ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจแสนรัก

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 56





     

    บทนำ



     

    แสงแดดจ้าอันร้อนระอุแม้เวลาจะล่วงเลยไปเกือบห้าโมงเย็น ในเมืองใหญ่ที่มีแต่ความสับสนวุ่นวาย ผู้คนและรถราวิ่งเต็มท้องถนนในเมืองศิวิไลที่หลายคนต่างใฝ่ฝันจะเหยียบย่างเข้ามาอยู่ เมืองที่เต็มไปด้วยตึกสูง มีความเจริญทางด้านวัตถุ และเทคโนโลยีมากมาย ร่างเล็กบางในชุดนักศึกษาเดินผ่าฝูงชนที่กำลังขวักไขว่ในย่านชุมชนแออัดด้วยความเร่งรีบ โดยจุดมุ่งหมายของเธออยู่ที่บ้านหลังเล็กๆซึ่งมีแม่และน้องสาวกำลังรอคอยอยู่ ขาเรียวยาวจ้ำอ้าวอย่างไม่คิดชีวิตนึกเป็นห่วงคนที่บ้านจับใจ หลังจากได้รับโทรศัพท์จากน้องสาวว่า อดีตพ่อเลี้ยงได้เข้ามาทำร้ายแม่และน้องสาวถึงในบ้าน เสียงเอะอะโครมคราม และเสียงขู่กรรโชกลอยจากปลายสายเข้ามาทำให้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นกำลังอาละวาดอย่างบ้าคลั่งแค่ไหน เด็กสาวเดินมาถึงบริเวณหน้าบ้าน ทันที่ที่ผลักประตูเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้เธอถึงกับใจหาย ดวงตากลมโตมองข้าวของในบ้านถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย พังพินาศจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม  เธอกวาดตามองไปรอบๆมองหาคนในบ้านก่อนจะเดินผ่านข้าวของระเกะระกะนั้นตรงไปยังห้องครัว เสียงครวญครางด้วยความหวาดกลัวของหญิงต่างวัยสองคนที่กำลังนั่งกอดกันร้องไห้บริเวณมุมห้องทำเอาเธอถึงกับน้ำตาคลอ

    แม่และน้องสาวเธอโดนทำร้าย

     ที่บริเวณลำตัวและใบหน้ามีรอยช้ำให้เห็นอย่างชัดเจน จนเธอครางออกมาด้วยความตกใจ

    “แม่ เหมียว”

    “พี่ต๋า!” มณชยาผละจากอ้อมอกผู้เป็นแม่มาหาพี่สาว ใบหน้าและมุมปากของเธอมีรอยเขียวช้ำ บ่งบอกให้รู้ว่าคงเป็นผลมาจากแรงตบหรือโดนหมัดหนักๆมา เนื้อตัวสั่นอย่างคนหวาดกลัวสุดขีดจนตติยาต้องคว้าร่างเล็กนั้นมากอดไว้ มือเรียวลูบผมของน้องสาวอย่างเวทนา

    “ใจเย็นๆนะเหมียว ไม่เป็นอะไรแล้ว เค้าไปแล้วนะ” เธอปลอบขวัญคนในอ้อมกอดอย่างใจเย็น แม้ว่าจริงๆแล้วในใจกำลังเจ็บปวดไม่ต่างกัน

    “พ่อจะฆ่าเหมียวกับแม่ พี่ต๋า พ่อตบเหมียว พ่อใจร้าย”

    “เกิดอะไรขึ้นคะแม่ ลุงมาทำร้ายแม่กับเหมียวทำไม” เด็กสาวหันไปหายุวดีผู้เป็นแม่ที่นั่งร้องไห้อยู่เงียบๆ เธอหันไปกอดปลอบประโลมมารดา พร้อมกับถามถึงสาเหตุที่ชายคนนั้นเข้ามาทำร้ายคนถึงในบ้าน

    “จรัญมันกำลังหนีคดี เลยตามหาพวกเราเพื่อที่จะมาเอาเงินไปหลบหนีออกนอกประเทศ แต่พอแม่บอกว่าไม่มี มันก็เลยอาละวาดทุบตีแม่กับน้อง”

    “หนีคดี ลุงไปก่อคดีอะไรคะแม่”

    “มันไปมีเรื่องกับนักเลงคุมบ่อนที่มาตามทวงหนี้มัน แล้วก็พลั้งมือยิงพวกนั้นตาย เมื่อกลางวันก็มีตำรวจมาตามหาตัวมันที่บ้านเหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าพอตำรวจออกไปได้ไม่นานมันจะกล้าเข้ามาขู่เอาเงินกับเราที่นี่”

    “ฆ่าคนตาย!

    ตติยาอุทานออกมาอย่างตกใจ นึกไม่ถึงว่าคดีที่อดีตพ่อเลี้ยงของเธอไปทำไว้จะเป็นคดีใหญ่ขนาดนี้ แม้ตัวเธอเองจะรู้ดีว่านายจรัญไม่ใช่คนดี ติดเหล้า ติดการพนัน และเป็นคนโมโหร้ายฉุนเฉียว มีปากเสียงกับแม่ของเธอบ่อยครั้งจนได้เลิกรากันเมื่อห้าปีก่อน ซึ่งห้าปีที่ผ่านมานายจรัญก็ไม่ได้มาข้องแวะอะไรกับพวกเธอ นอกจากมณชยา ซึ่งเป็นลูกแท้ๆของเขาและยุวดี ที่ยังมีมาพูดคุยและขอเงินจากลูกสาวเพื่อไปต่อชีวิตในวงไพ่บ้าง ซึ่งเธอก็ไม่ได้ห้ามหรือกีดกันใดๆนอกเสียจากปรามและเตือนน้องสาวให้ระวังตัวไว้บ้าง

    “แล้วตอนนี้ลุงไปไหนแล้วคะ”

    “มันค้นเจอสร้อยทองของเหมียวได้ มันก็รีบออกไปเลย คงจะหนีไปแล้ว”

    เมื่อได้ยินแม่พูดออกมาเช่นนั้นเธอก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง หากนายจรัญหลบหนีตำรวจออกไปได้จริงๆคงอีกนานกว่าเขาจะได้กลับมา หรือหากหนีไม่พ้นก็คงต้องถูกคุมขังอยู่ในคุกเป็นเวลานาน เนื่องจากคดีฆ่าคนตายเป็นคดีใหญ่ ซึ่งเธอเองก็คงจะหายหวาดระแวงไปอีกซักพักใหญ่ว่าเขาจะไม่กลับมาทำร้ายครอบครัวของเธออีก ตติยามองแม่และน้องสาวอย่างเศร้าใจกับสภาพของทั้งคู่ในตอนนี้ เธอจูงมือคนทั้งสองเข้าไปในห้องเพื่อทำแผลและให้ทั้งคู่ได้พักผ่อน ส่วนตัวเองก็ย้อนกลับมาเก็บกวาดข้าวของภายในบ้านให้เป็นระเบียบเช่นเดิม

    ตติยา เป็นเหมือนหัวหน้าครอบครัว ที่ต้องรับหน้าที่ดูแลทุกอย่างทั้งแม่ และน้องสาวต่างบิดาไปพร้อมๆกัน พ่อแท้ๆของเธอเสียไปตั้งแต่เธออายุได้เพียงสองขวบ ผ่านไปสองปีแม่ของเธอก็ได้คบหากับนายจรัญและให้กำเนิดมณชยาโดยที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส  ปีนี้เธออายุยี่สิบปีเต็ม กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นปีที่สามของมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐแห่งหนึ่งในคณะบัญชี ส่วนมณชยาเพิ่งเข้าเรียนระดับชั้นมัธยมปลาย แม่ของเธอทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารได้เงินไม่กี่หมื่นบาทต่อเดือน แต่ต้องมารับภาระค่าใช้จ่ายและค่าเล่าเรียนของลูกอีกสองคน แน่นอนว่ามันไม่พอแน่ๆ ตติยารู้ซึ้งถึงปัญหาเหล่านั้นดี เธอจึงเริ่มทำงานแบ่งเบาภาระครอบครัวตั้งแต่อายุสิบสี่ปี โดยใช้เวลาหลังเลิกเรียนในช่วงเวลาสี่โมงเย็นถึงสามทุ่มไปเป็นเด็กเสิร์ฟหรือล้างจานให้กับร้านอาหารของครอบครัวเพื่อน  ส่วนเสาร์อาทิตย์เธอจะใช้เวลาทั้งวันกับการทำงานในร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก ตติยาไม่ได้มีชีวิตเหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆที่สามารถไปเที่ยวเล่น หรือหาเวลาว่างไปสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนๆได้ แต่เธอก็ไม่เคยนึกอิจฉาคนเหล่านั้น ในความคิดของเธอตอนนี้ก็คือลำบากวันนี้แล้วจะสบายในวันข้างหน้า นี่เป็นสิ่งที่เธอท่องเตือนใจตัวเองอยู่เสมอ และที่สำคัญคือแม้ว่าจะทำงานหนักแค่ไหนเธอก็ไม่เคยละทิ้งการเรียน หลังเลิกงานถึงจะเหนื่อยล้าจนสายตัวแทบขาดแต่ก็ต้องมานั่งทำการบ้านทบทวนบทเรียนจนดึกดื่น เพราะเธอตระหนักอยู่ตลอดเวลาว่าการศึกษาจะเป็นสิ่งเดียวที่จะผลักดันให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ ความลำบากและการทำงานอย่างหนักตั้งแต่ยังเล็กทำให้เธอมีความใฝ่ฝันที่มีฐานะที่ร่ำรวย มีชีวิตที่สุขสบาย หลุดพ้นจากการมีชีวิตแบบปากกัดตีนถีบเช่นปัจจุบัน ตติยาต้องการที่จะพาตัวเองไปให้สูงจากจุดที่ยืนอยู่ให้สำเร็จให้จงได้

    เวลาล่วงเลยไปเกือบหกโมงเย็นหลังจากที่ตติยาเก็บกวาดบ้านเสร็จ ในขณะที่กำลังจะหมุนตัวเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างเหงื่อไคลจากการทำงาน เสียงโทรศัพท์มือถือรุ่นโบราณที่ใช้งานได้เพียงรับสายเข้าและโทรออกในกระเป๋าก็ดังขึ้น ปรากฏชื่อของผู้โทรเข้าที่โชว์ขึ้นบนหน้าจอทำให้เธอถึงกับลนลาน

    “ฮังโหล นุช”

    “ต๋า! นี่มันจะหกโมงแล้วนะ แกจะไม่เข้ามาทำงานทำไมไม่โทรมาบอกที่ร้านก่อน ตอนนี้ที่ร้านวุ่นวายมาก โกเฮงกำลังจะเฉ่งหัวแกแล้วนะยะ” เสียงของปิยนุชดังมาตามสายเป็นชุด เด็กสาวรีบคว้ากระเป๋าสตางค์และกุญแจบ้านก่อนจะหุนหันออกไปทันที

    เธอลืมไปเสียสนิทว่าต้องไปทำงานที่ร้านอาหารของครอบครัวปิยนุช วันนี้เป็นวันสำคัญที่ทางร้านจะมีการจัดเลี้ยงงานให้แก่พนักงานบริษัทแห่งหนึ่งที่มาเหมาร้านไว้ ซึ่งทางร้านจะวุ่นวายมาก โกเฮง พี่ชายของปิยนุชซึ่งเป็นผู้ดูแลกิจการต่อจากบิดามารดาจึงกระชับพนักงานทุกคนในร้านเป็นอย่างดี รวมถึงเธอ ว่าวันนี้ยังไงก็ห้ามขาด เพราะต้องการลูกมือจำนวนมาก แต่เธอก็ลืมเสียจนได้

     “อีกไม่เกินสิบนาทีฉันจะไปถึงที่ร้าน เพราะฉะนั้นเธอต้องช่วยรับหน้าโกเฮงให้ฉันนะยัยนุช”

    “ไม่ทันละย่ะ แกโดนพี่ชายฉันบ่นหูชาแน่!” ปิยนุชพูดแค่นั้นก็ตัดสายไปทันที ทำให้คนที่ยังถือสายอยู่แยกเขี้ยวออกมาด้วยความแค้นเคืองกับเพื่อนตัวแสบที่ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรกันเลย ตติยาวิ่งไปตามทาง สายตาก็มองหาวินมอเตอร์ไซค์ที่จะพาเธอไปถึงยังจุดหมายให้เร็วยิ่งขึ้น และในขณะนั้นเองสายตาก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มผิวขาวร่างผอมสูงในชุดนักศึกษาคนหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์เก่าๆตรงมาทางนี้พอดี ดวงตาของเธอฉายแววดีใจก่อนจะตะโกนเรียกเขาอย่างสนิทสนม กวักมือเรียกอีกฝ่ายไวๆ

     “พี่ต๊ะ!

    ชายหนุ่มชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของตน เขาปลายตามองเด็กสาวคุ้นตาในชุดนักศึกษายับย่นขมุกขมอมนิ่งๆก่อนจะชะลอรถลงจอดบริเวณฟุตบาทใกล้ๆเธอ

    “พี่ต๊ะพาต๋าไปส่งร้านโกเฮงหน่อยสิ ต๋ารีบมากๆเลย ถ้าเดินไปต้องไม่ทันแน่” ดวงตาสีนิลภายใต้กรอบแว่นเหลือบมองเธออีกครั้ง ก่อนจะโพล่งออกมาคำเดียวโดยไม่ต้องใช้เวลาคิด

    “ไม่”

    คำปฏิเสธอย่างรวดเร็วนั้นทำให้เธอถึงกับอึ้งตะลึง อ้าปากค้าง นึกไม่ถึงว่าอดีตเพื่อนบ้านรุ่นพี่คนนี้จะแล้งน้ำใจถึงเพียงนี้

    “ทำไมล่ะ ช่วยต๋าหน่อยเถอะนะ ยังไงเราก็เคยเป็นเพื่อนบ้านกัน ตอนนี้ต๋าเดือดร้อนจริงๆ” เธอพยายามอ้อนวอนเขาอีกครั้ง แม้ว่าในใจจะหมั่นไส้ชายหนุ่มผู้นี้เสียเต็มประดา

    “ฉันกับเธอ รู้จักกันด้วยเหรอ”

    คำพูดนั้นถูกกล่าวออกมาอย่างไร้ความปรานี ทำให้เธอถึงกับหน้าแดงก่ำหาคำพูดตัวเองไม่เจอ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตากับใบหน้านิ่ง ดวงตาอันเฉยชาของติณพงษ์วาวโรจน์ขึ้นในพริบตาก่อนจะจางหายไป เขาหันหน้าไปจับจ้องทางบนท้องถนนอีกครั้ง ก่อนจะเคลื่อนรถออกไปโดยไม่แม้แต่จะสนใจเธอ

     

     




     Talk..


    สวัสดีค่ะ ขอฝากนิยายเรื่องหัวใจแสนรักหน่อยนะคะ
    เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกที่แสนโสภาตั้งใจอยากจะเขียนออกมาจริงๆ
    หลังจากที่เอื่อยเฉื่อยวางพล็อตไว้มากมาย แต่สุดท้ายก็แต่งไม่เคยจบซักเรื่อง
    พอมาถึงเรื่องนี้จึงอยากจะเขียนให้มันจบๆเป็นชิ้นเป็นอันกับเขาบ้างซักที
    หัวใจแสนรัก เป็นนิยายแนวโรแมนติกดราม่า ที่เน้นความรักของพระนางเป็นหลัก
    ยังไงช่วยติดตามเป็นกำลังให้ด้วยนะคะ เม้นติชมกันเข้ามาเยอะๆ
    หากผู้อ่านคิดว่าควรปรับปรุงตรงไหนยังไง ขอให้ชี้แนะได้เลยค่ะ 
    แสนโสภายินดีน้อมรับคำแนะนำ



    ขอบคุณค่ะ
    แสนโสภา



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×