ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจแสนรัก

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 : หัวใจที่บอบช้ำ [ 50% ]

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 56





     



    บทที่ 3



     

    หนูตกถังข้าวสาร!

    นี่คงเป็นสิ่งที่ครอบครัวของตติยากำลังเผชิญอยู่ อีกสองเดือนยุวดี มารดาของเธอจะเข้าพิธีแต่งงานกับอดีตพระเอกดาวรุ่งอย่างพิพัฒน์ โรจนวัฒน์ พ่อม่ายรูปหล่อ ฐานะร่ำรวย มีหน้ามีตาทางสังคมแตกต่างกับพวกเธอย่างสิ้นเชิง มันเหมือนความฝันที่ดูไม่น่าเกิดขึ้นกับได้ หญิงสาวคิดว่าแม่กับเขาแค่ปิ้งรักกันตามประสาคนไร้คู่ ไม่คิดว่าจะจริงจังขนาดแต่งงานในเวลาอันรวดเร็วจนเกือบตั้งรับไม่ทันแบบนี้ ที่สำคัญตติยาพอทราบมาว่าพิพัฒน์เองก็มีลูกติดหนึ่งคนจากภรรยาเก่า เป็นหญิงสาวอายุอ่อนกว่าเธอสองปี ตอนนี้กำลังศึกษาต่อปริญญาตรีทางด้านการออกแบบแฟชั่นอยู่ที่อิตาลี เธอไม่แน่ใจว่าลูกสาวของพิพัฒน์จะรู้ข่าวการแต่งงานสายฟ้าแลบของผู้เป็นพ่อหรือเปล่า และจะยอมรับได้หรือ พิพัฒน์เองก็ดูอึกอักกับคำถามนี้

    ลุงหวังว่าต๋ากับเหมียวจะไม่ขัดข้องนะลูก

    เสียงจากชายคนรักใหม่ของมารดาดังก้องอยู่ในหู ถึงอยากจะขัดยังไงก็คงไม่กล้า มารดาของเธอดูจริงจังกับรักครั้งนี้มาก มากเสียจนเธอกลัว ใบหน้าของหญิงวัยสี่สิบกว่าเปล่งประกายความสุขอย่างท่วมท้น ตลอดเวลาที่มีพิพัฒน์อยู่ข้างกายยุวดีเหมือนกลับไปเป็นวัยรุ่นที่เพิ่งได้พบกับรักครั้งแรก ตติยารู้ดีว่ามารดาเป็นคนขี้เหงา เธอและมณชยาไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่พูดคุยกับผู้เป็นแม่เท่าไร เธอต้องเรียนและทำงาน กว่าจะได้กลับบ้านก็ดึกดื่น ส่วนมณชยาก็เป็นวัยรุ่นรักสนุกติดเพื่อนมากกว่าติดบ้าน หญิงสาวว่าได้แต่เพียงหวังว่าความรักครั้งนี้ของแม่จะเป็นรักครั้งสุดท้ายและเป็นรักนิรันดร์

    เสียงริงโทนโทรศัพท์มือถืออันคุ้นหูดังขึ้น เป็นเพลงที่ตติยาตั้งไว้สำหรับติณพงษ์โดยเฉพาะ ดวงตาภายใต้กรอบแว่นสายตาที่กำลังจดจ้องอยู่กับหนังสือเรียนหันมาให้ความสนใจกับเครื่องมือสื่อสาร

    “ค่ะ” เธอรับโทรศัพท์เสียงเรียบ

    “วันนี้ต๋าไม่ได้ไปทำงาน” เสียงทุ้มลอยมาจากปลายสาย น้ำเสียงเย็นนิ่งไม่บ่งบอกความรู้สึกชัดเจน แต่ตติยารู้ดีว่าเขากำลังคาดคั้นเอาคำตอบจากเธอ

    “ค่ะ วันนี้ต๋าไปทำธุระกับแม่มา เลยลางานไว้”

    “อืม” เขาเว้นระยะลังเล ก่อนจะพูดต่อ “จะมาที่นี่ไหม”

    “ต๋าไปไม่ได้หรอก ใกล้สอบแล้ว ต๋าอยากจะอ่านหนังสือให้เต็มที่ พี่เองก็เหมือนกันนะ” หญิงสาวอธิบายให้ชายคนรักฟัง “ช่วงนี้เราอาจจะไม่ได้เจอกันซักพักนะ การสอบครั้งนี้ต๋าตั้งใจมากจริงๆหวังว่าพี่คงจะเข้าใจ”

    “...” ปลายสายนิ่งเงียบไปนาน แต่หญิงสาวกลับไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติ

    “งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ ต๋าอยากอ่านหนังสือต่อ”

    “...”

    และเมื่อเห็นว่าอีกฝั่งไม่ได้พูดอะไรเธอก็วางสายลงทันที

     

    ภายในห้องนอนขนาดเล็ก ในค่ำคืนที่มืดมิดมีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟดวงเล็กบนโต๊ะหนังสือ ร่างสูงนั่งเหยียดขาค้อมตัวดูหมดอาลัยตายอยาก ดวงตาคมมองโทรศัพท์ในมือของตัวเองนิ่ง เสียงสัญญาณที่ถูกตัดขาดจากฝ่ายตรงข้ามนั้นยังคงดังเหมือนต้องการจะตอกย้ำเหยียบย่ำความรู้สึกเขาให้แย่ลงกว่าเดิม

    น้อยใจ ผิดหวัง หวาดระแวง...

    ความรู้สึกพวกนี้มีตีรวนอัดแน่นอยู่ในอกจนเขาแทบหายใจไม่ออก ชายหนุ่มหลับตาลงกล้ำกลืนความขมขื่นพยายามบอกกับตัวเองในใจว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรก

    ตติยาผู้หญิงคนนี้มีบทบาทในหัวใจเขามาตลอดหนึ่งปีกว่า เป็นเหมือนคนที่คอยบงการชีวิตและความรู้สึก แค่เพียงคำพูดประโยคเดียวของเธอก็สามารถส่งผลให้เขามีความสุขจนแทบกระอักหรืออาจทุกข์จนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ หัวใจของเขาอยู่ในกำมือเธอ บีบเขาก็ตายคลายเขาก็รอด ติณพงษ์เคยถามตัวเองว่าทำไมต้องยอมให้เธอถึงขนาดนี้ คำตอบคำเดียวที่ได้กลับมาก็คือ รักรักจนไม่อาจยอมเสียเธอไป ความรู้สึกที่มีต่อเธอมันมากไปจนบางครั้งเขาก็ดูเหมือนไอ้โง่คนนึง แรกรักน้ำต้มผักยังว่าหวาน แต่พอนานน้ำตาลยังว่าขม ระยะหลังมานี้เธอไม่แคร์เขาเลย ความสัมพันธ์เริ่มห่างเหิน จากที่ได้พบหน้ากันทุกวันแต่ตอนนี้เดือนนึงเจอกันไม่ถึงสามครั้ง เขาพยายามจะเข้าใจและยอมรับเหตุผลของเธอ ชายหนุ่มรู้ว่าคนรักเป็นคนมุ่งมั่นทะเยอทะยาน หญิงสาวลำบากมามาก เธอมีความฝันอยากจะร่ำรวย มีอนาคต มีบั้นปลายชีวิตที่ดี และนั่นมันก็ทำให้เขายิ่งเจ็บปวดกับคำว่า ร่ำรวย มีอนาคต

    ติณพงษ์เรียนหมอ ใช่ อีกสองปีก็จะเรียนจบ อนาคตเขาจะได้เป็นนายแพทย์ คนส่วนใหญ่มักยกย่องเชิดชูอาชีพนี้ว่าเป็นอาชีพที่มั่นคง มีเกียรติ แต่สำหรับตติยาชายหนุ่มไม่แน่ใจ เพราะตอนนี้เขาในความรู้สึกของเธอก็เป็นเพียงผู้ชายที่มีแต่ตัว ใช้ทุนจากมหาลัยเรียน อนาคตอาจเป็นแค่นายแพทย์ต้อยต่ำ ทำงานหนักใช้ทุนหลวง ไม่ได้เป็นนายแพทย์ที่ร่ำรวยโก้หรูเป็นที่ต้องการของใคร

     เขาไม่เคยเป็นที่ต้องการของใคร...

    ติณพงษ์เป็นเเด็กที่เกิดจากความผิดพลาดของพ่อแม่ เขาโดนดูถูกเกลียดชังมาตั้งแต่เล็ก มีเพียงยายเท่านั้นที่รักและเลี้ยงดู ตั้งแต่จำความได้เขาไม่เคยเห็นหน้าพ่อ เกิดมาก็เจอแต่แม่ ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิด แต่กลับไม่เคยสนใจใยดี

    นิลยาเห็นลูกชายเป็นเหมือนมารหัวขนที่เกิดขึ้นมาเพื่อทำลายชีวิตเธอ ยิ่งเห็นหน้าก็ยิ่งทำให้นึกถึงผู้ชายสารเลยที่พอรู้ว่าเธอท้องก็ไสหัวทิ้งเธอไปอย่างไม่ใยดี ชีวิตของสาวสวยสะพรั่งตอนนั้นเหมือนเรืออับปาง ที่จู่ๆก็ล่มจมแบบไม่ทันตั้งตัว ต้องแบกท้องโตประจานตัวเองด้วยความอับอาย ในหัวแวบแรกเธออยากจะเอาเด็กออกให้มันรู้แล้วรู้รอดไปถ้าไม่มีผู้เป็นแม่มาขัดขวาง หลังจากผ่านพ้นเก้าเดือนที่แสนทรมาน เธอก็ได้รับอิสรภาพอีกครั้ง หญิงสาวกลับไปใช้ชีวิตสนุกสนานเหมือนไม่มีพันธะ ไม่มีสิ่งใดให้ดูแล ทิ้งลูกชายให้ผู้เป็นแม่เลี้ยงดู กระทั่งติณพงษ์เริ่มเติบโต เขาสงสัยและข้องใจมาตลอดว่าเหตุใดผู้เป็นแม่ถึงไม่รักเขา ไม่เคยมีคำพูดดีๆและอ้อมกอดอบอุ่นจากมารดา ทุกๆครั้งที่พบกันจะมีแต่ถ้อยคำด่าทอเสียๆหายๆพาดพิงไปถึงพ่อของเขา ครั้งหนึ่งติณพงษ์เคยคิดว่าหากเขาเรียนเก่ง เป็นเด็กดี แม่อาจจะหันมารักและให้ความสนใจเขาบ้าง นับแต่นั้นมาเด็กชายตัวน้อยก็มุ่งมั่นกับการเรียน กิจกรรม กีฬา เขาล้วนเป็นที่หนึ่งมาตลอด แต่ทว่ามันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง

    ไอ้ใบประกาศปัญญาอ่อนกับเหรียญกระจอกนี่นะเหรอที่มึงภูมิใจนัก ถุย กุไม่สนใจหรอก ต่อไปไม่ต้องเอาไอ้ของไร้สาระพวกนี้มาให้กูดูอีกนะ ต่อให้มึงเก่งแทบตายยังไงมึงก็ยังเป็นลูกของไอ้ชั่วนั่นอยู่ดี!’

    ถ้อยคำหยาบคายของมารดาทำให้เด็กน้อยในตอนนั้นร้องไห้จ้าอย่างเสียใจ ทำยังไม่แม่ก็ไม่รักเขา หรือเขาจะยังเก่งไม่พอ ความคิดเหล่านั้นแวบเข้ามาในหัว เขาเริ่มพยายามเพิ่มมากขึ้นๆ วันๆเอาแต่เก็บตัวกับตำราเรียนไม่พูดไม่จา จนกลายเป็นเงียบขรึม ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มก็ไม่มีอีกเลย ผู้เป็นยายมองหลานชายคนเดียวด้วยความเป็นห่วง เด็กคนนี้เปลี่ยนไปมากจนน่ากลัว เธอรู้ว่าหลานชายต้องการความรักจากผู้เป็นแม่มาก พยายามทุ่มเททุกอย่างทว่านิลยาก็ไม่เคยสนใจ

    เวลาผ่านไปจนกระทั่งติณพงษ์อายุได้สิบห้าปี เริ่มก้าวเข้าสู่วัยรุ่น เป็นหนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลาคมคาย รูปร่างสูงสะโอดสะอง บวกกับผิวขาวและเสียงที่เริ่มแตกพร่า ทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของสาวน้อยสาวใหญ่มากมาย หลายครั้งที่นิลยาพาเพื่อนมาที่บ้าน บรรดาสาวใหญ่เพื่อนของเธอมักจะมองติณพงษ์ด้วยความพอใจอย่างเปิดเผยจนเด็กหนุ่มรู้สึกอึดอัด พวกเธอมักจะแวะเวียนมาหาเขาพร้อมกับซื้อขนมติดไม้ติดมือมาฝากอยู่เสมอ ซึ่งนิลยาเองก็ดูเหมือนจะรู้เห็นเป็นใจ ติณพงษ์เองแม้จะรู้สึกกระอักกระอ่วนบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือปัดไมตรีใดๆให้อีกฝ่ายเสียหน้า

     จนวันหนึ่ง

    วันนั้นเป็นวันที่ทั้งบ้านไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเขา ยายนวลไปนั่งวิปัสสนาที่วัด ส่วนนิลยาผู้เป็นแม่ก็ออกไปสังสรรค์ค้างนอกบ้านเหมือนเคย เวลาล่วงเลยไปจนดึกดื่น เด็กหนุ่มปิดไฟเข้านอนและหลับสนิทไปตามปกติ เขาเริ่มรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างกำลังลูบไล้บริเวณหน้าท้องและอกของเขาอย่างเย้ายวน วัตถุร้อนชื้นปัดป่ายไปตามใบหน้าและซอกคอสร้างความปั่นป่วนจนเขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา และพบว่ามีผู้หญิงร่างกายเปลือยเปล่ากำลังคร่อมตัวเขาไว้ มือและปากของเธอก้มลงสัมผัสเรือนร่างกึ่งเปลือยของเขา ติณพงษ์ตกใจอย่างมากใช้สองมือผลักร่างนั้นออกไปให้พ้นกาย ทันทีที่หลุดพ้นเขาก็ก้าวไปเปิดไฟ ภาพตรงหน้าปรากฏชัดเจน ผู้หญิงคนนี้คือเพื่อนของนิลยาแม่ของเขา ผู้หญิงที่มักจะซื้อขนมมาฝากเขาเป็นประจำคนนั้นเอง

    คุณน้า ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่

    แม่เธอให้กุญแจฉันมาน่ะสิ อย่าถามมากเลยนะต๊ะ เรามาต่อกันดีกว่า สาวใหญ่ไม่สนใจสีหน้าตื่นตะลึงของเขา ก้าวขาพาร่างกายอันเย้ายวนเข้าหาเด็กหนุ่มที่หมายตาอีกครั้ง

    หมายความว่ายังไง แม่ให้กุญแจมาพูดอย่างเลื่อนลอย เขากำลังมึนงงสุดขีดกับสิ่งที่ได้ยิน

    ก็ตามนั้นแหละน่า เลิกสงสัยแล้วมาสนุกกันดีกว่านะเธอโน้มน้าว แต่ทว่าก็โดนร่างนั้นสะบัดออกมาอย่างแรง

    ไม่ ไม่จริง

    โอ้ย ฉันเจ็บนะ อย่ามาท่ามากได้มั้ย ฉันจ่ายเงินแม่แกไปตั้งสองพัน ช่วยทำตัวดีๆสมกับค่าตัวหน่อย สิ่งที่หญิงสาวคนนั้นพูดออกมาทำให้เขาช็อค ดวงตาเบิกกว้าง ขาทั้งสองทรุดลงเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง

    ไม่ ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ!’เด็กหนุ่มยกมือขึ้นดึงผมตัวเองอย่างบ้าคลั่ง พยายามปฎิเสธความคิดเหล่านั้น ปฎิเสธคำพูดของเธอ เขาไม่อยากจะเชื่อ แม่ขายเขา!

    จริง แม่แกนั่นแหละเป็นคนเสนอฉันมาเอง

    เธอยังคงพูดต่อและนั่นก็ทำให้ความอดทนของเขาสิ้นสุด ติณพงษ์กรีดร้องโหยหวนออกมาอย่างเจ็บปวด เขาผลักร่างของหญิงสาวอย่างแรงก่อนจะวิ่งหนีออกมาจากบ้านหลังนั้น เท้าเปล่าย่ำไปบนท้องถนนอย่างไม่มีจุดหมาย เหยียบกรวดหินจนระบมแดง แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด ความทรมานในใจของเขามันเจ็บยิ่งกว่าร้อยเท่าพันเท่า ผู้หญิงคนนั้นขายเขา ทรยศเขา จากความรักที่เคยมอบให้กลายเป็นความเกลียดอย่างถึงที่สุด เกลียดจนไม่อยากจะเห็นหน้า ไม่อยากพบเจอ เขาไม่อยากอยู่บ้านเดียวกับผู้หญิงคนนั้น ไม่อยากไว้ใจอะไรอีกแล้ว น้ำตาของเด็กหนุ่มไหลรินเปียกปอนไปทั้งหน้า ส่งเสียงสะอื้นออกมาไม่อาจเก็บกลั้นไว้ได้อีก

    สามวันแล้ว... ผ่านไปกว่าสามวันที่ติณพงษ์ไม่ได้กลับบ้าน เขาวิ่งมาเรื่อยๆและมาหลบตัวอยู่ในบ้านร้างหลังหนึ่ง ใบหน้าซูบตอบดวงตาแดงก่ำอย่างคนร้องไห้อย่างหนัก ความผิดหวังและเสียใจจากการกระทำของผู้หญิงที่เป็นแม่ทำเอาเขาแทบไม่เป็นผู้เป็นคน ดวงตาช้ำเหม่อมองไปบนท้องฟ้าอย่างเลื่อนลอย ตัดพ้อต่อว่าตัวเองอยู่ในใจ ไม่มีใครต้องการเขาเลย เด็กหนุ่มสะอื้นอีกครั้ง ทว่าจู่ๆใบหน้าของหญิงชราใจดีก็โผล่เข้ามาให้ห้วงความคิด เขายังมียาย ยายที่รักเขา ริมฝีปากหยักยิ้มขึ้นอย่างมีความหวัง ในที่สุดสองขาก็พยุงร่างกายและหัวใจที่บอบช้ำกลับมาที่บ้านจนได้

    ผู้หญิงคนนั้นตายแล้ว...

    เสียงร่ำไห้อย่างโศกเศร้าของหญิงชราดังขึ้นอยู่ใกล้ๆหู นิลยาเสียชีวิต..

     ในวันที่เขากลับมาถึงบ้านก็พบว่าเธอกลายเป็นศพไปเสียแล้ว ตำรวจบอกว่าเธอถูกข่มขืนแล้วฆ่าทิ้ง ข่มขืนเขาอยากจะหัวเราะแต่กลับหัวเราะไม่ออก นี่เขาเรียกว่ากรรมตามสนองหรือเปล่า ผู้หญิงคนนี้ขายเขาให้กับเพื่อน สามวันต่อมากลับกลายเป็นศพเพราะโดนข่มขืน ติณพงษ์มองรูปของผู้หญิงที่เขาเรียนว่าแม่ในมือนิ่ง นัยน์ตาดำสนิทเย็นเยือกไม่มีความรู้สึก เธอทำร้ายเขาอีกครั้ง หัวใจของเขาแหลกสลาย มันเจ็บปวดมากเกินไปจนด้านชา ไร้ความรู้สึก เขาไม่ร้องไห้เลย ไม่มีน้ำตาซักหยด เด็กหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งคล้ายคนเสียสติ กำรูปนิลยาในมือแน่นจนยับย่น ความรู้สึกทั้งรัก ทั้งแค้นโอบล้อมหัวใจ จากเสียงหัวเราะกลายเป็นกรีดร้องอย่างเจ็บปวด เธอกล้าทิ้งเขาได้ยังไง ทิ้งเขาไปได้ยังไง!’

    ความทรงจำในวัยเด็กปรากฏขึ้นเป็นฉากๆติณพงษ์หยักยิ้มมุกปาก ทว่าดวงตาเศร้าสร้อย  มือใหญ่ยกขึ้นปิดบังดวงตา พยายามกลั้นไม่ให้ของเหลวอุ่นร้อนไหลออกมา เขาไม่อยากเสียน้ำตาให้ผู้หญิงคนนั้นอีก ไม่มีวัน ชายหนุ่มดันตัวลุกขึ้นจากพื้น เดินไปหยิบเครื่องเล่นเพลงมาเปิดฟังเพื่อปัดภาพอดีตในหัวออกไปให้หมด เพลงสากลช้าๆเนื้อหาเบาสบายบรรเลงขึ้นทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย ดวงตาคมปิดเปลือกตาปล่อยตัวเองไปตามบทเพลง เขาชอบเพลงนี้ มันทำให้นึกถึงใบหน้าเล็กๆของใครบางคนลอยมา รอยยิ้มหวาน เสียงใสเจื้อยแจ้ว เขารักมันทั้งหมด

    ตติยา พี่คิดถึงเธอเหลือเกิน

    หัวใจที่ปิดล็อคมานานถูกเปิดออกอีกครั้งก็เพราะเธอ หัวใจที่เคยเจ็บช้ำดวงนี้ต้องการเธอ ได้โปรด...อย่าทำร้ายมันอีกเลยนะที่รัก

     


    Talk

     

    มาแล้วค่ะ ตอนที่ 3 ขอลงไว้ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ก่อนน้า

    ขอโทษด้วยที่หายไปพักใหญ่เลย ไรเตอร์เปิดเรียนแล้วค่ะ ไม่ค่อยมีเวลามาปั่นนิยายเลย T^T

    พอดีช่วงนี้ว่างหน่อยเลยเริ่มกลับมาเขียนต่ออีกครั้ง อย่างที่บอกไปในตอนแรกนะคะ นิยายเรื่องนี้พลอตอยู่ในหัว

    คิดไปแต่งไปตลอด อาจมีสะดุดบ้างต้องขออภัยอย่างแรง!

    ส่วนอีกครึ่งที่เหลือจะรีบแต่งให้อ่านเร็วๆนี้ค่ะ สัญญาว่าจะพยายามปั่นให้เสร็จภายในสองวันหากไม่เกิดแอกซิเด็นท์ใดๆ

    ยังไงช่วยติดตามเป็นกำลังใจให้กันต่อไปด้วยนะคะ

     

    ขอบคุณค่ะ  ^______^
    แสนโสภา





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×