได้ไหมคะเนี่ย?”

    “ไม่หรอกน่า”

    ‘ก็แหงละ ไม่มีทางที่ปัญหาแค่นี้จะมาหยุดทาคาระให้เลิกเล่นบาสได้หรอกนะ’ นิจิมุระคิดในใจ

    เพราะเจ้าตัวรู้ดีว่ายังไงซะทาคาระคงหาทางที่จะเข้าชมรมได้อยู่แล้ว แต่ที่พูดออกมาแบบนั้นก็คงเพราะอยากจะแกล้งคางามิเท่านั้น และก่อนที่เรื่องมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ คางามิก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก

    “ที่สำคัญกว่านั้น มีบางเรื่องที่กำลังกวนใจฉันอยู่”

    “…”

    “เธอมีความสามารถถึงขนาดถูกขนานนามว่า ‘ผู้เล่นแฟนท่อมคนที่ 6’ ใช่ไหม? แล้วไหนจะนะ...เออ รุ่นพี่นิจิมุระ(กัดฟันพูด)ที่มีดีกรีเป็นถึงอดีตกัปตันชมรมบาสอีกคน ทำไมพวกนายถึงไม่ไปเข้าโรงเรียนที่มีชื่อเสียงเหมือน 5 คนนั้นล่ะ? พวกนายมีเหตุผลอะไรกันแน่?”

    “…”

    ทั้งทาคาระและนิจิมะรุก็เตรียมใจเอาไว้อยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องโดนถามแบบนี้แน่ๆ แต่กลับไม่คาดคิดว่าคนที่เปิดประเด็นถามออกมาตรงๆ คนแรกจะกลายเป็นคนที่วันๆ ในหัวมีแต่บาสกับเบอร์เกอร์อย่างคางามิ

    “ก่อนอื่นต้องขอชมก่อนเลย ไม่นึกว่าคนบ้าบาสอย่างนายก็คิดเรื่องแบบนี้กับเขาได้เหมือนกัน” นิจิมุระ

    “เฮ้!” คากามิ

    “…ที่โรงเรียนม.ต้นที่ฉันกับรุ่นพี่เคยเรียนขึ้นชื่อเรื่องบาสเกตบอลมากๆ” ทาคาระ

    “เรื่องนั้นฉันรู้แล้ว!” คากามิ

    “ที่นั่นมีกฎง่ายๆ เพียงข้อเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ...”

    ทาคาระไม่สนใจเสียงโวยวายของคากามิและยังคงเล่าต่อไปเรื่อยๆ

    “...ชัยชนะคือทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องพึ่งทีมเวิร์ค ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ จึงเป็นทีมบาสที่ใช้แต่เทคนิคเฉพาะตัว แล้วกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุด”

    “…”

    “ทว่าแบบนั้นไม่เรียกว่า ‘ทีม’ หรอกนะคะ ฉันเล่นเข้ากันได้ดีกับทั้ง 5 คนนั้นก็จริง แต่ฉันรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่สำคัญขาดหายไป”

    “…แล้วมันคืออะไรล่ะ? ไม่ใช่ว่าเธออยากจะโค่น ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ รึไง?”

    “ฉันก็เคยคิดแบบนั้น แต่...”

    “แต่อะไรถามจริง!?”

    ด้วยความสามารถระดับทาคาระไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิดในการโค่น ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ทั้ง 5 คน แต่มันจะมีความหมายอะไรในเมื่อสิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่ ‘ชัยชนะ’ อย่างที่พวกเขาเข้าใจ และยิ่งนึกถึงคำพูดของคางามิและไอดะทำให้เธอยิ่งมั่นใจว่าเซย์รินนี่แหละที่จะทำให้ ‘เป้าหมาย’ ของเธอเป็นจริง

    ‘ฉันจะล้มเจ้าพวกนั้นลงและจะเป็นที่หนึ่งของญี่ปุ่นให้จนได้!!!’

    ‘พวกเราจะเล่นบาสเกตบอลไปจนถึงการแข่งระดับประเทศกันเลย!’

    “เพราะคำพูดของคุณและโค้ช ตอนนี้เหตุผลสำคัญที่ยังทำให้ฉันเล่นบาสอยู่ก็เพื่อที่จะทำให้คุณและทีมแข็งแกร่งที่สุดในญี่ปุ่น”

    “...เฮ้อ ยังพูดอะไรน่าอายเหมือนเดิมเลยนะ แต่จะอะไรก็ช่าง ตราบใดที่ฉันได้บดขยี้เจ้าพวกนั่น”

    ไม่รู้เพราะเขินหรือเอือมระอากับทาคาระเลยตัดสินใจเรียกพนักงานมาห่อเบอร์เกอร์ที่หลือกลับบ้านแทนที่จะนั่งกินต่อที่ร้าน คางามิหยิบของเตรียมตัวออกจากร้านแต่ก็ไม่ลืมที่จะพูดอะไรบางอย่าง

    “ไม่ใช่แค่ ‘ฉัน’ หรอกนะ แต่เป็น ‘พวกเรา’ ต่างหาก”

    ถึงมันจะเป็นเพียงคำพูดง่ายๆ แต่ก็สามารถเรียกรอยยิ้มจากทั้งทาคาระและนิจิมุระได้ หลังจากที่คางามิออกจากร้านไปแล้วนิจิมะรุก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาคุยเรื่องอะไรค้างเอาไว้ เรื่องบททดสอบการเข้าชมรมบาสอย่างเป็นทางการ แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้

    “...เธอคงคิดแผนเอาไว้แล้วสินะ”

    “คงต้องรบกวนรุ่นพี่หน่อยนะคะ”

    “…เฮ้อ ให้ตายสิ”

    รุ่นน้องคนโปรดอุตส่าห์ขอร้องทั้งทีแบบนี้รุ่นพี่คนนี้จะใจร้ายตอบปฏิเสธได้ยังไง

     

    วันรุ่งขึ้น

    คางามิที่เพิ่งมาถึงห้องเรียนต้องประหลาดใจอย่างมากเพราะตอนนี้นักเรียนจำนวนมากต่างมุงกันอยู่ริมหน้าต่างเพื่อมองออกไปตรงสนามของโรงเรียน

    “เอะอะโวยวายอะไรกัน?”

    พอมองออกไปตรงสนามของโรงเรียนตามเพื่อนๆ ในห้องคางามิก็ได้คำตอบว่าอะไรคือต้นเหตุ

    ‘ฉันจะทำให้คุณเป็นที่ 1 ของญี่ปุ่น’

    ข้อความถูกขีดเขียนด้วยเครื่องตีเส้นขอบสนามอย่างไม่มีที่มาที่ไป ทว่าคางามิเองก็พอจะเดาได้ว่าเจ้าของข้อความนี้คือใคร และไม่ใช่เพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าตัวการคือใคร เพราะไอดะเองก็กำลังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี โต๊ะเรียนของเธอเป็นโต๊ะริมหน้าต่างสามารถมองเห็นสนามจากโต๊ะที่เธอนั่งได้ ซึ่งเดาได้ไม่ยากเลยว่าเจ้าของผลงานคือใคร ในมือของเธอคือใบสมัครของตัวการของเรื่องนี้

    ‘คุโรโกะ ทาคาระ’

    “เรื่องสนุกมันเพิ่งจะเริ่มเท่านั้น”

    หลังจากนั้นเหล่าปี 1 ที่เหลือที่โดนสั่งห้ามขึ้นไปตะโกนบนดาดฟ้าทำให้ต้องไปตะโกนที่หน้าโรงเรียนแทน แต่ก็มีไม่มากนัก ทำให้มีปี 1 เหลืออยู่ 6 คนจากทั้งหมด 15 คน และเนื่องจากทาคาระลืมลงชื่อไว้ที่ข้อความบนสนาม ทำให้เรื่องข้อความปริศนานี้กลายเป็นเรื่องลึกลับ 1 ใน 7 ของเซย์ริน

    “อุ๊บส์”

     

    ในระหว่างซ้อมบาสกันอยู่ฮิวงะเหมือนจะสังเกตได้ว่าไอดะไม่อยู่ ก่อนหน้านี้เขารู้แต่ว่าเธอออกไปหาข้อมูลและติดต่อทีมอื่นๆ เพื่อที่จะมาซ้อมแข่งกัน ทว่าตอนนี้กับไร้วี่แววของเจ้าตัวอย่างสิ้นเชิง เขาเลยหันไปถามปี 2 อีกคนที่ซ้อมอยู่ใกล้ๆ

    “เฮ้ โค้ชล่ะ? ฉันรู้แต่ว่าเธอไปติดต่อทีมที่จะมาซ้อมแข่งกับเรา”

    “เธอกลับมาแล้วนะ แต่ดูเหมือนตอนนี้เธอจะแค่โดดซ้อมเฉยๆ เห็นว่าได้คู่แข่งแล้วด้วยนะ”

    “โดดซ้อมงั้นเหรอ!?”

    เหมือนเดจาวู เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้ฮิวงะรู้ว่าที่ไอดะโดดซ้อมหลังจากกลับไปหาทีมที่ต้องมาซ้อมแข่งกันแสดงว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งมากๆ และทันทีที่กลับมาเธอก็คงไปศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามอยู่

    “เตรียมตัวกันให้พร้อมล่ะทุกๆ คน ถ้ายัยนั่นโดดซ้อมหมายความว่าคู่แข่งต่อไปของเราโคตรอันตรายเลยล่ะ”

    ยังไม่ทันที่ทุกๆ คนจะเข้าใจความหมายประโยคเตือนภัยของฮิวงะ ไอดะก็เดินเข้ามาในโรงยิมพลางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีสุดๆ ซึ่งทาคาระเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นเธอ

    “อ๊ะ โค้ช ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะ”

    “กลับมาแล้วจ้า!! โทษทีนะ จะไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้ล่ะ”

    แต่ก่อนที่เธอจะไปเปลี่ยนชุดเพื่อมาร่วมซ้อมก็ยังมิวายหย่อนระเบิดเอาไว้ลูกนึง ลูกใหญ่มากด้วย

    “อ๋อ แล้วก็นะ ฉันได้นัดซ้อมแข่งแล้วนะ แล้วที่โรงเรียนนั้นก็มี 1 ใน ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ด้วยล่ะ”

    “…”

    “…หวา?”

    “…!?”

    “…อะไรนะ!?”

     

    แถมท้าย

    “...แน่ใจแล้วเหรอที่จะทำแบบนี้จริงๆ”

    “แน่ใจค่ะ”

    “...เฮ้อ ช่วยไม่ได้”

    ในเมื่อรับปากแล้วว่าจะช่วยก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด นิจิมุระและทาคาระแอบลักลอบเข้ามาที่โรงเรียนยามวิกาลเพื่อทำภารกิจบางอย่างเพื่อเอาชนะบททดสอบของไอดะ พวกเขาอาศัยจังหวะที่ยามเผลอลอบเข้ามา ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าถูกจับได้พวกเขาจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ตั้งแต่สมัยอยู่เทย์โควทาคาระก็เป็นคนใจกล้าบ้าบิ่นต่างจากภายนอกแบบนี้มานานแล้ว ในเมื่อห้ามปรามไปก็เปล่าประโยชน์เขาเลยเลือกที่จะลงเรือลำเดียวกันไปซะเลย ส่วนภารกิจในวันนี้หลังจากลอบเข้ามาได้แล้วพวกเขาตรงก็ไปยังห้องเก็บของข้างสนามโรงเรียนทันที ซึ่งก่อนหน้านี้ทาคาระได้ทำการแอบหยิบกุญแจสำรองมาจากผู้ดูแลเอาไว้แล้ว ระหว่างที่เตรียมของกันอยู่ทาคาระก็เอาแต่ยืนทำหน้าเคร่งเครียดจนนิจิมุระอดเป็นห่วงไม่ได้

    “มีอะไรรึเปล่า?”

    “กำลังคิดอยู่ว่า...”

    “…”

    “จะเขียนประโยคไหนดีระหว่าง ‘ฉันจะบดขยี้พวก ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ให้สิ้นซาก’ หรือว่า ‘ฉันจะแก้แค้นพวก ‘ทีมแห่งปาฏิหาริย์’ ให้จนได้’ ดีคะ?”

    “...เฮ้อ เอาประโยคที่มันธรรมดากว่านี้จะได้ไหม”

    ไม่ใช่ประโยคคำถามหรือขอร้องแต่เป็นประโยคคำสั่ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×