ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KNB All x Kuroko Project] Treasure

    ลำดับตอนที่ #2 : Pass 1 - I Am Kuroko

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ค. 66


    Pass 1

    ‘I Am Kuroko’

     

    ในช่วงเช้าของพิธีเปิดเรียนวันแรกของโรงเรียนมัธยมปลายเซย์รินบรรยากาศดูจะคึกคักเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าจะเป็นโรงเรียนที่ไม่มีชื่อเสียง เพิ่งเปิดได้เพียงไม่นาน ทว่าก็มีนักเรียนเข้ามาสมัครกันอย่างล้นหลาม มีการตั้งโต๊ะและซุ่มตามทางเดินตลอดสองข้างทางเพื่อชักชวนเด็กเข้าใหม่ในปีนี้ให้เข้าสมัครชมรมของตนมากมาย

    “สนใจเข้าชมรมรักบี้ไหม!?”

    “เล่นโชงิเป็นรึเปล่า?”

    “เป็นคนญี่ปุ่นก็ต้องเล่นเบสบอลสิ!!”

    “ว่ายน้ำสิ! สุดยอดที่สุด!”

    เด็กใหม่จำนวนไม่น้อยติดอยู่ท่ามกลางเหล่าฝูงชนของบรรดาลรุ่นพี่ที่พยายามชักชวนเด็กปี 1 เข้ามาเป็นสมาชิกของชมรมไม่สามารถขยับเขยื่อนเคลื่อนไหวไปไหนไม่ได้

    “ขยับไปไหนไม่ได้เลยโว้ย! มาเอาพวกนี้ไปที!”

    “ผ่านไปสิบนาทีแล้วยังขยับไม่ถึง 5 เมตรเลยด้วยซ้ำ”

    ดังเช่นนักเรียนชายผู้โชคร้ายสองคนนี้ที่ติดอยู่ท่ามกลางรุ่นพี่ที่พยายามหว่านล้อมพวกเขาอยู่ และท่ามกลางฝูงชนเหล่านั้นมีเพียงเด็กสาวคนนึงที่ดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนเลยสักนิด เธอเดินผ่านผู้คนมากมายโดยที่ไม่มีใครรับรู้เลยสักคน ถึงแม้จะมีเสียงโวกเวกโวยวายรายล้อมมากมายแต่เธอกลับให้ความสนใจเพียงหนังสือในมือที่กำลังอ่านเท่านั้น คุโรโกะ ทาคาระ เด็กสาวผู้มีดวงตาและผมสีฟ้าอ่อน

    “นั่นไง! อ้อมไปทางนั้นกันเถอะ!”

    อยู่ๆ นักเรียนชายที่อยู่ข้างหน้าเธอก็ร้องตะโกนออกมาพร้อมกับชูแขนทั้งสองข้างขึ้นอย่างดีใจเมื่อคิดว่าตัวเองและเพื่อนจะสามารถหาทางออกจากฝูงชนนี้ได้โดยที่ไม่รับรู้เลยว่ามีเด็กผู้หญิงยืนอยู่ข้างหลังของตัวเอง สายตาของเธอยังคงไม่ละออกจากหนังสือที่อยู่ในมือทว่ากลับหลบแขนของคนตรงหน้าได้ทันก่อนที่มันจะกระแทกเข้ากับหัวของเธอ

    “ไกลเกินไปแล้วเฟ้ย”

    นักเรียนชายอีกคนบอกโดยที่ไม่รู้เลยสักนิดว่ามีคนเดินผ่านพวกเขาไป

    “อ๊ะ ชอบอ่านหนังสือเหรอ สนใจเข้าชมรมวรรณกรรมไหม?”

    จู่ๆ ก็มีรุ่นพี่ใส่แว่นเดินมาดักข้างหน้าเด็กสาวเอาไว้ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงไม่แม้แต่จะหยุดและเดินผ่านรุ่นพี่ไปอย่างไม่ใส่ใจ กลับเป็นนักเรียนชายข้างหลังเธอที่หยุดเดินและตอบกลับไปอย่างตกใจ

    “ไม่ใช่ครับ นี่มันหนังสือการ์ตูน แล้วก็...”

    “ไม่เป็นไร หนังสือการ์ตูนก็หนังสือเหมือนกัน และดูท่าทางนายก็น่าจะอ่านนิยายด้วยใช่ป่ะ?”

    หลังจากเดินอยู่ท่ามกลางฝูงชนมาได้สักพักเธอก็เหลือบไปเห็นป้ายบอกทางขนาดใหญ่ มีเพียงชมรมเดียวเท่านั้นที่สะดุดตาเธอกว่าชมรมไหนๆ ... ชมรมบาสเก็ตบอล

     

    ชมรมบาสเก็ตบอล

    “เอาล่ะเขียนชื่อและรหัสนักเรียนใส่ตรงนี้”

    ไอดะ ริโกะ นักเรียนหญิงชั้นปีสองผมสั้นสีน้ำตาลที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะชี้บอกรุ่นน้องที่มากรอกใบสมัครเข้าชมรมทราบว่าต้องกรอกข้อมูลอะไรลงไปบ้าง เธอมีหน้าที่นั่งเฝ้าอยู่ที่โต๊ะประจำจุดของชมรม ส่วนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไปหาสมาชิกมาเพิ่มตามส่วนต่างๆ ของโรงเรียน

    “จากนั้นก็เหตุผลที่นายมาเข้าโรงเรียนนี้และเป้าหมายของนายด้วย”

    พอเห็นท่าทางคิดไม่ตกของอีกฝ่ายเธอก็รีบพูดต่อทันที

    “อา ไม่ได้บังคับน่ะ นายสามารถเขียนอะไรลงไปก็ได้”

    ใช้เวลาเพียงไม่นานนักเขาก็กรอกข้อมูลครบ หลักจากที่รับเอกสารมาแล้วไอดะก็โบกมือลาและส่งยิ้มให้อีกฝ่าย สายตาก็สำรวจร่างกายของรุ่นน้องชายคนนั้นจนอีกฝ่ายเดินลับสายตาไปด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง

    'อาจจะเป็นกองกำลังที่สำคัญก็ได้'

    ก่อนที่จะมาสนใจกับใบสมัครของรุ่นน้องในมือต่อ

    “1...2...ตอนนี้ก็ 10 คนเอง สงสัยต้องหามาเพิ่มอีกสักหน่อยแล้วแฮะ”

    อาจเป็นเพราะว่าจะเป็นชมรมที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นานและไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนักเมื่อเทียบกับโรงเรียนอื่นๆ ทำให้มีเด็กใหม่มาสมัครค่อนข้างน้อย ซึ่งตอนนี้มีคนมาสมัครยังไม่ถึงเป้าที่เธอตั้งเอาไว้เลยด้วยซ้ำ

    'อยากรู้จังเลยว่าพวกนั้นจะเป็นยังไงกันบ้าง'

    ไอดะมองสำรวจไปรอบๆ พลางคิดไปถึงสมาชิกในชมรมคนอื่นๆ ที่แยกย้ายกันออกไปหาสมาชิกใหม่มาเพิ่ม

    'แต่ก็ขอให้พามาให้ได้ตามที่สัญญาเอาไว้แล้วกัน'

    “ฉันพาเด็กใหม่มาแล้วนะ”

    พอไอดะหันไปก็ต้องตกใจเป็นอย่างมากเมื่อพบว่าโคงะเนะถูกนักเรียนใหม่ปี 1 รูปร่างสูงใหญ่หิ้วปกคอเสื้อของเสื้อกักคุรันพามาส่งถึงที่ เขามีรูปร่างสูงใหญ่ ผมและตาสีแดงเพลิง

    “ที่นี่ใช่ชมรมบาสเก็ตบอลรึเปล่า?”

    “หวาา!?”

    ไอดะร้องออกมาด้วยความตกใจสุดขีด ทำเอาหัวใจเธอแทบหยุดเต้น

    “...ชะ ใช่”

    'ดะ เดี๋ยวนะ ไม่มีวิธีอื่นแล้วรึไง!?'

    และยิ่งได้มองหน้ารุ่นน้องตรงหน้าอีกครั้งเธอก็แทบอยากจะกรีดร้องออกมาด้วยความกลัว

    'ไม่ว่าจะมองยังไงอีตานี่ก็เหมือนเสือที่หลุดออกมาจากป่าชัดๆ!! รุ่นน้องคนนี้อะไรกันเนี่ย!?'

    “เออ เชิญนั่งก่อนสิ”

    เธอทำใจดีสู้เสือ(ที่มีนามว่าคางามิ ไทกะ)

    “อ๊ะนี่น้ำชา”

    “ฉันคิดว่านายน่าจะรู้แล้วน่ะว่าโรงเรียนเราเพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน คนในชมรมทั้งหมดเลยมีแต่พวกปี 2 ทั้งนั้น เพราะฉะนั้น...”

    “ฉันไม่สนเรื่องนั้นหรอก ส่งกระดาษมาให้หน่อย จะได้รีบๆ กรอกแล้วก็กลับสักที”

    ยังไม่ทันที่ไอดะจะพูดจบคางามิก็ตอบกลับด้วยท่าทีที่เหมือนจะไม่สนใจเลยสักนิด แถมยังพูดจาไม่เคารพรุ่นพี่เลยสักนิด เล่นเอาไอดะเริ่มโมโหนิดๆ แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจเพราะเห็นว่ายังเป็นเด็กใหม่อยู่

    'หนอย เจ้าเด็กนี่'

    ส่วนโคงาเนะก็ได้ส่งความห่วงใยออกมาทางสายตาอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ

    ขีดๆ เขียนๆ อยู่สักพักคางามิก็ยื่นกระดาษคืนให้กับไอดะ ซึ่งข้อมูลในนั้นก็น่าสนใจไม่แพ้เจ้าตัวเลยสักนิด

    'เรียนม.ต้นที่อเมริกางั้นเหรอเนี่ย!? โอโห้ มาจากโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมากด้วย! คางามิ ไทกะสินะ? ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ดูไม่เหมือนผู้ชายทั่วๆ ไปเลยสักนิด'

    พอสำรวจดูความเรียบร้อยก็พบว่ามีอยู่ช่องนึงที่เว้นว่างเอาไว้ ไอดะเลยเอ่ยท้วงก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินออกไปพ้นจากรัศมี

    “...หือ? นายไม่ได้เขียนเป้าหมายเอาไว้นี่?”

    คางามิหันมามองแวบนึงก่อนที่จะหันกลับไปอย่างที่ไม่คิดจะหันกลับมาเติมมันด้วยซ้ำ

    “ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษสักหน่อย”

    ระหว่างที่ตอบคำถามของไอดะเจ้าตัวก็โยนถ้วยชาที่ถูกเขาขย้ำโยนข้ามไหล่ของตัวเองไปลงถังขยะทางด้านหลังอย่างแม่นยำ

    “แล้วอีกอย่างบาสเก็ตบอลของญี่ปุ่นน่ะไม่ว่าจะที่ไหนๆ ก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ”

    ถึงแม้คางามิจะไปแล้วแต่ไอดะก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกตะขิดตะขวงใจแปลกๆ เกี่ยวกับท่าทีและสายตาของคางามิ โดยเฉพาะคำพูดเมื่อสักครู่ ต่างจากโคงาเนะ พอรุ่นน้องที่น่ากลัวเดินลับสายตาไปเขาก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะและโอดครวญออกมาทันที

    “นะ น่ากลัว นั่นใช่เด็กใหม่แน่เหรอ!?”

    “ว่าแต่... ฉันอยากรู้ว่าทำไมเขาถึงคว้าคอเสื้อนายกลับมาในสภาพนั้นได้”

    'แล้วสีหน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไงกัน?'

    เพราะมัวแต่คาใจกับเรื่องของเด็กใหม่คนนั้นเลยไม่ทันสังเกตว่ามีใบสมัครอีกใบอยู่ตรงหน้า กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่กัปตันชมรมอย่างฮิวงะเดินกลับมาจากการไปตามล่าหาเด็กใหม่เข้าชมรม

    “เฮ้ เธอลืมใบนี่ด้วย”

    “โอ๊ะ ขอบใจนะ”

    ในใบสมัครเขียนเอาไว้ว่า 'คุโรโกะ ทาคาระ ปี 1 ห้อง 2 รหัสนักเรียน 102153' เธอค่อยๆ อ่านรายละเอียดในใบสมัครพลางคิดในใจว่ามันมาตั้งแต่เมื่อไหร่

    'ชื่อเหมือนผู้หญิงเลยแฮะ จะว่าไป...มันอยู่บนโต๊ะแท้ๆ ทำไมฉันถึงจำไม่ได้นะว่ามันมาวางอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่'

    และพอเธอเห็นชื่อโรงเรียนเก่าตอนม.ต้นก็ตะโกนออกมาด้วยความตกใจสุดๆ ซึ่งเรียกความสนใจจากเพื่อนๆ ของเธอได้เป็นอย่างดี

    “...เดี๋ยวก่อน! เด็กคนนี้มาจากชมรมบาสของเทย์โคว!!”

    “เอ๋! มาจากที่ดังๆ ขนาดนั้นเชียว!?”

    โคงาเนะดึงใบสมัครออกไปดูและปล่อยให้ไอดะโอดครวญออกมาอย่างหัวเสีย

    “ที่สำคัญถ้าตอนนี้เขาอยู่ปี 1 ก็หมายความว่ามีโอกาสเป็นไปได้ว่าเขาจะมาจาก 'ทีมแห่งปาฏิหาริย์' ว๊าาา! ทำไมฉันถึงนึกหน้าเจ้านั่นไม่ออก!! แล้วก็เจ้าเด็กที่มาจากอเมริกานั่นอีก! พวกเด็กใหม่ปีนี้มันอะไรกันเนี่ย!?”

     

    วันต่อมาหลังเลิกเรียน

    ในโรงยิมเต็มไปด้วยสมาชิกเก่าและว่าที่สมาชิกชมรมบาสเก็ตบอล ตอนนี้ทุกคนเปลี่ยนชุดเป็นชุดวอร์มเพื่อง่ายต่อการเคลื่อนไหวร่างกายแล้ว มีเพียงไอดะเท่านั้นที่ยังคงใส่ชุดนักเรียน ในมือของเธอคือรายชื่อเด็กปี 1 ที่มาสมัครชมรมทั้งหมด

    “เอาล่ะ ดูเหมือนทุกคนจะมากันแล้ว เด็กใหม่มาทางนี้สิ”

    ไอดะเอ่ยเรียกรวมตัว เนื่องจากเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในที่นี้เลยกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งโรงยิม และเด็กใหม่ทุกคนต่างคิดเอาเองว่าเธอคงเป็นผู้จัดการชมรม

    “เฮ้ ผู้จัดการคนนั้นน่ารักเนอะ?”

    “เธออยู่ปี 2 ใช่ป่ะ?”

    “แต่ถ้าเธอเซ็กซี่กว่านี้อีกสัดนิดนะ...”

    โป๊ก!

    “ผิดแล้วเว้ยเจ้าพวกงี่เง่า”

    “โอ๊ย!”

    เพราะมัวแต่คุยกันเพลินเลยไม่ทันสังเกตว่าฮิวงะเดินมาอยู่ข้างหลังของพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่

    “ฉันเป็นโค้ชของชมรมชื่อไอดะ ริโกะ ยินดีที่ได้รู้จัก!!”

    “...เอ๋!!? โค้ชงั้นเหรอ!?”

    เด็กปี 1 ตะโกนออกมาแทบจะพร้อมกัน เพราะไม่ว่าจะดูยังไงเธอก็เป็นแค่เด็กนักเรียนไฮสคูลเท่านั้น เด็กปี 1 คนนึงเลยตะโกนถามออกมา

    “โค้ชไม่ใช่คนนั้นเหรอครับ!?”

    เขาชี้ไปยังผู้ชายแก่วัย 70 กว่าๆ ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ที่มุมๆ นึงของโรงยิม

    “นั่นน่ะอาจารย์ทาเคดะ อาจารย์ที่ปรึกษาของชมรม เขาแค่มานั่งดูเฉยๆ”

    ปฏิกิริยาตอบรับก็เป็นไปตามคาด

    “เฮ้ย! จริงดิ!” หรือไม่ก็ “อย่างนี้ก็ได้ด้วยเหรอวะ!?”

    ทว่าไอดะกลับไม่สนใจและออกคำสั่งที่ทำเอาเหล่าเด็กใหม่ต้องตกใจอีกครั้ง

    “เอาล่ะ ก่อนอื่นถอดเสื้อซะ!!”

    “เอ๋!!”

    'ทำไมต้องถอดเสื้อ!?'

    แต่สุดท้ายเด็กปี 1 ทุกๆ คนก็จำต้องถอดเสื้อออกด้วยความจำใจ บางคนถึงขั้นบ่นออกมาประมาณว่า

    'นี่มันบ้าอะไรกันวะเนี่ย'

    ไอดะให้เด็กปี 1 ยืนเรียงแถวและเธอก็เริ่มกวาดตามองโดยรวมก่อนที่จะไล่ชี้จุดด้อยทีละคนๆ

    “นาย ตอนนี้กล้ามเนื้อยังแข็งแรงไม่พอ ฉันว่าควรไปฝึกเพิ่มความแข็งแกร่งเข้าไปอีก ถ้ายังอยากเล่นบาสเก็ตบอลต้องฝึกฝนให้มากกว่านี้”

    เธอเดินไปยังคนถัดไป

    “ส่วนนาย ร่างกายแข็งเกินไป ให้ฝึกความยืดหยุ่นหลังจากอาบน้ำเสร็จ!”

    หลังจากนั้นเธอก็เดินไล่ไปเรื่อยๆ

    “แล้วก็นาย...” “ส่วนนาย...”

    คำพูดของเธอสร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าเด็กปี 1 ได้ไม่มีที่สิ้นสุด

    “ล้อเล่นใช่ป่ะ!? จริงดิ”

    “อะไรกันวะเนี่ย!?”

    “แค่มองก็รู้แล้วเนี่ยนะ!?”

    ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนที่รู้จักเธอดีอย่างพวกปี 2 เพราะพ่อของไอดะเป็นครูฝึกนักกีฬา พ่อของเธอมักจะบันทึกข้อมูลร่างกายเอาไว้เสมอ เพื่อที่จะนำมันไปช่วยจัดทำตารางฝึกให้เข้ากับสภาพร่างกายของนักกีฬาแต่ละคนได้ และเป็นผลมาจากการที่เธอใช้เวลาอยู่ที่โรงฝึกของพ่อเธอทุกๆ วัน เฝ้าดูพ่อของเธอฝึกนักกีฬามากมาย ทั้งเรื่องกล้ามเนื้อและข้อมูลต่างๆ แค่มองที่ร่างกายเท่านั้นก็สามารถมองออกทั้งความสามรถและสถิติ

    '...และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเราถึงเลือกเธอมาเป็นโค้ช'

    และคนที่ไอดะดูจะสนใจเป็นพิเศษก็คือเด็กหนุ่มผู้อิมพอร์ตมาจากอเมริกาคนนั้น 'คางามิ ไทกะ' ถึงแม้ว่าจะเติบโตที่อเมริกาแต่คางามิก็ยังคงไม่ชินกับการที่ต้องถูกจ้องมองรูปร่างอย่างเปิดเผย(และโลมเลียทางสายตา)แบบนี้ เขาเลยรู้สึกประหม่าอยู่บ้างเลยได้แต่ยกมือเกาทายทอยเท่านั้น

    "หือ?"

    และเขาก็ไม่เข้าใจการกระทำของไอดะเท่าไหร่นัก ส่วนทางด้านไอดะเองพอได้มาลองมองหุ่นของคากามิแบบละเอียดแล้วก็ทำให้เธอตกใจกับผลลัพธ์ที่ได้ แค่มองดูจากภายนอกรูปร่างของคางามิก็เทียบได้ว่าสูงใหญ่กว่าเด็กปี 1 ด้วยกันมาก แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่า...

    'นี่มันอะไรกันเนี่ย!? ตัวเลข(หมายถึงค่าความสามารถของร่างกาย)ของเขาสูงกว่าของอื่นหลายเท่าตัวเลย'

    ไม่ว่าจะเป็นส่วนสูง น้ำหนัก พละกำลัง ความเร็ว ความคล่องตัว และค่าความสามารถอื่นๆ อีก

    'นี่มันไม่ใช่สถิติของนักเรียนไฮสคูลปี 1 แล้ว!! ก็จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้ฉันไม่สามารถประเมินศักยภาพเขาได้ละเอียดมากนัก แต่นี่มัน... นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ฉันได้พบกับคนแบบหมอนี่ตัวเป็นๆ นี่มันพรสวรรค์ที่มีมาตั้งแต่เกิดชัดๆ!!'

    อาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเกิดมาด้วยซ้ำที่ได้พบกับคนที่มีพรสวรรค์และความสามารถแบบนี้กับตาตัวเอง จนเธอเผลอจ้องมองรูปร่างของคางามินานไปนิด ฮิวงะที่ทนรับไม่ได้ที่ต้องทนเห็นสภาพของโค้ชหรือเพื่อนของตัวเองใช้สายตาโลมเลียรุ่นน้องอย่างเพ้อฝันและน้ำลายไหลย้อยราวกับพวกโรคจิตแบบนั้น ขนาดที่ว่าพวกปี 1 ทั้งหมดมองเธอด้วยสายตาหวาดผวาและไปรวมกลุ่มกันอย่างหวาดกลัว บางคนถึงขั้นยกมือขึ้นกอดอกราวกับตัวเองเป็นสาวน้อยพรหมจรรย์ก็ไม่ปาน ส่วนปี 2 ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอาหรือไม่ก็หัวเราะแห้งๆ ให้กับการกระทำของเธอ เพราะเมื่อตอนที่พวกเขาก่อตั้งชมรมใหม่ๆ พวกเขาก็โดนแบบนี้กันทุนคน

    “โค้ช! จะยืนฝันหวานอีกนานไหม!”

    “ห๊ะ!! โทษทีๆ”

    “เธอประเมินเสร็จครบทุกคนใช่ไหม? คนนี้เป็นคนสุดท้ายแล้วนะ”

    “อา จริงด้วย...หืม?”

    เมื่อไอดะกวาดสายตาสำรวจเด็กปี 1 อีกรอบก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอลืมใครไปอีกคน

    “...คุโรโกะคุงอยู่ที่นี่รึเปล่า?”

    “อ๊ะ! จริงด้วย เด็กที่มาจากโรงเรียนเทย์โควนั่น!”

    “เอ๊ะ! เทย์โคว!? โรงเรียนเทย์โควนั่นนะเหรอ!?”

    “เด็กจากเทย์โคว!? อยู่ที่นี่ด้วยงั้นเหรอ!?”

    อาจเป็นเพราะประโยคที่ว่า 'คุโรโกะมาจากชมรมบาสเทย์โคว' เลยกลายเป็นที่สนใจของคนทั้งโรงยิมได้ไม่ยาก และก็มีโอกาสเป็นไปได้ว่าคุโรโกะเป็น 1 ในผู้เล่นจาก 'ทีมแห่งปาฎิหาริย์' ทำให้พวกเขาเริ่มคาดเดาและคาดหวังไปต่างๆ นานา

    'หืม? ถ้าคนเก่งๆ แบบนั้นอยู่ที่นี่จริงฉันก็น่าจะสังเกตเห็นนี่'

    แต่เพราะไร้วี่แววของเจ้าตัวไอดะเลยคิดว่าเจ้าตัวคงไม่ได้มารายงานตัววันนี้ ถึงแม้จะเสียดายอยู่หน่อยๆ ก็เถอะที่วันนี้อดเห็นเด็กที่มาจากโรงเรียนที่โด่งดังและขึ้นชื่อเรื่องชมรมบาสเก็ตบอลอย่างมาก เธอเลยอดคาดหวังไม่ได้ว่าคุโรโกะเองก็คงมีฝีมืออยู่ไม่น้อย

    “ฉันว่าวันนี้เขาคงไม่มา เอาล่ะ มาเริ่มซ้อมกันดีกว่า!”

    “เออ...ขอโทษค่ะ”

    จู่ๆ ก็มีเด็กผู้หญิงตาและผมสีฟ้ายาวประบ่าถูกรวบเป็นหางม้าเอาไว้ข้างหลังสวมเสื้อยืดสีขาวและกางเกงสามส่วนสีเทามายืนอยู่ข้างหน้าของไอดะ เธอตัวเล็กกว่าไอดะซะด้วยซ้ำ

    “ฉันนี่แหละค่ะคุโรโกะ”

    “...กรี๊ดดดดดดดดด!?”

    เพราะเสียงร้องของเธอทำเอาคนทั้งโรงยิมหันมามอง ก่อนที่จะพบว่าผู้หญิงที่ทำให้ไอดะตกใจก็คือคุโรโกะที่เมื่อสักครู่ยังไม่มีวี่แววเลยสักนิด

    “หวา!! อะไรเนี่ย!? มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!?”

    “ฉันอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนต้นแล้วนะคะ”

    “จริงดิ!?”

    “ตั้งแต่ตอนไหนวะ!?”

    “ทำไมฉันไม่เห็นล่ะว่ามีผู้หญิงคนอื่นนอกจากโค้ชอยู่ตรงนี้ด้วย!?”

    และคนที่ดูช็อคที่สุดก็คือไอดะ

    'ทั้งๆ ที่เธออยู่ตรงหน้าฉันแท้ๆ ทำไมฉันไม่เห็นล่ะ!? ...เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี้เธอบอกว่าเธอคือคุโรโกะ!?  เอ๊ะ!? นี่มันต่างจากที่ฉันจินตนาการเอาไว้มากเลยนะเนี่ย!!'

    เพราะดูยังไงคุโรโกะก็คือผู้หญิงชัดๆ ตัวเตี้ยกว่าไอดะด้วยซ้ำ และรูปร่างก็ไม่มีส่วนใดที่เข้าเค้าเลยว่าเป็นนักกีฬาบาสสักนิด!

    “เอ๋!? คนนี้น่ะเหรอคุโรโกะ!?”

    “ผู้หญิงเนี่ยนะ!?”

    "น่ารัก!"

    “เธอดูไม่เหมือนนักกีฬาด้วยซ้ำ!”

    “แน่ใจนะว่าเธอมาจากเทย์โคว!?”

    “ผู้หญิงคนนี้เนี่ยนะมาจาก 'ทีมแห่งปาฏิหาริย์'!?”

    และเสียงวิพากษ์วิจารย์อีกมากมาย ฮิวงะเลยคิดว่าอาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันก็เป็นไปได้

    “ไม่หรอก อาจจะมีการเข้าใจผิดกันก็ได้ คุโรโกะสินะ? เธอคงเป็นผู้จัดการทีมของชมรมบาสเทย์โควใช่ไหม?”

    “...หื้อ? ฉันเป็นนักกีฬาค่ะ ได้ลงแข่งด้วย แต่ว่า...”

    “เห็นไหมล่ะ ...ห๊ะ”

    “เอ๋...เอ๋!?” หรือไม่ก็ “เอ๋!!?”

    'ไม่อยากจะเชื่อ!!'

    เพราะคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ทาคาระก็แค่มองพวกเขาและบ่นพึมพำเบาๆ

    “...กะแล้วเชียว”

    มันก็จริงอยู่ที่ว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่สมัยนี้ทีมบาสจะมีผู้ชายและผู้หญิงอยู่ในทีมเดียวกัน เพราะเมื่อก่อนหน้ายุครุ่งเรืองของ 'ทีมแห่งปาฏิหาริย์' ได้มีกฎใหม่เข้ามาว่าผู้หญิงผู้ชายสามารถร่วมทีมบาสกันได้ เพราะทั้งสองเพศมีสิทธิเท่าเทียมกัน แต่เพราะความต่างในหลายๆ ด้านโดยเฉพาะด้านร่างกายเลยทำให้ทีมรวมชายหญิงไม่เป็นที่นิยมมากนักในญี่ปุ่น แทบจะเรียกได้ว่าไม่เคยมีมาก่อนเลยด้วยซ้ำ

    '...เดี๋ยวก่อนนะ!?'

    อยู่ๆ ไอดะก็เหมือนฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนที่จะหันไปสั่งคำสั่งแบบเดียวกับที่เธอสั่งพวกผู้ชายปี 1 ก่อนหน้านี้โดยที่ลืมคิดไปว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเธอไม่ใช่ผู้ชาย

    “เดี๋ยวก่อน...ถอดเสื้อออกซิ!”

    “...ห๊าาาา!!!”

    เพราะไม่คิดว่าโค้ชจะใจกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้ ทำเอาชายหนุ่มวัยกำลังโตหน้าแดงกันเป็นแถว ไม่เว้นแม้แต่คางามิ และดูเหมือนไม่ใช่เพียงไอดะเท่านั้นที่ใจกล้าบ้าบิ่น เพราะทาคาระเองก็บ้าจี้ถอดเสื้อออกตามที่ไอดะสั่งอีกต่างหาก และบ่นพึมพำประมาณว่า

    “เมื่อกี้ฉันก็เพิ่งถอดไปเองนะคะ”

    พวกผู้ชายที่ได้ยินก็โอดครวญประมาณว่า

    'จริงดิ!?' หรือไม่ก็ 'ทำไมถึงไม่เห็นวะ!'

    แต่เหมือนพระเจ้าจะลำเอียง(สำหรับผู้ชายหื่นๆ) เพราะพอทาคาระถอดเสื้อยืดออกก็พบเธอใส่สปอร์ตบราทับมาอีกชั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจปกปิดขนาดของหน้าอกที่น่าจะไม่ต่ำกว่าคัพดีของเธอได้ ทำเอาผู้ชายในโรงยิมทั้งน้ำลายไหลทั้งกำเดาไหลทั้งหน้าแดงและบางคนถึงขั้นเป็นลมเลยก็มี ไม่เว้นแม้แต่พวกปี 2 หรือไอดะเองก็หน้าแดง (แว่นฮิวงะถึงขั้นร้าวเพราะความเขิน(?)) โดยเฉพาะคนใสซื่ออย่างมิโตเบะ(ที่ตอนนี้เป็นลมไปแล้ว)และคางามิ(?)ที่เรียกได้ว่าแดงทั้งตัว และก่อนที่เรื่องราวมันจะบานปลาย(และติดเรท)ไปกว่านี้ จูู่ๆ ก็มีคนนำเสื้อโค้ทตัวใหญ่มาคลุมตัวของทาคาระเอาไว้ พอหันมาทเธอก็พบว่าเจ้าของเสื้อคือคนที่ตนเองรู้จักเป็นอย่างดีสมัยช่วงที่ยังอยู่เทย์โคว และตอนนี้สีหน้าของคนตรงหน้าที่ปกติชอบทำหน้าอารมณ์ไม่ดีอยู่ตลอดเวลาดูบูดบึ้งยิ่งขึ้นไปอีกอย่างเห็นได้ชัด ไม่ทันที่จะพูดอะไรอีกฝ่ายก็ตะคอกกลับมาด้วยความโมโหสุดขีดพร้อมๆ กับกำปั้นที่เขกลงบนหัวอย่างแรง

    "ระ..."

    โป๊ก!

    "ทำบ้าอะไรของเธอห๊า!! ไปใส่เสื้อซะ!"

    พออีกฝ่ายจะเอ่ยปากท้วงเขาก็ตีหน้าขรึมมากกว่าเดิมและส่งสายตาประมาณว่า 'อย่าให้ฉันต้องพูดอีกเป็นครั้งที่ 2' เธอจึงเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องเปลี่ยนเสื้อทันที พอทาคาระเดินไปจนลับสายตาอีกฝ่ายก็หันมาเผชิญหน้ากับพวกที่เหลือแทน เขากวาดสายตาหาเรื่องทุกคนในโรงยิมโดยเฉพาะต้นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจอย่างไอดะ ก่อนที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกจนคนฟังเสียวสันหลังวาบ

    "...เธอ เป็นรุ่นพี่ภาษาอะไรทำไมถึงสั่งให้รุ่นน้องที่เป็นผู้หญิงถอดเสื้อออกต่อหน้าผู้ชายทั้งโรงยิมแบบนี้"

    "อะ เอ่อ"

    เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนักฮิวงะเลยออกโรงปกป้องเพื่อนทันที

    "ก็เธอไม่ได้ตั้งใจ!"

    "...นายเป็นใคร"

    นิจิมุระเปลี่ยนเป้าหมายจากไอดะไปเป็นฮิวงะแทน ก็จริงอยู่ที่ว่าเขาไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนหรือเจ้าอามรณ์มากนัก แต่เขาก็ทนอยู่เฉยๆ ไม่ได้หากมีใครมารังแกหรือเอาเปรียบรุ่นน้องของเขา (เพราะเจ้าตัวคือคนเดียวที่ทำได้) โดยเฉพาะกับทาคาระ และเหตุการณ์เมื่อก่อนหน้านี้ก็ทำให้เขาโกรธอย่างมาก โกรธทั้งคนสั่งและโกรธทั้งทาคาระ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจก็ตาม

    "พวกเราต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามว่านายเป็นใครกันแน่!?"

    เท่าที่ฮิวงะสังเกต เขาเดาว่านิจิมูระไม่น่าจะใช่นักเรียนของที่นี่แน่ๆ หรือไม่ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นนักเรียนที่เข้าใหม่ปีนี้ ทว่าเขากลับรู้สึกคุ้นหน้าอีกฝ่ายอย่างบอกไม่ถูก คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

    "อ๊ะ! นึกออกแล้ว! นายคือนิจิมุระ ชูโซ!"

    โคงาเนะร้องอุทานออกเสียงดังและชี้นิ้วไปยังอีกฝ่าย ก็ถึงว่าทำไมรู้สึกคุ้นๆ หน้า ก่อนที่จะนึกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับคนตรงหน้าออก

    "จริงรึเปล่าที่ว่านายเองก็มาจากเทย์โควและเคยเป็นถึงกัปตันชมรมบาสอีกด้วย?"

    "ว่าไงนะ!?"

    "เทย์โควอีกแล้วงั้นเหรอ!?"

    "เป็นถึงอดีตกัปตันด้วย!!"

    ไม่รู้ว่าวันนี้พวกเขาต้องพบเรื่องน่าตกใจอีกสักกี่รอบกัน เพราะมัวแต่มุ่งความสนใจไปที่นิจิมุระเลยไม่ทันสังเกตุเห็นทาคาระที่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

    "โด่งดังไม่เบาเลยนะคะรุ่นพี่นิจิมุระ"

    "เหวอ!!!"

    "มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย!?"

    ทำเอาหัวใจแทบวายวันละหลายๆ รอบ มีเพียงนิจิมุระเท่านั้นที่ไม่ตกใจเลยสักนิด และดูเหมือนทาคาระจะไม่ได้ใส่ใจปฏิกิริยาของทุกคนสักเท่าไหร่นัก เธอยื่นเสื้อโค้ทคืนให้เจ้าของและเอ่ยทักทายตามภาษาคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน

    "ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งค่ะรุ่นพี่นิจิมุระ ไม่ได้พบกันซะนานเลยนะคะ หวังว่ารุ่นพี่คงจะสบายดี"

    พอเห็นท่าทางไม่สะทกสะท้านอะไรของอีกฝ่ายแถมยังมาตัวเป็นรุ่นน้องที่น่ารักทักทายกันอย่างนอบน้อมแบบนี้ทำเอาโกรธไม่ลง เขาเลยได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และอบรมเธออีกนิดหน่อยตามประสารุ่นพี่ที่ดี

    "เธอเองก็เหมือนกัน เป็นผู้หญิงก็ควรหัดระวังตัวให้มากกว่านี้หน่อย ต้องให้พูดอีกสักกี่ครั้ง"

    เขาขยี้ผมของทาคาระจนยุ่งเหมือนกับที่ชอบทำบ่อยๆ เมื่อสมัยอยู่เทย์โคว โดยไม่สนใบหน้าที่ดูเหมือนจะบูดบึ้งของอีกฝากเลยสักนิด ท่าทาง สีหน้า สายตา และน้ำเสียงตอนที่เขาใช้พูดกับทาคาระต่างกับตอนที่พูดกับไอดะและฮิวงะลิบลับ อาจเป็นเพราะทาคาระเป็นรุ่นน้องคนโปรด เขาจึงเป็นห่วงและเอ็นดูเธอมากเป็นพิเศษ ก็จริงอยู่ที่นับตั้งแต่เรียนม.ต้นจบนิจิมุระก็ย้ายไปเรียนต่อที่อเมริกาทันที เพราะปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพของพ่อ ทว่าทั้งคู่ก็ยังคงติดต่อหากันอยู่เสมอ ซึ่งตอนนี้อาการป่วยของพ่อเขาเองก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ทางครอบครัวเลยตัดสินใจว่าจะย้ายกลับมาญี่ปุ่นกัน ตอนแรกเขากะว่าจะมาเซอร์ไพรส์ทาคาระสักหน่อยแต่กลับกลายเป็นตัวเองที่มาเจอเรื่องเซอร์ไพรส์ซะยิ่งกว่า ดีนะที่คนมาเจอเหตุการณ์ระทึกขวัญ(?)นี้เป็นเขา เพราะถ้าเป็น 'เจ้าพวกนั้น' มีหวังเรื่องราวคงไม่จบลงง่ายๆ แน่

    "งั้นก็เป็นความจริงสินะที่ว่าทาคาระคือ 'ผู้เล่นแฟนท่อมคนที่ 6' ของโรงเรียนเทย์โคว?"

    จู่ๆ ไอดะก็โพล่งถามออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แต่ในเมื่อมีแหล่งข้อมูลชั้นเลิศอยู่ใกล้ตัวก็ต้องรีบไขข้อสงสัย มีเรื่องมากมายที่เธออยากถามทั้งสองคน ไม่มีใครในวงการบาสไม่รู้จักหรือไม่เคยได้ยินชื่ออดีตกัปตันชมรมบาสของเทย์โคว ‘นิจิมุระ ชูโซ’ เพราะถึงแม้ว่านิจิมุระจะไม่โด่งดังมากมายเหมือนกับอดีตกัปตันของ 'ทีมแห่งปาฏิหาริย์' อย่างอาคาชิ ทว่าฝีมือก็โดดเด่นไม่แพ้กันเลยแม้แต่นิดเดียว เธอเองก็ได้ยินข่าวมาเหมือนกันว่าหลังจากที่เรียนม.ต้นจบนิจิมุระก็ย้ายไปเรียนต่อที่อเมริกา ส่วนพวก 'ทีมแห่งปาฏิหาริย์' ทั้ง 5 หลังจากเรียนจบก็แยกย้ายไปคนละทิศละทาง ทว่าก็ยังคงไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับ 'ผู้เล่นแฟนท่อมคนที่ 6' เหมือนเดิม แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าวันนี้เธอจะได้พบกับผู้เล่นในตำนานพร้อมกันถึง 2 คนแบบนี้ ถึงแม้จะยังยืนยันไม่ได้ว่าทาคาระเป็น 1 ใน 'ทีมแห่งปาฏิหาริย์' จริงรึเปล่า

    "ถ้าอยากรู้ก็ไปหาคำตอบเอาเองสิ"

    ตอบโดยไม่เสียเวลาคิดเลยแม้แต่เสี้ยววินาที

    "ห๊า!? ทำไมล่ะ!?"

    ไม่ใช่แค่ไอดะเท่านั้นที่ตกใจ

    "มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอ"

    นิจิมุระตอบออกมาอย่างไม่ใส่ใจ ว่ากันตามจริงไอดะสามารถถามทาคาระตรงๆ ก็ได้ว่าใช่จริงๆ รึเปล่า แต่เขาก็พอเข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่มีใครเชื่อว่ารุ่นน้องของเขาคนนี้คือ 'ผู้เล่นแฟนท่อมคนที่ 6' เพราะตอนที่ทาคาระมาสมัครชมรมบาสเขายังคิดเลยว่าเธอมาสมัครเป็นผู้จัดการทีม และมันก็เป็นบทเรียนที่ดีที่สอนให้เขาและอีกหลายคนได้รู้ว่าอย่าตัดสินคนที่ภายนอก

    พอหันมาดูนาฬิกาอีกทีก็พบว่าได้เวลาที่เขาต้องไปแล้ว เพราะยังมีธุระที่ต้องไปทำต่ออยู่อีก

    "เดี๋ยวคืนนี้โทรฯ หา"

    แล้วเขาก็จูบหน้าผากทาคาระทีนึง(ทำเอาคนทั้งโรงยิมอ้าปากค้างไปตามๆ กัน)ก่อนที่จะขยี้ผมของอีกฝ่ายอย่างเอ็นดูอีกสักรอบ และไม่ลืมที่จะหันมาทิ้งท้ายพวกที่เหลือด้วยคำพูด(กึ่งๆ ข่มขู่)ด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มเย็นๆ ที่ทำเอาคนฟังหายใจไม่ทั่วท้องกันสักเท่าไหร่นัก

    "หวังว่าครั้งหน้าเราคงพบกันด้วยสถานการณ์ที่ดีกว่านี้"

    'นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย!?'

    คางามิคิดอย่างหัวเสีย

     

    มาจิเบอร์เกอร์

    ค่ำวันนั้นหลังจากที่ชมรมเลิกแล้วคางามิแวะร้านอาหารฟาสฟู้ดใกล้ๆ ซึ่งภายในถาดที่เขาถืออยู่เต็มไปด้วยกองภูเขาเบอร์เกอร์ไม่ต่ำกว่ายี่สิบชิ้น เขาเลือกที่จะนั่งที่โต๊ะแถวริมหน้าต่างของร้าน ในระหว่างนั้นในหัวของเขาก็เอาแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นและเรื่องที่เขาไปถามมาจากเด็กปี 1 คนอื่นมาวันนี้ เรื่องของเรียนเทย์โควและ 'ทีมแห่งปาฏิหาริย์'

    ''ทีมแห่งปาฏิหาริย์' ถ้าเป็นพวกนั้นละก็ บางที... หื้อ?'

    “ดูท่าทางคุณยังอยู่ในวัยกำลังโตนะคะ”

    “เหวอ!?”

    พอหันมาอีกทีก็พบว่าทาคาระมานั่งอยู่ตรงหน้าเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ในมือของเธอข้างนึงถือแก้วเครื่องดื่มของร้านและอีกข้างถือหนังสือเอาไว้ และทันทีที่เขามองหน้าทาคาระตรงๆ ภาพเมื่อตอนที่อยู่ในโรงยิมก็แวบเข้ามาในหัวอีกครั้ง เขาเลยพยายามทำเป็นโวยวายกลบเกลื่อนภาพเหตุการณ์บ้าๆ นั่น

    “มาจากไหนเนี่ย!? ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!? ไม่สิ! เธอมาทำอะไรที่นี่ห๊า!?”

    “ฉันนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะค่ะ นั่งดูผู้คนไม่เรื่อยเปื่อย”

    'ตั้งแต่แรกแล้วงั้นเหรอ!? ทำไมฉันถึงไม่เห็นเลยห๊า!? เดี๋ยวก่อนนะ? ดูผู้คน!? แน่ใจนะว่ายัยนี่มาจากทีมบาสที่เก่งที่สุดในญี่ปุ่น!?'

    ตอนแรกที่ได้ยินเรื่องของเทย์โควและ 'ทีมแห่งปาฏิหาริย์' รวมไปถึง 'ผู้เล่นมายาคนที่ 6' 'ผู้เล่นแฟนท่อมคนที่ 6' 'เจ้าหญิงของทีมแห่งปาฏิหาริย์' หรือ 'กล่องแพนโดร่า' 'สมบัติ' หรืออะไรก็ตามแต่ที่เขาเรียกขานกันต่างๆ นานา และเขาเองก็อยากพิสูจน์เหมือนกันว่าถ้าคุโรโกะมาจากตำนานที่ยิ่งใหญ่และเก่งขนาดนั้นจริงจะเก่งดังเช่นเรื่องที่เขาได้ยินมารึเปล่า

    "ยังไงก็เถอะ เดี๋ยวมากับฉันแปปนึงได้ไหม"

     

    ทางด้านไอดะ

    ในระหว่างทางกลับบ้านในหัวเธอก็เอาตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องของทาคาระมากมาย

    'หมายความว่ายังไงกันเนี่ย? เธอเป็นใครกันแน่? ถ้าเธอเป็น 1 ใน 'ทีมแห่งปาฏิหาริย์' จริงนั้นก็แสดงว่าเธอคือ 'ผู้เล่นแฟนท่อมคนที่ 6' เพราะเท่าที่ได้ยินมาเขาว่ากันว่านอกจากเธอจะเป็นนักกีฬาผู้หญิงคนเดียวในชมรมแล้วเธอยังเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย และมีอำนาจสั่งการมากกว่ากัปตันและรองกัปตันหรือแม้กระทั่งโค้ชของชมรมซะอีก ทั้งๆ ที่เป็นอย่างนั้นแต่กลับไม่มีข้อมูลหรือข่าวคราวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเธอเลย ทั้งที่เรื่องของ 'ผู้เล่นแฟนท่อมคนที่ 6' ก็ออกจะโด่งดัง  แต่กลับไม่มีแม้กระทั่งรูปถ่ายแม้แต่ใบเดียว หรือแม้กระชื่อก็ไม่มีใครเคยรับรู้(นอกจากคนในชมรมบาสของเทย์โควในรุ่นนั้น) ยิ่งกว่าเรื่องเล่าตำนานผีสิงในโรงเรียนซะอีก เคยได้ยินแต่ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้หรือมีข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาปากต่อปากเท่านั้น'

    และนั่นก็ทำให้เธอห้วนนึกถึงข้อมูลที่ได้จากตอนที่เธอประเมินศักยภาพร่างกายของทาคาระหลังจากที่นิจิมุระกลับไปแล้ว (คราวนี้ทำให้ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแทน)

    'แต่ความสามารถของเธอต่ำสุดๆ เลย โดยรวมค่าเฉลี่ยแทบจะทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่าระดับมาตรฐานซะอีก ก่อนอื่นคงต้องทำให้ร่างกายของเธอแข็งแกร่งกว่านี้ซะก่อน แต่ไม่ว่าจะมองยังไงก็ดูไม่เหมือนกับนักกีฬาบาสในระดับตำนานนั่นเลยสักนิด และทำไมทั้งเธอถึงเลือกที่จะเข้าโรงเรียนโนเนมอย่างเซย์รินแทนที่จะเป็นโรงเรียนดังๆ ที่มีชื่อเสียงอย่างที่สมาชิกคนอื่นๆ ใน 'ทีมเห่งปาฏิหาริย์' แล้วไหนจะเรื่องของอดีตกัปตันชมรมบาสของเทย์โควที่ชื่อนิจิมุระอะไรนั่นอีก นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!?'

     

    กลับมาทางด้านทาคาระกับคางามิ

    หลังจากที่คางามิเขมือบกองภูเขาเบอร์เกอร์หมดแล้วพวกเขาก็ย้ายที่ไปที่สนามบาสใกล้ๆ เนื่องจากตอนนี้ก็ค่อนข้างค่ำมากแล้วจึงมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น

    “เธอ...กำลังปกปิดอะไรอยู่กันแน่?”

    คางามิถามออกมาตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ทาคาระใช้ความเงียบแทนคำตอบและมองหน้าอีกฝ่ายประมาณว่าเขาต้องการอะไรจากเธอกันแน่

    “...” 

    เมื่อเห็นว่าทาคาระไม่มีทีท่าว่าจะตอบคำถามคางามิเลยตัดสินใจพูดต่อเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา

    “...ฉันอยู่อเมริกาจนกระทั่งเมื่อตอนม.ต้นปี 2”

    และเขาก็คิดย้อนไปถึงเมื่อตอนเย็นที่ชมรมบาสก่อนหน้านี้

    “ฉันล่ะตกใจจริงๆ เมื่อกลับมาที่ญี่ปุ่น ฝีมือพวกเขาห่วยกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เสียอีก”

    พอพูดมาถึงตรงนี้อยู่ๆ คางามิก็แสดงสีหน้าโกรธและดูถูกฝีมือของคนญี่ปุ่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าตอนนี้สีหน้าของทาคาระยังคงเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแต่ทว่าภายในก็รู้สึกโกรธไม่น้อยกับคำพูดของอีกฝ่าย เพราะถ้าไม่ลองสังเกตดีๆ หรือรู้จักเธอจริงๆ ก็คงไม่รู้ คางามิก็ยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้อะไรสักนิด

    “สิ่งที่ฉันกำลังมองหาไม่ใช่แค่การเล่นบาสเพื่อความสนุกเท่านั้น”

    “...”

    “ฉันต้องการที่จะเล่นในแมตซ์ที่มันดุเดือดและพบคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือแข็งแกร่งมากกว่านี้ แต่ฉันได้ยินมาว่าในรุ่นเดียวกันมีทีมบาสที่มีฝีมือและแข็งแกร่งมากที่ชื่อว่า 'ทีมแห่งปาฏิหาริย์' อยู่ และเธอเองก็อยู่ในทีมนั้นเช่นกันใช่ไหม?”

    หลังจากที่พูดจบเขาก็โยนลูกบาสที่อยู่ในมือส่งให้อีกฝ่าย

    “ฉันสามารถเดาความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ได้ในบางครั้งด้วยนะ มันเหมือนพวกคนที่แข็งแกร่งจะมีกลิ่นเฉพาะของพวกนั้นอยู่ด้วย แล้วคนที่ชื่อนิจิมุระอะไรนั่นก็เหมือนกัน ท่าทางจะแข็งแกร่งไม่ใช่เล่น”

    “...กลิ่น? นี่คุณเป็นสุนัขรึไงคะถึงได้รู้ว่าคนพวกนั้นมีกลิ่นเฉพาะตัว?”

    ก็กะว่าจะแกล้งแซวขำๆ แต่ทว่าทำเอาคางามิโกรธจริงซะงั้น

    “เปรียบเทียบเว้ยเปรียบเทียบ!”

    “...ก็แค่แซวเล่นๆ เอง”

    ทาคาระพึมพำเบาๆ

    “ฮึ้ย! ...แต่เธอน่ะแปลกมาก ฉันได้แต่กลิ่นเหม็นของความอ่อนแอ ไม่มีกลิ่นอะไรเลย ความแข็งแกร่งของเธอมันไม่มีกลิ่น”

    “...”

    “ฉันอยากพิสูจน์ด้วยตัวของฉันเอง แล้วถ้าเธอมาจาก 'ทีมแห่งปาฏิหาริย์' จริงมันทำให้ฉันชักอยากจะรู้แล้วสิว่าจะแข็งแกร่งสมคำร่ำลือจริงรึเปล่า”

    “...ก็ได้ค่ะ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนปากดีแบบคุณจะเก่งสักแค่ไหนเชียว”

    ใช้เวลาคิดไม่นานทาคาระก็ตอบตกลง เพราะเธอเองก็อยากจะรู้สไตล์การเล่นของคางามิเหมือนกัน โชคดีที่เธอเป็นพวกที่ชอบใส่กางเกงเลคกิ้งขาสั้นเอาไว้ข้างในอยู่แล้ว จึงมีเพียงคางามิเท่านั้นที่ถอดเสื้อกักคุรันออกเพื่อความสะดวกในการเคลื่อนไหว เกมส์เป็นแบบ 1 ต่อ 1 เพียงแค่เริ่มเกมส์ได้ไม่นานคางามิก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง

    'ดะ ดะ เดี๋ยวก่อน...ยัยนี่ฝีมือโคตรห่วยเลย!!! ก็จริงอยู่ที่ว่าถึงแม้จะมีรูปร่างและส่วนสูงแบบนั้นก็สามารถเป็นผู้เล่นระดับท็อปคลาสได้ด้วยฝีมือ แต่ว่ายัยนี่...ทั้งการเลี้ยงลูกการชู้ตมันยิ่งกว่ามือสมัครเล่นซะอีก ไม่เห็นจะเก่งอย่างที่ได้ยินมาเลย มีดีแค่รูปร่างหน้าตาและขนาดหน้าอก อะแฮ่ม! ...แต่ยังไงก็ไม่มีค่าพอที่จะแข่งด้วยเลยสักนิด!!!'

    พอได้จังหวะคางามิก็ตะโกนใส่เธอไม่ยั้ง

    “คิดจะกวนประสาทกันรึไง!! ได้ยินที่ฉันพูดไหมห๊า!? คิดเหรอว่าถ้าเล่นแบบนั้นแล้วจะเอาชนะฉันได้! ดูถูกกันอยู่รึไง! ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอพูดราวกับว่าเธอเก่งมากมายอย่างนั้นแหละ!”

    “เปล่านี่คะ”

    ทาคาระตอบอีกฝ่ายโดยที่ไม่หันไปมองเลยสักนิด เธอเอาแต่สนใจลูกบาสที่เธอหมุนเล่นอยู่บนนิ้วชี้ไปมา

    “ถึงพอจะมองออกอยู่บ้างตั้งแต่แรกแล้วก็เถอะ แต่คางามิคุงก็ไม่ได้เก่งมากขนาดนั้นสักหน่อย”

    ทำเอาคางามิโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที แต่ก็ต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง

    “หาเรื่องกันรึไงห๊า! เธอคิดจะทำอะไรกันแน่”

    เธอหยุดหมุนลูกบาสเล่นก่อนที่เปลี่ยนมาเหน็บมันเอาไว้ตรงเอวแทน เธอหันไปมองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ ก่อนที่จะตอบ

    “ฉันแค่อยากเห็นความแข็งแกร่งและสไตล์การเล่นของคางามิคุงก็เท่านั้นแหละค่ะ อ๊ะ แล้วก็ดูคุณดังก์ด้วย”

    ถ้าคางามิตาไม่ฝาดเขารู้สึกว่าเขาแอบเห็นเธอยิ้มที่มุมปากนิดๆ แถมในดวงตาของเธอมีประกายราวกับเด็กๆ ที่เจอของถูกใจ เขาเลยได้แต่ถอนหายใจและขยี้หัวแรงๆ อย่างหัวเสีย

    'ฮึ่ยย ฉันทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย ยัยนี่ฝีมือห่วยโคตรๆ ถึงว่าไม่ได้กลิ่นอะไรเลย รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นบ้าเลยแฮะ'

    “...แค่นี้ก็เกินพอแล้ว”

    หลังจากที่ยืนคิดอยู่สักพักอยู่ๆ คางามิก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ราวกับเหนื่อยใจเต็มกลืน แล้วเขาก็เดินไปหยิบเสื้อนักเรียนและกระเป๋าที่วางกองเอาไว้ข้างสนาม

    “ฉันไม่สนใจคนอ่อนแอหรอกนะ แต่ขอแนะนำอย่างนึง ฉันว่าเธอเลิกเล่นบาสเก็ตบอลซะดีกว่า”

    “...”

    “ต่อให้เธอพยายามแทบตาย แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในวงการบาสต้องการคนที่มีพรสวรรค์มากกว่า และดูเหมือนเธอเองก็ไม่ได้มีความสามารถเลยสักนิด”

    “...”

    ทั้งสองมองหน้ากันอยู่ชั่วอึดใจก่อนที่จะเป็นทาคาระเองที่ทำลายบรรยากาศที่น่าอึกอัดด้วยคำตอบที่คางามิคาดไม่ถึง

    “ฉันคงต้องขอปฏิเสธค่ะ”

    “...!?”

    "ข้อแรกคือฉันรักบาสเก็ตบอลค่ะ และฉันว่ามันก็ขึ้นอยู่ที่มุมมองของแต่ละคนมากกว่านะคะ แล้วฉันก็ไม่สนด้วยว่าใครแข็งแกร่งที่สุด"

    “เธอว่าอะไร-”

    ไม่ทันที่คางามิจะถามจบก็พบว่าทาคาระไม่ได้อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

    "ฉันน่ะแตกต่างจากคุณ..."

    เธอเดินไปหยิบกระเป๋าและเตรียมจะกลับบ้านเช่นกัน เธอไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเขาสักนิด

    “...เพราะฉันคือเงา”

    “?”

     

    วันต่อมา

    ทำเอาช็อกไปตามๆ กัน เพราะจู่ๆ วันนี้ก็มีนักเรียนใหม่ปี 2 ย้ายมาจากอเมริกา ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นนั่นก็คือนิจิมุระ อดีตกัปตันชมรมบาสเทย์โคว และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ไอดะบุกมาหาเจ้าตัวถึงห้องเรียน จุดประสงค์เพื่อที่จะชวนอีกฝ่ายเข้าชมรมบาสและถามเรื่องของทาคาระ

    "มีธุระอะไร"

    นิจิมุระถามโดยที่ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ

    "ฉันขอถามเรื่องของเด็กที่ชื่อคุโรโกะ ทาคาระหน่อยสิ"

    "...อยากรู้เรื่องอะไร?"

    ในที่สุดอีกฝ่ายก็ยอมเงยหน้าจากหนังสือ

    'บิงโก!'

    "จริงรึเปล่าที่ว่าเธอเป็น 1 ในสมาชิกของ 'ทีมแห่งปาฏิหาริย์' แล้วเธอคือ 'ผู้เล่นแฟนท่อมหมายเลข 6' อย่างที่เขาลือกัน.../ไอดะ ริโกะ!!!"

    ไม่ทันที่เธอจะถามจบก็ถูกอาจารย์ที่ปรึกษาของห้องเธอมาลากตัวกลับห้องเรียนทันที พอตอนพักนิจิมุระก็หายไปไหนไม่รู้ เธอเลยไม่มีโอกาสที่จะรีดข้อมูลของทาคาระจากเขาได้เลย รู้แบบนี้เธอน่าจะเอ่ยปากชวนเขาเข้าชมรมก่อนที่จะถามเรื่องของทาคาระ

     

    ตอนช่วงเย็นฝนตกเลยทำให้ชมรมบาสไม่สามารถใช้สนามกลางแจ้งหรือวอร์มร่างกายภายนอกได้

    “อย่างนี้ก็คงซ้อมนอกโรงยิมไม่ได้ แต่ยังพอมีเวลาเหลืออยู่บ้าง เอาไงต่อดีโค้ช?”

    ฮิวงะเอ่ยถาม เพราะตามตารางฝึกซ้อมแล้ววันนี้พวกเขาต้องวิ่งรอบโรงเรียนกัน ทว่าฝนดันตกลงมาซะก่อน จะให้วิ่งภายในโรงยิมก็คงไม่สะดวกเท่าไหร่

    'เอาไงดี ฉันเองก็อยากเห็นฝีมือของเด็กใหม่'

    “บางทีนี้อาจจะเป็นโอกาสดีก็ได้”

    เธอแสยะยิ้มออกมา ซึ่งมันรอยยิ้มที่ฮิวงะไม่ชอบเอาซะเลย เพราะเป็นเพื่อนกันมานานเขาก็เลยพอจะดูออกว่าไอดะต้องการจะสื่ออะไร และเพราะเธอเป็นโค้ชเขาจึงไม่อาจขัดคำสั่งได้ จริงๆ เขาเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าฝีมือของเด็กใหม่จะเป็นยังไง

    “เราจะจัดการแข่ง 5 ต่อ 5 ระหว่างเด็กใหม่และปี 2 กัน”

    เรียกเสียงฮือฮาจากเหล่าปี 1 ได้เป็นอย่างดี มีเพียงคางามิกับทาคาระเท่านั้นที่ดูจะไม่ทุกข์ร้อนเลยสักนิด

    “แข่งกับพวกรุ่นพี่เนี่ยนะ จะไหวเหรอ!”

    “จำเรื่องที่รุ่นพี่พูดเมื่อตอนเข้าชมรมได้ไหม? ผลการแข่งของเมื่อปีที่แล้ว...”

    เซย์รินเป็นโรงเรียนที่เพิ่งเปิด ประกอบกับชมรมบาสเก็ตบอลของที่นี่เองก็เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน ทำให้สมาชิกในตอนนั้นมีแต่พวกหน้าใหม่ ทว่าพวกเขาก็สามารถฝ่าฟันและแข่งขันจนไปได้ไกลถึงหลีกรอบสุดท้าย

    “จริงดิ!?”

    “ไม่ธรรมดาจริงๆ”

    นั่นยิ่งทำให้ปี 1 ต้องกลืนน้ำลายและหวาดกลัวกันถ้วนหน้า เพราะถึงแม้รุ่นพี่ของพวกเขาจะไม่ได้มีฝีมือโดดเด่นมากนักเมื่อนำไปเทียบกับชมรมบาสจากโรงเรียนดังๆ แต่ก็เก่งใช่ย่อยเมื่อเทียบกับพวกเขาซึ่งเป็นเพียงเด็กใหม่เท่านั้น

    'ชักอยากรู้แล้วสิว่าพวกหน้าใหม่ปีนี้จะเก่งสักแค่ไหนกันบ้าง?' ไอดะคิด

    มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ดูเหมือนจะไม่กลัวกับการที่ต้องแข่งกับพวกปี 2 ทาคาระออกแนวเฉยๆ เพราะเมื่อสมัยเทย์โควตอนที่เข้าชมรมบาสแรกๆ เธอเองก็โดนแบบนี้เหมือนกัน ส่วนอีกคนก็คือคางามิที่ดูเหมือนจะกระตื้อรือร้นเป็นพิเศษ ก่อนเริ่มเกมส์ทางฝั่งของปี 1 ใช้วิธีเป้ายิงฉุบเพื่อคัดเลือกผู้เล่น ทาคาระชนะแบบโชคช่วยล้วนๆ ส่วนคางามิชนะเพราะเขาใช้สายตาข่มขู่ทุกๆ คน ด้วยความกลัวพวกที่เหลือจึงยอมให้เขาชนะไป

    “นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมากลัวนะเฟ้ย มีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งก็ยังดีกว่ามีคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอใช่ไหม! ไปลุยกันลย!!”

    "...สปิริตยอดเยี่ยมจริงๆ นะนายเนี่ย"

    เสียงของใครบางคนเรียกความสนใจของคนทั้งโรงยิมได้เป็นอย่างดี

    "นะ นาย!"

    "...รุ่นพี่นิจิมุระ"

    คนที่ตามหาตัวแทบตายแต่ก็คลาดกันตลอดกลับโผล่มานั่งกระดิกเท้าสบายใจเฉิบอยู่ตรงหน้า ตอนแรกเขากะว่าจะแวะมาดูทาคาระแปปเดียวเท่านั้น ทว่าพอเห็นว่าจะมีการแข่งระหว่างเด็กปี 1 และปี 2 ขึ้นก็เลยสนใจ เพราะหวนให้นึกถึงเมื่อสมัยเทย์โควขึ้นมา โดยเฉพาะเจ้าเด็กหัวสีแดงเพลิงที่ดูท่าทางอารมณ์ร้อนใช่ย่อยอย่างคางามิทำให้เขานึกถึงใครบางคน เป็นคนประเภทที่เขาเห็นแล้วหมั่นไส้ซะจนอยากเขกหัวสักทีสองที และอีกเหตุผลนึงก็คือเขาเป็นห่วงกลัวว่าทาคาระจะฝืนทำอะไรที่มันเกินตัวจนได้เรื่อง

    "นายมาทำอะไรทีนี่กันแน่?"

    "ก็แค่แวะมาทักทายคุโรโกะเฉยๆ ไม่คิดว่าจะได้เจอของดีเข้าให้"

    เขาหันไปมองคางามิแวบนึง

    "คงไม่ว่าอะไรใช่ไหมถ้าฉันจะขอดูด้วยคน"

    "ก็ได้อยู่หรอก แต่นายสนใจที่จะ…"

    พลั่ก!

    อยู่ๆ ก็มีลูกบาสจากไหนไม่รู้ลอยมาทางนิจิมุระ ซึ่งเจ้าตัวก็สามารถรับมันได้อย่างง่ายดาย ตัวการก็ไม่ใช่ใครอื่น

    "มาแข่งกันซักเกมส์หน่อยเป็นไง"

    "คางามิ!?"

    "คางามิคุง!?"

    "เจ้าบ้านั่น!?"

    ทุกคนต่างอุทานออกมาด้วยความตกใจ (ยกเว้นทาคาระกับนิจิมุระ) คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะบ้าดีเดือดขนาดท้าอดีตกัปตันชมรมบาสของเทย์โควแข่งบาสแบบ 1 ต่อ 1 ทางด้านรุ่นพี่อย่างนิจิมุระก็แสยะยิ้มก่อนที่จะส่งลูกคืนให้กับอีกฝ่าย

    "เสียเวลาเปล่า เพราะนายในตอนนี้ไม่มีค่าพอให้ฉันแข่งด้วยเลยสักนิด"

    "หนอย! แก!!"

    โป๊ก!

    "หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะบากะ(เจ้าบ้า)งามิ!"

    ไม่ทันที่คางามิจะได้เข้าไปถึงตัวนิจิมุระก็โดนไอดะใช้พัดกระดาษฟาดศรีษะเข้าให้อย่างจัง เพราะถ้าขืนปล่อยไว้มีหวังได้มีเลือดตกยางออกกันแน่ๆ

    "กลับไปประจำที่เดี๋ยวนี้เลย!"

    พอเห็นว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยทักท้วงก็รีบยกพัดขึ้นทำท่าจะฟาดอีกรอบ

    "เดี๋ยวนี้!!"

    คางามิเลยได้แต่ส่งเสียงฮึดฮัดอย่างขัดใจแต่ก็ยอมเดินกลับไปประจำตำแหน่งตามเดิม

    เพียงแค่เกมส์เริ่มได้ไม่นานพวกเด็กใหม่ก็สามารถทำคะแนนได้ก่อนโดยลูกดังก์ของคางามิ สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อยทั้งจากปี 1 และพวกปี 2 นิจิมุระเองก็มองอย่างสนอกสนใจ

    “ลูกดังก์นั่นมันอะไรกันน่ะ!”

    “สุดยอดเลย!!!”

    “...!!”

    'เก่งกว่าที่คิดเอาไว้ซะอีก'

    ไอดะมองอย่างทึ่งๆ

    'นี่มันไม่ใช่เหมือนการเล่นบาสทั่วๆ ไปสักนิด มันเหมือนทำลายล้างซะมากกว่า!! นี่มันปีศาจชัดๆ!!'

    “นี่มันบ้าชัดๆ”

    ฮิวงะเอ่ยออกมาพลางใช้คอเสื้อยืดเช็ดเหงื่อที่ใบหน้า อิซึกิที่อยู่ข้างๆ ก็ได้แต่มองด้วยความตะลึงกับการดังก์ของคางามิ

    เกมส์ยังคงดำเนินต่อไปและทีมของปี 1 ก็ขึ้นนำอยู่ที่ 11 ต่อ 8 คะแนน ทว่ามีเพียงคางามิเท่านั้นที่ทำแต้มให้กับทีม ยิ่งสร้างความโมโหให้กับเจ้าตัวเป็นอย่างมาก

    'บ้าเอ้ย!! คิดจะกวนประสาทกันรึไง!'

    นอกจากนั้นสิ่งที่ทำให้คางามิโกรธมากที่สุดก็คือทาคาระ เพราะเธอปล่อยให้พวกปี 2 แย่งบอลไปได้และปล่อยช่องโหว่ออกมามากมาย จึงเป็นโอกาสทองของอีกฝ่ายอย่างมาก และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เธอปล่อยให้ปี 2 แย่งบอลไป

    “ลูกถูกแย่งไปแล้ว!? คุโรโกะปล่อยให้ถูกแย่งลูกไปอีกแล้ว!”

    “อย่าวอกแวก!!”

    'ทำบ้าอะไรของยัยนั่น ทั้งๆ ที่คุยโว่เอาไว้ขนาดนั้นแท้ๆ'

    คางามิรีบวิ่งไปสกัดปี 2 ไม่ให้ทำการชู้ตทันที

    “น่าโมโหชะมัด!!”

    “...!!”

    “โดดสูงชะมัด!!”

    “พวกเขาหยุดคางามิไม่ได้เลย!!”

    “...สู้ไม่ไหวเลยแฮะ”

    ฮิวงะบ่นออกมา

    “ไม่แน่หรอกนะ ถ้าเจ้านั่นใจเย็นลงมากกว่านี้ก็คงใช่”

    อิซึกิแสดงความคิดเห็น

    พอหันมาอีกทีคางามิก็ถูกปี 2 ประกบถึง 3 คน

    “ประกบ 3 คน!?”

    “ถ้าพวกเขาทำสำเร็จล่ะก็...”

    “ดูนั่นสิ!”

    เด็กปี 1 คนนึงร้องทัก

    “ถึงจะไม่ได้บอลแต่ก็โดนประกบถึง 2 คน นี่พวกปี 2 กะจะไม่ให้คางามิได้บอลเลยใช่ไหมเนี่ย!”

    ด้วยอารมณ์ที่เริ่มสูงขึ้นของคางามิบวกกับการเล่นที่ไร้ซึ่งทีมเวิร์คของพวกเด็กใหม่ ตอนนี้พวกปี 2 สามารถทำแต้มคืนได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถพลิกเกมส์ขึ้นนำพวกปี 1 ได้ในเวลาต่อมา พอถึงช่วงพักพวกปี 2 ก็กลายเป็นฝ่ายนำอยู่ โดยทิ้งคะแนนห่างเป็นเท่าตัว 31 ต่อ 15 ทำเอากำลังใจของพวกปี 1 เริ่มบั่นทอนลงอย่างเห็นได้ชัด

    “พวกรุ่นพี่แข็งแกร่งชะมัด”

    “จริงๆ แล้วไม่มีทางที่พวกเราจะชนะได้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะ”

    “พอแค่นี้เหอะ”

    “พอแค่นี้งั้นเหรอ?”

    คางามิหันไปคว้าคอเสื้อของเพื่อนร่วมทีมใกล้ๆ ตัวและตะคอกใส่อย่างหมดความอดทน

    “พูดบ้าอะไรของแก!!?”

    “ช่วยใจเย็นๆ ด้วยค่ะ”

    จู่ๆ ทาคาระก็โผล่มาที่ข้างหลังของคางามิและใช้เข่าของตัวเองกระแทกที่เข่าขออีกฝ่าย เพราะไม่ทันตั้งตัวเลยทำให้คางามิต้องปล่อยมือออกจากคอเสื้อของเด็กปี 1 ผู้โชคร้ายคนนั้นและหันกลับมาเล่นงานที่ทาคาระแทน

    “...!?”

    “ยัยบ้านี่...”

    ดูเหมือนจะยิ่งโกรธมากขึ้นด้วยซ้ำ ส่วนคนอื่นที่ตอนแรกมัวแต่ตกใจในความใจกล้าบ้าบิ่นของทาคาระก็หันมาช่วยกันห้ามทัพทันที เพราะถึงยังไงทาคาระก็เป็นผู้หญิง และตอนนี้คางามิเองก็ดูโมโหมากซะจนพวกเขากลัวว่าคางามิจะเผลอลงไม้ลงมือกับเธอ ส่วนพวกปี 2 และนิจิมุระที่มองดูจากอีกฟากก็ไม่คิดจะเข้าไปห้ามทัพ เพราะไม่ว่าจะมองยังไงก็เหมือนเด็กๆ ทะเลาะกันซะมากกว่า

    “ดูเหมือนพวกเขาจะทะเลาะกันแล้วนะ”

    ปี 2 คนนึงแสดงความคิดเห็น

    “คุโรโกะ? พอมาถึงตอนนี้ฉันเพิ่งเห็นว่าเธอก็อยู่ตรงนี้ด้วย” ไอดะพูด

    'ทั้งๆ ที่ฉันเป็นผู้ตัดสินแท้ๆ แต่ฉันกลับไม่เห็นเธอ'

    เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนที่จะฉุกคิดอะไรได้

    'หืม!? หื้อ? จริงด้วย ตั้งแแต่เมื่อไหร่กัน!? อย่าบอกนะว่า...'

    ไม่ทันที่จะได้เคลียร์ปัญหาที่คาใจอยู่ก็หมดเวลาพักและถึงเวลาที่ต้องเล่นต่อให้จบแล้ว ระหว่างที่เดินลงสนามทาคาระเดินเข้าไปพูดอะไรบางอย่างกับปี 1 คนนึงที่เป็นคนถือลูกเอาไว้

    “ขอโทษนะคะ ช่วยส่งลูกมาให้หน่อยได้ไหม”

    “หา?”

    ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ 3 นาทีเท่านั้น ทุกๆ คนต่างส่งเสียงเชียร์กันอย่างต่อเนื่อง

    'ถึงเธอจะได้บอลไปก็ใช่ว่าจะทำอะไรได้ แต่อย่างน้อยก็อย่าพลาดอีกล่ะ...' เขานึกอย่างปลงๆ

    ท่าทีของทาคาระยังคงใจเย็นไม่เปลี่ยนแม้ว่าทีมของตัวเองจะเป็นฝ่ายไล่หลังและโดนทิ้งห่างอยู่ก็ตาม และทันทีลูกบาสสัมผัสมือท่าทางของทาคาระก็เปลี่ยนไปจนไอดะสัมผัสได้

    'ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน? เหมือนว่ากำลังมีบางอย่างที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น!?'

    'เอาจริงแล้วสินะ' นิจิมุระคิด

    ทันทีที่มือของทาคาระสัมผัสลูกเธอก็โยนมันข้ามหัวไปยังด้านหลังเพื่อส่งต่อไปยังผู้เล่นทีมเดียวกันซึ่งยืนอยู่หน้าแป้นโดยที่ไม่หันกลับไปมองเลยแม้แต่นิดเดียว

    “เอ๊ะ...อ๊ะ!”

    เขาชะงักในทีแรกที่ลูกมาอยู่ในมือก่อนที่จะตั้งสติและชู้ตลูกเข้าห่วงทันที

    “เอ๊ะ”

    “หวา”

    “มะ มันเข้าแล้วงั้นเหรอ!? พาสลูกแบบนั้นได้ยังไง!?”

    “ไม่รู้โว้ย! มองยังไม่ทันเลยด้วยซ้ำ!!”

    เกมเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะทุกครั้งที่ลูกตกอยู่ในมือของทาคาระ เธอก็พาสลูกส่งต่อไปยังเพื่อนร่วมทีมเพื่อทำคะแนนต่อโดยที่ไม่ลังเลเลยแม้แต่วินาทีเดียว เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่แพ้กับเมื่อตอนที่คางามิดังก์เลยสักนิด ผิดกับนิจิมุระที่เฝ้ามองการเคลื่อนไหวของรุ่นน้องคนโปรดด้วยรอยยิ้มและสีหน้าที่ภาคภูมิใจอย่างปิดไม่มิด

    'นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น'

    “เธอทำแบบนั้นได้ยังไงกัน!!?”

    “กว่าจะรู้ตัวลูกก็ถูกส่งต่อและทำคะแนนไปแล้ว!?”

    พอลองสังเกตดีๆ ไอดะก็เริ่มจับจุดได้บ้างแล้ว

    'เธอใช้จุดอ่อนของการมีอยู่ของเธอส่งต่อลูกไปยังตำแหน่งที่ว่าง แล้วเวลาที่ถือบอลเพื่อใช้ในการส่งก็น้อยมากด้วย แต่มันไม่น่าเป็นไปได้นี่ เธอสามารถพาสลูกไปยังคนรับได้โดยที่ไม่หันไปมองเลยด้วยซ้ำ'

    ก่อนที่เธอจะนึกเรื่องก่อนหน้านี้ออก

    'อย่าบอกนะว่า... ตั้งแต่เริ่มเกมส์มาก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเธอเลยและยิ่งไม่เห็นตัวหนักขึ้นกว่าเก่าอีก หรือนี่คือ...การเบี่ยงเบนความสนใจ(มิสไดเรคชั่น) เธอใช้เทคนิคหลอกความรู้สึกฝ่ายตรงข้ามว่าจะทำอะไรต่อไป ใช้การเบี่ยงเบนความสนใจ อย่างเช่นตอนที่คู่แข่งมัวแต่ให้ความสนใจไปยังผู้เล่นคนอื่นที่ถือลูกเธอก็จะใช้ช่วงเวลานั้นรับและส่งต่อลูกต่อไปยังผู้เล่นในทีมโดยที่ไม่มองด้วยความแม่นยำสูง หรือในอีกแง่ก็คือเธอ 'ลบตัวตน' ออกไปจากเกมส์ หรือพูดได้ว่าเธอเบี่ยงเบนความสนใจของทุกคนไปยังผู้เล่นคนอื่น ทำให้ไม่มีใครสามารถจับการเคลื่อนไหวของเธอได้ และนั้นทำให้เธอทำหน้าที่พาสลูกยังผู้อื่นได้ดีเยี่ยม'

    ไม่ใช่เพียงแค่ไอดะเท่านั้นที่ตกใจในสไตล์การเล่นของทาคาระ ทุกๆ คน(ยกเว้นนิจิมุระ)ต่างมองเธอด้วยความตะลึงไม่เว้นแม้กระทั่งคางามิ

    'นี่นะเหรอความสามารถของคุโรโกะ!?' คางามิคิด

    'อดีตผู้เล่นของเทย์โคว ผู้ที่มีสามารถพาสลูกไปให้ผู้เล่นในทีมได้โดยที่อีกฝั่งไม่รู้ตัว!! ก็พอได้ยินคำเล่าลือมาบ้าง แต่ไม่มีคิดว่าจะมีอยู่จริง!! 'ผู้เล่นแฟนท่อมคนที่ 6' ของ 'ทีมแห่งปาฏิหาริย์' หรืออีกชื่อที่รู้จักกันดีก็คือ 'เจ้าหญิงของทีมแห่งปาฏิหาริย์'!!'

    “อ๊ะ!!”

    "คางามิ!!"

    เพราะมัวแต่ตกใจกับการพาสลูกของทาคาระเลยเป็นโอกาสให้ทีมปี 1 ทำคะนนตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ และพอหันมาอีกทีก็พบว่าลูกไปอยู่ในมือของคางามิแล้ว และเขาก็ชู้ตทำแต้มเพิ่มให้กับทีมของตัวเองได้อย่างสวยงาม

    'บ้าเอ้ย'

    ต้องขอบคุณการส่งของทาคาระและลูกชู๊ตของคางามิ ตอนนี้คะแนนของทั้งสองห่างกันแค่เพียงแต้มเดียวเท่านั้น

    37-36

    “หวา!! ไม่อยากจะเชื่อ!!”

    “ห่างกันแค่แต้มเดียวเท่านั้น!?”

    ตอนนี้ไม่ใช่เพียงแค่คางามิเท่านั้นที่เป็นงานหินสำหรับปี 2

    “บ้าเอ๊ย! สองคนนั้นน่าหงุดหงิดก็จริง แต่นี่มัน...”

    'พอพวกเขาสองคนมาเล่นด้วยกันก็ไม่มีทางที่จะหยุดพวกเขาได้เลย!'

    พลั่ก!

    “ชิ!”

    “เจ้าโง่เอ๊ย!”

    ในระหว่างที่อิซึกิกำลังจะพาสลูกไปยังผู้เล่นอีกคนในทีมก็โดนทาคาระแย่งลูกไปได้อย่างง่ายดาย

    “บ้าเอ๊ย!”

    “ไปเลยคุโรโกะ!”

    ตอนนี้ที่หน้าแป้นบาสมีเพียงทาคาระเท่านั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงไม่ลังเลที่จะชู๊ตทำคะแนนในทันที เพราะสภาพร่างกายในตอนนี้ไม่สามารถเล่นกีฬาหนักได้เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว บวกกับร่างกายที่เล็กและบอบบางเป็นทุนเดิมทำให้สภาพในตอนนี้แทบจะล้มทั้งยืนอยู่แล้ว ทว่าทาคาระก็ยังคงฝืนเก็บอาการเอาไว้ ทำเอานิจิมุระนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ เขาแทบจะถลาเข้าไปอุ้มอีกฝ่ายพาไปส่งโรงพยาบาลในทันที แต่ก็ไม่ทำ เพราะรู้ดีว่ารุ่นน้องคนนี้หัวรั้นและดื้อมากแค่ไหน ตัวเขาเลยได้แต่คอยจับตามองอยู่ข้างสนามในสภาพที่ลุ้นจนไส้บิดแบบนี้

    ฟุ่บ!

    ปี๊ด!

    “อะ อะ เอ๋!?”

    “ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!?”

    “หวา!!”

    “ละ ลงไปแล้ว!?”

    ไม่ทันที่ทุกๆ คนจะกระพริบตาลูกบาสก็ลงห่วงไปแล้ว ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกๆ คนไม่เว้นแม้กระทั่งไอดะและคางามิ มีเพียงนิจิมุระเท่านั้นที่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและทรุดนั่งลงไปที่เก้าอี้อย่างหมดแรง ก่อนที่จะปรากฏรอยยิ้มที่มุมปากนิดๆ

    'เฮ้อ ให้ตายสิ รู้สึกอายุสั้นไปอีกร้อยปี'

    พอเริ่มตั้งสติได้ไอดะก็หันมาประกาศชัยชนะให้กับพวกปี 1 ต้องขอบคุณลูกชู๊ตสามแต้มของทาคาระที่ทำเอาคนทั้งโรงยิมต้องตะลึงนั้นสามารถพลิกเกมส์ทำให้คะแนนเพิ่มและเป็นฝ่ายชนะด้วยคะแนน 37-39

    “เฮ้ย!? จริงดิ!?”

    “เยส!!”

    “หวา!!”

    “เด็กใหม่ชนะเหรอเนี่ย!?”

    "ไม่น่าเชื่อ!?"

    "ลูกชู๊ตเมื่อกี้มันอะไรกันเนี่ย!?"

    เด็กปี 1 ต่างโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจประหนึ่งถูกลอตเตอรี่ ต่างกับพวกปี 2 ลิบลับ ที่ดูเหมือนจะไม่ได้คิดอะไรมากกับผลที่ออกมา แต่อดทึ่งในฝีมือของเด็กปี 1 รุ่นนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะความสามารถของคางามิและทาคาระ

    'นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!? ไอ้ลูกชู๊ตเมื่อกี้มันอะไรกัน? เพียงแค่เสี้ยววินาทีลูกก็ลงห่วงไปแล้ว แบบนี้มันไม่ใช่ฝีมือระดับเด็กม.ปลายทั่วๆ ไปแล้ว นะ นี่มัน...ปีศาจชัดๆ!!'

    ไอดะมองอย่างตะลึง แค่ลูกพาสก่อนหน้าก็ว่าน่าทึ่งแล้ว พอมาเจอลูกชู๊ตเมื่อกี้เข้าไปอีกก็ยิ่งตะลึงจนอ้าปากค้างเข้าไปอีก

    'สงสัยตำแหน่ง 'ผู้เล่นแฟนท่อมคนที่ 6' คงไม่ได้มาเพราะโชคช่วยแล้วล่ะ'

    เธออดไม่ได้ที่จะชื่นชมและสนใจในตัวรุ่นน้องคนนี้อย่างมาก ก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นมาได้

    '...จริงด้วย ทำไมก่อนหน้าที่จะชู๊ตทาคาระถึงชะงักไปหน่อยนึงก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นชู๊ตสามแต้มแทน ...อืม~... ไม่เข้าใจเลย'

    “...ฮ่าๆ! เจ้าพวกนั้น”

    “เก่งใช้ได้เลยนะเนี่ย”

    “ใช่ๆ โดยเฉพาะเจ้าเด็กที่ชื่อคางามิกับทาคาระนั้นน่ะ”

    “ฝีมือไม่เลวเลย”

    'ดีแล้ว อย่างนี้ค่อยวางใจได้หน่อย'

     

    “...ขอโทษค่ะ(พึมพำ)”

    “จริงๆ เลยให้ตายสิ”

    ยิ่งเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบและทำหน้าสำนึกผิดก็ทำเอานิจิมุระใจอ่อนยวบลงทันที ทว่าจะไม่ดุเลยก็ใช่เรื่อง เพราะถ้าในตอนนั้นเจ้าตัวไม่เลือกที่จะเปลี่ยนไปชู๊ตสามแต้มแทนเรื่องคงไม่จบลงแค่ตรงนี้แน่ๆ พอเห็นท่าทางและใบหน้าที่น่ากลัวของอีกฝ่าย(ซึ่งปกติก็น่ากลัวอยู่แล้ว)ก็ทำเอาทาคาระสลดลงมากกว่าเดิม

    “...ขอโทษค่ะ(พึมพำ)”

    เธอเองก็เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงมากแค่ไหน เพราะอย่างนั้นตั้งแต่ชมรมเลิกจนมากระทั่งตอนนี้ทาคาระก็เอาแต่พูดขอโทษไม่ยอมหยุด ทั้งสองคนแวะร้านมาจิเบอร์เกอร์ระหว่างทางกลับบ้าน บ้านของนิจิมุระกับทาคาระอยู่ข้างๆ กัน พ่อกับแม่ของสองครอบครัวก็สนิทกัน สมัยอยู่เทย์โควจึงมีหลายครั้งที่ทั้งสองคนเดินกลับบ้านด้วยกัน ครอบครัวของทาคาระย้ายมาอยู่ข้างบ้านของนิจิมุระตอนที่ทาคาระเรียนอยู่ป.4

    “...คุโรโกะ”

    นิจิมุระเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าตอนนี้ 'สภาพร่างกาย' เป็นแบบนี้แล้วยังจะฝืนเล่นบาสอีก ก็จริงอยู่ที่ว่าสามารถเล่นกีฬาหรืออกกำลังกายเบาๆ ได้ แต่ก็อย่าลืมสิว่า 'สภาพร่างกาย' แบบนี้ไม่สามารถกลับมาเล่นบาสได้เต็มร้อยเหมือนเมื่อก่อนได้แล้ว”

    “...”

    “ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ แต่ฉันอยากให้เธอคิดถึงผลที่ตามมาบ้าง ตั้งแต่เกิด 'เรื่องนั้น' ขึ้น 'สภาพร่างกาย' เธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วนะ"

    พอพูดมาถึงตรงนี้ทาคาระก็มีสีหน้าเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด จะหาว่ารังแกผู้หญิงก็ช่าง ถ้ามันจะสามารถทำให้ทาคาระคิดได้เขาก็จะยอมรับบทเป็นผู้ชายนิสัยไม่ดีคนนั้นเอง

    "...อย่าลืมสิว่าถ้าร่างกายของเธอถึงขีดสุดเมื่อไหร่ อย่าว่าแต่เล่นบาสได้เลย เธออาจจะไม่มีโอกาสกลับมาเดินได้ด้วยซ้ำ”

    “...ฉันเข้าใจค่ะ”

    ทาคาระตอบออกมาไม่เต็มเสียงมากนัก ใช่ว่าเธอจะคิดไม่ได้ ทว่ามันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเธอ บาสเก็ตบอลเปรียบเสมือนทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างสำหรับเธอ และสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเธอก็ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก

    หมับ

    ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่นิจิมุระย้ายตัวเองมานั่งข้างๆ ทาคาระ เขาทั้งกอดทั้งลูบหลังและจุ๊บหน้าผากเธอเหมือนปลอบเด็กเล็กๆ โชคดีที่โต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่เป็นมุมที่ค่อนข้างอับสายตาพอสมควร (บวกกับทาคาระค่อนข้างจืดจางเกินกว่าจะมีใครสังเกตเห็น) เลยทำให้ไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งร้าน พอเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ทาคาระก็เบะปากออกมาอย่างเคยชินที่อีกฝ่ายทำเหมือนเธอเป็นเด็กๆ ถึงแม้แก้มขาวๆ ทั้งสองข้างค่อยๆ ขึ้นสีระเรื่อเพราะเขินก็ตาม ทว่าก็ไม่รอดพ้นสายตาอดีดกัปตันเทย์โควไปได้ เขาเลยหยิกแก้มเนียนใสนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว

    หมับ!

    “อื้อ~ อ่อยอะอะอุ่นอี่อิอิอุอะ(ปล่อยนะคะรุ่นพี่นิจิมุระ)”

    “ว่าไงนะ~”

    ว่าแล้วก็จับแก้มกลมๆ นั้นยืดออก หยอกล้อกันสักพักก็เป็นนิจิมุระที่เดินไปสั่งของกินมาเพิ่มทั้งของเขาและของทาคาระ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธก็ตาม แต่ด้วยความเป็นรุ่นพี่ที่ดีเขาคงยอมไม่ได้ที่จะปล่อยให้รุ่นน้องคนนี้ทานเพียงแค่วานิลลามิลค์เชคเพียงแค่แก้วเดียวเท่านั้น ทั้งๆ ที่เพิ่งออกกำลังกายเสียเหงื่อมากแต่กลับไม่ทานอะไรเลยสักนิด จนเขากลัวว่าเธอจะเสียสุขภาพไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะเมื่อเธอเป็นนักกีฬาที่ต้องใช้พลังงานมากอย่างบาสเก็ตบอล

    ครืด

    “หื้อ?”

    “!!!”

    หลังจากที่นิจิมุระลุกไปได้ไม่นานก็มีคนนั่งลงตรงที่นั่งว่างอีกฝั่ง และก็เหมือนเดจาวูไม่มีผิด เพราะเขาคนนั้นก็คือคางามิ ไทกะ

    “...ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่อีกแล้ว(ฟ่ะ)”

    “คุณต่างหากที่มานั่งที่โต๊ะของฉัน แล้วก็เพราะว่าฉันชอบวานิลลาเชคของที่นี่ด้วย”

    “ไปนั่งที่อื่นไป”

    ทว่าทาคาระกลับไม่สนใจเอาแต่ดื่มวานิลลามิลค์เชคในมือและถามอีกฝ่ายกลับแทน

    “ว่าแต่คางามิคุงไม่กลับบ้านเหรอคะ?”

    “อย่าเมินกันสิเฟ้ย! ฉันต่างหากที่ต้องเป็นคนถามเธอมากกว่า เมื่อวานก็ทีนึงแล้วมืดๆ ค่ำๆ แบบนี้ทำไมถึงยังไม่กลับบ้านกลับช่อง?”

    “เป็นห่วงเหรอคะ?”

    "คระ ใครปะ เป็นห่วงเธอไม่ทราบ!?"

    ทาคาระเอียงคอและถามด้วยความสงสัย กะว่าจะแหย่เล่นเฉยๆ ทว่าพอเห็นอีกฝ่ายหน้าแดงแถมพูดจาตะกุกตะกักก็แทบจะทำให้เธอหลุดขำออกมา

    “ไหนบอกว่าไม่สนใจคนอ่อนแอแบบฉันไงคะ”

    “คระ ใครบอกกันว่าสนใจเธอ!? อย่ามามั่ว อย่าคิดว่ามีฝีมือแล้วฉันจะสนใจเธอนะ! ...สำหรับเธอฉันอาจจะยอมรับเป็นกรณีพิเศษ(พึมพำ) โอ๊ย!”

    เพราะมัวแต่เขินทาคาระเลยไม่ทันสังเกตเห็นนิจิมุระที่เดินมาหยุดอยู่ที่ข้างหลังของคางามิ เขาใช้ถาดในมือกระแทกไปที่หัวของคนตรงหน้าด้วยความหมั่นไส้ ก่อนที่จะยื่นถาดในมือไปวางไว้ตรงหน้ารุ่นน้องคนโปรดและนั่งลงข้างๆ เธอแทน ในถาดมีแฮมเบอร์เกอร์อยู่สองสามชิ้น ต่างจากถาดของคางามิที่มีเบอร์เกอร์จำนวกมากกองกันเป็นภูเขาสูง

    "กินจุใช่ย่อยเลยนะนายเนี่ย"

    “นะ นาย”

    “ฉันเป็นรุ่นพี่นาย ให้เกียรติกันด้วย”

    “ชิ”

    สมแล้วที่เป็นถึงอดีตกัปตันเทย์โควผู้ขึ้นชื่อเรื่องความเหี้ยมโหดและไร้ซึ่งความปราณีไม่แพ้ใคร เพียงแค่นี้ก็สามารถสยบเสือป่าอย่างคางามิได้ และอาจเป็นเพราะสัญชาตญาณของคางามิรับรู้ได้ถึงออร่าบางอย่างและสัญญาณเตือนว่าอย่าต่อกรกับคนตรงหน้าถ้ายังรักชีวิตอยู่เลยทำให้เขาเลือกที่จะสงบปากสงบคำเอาไว้ ได้แต่จิ๊ปากอย่างขัดใจที่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ ทว่าไหนๆ ก็มีแหล่งข้อมูลชั้นเลิศอยู่ตรงหน้าแล้วก็ถามเลยละกัน

    “...นี่ ไอ้ลูกที่ชู๊ตเมื่อตอนเย็นนั่นมันอะไรกัน?”

    “.../...”

    ทั้งทาคาระและนิจิมุระหันมามองหน้ากันก่อนที่จะหันไปตอบพร้อมๆ กัน ซึ่งเป็นคำตอบที่กวนประสาทซะจนคางามิอยากจะเอาเก้าอี้ฟาดหัวทั้งคู่ (ถ้าไม่ติดที่ว่าทาคาระเป็นผู้หญิงและนิจิมุระเป็นบุคคลอันตรายที่ไม่ควรเป็นศัตรูด้วย)

    “ถึงบอกไปคนอย่างคุณ/นายก็ไม่เข้าใจหรอก”

    “...หนอย! ว่าไงนะ!?”

    “อ๊ะนี่ กินซะ”

    นิจิมุระทำเป็นเมินอีกฝ่ายด้วยการหยิบแฮมเบอร์เกอร์ในถาดส่งให้ทาคาระ

    "ขอบคุณค่ะ"

    “อย่าเมินกันซิเฟ้ย!”

     

    “...นี่ 'ทีมแห่งปาฏิหาริย์' แข็งแกร่งแค่ไหนกัน?”

    “?”

    อยู่ๆ คางามิก็ถามออกมาในระหว่างทางกลับบ้านหลังจากที่ออกมาจากมจิเบอร์เกอร์กันแล้ว

    “ถ้าฉันไปเจอกับเจ้าพวกนั้นตอนนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นนะ?”

    “คุณ/นายก็จะถูกฆ่าทันที”

    ตอบออกมาโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่นิดเดียว ทำเอาคนถามอย่างคางามิเริ่มมีน้ำโห(อีกรอบ)

    “ไม่คิดที่จะพูดถนอมน้ำใจกันเลยรึไง”

    ทว่าก็โดนทั้งคู่เมินเหมือนเดิม

    “...ตอนนี้พวกเขาทั้ง 5 แยกย้ายไปอยู่คนละโรงเรียนกันหมด” ทาคาระ

    “...และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็ 1 ใน 5 คนนั้นจะได้เป็นแชมป์ระดับประเทศ” นิจิมุระ

    ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะเริ่มท้อถ่อยและหมดกำลังใจลงไปบ้าง แต่ดูจากนิสัยที่ไม่ยอมแพ้และมุ่งมั่นของเจ้าตัวกลับตรงกันข้ามด้วยซ้ำ และก็เป็นไปตามคาดเพราะจู่ๆ อีกฝ่ายก็ระเบิดหัวเราะออกมา

    “ฮ่าๆๆๆ! เยี่ยม! ชักเครื่องร้อนแล้วสิ!!”

    “บ้าดีเดือดอย่างที่คิดจริงๆ ด้วยนะคะนั่นน่ะ” ทาคาระพูดกับนิจิมุระ

    “น่าจะเรียกว่าพวกไม่ใช้สมองคิดมากกว่า”

    ซึ่งคางามิก็ไม่รับรู้เลยสักนิดว่ากำลังถูกนินทาระยะเผาขน

    “ฉันตัดสินใจได้แล้ว! ฉันจะล้มเจ้าพวกนั้นลงและจะเป็นที่หนึ่งของญี่ปุ่นให้จนได้!!!”

    “...ฉันว่าเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ”

    “...ฉันว่านายฝันลมๆ แล้งๆ มากจนเกินไปแล้ว”

    "เฮ้!!"

    สองคนนี้ก็ช่างตบมุกได้เลิศไม่เคยเปลี่ยน ดับฝันซะสิ้นซาก แต่ก็เป็นทาคาระที่เอ่ยอะไรบางอย่างออกมา

    “ฉันไม่รู้เกี่ยวกับความสามารถและพละกำลังของคุณมากนัก แต่เท่าที่ฉันสังเกตนะคะ ระดับอย่างคุณตอนนี้ฉันว่าคงเทียบกับพวกเขาไม่ได้”

    “...”

    “แล้วยิ่งถ้าคุณลุยเดี่ยวล่ะก็ มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่คุณจะเอาชนะพวกเขาได้”

    แวบนึงทาคาระนึกถึงเหตุการณ์บางอย่าง เหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนของทุกๆ อย่าง

    “...ทว่าฉันเองก็ได้ตัดสินใจเอาไว้แล้ว ฉันจะคอยเป็นเงาที่สนับสนุนการต่อสู้ของคุณเอง แต่ว่าเงาจะเด่นชัดขึ้นถ้าหากแสงมีความแข็งแกร่ง และเงาจะช่วยให้แสงเปล่งประกายมากยิ่งขึ้น”

    '...และในบางครั้งแสงก็เจิดจ้ามากจนไปบดบังเงาให้หายไป' ทั้งทาคาระและนิจิมุระคิดในใจ

    “...และในฐานะของเงา ฉันจะทำให้คุณเป็นแสงที่ส่องประกายและแข็งแกร่งที่สุดในญี่ปุ่นเองค่ะ”

    “...ฮ่า! พูดได้เยี่ยม!!”

    ตอนแรกคางามิไม่ได้คิดว่าตัวเองจะได้แนวร่วมที่สำคัญอย่างทาคาระ เพราะเจ้าตัวเองก็เป็น 1 สมาชิก 'ทีมแห่งปาฏิหาริย์' และมีฝีมืออยู่พอสมควร(เท่าที่เห็นมา)เลยอาจจะมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระที่จู่ๆ ก็คิดที่จะโค่นล้มคนที่มีความสามารถขนาดนั้น เหมือนกับเด็กๆ ที่มีความฝันที่อยากจะครองโลก สำหรับทาคาระคิดว่าคางามิอาจเป็นคนที่เธอกำลังตามหาตัวอยู่ก็เป็นได้ ส่วนนิจิมุระเองก็ได้แต่ส่ายหน้าให้กับรุ่นน้องทั้งสอง เพราะเรื่องนี้ก็ใช่ว่าเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องมากนัก ทว่าเขาคงไม่ยืนดูอยู่เฉยๆ และมองดูทาคาระทำอะไรเกินกำลังแบบนี้ ใจนึงเขาก็เห็นด้วยกับเธอ แต่อีกใจนึงก็อยากให้เธอปล่อยวางและเลิกฝืนตัวเองซะ แต่พูดไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะถึงยังไงเธอก็คงไม่ฟังเขาอยู่ดี

    “...เฮ้อ จะทำอะไรก็เชิญ”

    ...ผู้เล่นทั้ง 5 ที่แข็งแกร่งที่สุดกำลังถูกท้าทายโดยแสงและเงาคู่ใหม่

     

    แถมท้าย

    “ขอบคุณนะคะที่เดินมาส่ง” เธอก้มหัวและเอ่ยขอบคุณทั้งสองที่เดินมาส่งถึงบ้าน และก็เป็นเรื่องที่น่าตกใจเพราะไม่คิดว่าคางามิเองก็พักอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ใกล้ๆ กัน

    “อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม?”

    วันนี้พ่อกับแม่ของทาคาระยังไม่กลับจากต่างประเทศ ทั้งบ้านจึงเหลือเพียงทาคาระคนเดียว ทั้งคู่ต้องเดินทางอยู่บ่อยๆ นานๆ ทีถึงจะกลับบ้าน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทาคาระจะไปค้างคืนที่บ้านข้างๆ ในบางวัน

    “ไม่เป็นไรค่ะ รุ่นพี่เข้าบ้านเถอะค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว”

    “ก็ได้ ถ้ามีอะไรก็ตะโกนเรียกได้เลยนะ”

    ที่พูดแบบนั้นเพราะห้องนอนของทั้งสองอยู่ติดกัน สามารถปีนระเบียงข้ามไปมาหากันได้สบายๆ

    จุ๊บ

    “ราตรีสวัสดิ์นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ามารับ”

    ก่อนจากกันก็ไม่วายจุ๊บหน้าผากทาคาระหนึ่งทีเหมือนเช่นทุกครั้ง

    “ราตรีสวัสดิ์เช่นกันค่ะ”

    นิจิมุระยืนมองจนอีกฝ่ายเดินเข้าไปในบ้าน พอหันหลังมาก็พบว่าคางามิกำลังยืนมองมาทางเขาด้วยสีหน้าตะลึงอ้าปากค้างและหน้าแดงไปจนถึงใบหู

    “อ้าว ยังอยู่อีกเหรอ?”

    เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมัวแต่ตะลึงเลยเดินเข้าบ้านตัวเองซึ่งอยู่ติดๆ กันแทน

    “ราตรีสวัสดิ์”

    3

    2

    1

    “นี่มันอะไรกันวะเนี่ย!?”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×