คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
ความรัก... พรหมลิขิต... ปาฏิหาริย์... คือสิ่งที่ฉันไม่เคยพบเจอ ไม่เคยเรียกร้อง ไม่เคยศรัทธามาตลอดในสิบกว่าปีที่เกิดมาบนโลก
ทุกอย่างบนโลกล้วนเกิดขึ้นมาด้วยเหตุและผลที่แตกต่างกันไป... ไม่มีพระเจ้ามาคอยลิขิตความเป็นไปของชีวิต... นั่นคือตรรกะที่ฉันยึดมั่นมาตลอด
ฉันคงต้องตอบแบบนี้แน่ๆหากวันนั้นฉันไม่ได้มาพบกับเขา... ผู้เปลี่ยนโชคชะตาชีวิตของฉันไปตลอดกาล... ผู้ที่พระเจ้าลิขิตให้เขาเข้ามาในชีวิตที่ไม่เคยรู้จักกับ... ความรัก
ฉันเหม่อมองท้องฟ้าสีครามสดใสในยามเช้า ณ สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง สายลมเอื่อยๆพัดพาเศษใบไม้ตามพื้นปลิวว่อนไปมา ฉันก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือข้างซ้ายของฉันพลางจิบกาแฟเย็นในแก้วที่เพิ่งซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อข้างทาง
“เฮ้ๆ เธอมาเร็วกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยนะ นี่ขนาดว่า...”
“นายมาสาย!!” ฉันตัดบทขึ้นมาโดยไม่รอให้เขาแก้ตัว
“นี่ผมก็มาก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ผิดที่เธอนั่นแหละที่รีบมาเร็วทำไม เรานัดกันไว้ตอนเก้าโมงเช้าไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันเป็นคนตรงต่อเวลา” ฉันเถียงคำบ่นของเขา
“เธอเป็นคนชอบมาก่อนเวลาต่างหาก ถ้าผมไม่รู้จักเธอดีล่ะก็ผมคงมาตรงเวลาแล้วให้เธอรออีกสักครึ่งชั่วโมงแล้วล่ะ”
“มันก็เป็นหน้าที่ของนายที่จะต้องมาก่อนเวลาไม่ใช่หรือไง”
“เฮ้อ... เอาเป็นว่าผมขอโทษละกันที่ทำให้เธอรอนานไปหน่อย...”
“เกือบสิบห้านาทีแล้ว...” ฉันบ่นจิกกัดเขา
“เอาเป็นว่าผมขอโทษละกันนะ เพราะไม่ว่ายังไงผมก็คงเถียงเธอไม่ชนะอยู่แล้ว” เขาเอามือมายีหัวฉันเบาๆพลางยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเหมือนในทุกๆครั้ง
“เอามือออกไปน่า! เดี๋ยวหัวก็ยุ่งพอดี” ฉันปัดมือของเขาออกแก้เขิน
“อ่า... ครับๆ” เขาเอามือออกจากหัวฉันแล้วหัวเราะอย่างรู้ทัน
“มีอะไรน่าหัวเราะไม่ทราบ!” ฉันยังคงถามเขาด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็คงรู้ทันอยู่ดีว่ามันก็เป็นเพียงแค่การกระทำแก้เขินเพื่อไม่ให้ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวไปมากกว่านี้
“ไม่มีอะไรหรอก ช่างเหอะ... เอาเป็นว่าพวกเราไปกันเลยดีกว่า” เขายังคงยิ้มเยาะกับการกระทำที่ดูเด็กในสายตาเขาและเลือกที่จะทำเป็นมองไม่เห็นมัน แล้วเปลี่ยนเรื่องอื่นคุยด้วยเหตุผลอย่างเด็กที่ไม่รู้จักโตของเขาที่ฉันพอเดาได้ว่า เขาคงแกล้งให้ฉันประหม่าและขัดเขินจนพอใจเขาแล้ว และแน่นอนว่ามันคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายในรอบวัน
เขาคว้ามือของฉันมาจับอย่างถือวิสาสะแล้วเดินหน้าระรื่นออกไปโดยไม่สนใจคำสบถมากมายของฉันที่ดังตามมาจากข้างหลังเลย
“นี่ ปล่อยมือฉันน่า ฉันไม่อยากเป็นเป้าสายตาของคนอื่นหรอกนะ”
“ไม่มีใครมาสนใจพวกเราหรอกน่า แฟนของผมนี่ปากไม่ตรงกับใจเอาซะเลยนะ” เขาแสร้งถอนหายใจด้วยใบหน้าที่กวนเบื้องล่างเสียเหลือเกินในสายตาของฉัน
“นี่!!...” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ เขาก็ดึงตัวฉันเข้าไปหาในอ้อมกอดของเขาแล้วกระซิบบางอย่างข้างใบหูที่ทำให้ใบหน้าที่เพิ่งจางลงต้องกลับมาเป็นสีแดงเข้มกว่าเดิมอย่างห้ามไม่อยู่
“ไม่ต้องเขินไปหรอกน่าที่รัก อยากจับมือกันก็บอกมาเถอะ แล้วถ้าอยากเจอหน้ากันเร็วๆละก็ ไม่ต้องทำเป็นรีบมาเร็วก่อนเวลาหรอก วันหลังผมจะไปรับเธอที่บ้านตั้งแต่ตีสามเลยก็ได้”
“ไอ้!!...” ฉันมองเขาตาขวางแล้วใช้ฝ่ามือฟาดลงไปที่กลางหลังแบบไม่ยั้งมือ
“โอ๊ย อย่าใช้ความรุนแรงสิครับ” เขาปรามฉันด้วยสายตาและน้ำเสียงที่เหมือนผู้ใหญ่ต่อว่าเด็กน้อย โดยที่เขาก็คงไม่ได้ดูตัวเองว่าคนที่ห้ามปรามเด็กน้อยคนนั้นนิสัยก็ไม่ได้โตไปกว่ากันสักเท่าไหร่
“เหอะ!! อย่ามัวแต่บ่น รีบๆเดินตามมาได้แล้ว”
“คร้าบบบบบ แม่ทูนหัว” เสียงตอบรับยานคางที่ดังอยู่ข้างหลังทำให้เจ้าของเสียงต้องเร่งฝีเท้าเพื่อเดินตามร่างบางให้ทัน แต่ดูเหมือนว่าคนที่กำลังเดินนำหน้ากำลังพยายามเดินเร็วแบบไม่รอให้คนที่เดินตามจะตามมาทันเลยสักนิด
การพบพานของพวกเราในครั้งแรกคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวน่าอัศจรรย์ระหว่างฉันกับเขาที่ไม่สามารถคาดเดาได้ และฉันจะจดจำมันไปชั่วชีวิต...
หลายปีก่อน
“แตม....”
“...”
“แตม เฮ้...”
“...”
“เฌอแตม!!”
“อ๊ะ! มีอะไรหรอ” ฉันหลุดจากภวังค์ตัวเอง มองหน้ายัยขิงเพื่อนรักที่กำลังตะโกนเรียก
“ฉันเรียกแกจนคอจะแหบแห้งอยูแล้วนะยะ”
“อ่อ ‘โทษที ฉันนั่นคิดอะไรเพลินๆไปหน่อย”
“นี่แก วันเสาร์ที่จะถึงนี้แกว่างมั้ย ??”
“วันเสาร์... ก็พรุ่งนี้แล้วน่ะสิ? ”
“ใช่ๆ”
“แล้วแกจะใช้คำให้มันยาวทำไมล่ะ บอกว่าพรุ่งนี้ก็จบ”
“เออน่า ประเด็นสำคัญมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นสักหน่อย แต่มันอยู่ที่ฉันจะชวนแกไปนัดบอดกับพวกโรงเรียนชายล้วนเอ็ดซาร์นต่างหากล่ะ ฝั่งของพวกเราขาดคนไปหนึ่งคนพอดี นะๆ แกช่วยไปหน่อยนะ ”
“แล้วทำไมต้องเป็นฉันล่ะ??” ฉันเอ่ยถามเพื่อนสนิทด้วยความงุนงง
“เพราะแกเป็นเพื่อนสนิทสุดเลิฟของฉันไงล่ะ”
“ไม่ล่ะ ฉันติดธุระ”
โอเค เหตุผลของยายนี่มันกำปั้นทุบดินได้ใจจริงๆ แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงฉันก็ไม่ว่างอยู่ดี เพราะงานอดิเรกสุดรักของฉันคือการไปร้านเช่าแผ่นหนังสยองขวัญที่ร้านเช่าหนังหน้าปากซอยแล้วกลับมาดูที่บ้านซึ่งพร้อมด้วยทีวีจอแบนสุดไฮเทคที่พ่อของฉันเพิ่งไปถอยมาให้เนื่องในวันเกิดของฉันเมื่อเดือนก่อนนั่นเอง
“ธุระของแกคงไม่ใช่การหมกตัวอยู่ในห้องแล้วดูหนังฆาตกรรมสยองขวัญโรคจิตกับกินขนมทำตัวไร้สาระอยู่ในห้องรกๆของแกหรอกใช่มั้ย?”
“นั่นแหละธุระสำคัญของฉันที่สุดเลย”
“แค่ดูหนังจะดูเมื่อไหร่ก็ได้นี่นา หรือไม่แกก็ดูวันอาทิตย์ก็ได้นี่?” น้ำขิงยังคงพยายามพูดชักจูงฉันให้ไปงานเลี้ยงไร้สาระนี้ให้ได้
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ แกต้องไปกับฉันวันพรุ่งนี้ เจอกันที่ลานโบว์ลิ่ง ชั้น4 ที่ห้างs ตอนบ่ายโมงนะ”
“แต่...”
“ตกลงตามนี้นะ หวังว่าแกจะรักษาคำพูด พรุ่งนี้เจอกันนะเฌอแตม”
ฉันไปตกลงอะไรกับยายนี่ตอนไหนเนี่ย???!!!
ตัวฉันในขณะนั้นคงไม่มีทางรู้เลยว่า เพียงแค่การชวนไปสังสรรค์ของเพื่อนสนิทตามประสาการใช้ชีวิตวัยมัธยมปลายในขณะนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันมากมายที่จะตามมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว…
ความคิดเห็น