ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO]What is missing one? (laychen)

    ลำดับตอนที่ #5 : ☂- fifth talk

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 57


    G  ฃ Minor!



     

     

     

    .Fifth talk.



     

      แก้วกาแฟเซรามิคสีน้ำตาลอ่อนที่ภายในบรรจุของเหลวหอมหวานละมุนถูกยกขึ้นจรดปลายริมฝีปาก ทันทีที่รสชาติหวานขม
    ของกาแฟอุ่นนั่นไหลลงผ่านลำคอ เจ้าของริมฝีปากสีเชอร์รี่ก็เงยหน้ามองอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ตรงข้ามผ่านขอบแก้วเซรามิค ณ
    วินาทีนั้นเขาแทบจะลืมวิธีการหายใจเสียให้ได้เมื่อดันเข้าไปสบประสานสายตาเข้ากับดวงตากลมนั่นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว คิมจง
    แดที่ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงการประสานสายตาเมื่อสักครู่นั่นก็ยกยิ้มกว้างตามแบบฉบับของเจ้าตัวทันที


      เขาแสร้งกระแอมไอเบาๆพร้อมเสสายตามองออกไปทางหน้าต่างแทนเมื่อรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่เริ่มจะร้อนผ่าวอยู่ที่ข้างแก้ม
     ฝ่ายจงแดที่ยิ้มจนดวงตาโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยวก็ตัวสั่น แล้วรีบเอามือป้องปากกลั้นขำเป็นพัลวัน จางอี้ชิงที่เพิ่งเสียความ
    มั่นใจไปกับรอยยิ้มจริงใจนั่นก็เบนหน้ากลับหันมามองอีกฝ่ายพร้อมกระพริบตาถี่ๆเมื่อไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังกระทำอยู่

     


      “เฮ้..”


      เด็กหนุ่มที่กำลังกลั้นขำเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทเงยหน้ามองอีกฝ่ายแต่ยังมิวายยกมือป้องปากปิดบังรอยยิ้มที่เกิดขึ้นอยู่
    หลังฝ่ามือนั่น ดวงตาของเด็กหนุ่มกลับมากลมเหมือนเดิมหลังจากที่โค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยวอยู่นาน เขาสูดหายใจเอาอากาศ
    เข้าเต็มปอดแบบลึกๆอีกครั้ง ก่อนจะยกนิ้วชี้จิ้มเข้าที่มุมปากทั้งสองข้างของตัวเอง เขาจิ้มอยู่อย่างน้ำย้ำๆเมื่อเห็นว่าคุณจางยัง
    คงเอียงคอเชิงไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังจะสื่ออยู่


      เขากลอกตาอย่างใช้ความคิดกับตัวเองเพียงครู่ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าอ่อนที่ถูกพับอย่างบรรจงอยู่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ต
    ของตนเองแล้วยื่นให้อีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรับไปแล้วเขาก็ทำมือถูๆวนที่รอบขอบปากเพื่อเป็นตัวอย่างที่เขาอยากจะให้อีก
    ฝ่ายทำตาม

     


     จางอี้ชิงที่เพิ่งจะเข้าใจเมื่อเห็นว่าจงแดยื่นผ้าเช็ดหน้าของตัวเองให้ตน เขาไม่เคยรู้สึกอยากหายตัวไปที่ไหนสักแห่งได้ในทันที
    อย่างตอนนี้มาก่อน ความรู้สึกร้อนเห่อที่ใบหน้ามากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัวเมื่อพบว่าเผลอทำตัวเองเสียภาพพจน์ต่อหน้าอีก
    ฝ่ายอีกแล้ว


      เขาจงใจค่อยๆบรรจงเช็ดรอบขอบริมฝีปากของตนด้วยผ้าเช็ดหน้าสีฟ้า โดยที่ไม่ทันได้ตั้งใจปลายจมูกของเขาก็เผลอดันสูด
    เอากลิ่นหอมจางๆเหมือนแป้งเด็กและทุ่งดอกไม้ยามฤดูใบไม้ผลิที่ดูเหมือนจะเป็นกลิ่นโคโลญจน์ของอีกฝ่ายเข้าไปเต็มๆปอด
    มือข้างขวาที่ทำหน้าที่เช็ดอยู่ก็หยุดชะงักทันที เขาลดมือลงก่อนจะพับปลายผ้าเช็ดหน้าเข้าหากันทั้งคู่แล้วใส่เข้าในกระเป๋า
    กางเกง


      ฝ่ายเจ้าของผ้าเช็ดหน้ากระพริบตารัวก่อนจะเอื้อมมือหมายจะหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนคืนเพื่อที่จะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ก็ต้อง
    โดนขัดขวางเมื่อมือซ้ายของคุณจางยกขึ้นมาดันมือของเขาออกไปเบาๆพร้อมกับยกยิ้มกว้างให้เขา


     “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะเอาไปซักให้  ถือว่าเป็นการซักแทนเสื้อผ้าของฉันวันนั้นล่ะกัน”

     


     จงแดเคี้ยวกระพุ้งแก้มพร้อมเสสายตาหลบมองที่พื้นพยักหน้าเบาๆกับตัวเองอย่างจำใจยอม เพราะเมื่อดูจากท่าทางแล้วเขา
    คงจะขอผ้าเช็ดหน้าคืนจากคุณจางผู้ใจดีได้ไม่ง่ายแน่ ถึงแม้ความรู้สึกผิดเบาๆในใจจะตีตื้นขึ้นมาอยู่เต็มอกแล้วก็ตามทีเถอะ
    มือข้างขวาที่ไม่รู้จะทำอะไรก็ได้แต่ยกส้อมสแตนเลสขึ้นมาตักเค้กช็อกโกแลตที่วางอยู่ข้างหน้าเข้าปากไปอย่างเอร็ดอร่อย
    คุณชายจางจากแผ่นดินใหญ่ที่ปล่อยไก่ใส่จงแดตลอดวันจนไม่กล้าจะทำอะไรต่อหน้าอีกฝ่ายอีกก็เลยตัดสินใจที่จะนั่งลิ้ม
    รสชาติของกาแฟร้อนโดยไม่มีเสียงทักท้วงใดๆ ปล่อยให้ความเงียบได้เข้ามาทำงานในทุกที่ที่อากาศจะเข้าถึง เดิมทีเขาเป็นคน
    ไม่ค่อยชอบความเงียบงัน แต่คราวนี้เขากลับไม่รู้สึกอึดอัดเลยสักนิดเดียว

     



      เพราะอะไรกันนะ ?

     

     


       เมื่อประมาณสิบห้านาทีก่อน ตัวเขาเองยังจำได้อยู่เลยว่ากำลังยืนเรียงหนังสือให้เรียบร้อยเหมือนเดิมตามหน้าที่ที่ได้รับมอบ
    หมาย หนังสือแผนกเด็กเล็กในช่วงนี้มักจะมีสถิติการถูกยืมเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะอยู่ในช่วงปิดเทอม
    หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะทางการเขามีการรณรงค์ให้เด็กน้อยหันมาสนใจหนังสือกันมากขึ้น เหล่าผู้ปกครองที่แทบจะละเลย
    แหล่งความรู้ของเด็กๆไปเสียนานก็พากันตื่นตัวมายืมกันเสียจนทั้งช่วงท้ายของวันนี้วุ่นวายไม่ใช่น้อยๆ คิมจงแดที่ได้รับหน้าที่
    เป็นเวรเย็นของวันนี้ก็ได้แต่ทำใจและพยายามเอ่ยฝากคำขอโทษไปยังเจ้าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในบ้านกับสายลมไปเบาๆ เขาหวังว่า
    เจ้าส้มคงจะรับรู้ว่าเขามีการมีงานต้องทำ การกลับบ้านไปให้อาหารช้ากว่าที่เคยควรจะได้รับการให้อภัย (สาบานอีกครั้งว่าเขา
    คือเจ้าของบ้านนะ
    !)


      จงแดถอนหายใจหนักๆเมื่อรู้ตัวว่าวันนี้หน้าที่ใหญ่ตกเป็นของเขาเสียแล้ว ปกติหน้าที่ที่ต้องดูแลความเรียบร้อยและตรวจ
    สอบความปลอดภัยของสถานที่แห่งนี้จะต้องเป็นหน้าที่ของพี่จุนมยอนหรือไม่ก็อาจจะเป็นแบคฮยอน เนื่องด้วยทั้งคู่เกิด
    อาการเกรงกลัวว่าถ้าหากมอบหมายให้เขาทำหน้าที่นี้ อาจจะเกิดเหตุการณ์มิดีมิร้ายกับตัวเขาที่มีทักษะสู้คนเพียงน้อยนิดได้
    ต่อให้จงแดจะยืนกรานกี่ครั้งๆว่าสามารถดูแลตัวเองได้แล้ว แต่ทั้งคู่ก็ดูเหมือนจะไม่สนใจคำค้านหรือคำร้องขอของเขาเลยสัก
    นิด มิหนำซ้ำยังทำราวกับว่าเขาไม่เคยพูดอะไรเสียอีกด้วย


      พี่จุนมยอนขอตัวกลับไปก่อนแล้วเนื่องด้วยเหตุผลว่ามีธุระกับทางบ้าน เป็นธุระด่วนที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แบคฮยอนจึง
    ได้รับมอบหมายให้ดูแลและปิดอาคารแห่งนี้แทนเจ้าตัว จงแดที่เอื้อมมือไปหมายจะคว้ากุญแจอาคารมาเก็บไว้กับตัวเพื่อเป็น
    เชิงว่าจะรับหน้าที่นี้เองก็แทบจะชักมือกลับไม่ทันเมื่อแบคฮยอนฟาดเข้าให้เบาๆที่ฝ่ามือเขาจนเกิดอาการแสบเล็กๆน้อยๆ เด็ก
    หนุ่มเบ้หน้าทันทีพลางกุมมือข้างที่ถูกประทุษร้าย แบคฮยอนที่เพิ่งทำตัวใจร้ายไปหมาดๆก็หันไปมาหรี่ตาลงแล้วกดเสียงลงต่ำ
    ใส่เขาว่า



     “อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะ.. ถ้าเกิดมีโจรเข้ามาลักพาตัวนาย นายจะทำยังไงล่ะ? เจ้าส้มมันบินมาช่วยนายไม่ได้หรอกนะ!”

     


      จงแดที่เพิ่งโดนดุไปก็พองแก้มอมลมพลางทำปากขยุบขยิบคล้ายกับคนกำลังบ่นกับตัวเอง แบคฮยอนมักจะเอาเข้ามาเปรียบ
    กับเจ้าแมวส้มที่นอนอืดที่บ้านอยู่เรื่อย ตั้งแต่ที่เขาเล่าให้อีกฝ่ายฟังว่าได้สัตว์เลี้ยงมาเป็นเจ้าแมวแสนซนมีขนสีส้ม พร้อมกับ
    การบรรยายลักษณะความน่ารักและน่าเอ็นดูของเจ้าตัวกลมไป(ซึ่งก็ทำเอาเขาแทบจะหมดกระดาษเอสี่ไปสองหน้าจริงๆ)
    แบคฮยอนก็มักจะบ่นกับเขาอยู่เสมอว่าไม่สามารถดูแลเจ้าส้มได้บ้างล่ะ เจ้าส้มยังแข็งแรงกว่าเขาบ้างล่ะ เจ้าส้มน่ารักกว่า
    เจ้าของบ้างล่ะ ถ้าเขาเกิดป่วยไปเจ้าส้มก็พาเขามาหาหมอไม่ได้บ้างล่ะ สารพัดสารเพคำจะเปรียบเปรยจนเขาต้องยอมแบบ
    ไม่มีเงื่อนไขไป


      จริงจงแดก็อยากจะเสริมเอานะว่าเขาโตแล้ว เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่เขาสามารถทำได้ด้วยตนเอง ไม่จำเป็นต้องไปเป็นภาระให้
    คนอื่นเสียเปล่าๆ แต่เขาก็คงจะลืมไปว่าการเถียงด้วยกระดาษกับบุคคลที่พูดได้ทุกสองวินาทีนี่มันยากเกินความสามารถเกิน
    ไป กว่าเขาจะเขียนจบประโยคแบคฮยอนก็คงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปแล้ว

     


      แต่แล้วคำขู่ของแบคฮยอนก็ไม่เป็นผล เมื่ออีกฝ่ายดันได้รับโทรศัพท์เมื่อตอนห้าโมงเย็นจากทางบ้านว่ามีธุระด่วนให้รีบติดต่อ
    กลับ ไม่งั้นจะเกิดปัญหาลุกลาม เด็กน้อยผู้เชื่อฟังคำพูดของพ่อแม่มาตลอดแม้อาจจะมีขัดใจบ้างก็ต้องยอมรีบกลับไปหาคน
    เป็นแม่ แม้ว่าจะรู้สึกผิดและไม่สบายใจก็ตามที่ต้องปล่อยให้เขาทำงานเพียงคนเดียว


      เขาแทบจะจำหน้าที่ที่ต้องทำให้เย็นวันนี้ได้จนจะอ้วกออกมาเป็นคำเหล่านั้นอยู่แล้ว ก็แบคฮยอนดันเน้นย้ำกับเขาตั้งแต่ขั้น
    ตอนแรกที่เดินออกจากเคาน์เตอร์ไปกี่ก้าว นายควรจะเลี้ยวทางไหน ประตูปิดไฟอยู่ทางไหน กดเบอร์ฉุกเฉินยังไง อาวุธไม้
    เบสบอลที่ซ่อนเผื่อเหตุร้ายอยู่ตรงไหน หรือแม้กระทั่งเขาจะเดินกลับบ้านทางไหนยังไงก็อีกด้วย ถ้าหากเขาสามารถพูดได้เร็ว
    กว่าแบคฮยอน เขาก็คงจะสวนไปแล้วว่าเขาจำหน้าที่ทุกอย่างได้ตั้งแต่เข้ามาทำงานแรกๆแล้ว อีกอย่างเขาก็อายุเลยยี่สิบแล้ว
    ด้วยนะ
    !

     


      ถ้าหากวันนึงเขาต้องแยกจากพี่จุนมยอนและแบคฮยอนไป .. แล้วถ้าเขาติดนิสัยโดนตามใจ เขาจะโทษทั้งคู่จริงๆด้วย

     

     



      เขาว่ากันว่าสัญชาตญาณของคนเรามักจะบอกได้เสมอเมื่อยามมีใครจ้องมองจากระยะไกลๆหรือระยะใกล้ๆ ตัวเขาเองที่เป็น
    คนขี้ระแวงมั่นใจในข้อนี่ดีเพราะประสบพบเจอมาค่อนข้างจะบ่อยแต่ไม่เคยมีครั้งไหนทำให้เขารู้สึกกลัวและขนลุกมากเท่า
    ขนาดนี้ได้มาก่อน ขนท้ายทอยเขาตั้งลุกชั้นขึ้นมาหมด จงแดหันไปมองบรรยากาศรอบๆอย่างระมัดระวัง ผู้คนที่โดนขวักไขว่ไป
    มาดูไม่มีพิษร้ายอะไร เด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะหวาดกลัวและค่อนข้างไม่มั่นใจต่อสถานการณ์ก็รีบกดปุ่มฉุกเฉินไปยังเบอร์โทร
    ของแบคฮยอนอย่างที่อีกฝ่ายย้ำนักย้ำหนา จงแดที่ดันนึกถึงข้อสำคัญได้ว่าถ้าหากอีกฝ่ายโทรกลับก็คงจะพูดกันได้ไม่รู้เรื่อง
    แน่ๆเลยเลือกที่จะกดเปิดหน้าข้อความแล้วส่งไป

     


     To: 변백

     แบคฮยอน!! ถ้านายเห็นข้อความนี้แล้ว รีบติดต่อฉันกลับด่วนเลยนะ .. ฉันกำลังรู้สึกไม่ค่อยดีหน่ะ

    จงแด.

     


      เด็กหนุ่มรีบเอาโทรศัพท์มือถือใส่ในกระเป๋าข้างกางเกงอย่างเร่งรีบก่อนจะจัดการหน้าที่ที่ทำอยู่ให้เรียบร้อย เขารีบล็อคประตู
    บานใหญ่แห่งห้องสมุดนี้ ปกติแล้วจะมีคุณลุงยามมาเฝ้าที่หน้าอาคาร แต่เหมือนว่าสวรรค์จะเป็นใจเมื่อคุณลุงยามดันลา
    หนึ่งสัปดาห์เนื่องจากเข้าทำการรักษาโรคประจำตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในตัวเมือง คิมจงแดที่กำลังกังวลก็พยายามเพ่งสมาธิไป
    กับหน้าที่ของตนเอง ภายในใจก็พยายามคิดหาวิธีป้องกันตัวเองแบบง่ายๆที่แบคฮยอนเคยแอบสอนให้บ่อยๆ พยายามนึกถึง
    จุดสำคัญที่จะต่อยหรืฟาดลงไปถ้าหากโดนจู่โจม จะเป็นที่หลังใบหูเพื่อให้หมดสติหรือยังไงก็

                                                                                                                                       


      จงแดที่ตรวจเช็คความแน่นหนาของประตูบานใหญ่ก็ต้องสะดุ้งโหยงหัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เพียงเสี้ยววินาทีแต่เขากลับรู้สึก
    ได้ว่ามีน้ำตาอุ่นชื้นไหลรื้นเต็มตื้นขอบตา ลมหายใจเหมือนหยุดไปช่วงหนึ่งเมื่อมีมือของบุคคลลึกลับเข้ามาจับหมับเข้าที่ไหล่
    ของเขาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ภาพสมัยเด็กแวบเข้ามาในหัวจนต้องหลับตาปี๊ มือไม้สองข้างปัดป่ายไปมาเพื่อหวังว่าจะให้หลุด
    จากพันธนาการนี่ไปโดยง่าย นึกอยากตีตัวเองที่ไม่รู้จักระมัดระวังให้มากกว่านี้ ถ้าหากเขาเป็นอะไรไปแล้วเจ้าส้มจะอยู่ยังไง
    ใครจะเอาอาหารให้มันกิน แล้วใครกันล่ะจะช่วยแบคฮยอนทำงาน ใครกันจะเอาหนังสือให้คุณจางผู้ใจดี ก็ได้แต่หวังว่าจะมี
    คนใจที่ทำหน้าที่ให้อาหารเจ้าลูกแมวแสนหิวโซที่หน้าซุปเปอร์มาร์เก็ตแทนเขา ณ ตอนนี้เขายังไปไม่ได้ เขายัง

     


      “ขอโทษนะ.. ฉันทำให้ตกใจหรือเปล่า?”


     น้ำเสียงสำเนียงแปร่งๆของอีกฝ่ายที่จงแดไม่มีวันลืมทำให้มือทั้งสองข้างหยุดค้างกลางอากาศ เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นทั้งคู่ก่อนจะ
    ค่อยๆเบนหันไปมองแขกในยามวิกาลเช่นนี้

     


      คุณจาง ..

     


    “ว่าไงล่ะ ฉันมาหาได้ใช่ไหม? .. งั้นก็ไปเด...เอ้ย ไปกินกาแฟเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”

     


      จะมารู้ตัวอีกทีจริงๆจังๆก็ตอนที่เดินเข้ามาในร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามพร้อมกระเป๋าและของทุกอย่างดันอยู่ในมือคุณอี้ชิงหมด
    เลยนี่แหละ พร้อมมือข้างซ้ายที่ไม่รู้ไปทำอีท่าไหนถึงโดนอีกฝ่ายกุมไว้อยู่อย่างหลวมๆ คิมจงแดอยากจะบ้า ทำตัวเป็นภาระ
    ชาวบ้านเขาอีกแล้วนะ

     


     แอบปฏิเสธไม่ได้แหะว่ามือคุณจางอุ่นมากๆ..

     

     

     

      แรงสั่นบนโต๊ะที่เกิดมาจากเครื่องมือสื่อสารของเจ้าตัวทำให้จงแดที่กำลังละเมียดละไมชิมเค้กอยู่ก็เปลี่ยนความสนใจไปที่
    โทรศัพท์ของตนเอง รายการแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นทำให้เขาต้องคว้ามันมาเปิดดู

     


     From : 변백

      จงแด!! นายเป็นอะไรมากหรือเปล่า? ปลอดภัยดีไหม? ฉันขอโทษที่ตอบช้านะฉันดันเผลอหลับกลางทาง! ฉันรู้สึกผิดมากๆ
    พระเจ้า ขอให้นายปลอดภัยดี ไม่เกิดเหตุร้ายอะไรด้วยเถอะ


    ส่งข้อความตอบฉันด่วนนะ!

     

     


      จงแดยิ้มให้กับข้อความนั่นก่อนจะส่ายหัวไปมาเบาๆ เขาน่าจะรู้ดีว่าถ้าหากแบคฮยอนต้องไปหาครอบครัวที่ชานเมืองแล้ว
    ต้องนั่งรถโดยสารไปแล้วด้วยนั้น คงจะเป็นการยากถ้าหากอีกฝ่ายจะไม่แผลอหลับระหว่างทาง เขาเองก็คงจะขี้ระแวงมากไป
    หน่อยเลยไม่ทันได้ฉุกคิดถึงความจริงข้อนี้

     


     To: 변백

    ฉันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ตอนนี้กำลังอยู่ที่ร้านกาแฟกับคุณอี้ชิง นายไม่ต้องห่วงนะ แล้วก็ขอให้เดินทางสนุก!

    จงแด

     


       เขาพิมพ์ตอบอีกฝ่ายทันทีด้วยความถนัดเนื่องจากต้องส่งข้อความหากันบ่อยๆทำให้ประโยคยาวๆนั่นถูกส่งได้ในเวลาไม่ถึง
    ครึ่งนาที เด็กหนุ่มกลับมาให้ความสนใจกับขนมหวานตรงหน้าอีกครั้งก่อนจะเงยหน้ามามองอีกฝ่ายที่หยุดนิ่งจ้องเขาตั้งแต่
    เขารับโทรศัพท์เขาอีกคอมองอีกฝ่ายเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าอาจจะมีอะไรที่อีกฝ่ายอยากถาม

     

      “ใครหรอ? ... เอ่อแล้วนายมีโทรศัพท์ด้วย? ใช้วิธีพิมพ์ข้อความหากันหรอ?”


     ในขณะที่ถามคนถามก็พยายามนึกคำไปด้วยทำให้ดูน่ารักอยู่ไม่หยอก จงแดที่ฟังคำถามที่พยายามจะถามรัวๆก็พยักหน้า
    ตอบรับพร้อมยิ้มหวานแบบจริงใจไปให้แล้วชูสิ่งที่อยู่ในมือให้อีกฝ่ายดู ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันถึงยอมยกให้อีกฝ่ายดูโทรศัพท์
    เพื่อยืนยันว่ากำลังคุยกับแบคฮยอนไม่ใช่คนอื่นไกลที่ไหน รู้แค่ว่าถ้าไม่บอกให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังคุยกับใครก็คงจะรู้สึกผิดในใจ
    ไปอีกนาน

     


     คนอายุมากกว่าที่พอรู้ว่าจงแดกำลังคุยกับเพื่อนก็รู้สึกโล่งใจไปอึกใหญ่ จริงๆเขาสารภาพเลยว่ารู้สึกกังวลแทบตายว่าอีกฝ่าย
    จะมีคนที่ชอบพอกันอยู่แล้วหรืออาจจะมีคนมาเลียบเคียงหรือไม่ก็แย่ยิ่งกว่านั้นก็คืออีกฝ่ายอาจจะมีคนใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้วอีก
    ด้วย ยิ่งเห็นจงแดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับโทรศัพท์เมื่อครู่นี้ก็รู้สึกอยากจะหายตัวไปจากโลกนี้จริงๆ

     

     


     “งั้นฉันขอเบอร์จงแดได้ไหม?”

     


     “??”

     



     “เอาไว้ติดต่อเผื่อฉุกเฉินน่ะ

     

     นั่นเป็นเหตุผลที่โง่ที่สุดในชีวิตตั้งแต่จางอี้ชิงเคยเกิดมาเลยครับ

     

     

     


      บรรยากาศยามค่ำคืนของที่นี้ช่างน่าอภิรมย์ยิ่งนักสำหรับจงแด เขาเป็นคนไม่ค่อยมีโอกาสได้ออกมาข้างนอกยามค่ำคืนสัก
    เท่าไหร่เนื่องจากอุปสรรคหลายๆอย่าง ภาพอาคารธรรมดาเมื่อยามเช้าสำหรับเขาที่ถูกแต่งเติมไปด้วยไฟหลากสีและหลาก
    สไตล์ในเวลาเดียวกันทำให้เขาแอบตกใจไปเล็กน้อย ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีอาคารสวยๆแบบนี้อยู่ใกล้ๆบ้านของเขาด้วย ถ้า
    หากรู้ว่าอาคารหลังนี้สวยแบบนี้ล่ะก็เขาจะไม่ยอมเดินผ่านเฉยๆโดยไม่ให้ความสนใจสักนิด แววตาของเด็กหนุ่มราวกับถูกไฟ
    จุด ความเป็นประกายของนัยน์ตานั้นทำให้คนที่เดินอยู่ข้างๆกันอดที่จะเผลอมองด้วยความหลงใหลไม่ได้ จางอี้ชิงแทบจะ
    ขาดอากาศหายใจเมื่อเห็นรอยยิ้มแบบแมวๆของอีกฝ่ายเมื่อเจอกับสิ่งแปลกใหม่รอบตัวของตัวเอง

     


     “ชอบหรอ? นายไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลยงั้นสิ?”


      คนอายุมากกว่าหันไปถามอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าการตื่นเต้นจนมือชื้นเหงื่อของอีกฝ่ายปรากฏให้เห็นชัด จะไม่ให้เขารู้ได้อย่างไรก็
    ในเมื่อตอนนี้เขาดันฉกโอกาสคว้ามืออีกฝ่ายเข้ามากุมตั้งแต่ก้าวออกจากประตูร้านกาแฟตรงนั้น นับว่าเป็นเรื่องกล้าหาญ
    มากๆที่ทำโดยไม่มีคิดไตร่ตรอง แค่รู้ว่าอยากใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นกว่าเดิมอีกก็แค่นั้น ไม่อยากจะคิดไปถึงถ้าหากว่าอีกฝ่ายสะบัด
    มือออกแล้วเขาจะทำหน้ายังไง ต้องขอขอบคุณที่นับว่าวันนี้พระเจ้าช่างเข้าข้างเขาเมื่อจงแดไม่ได้ทำท่าทีรังเกียจหรือแม้แต่
    สะบัดมือออก มิหนำซ้ำยังกระชับฝ่ามือของเขาให้แน่นขึ้นเมื่อต้องเดินผ่านกลุ่มคนมากๆอีกด้วย

     


      ตั้งแต่มาอยู่เกาหลีได้ไม่นาน เขาเองก็มีโอกาสได้เดินถนนในยามนี้บ่อย แสงสีศิวิไลซ์จากข้างทางไม่เคยได้เรียกร้องความ
    สนใจเขาได้มากเท่ากับการที่เขาได้เดินจับมือกับคิมจงแดเสียอีก ความประหม่าเกิดขึ้นจนหน้าร้อนผ่าวไปหมด ตอนนี้เขากลัว
    มากๆว่าถ้าเผลอชีพจรของเขามันดังมากเกินไป กลัวว่าจงแดจะสัมผัสมันได้ผ่านการประสานมือ จำได้ว่านอกจากขึ้นเวที
    แสดงครั้งแรกเมื่อตอนเป็นเด็กๆยังไม่เคยให้ความรู้สึกประหม่าขนาดนี้มาก่อนเลย

     


    คิมจงแดเริ่มจะมีอิทธิพลกับเขามากขึ้นเรื่อยๆจนน่าตกใจ

     


    “ไว้วันหลังเรามาลองเที่ยวกันดูนะ”

     


      และนั่นก็อาจเป็นเพราะความประหม่าก็ได้ที่ทำให้เขาเผลอพูดสิ่งที่คิดออกไปโดยไม่ทันได้รู้ตัว


    จะมาแก้ข่าวอะไรตอนนี้ก็คงไม่ทันเสียแล้ว .. ก็ดูเอาจากหน้าที่เห่อแดงขึ้นของอีกฝ่ายล่ะก็นะ

     



     งานนี้จางอี้ชิง คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม!

     

     

     

     


       จางอี้ชิงแอบเหลือบมองคนข้างๆตลอดตั้งแต่เดินด้วยกันในทางกลับบ้านของจงแด เขาอมยิ้มเบาๆให้กับภาพที่อีกฝ่ายโยก
    หัวเบาๆไปตามจังหวะเพลงที่เขาเป็นคนเปิดให้อีกฝ่ายฟังผ่านหูฟังข้างขวา และเขาก็ฟังหูฟังข้างซ้าย จังหวะอคูสติกคลอไป
    เบาๆพร้อมทำนองเนื้อร้องเพลงสบายๆทำให้คิมจงแดดูเหมือนจะอารมณ์คล้อยตามไปด้วย ถึงแม้ว่าวันนี้เขาจะทำเรื่องน่าอาย
    ไปหลายอย่าง ทั้งเผลอทำตัวเปิ่น พูดจาไม่ทันยั้งคิด แต่นับว่าโชคดีมากๆที่จงแดกลับไม่ถือสาอะไร มิหนำซ้ำยังยินดีทำตามใจ
    ของเขาด้วยแม้ว่ามันจะส่งผลต่อการเต้นของหัวใจของเขามากแค่ไหนก็ตาม อีกไม่นานเขาคงต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยเพราะ
    เป็นโรคหัวใจอ่อนไหวเพราะคนข้างๆเข้าสักวัน
    !


      ระหว่างทางกลับบ้านของพวกเขาสองคนถูกเติมเต็มด้วยเสียงดนตรีตลอดทาง จางอี้ชิงไมได้ซักไซ้ถามอะไรจงแดมากนัก
    เพราะไม่อยากรบกวน อีกทั้งยังอยากอาศัยช่วงเวลาที่ได้อยู่ข้างๆกันนี้ไปอีกนาน ไม่อยากให้มีอะไรมาขัดจังหวะเขาเสียเลย ไม่รู้
    ว่าช่วงนี้เผลอไปกินอะไรมา ทำไมต่อมความกล้าในร่างกายมันถึงตื่นตัวยิ่งนัก กว่าจะมารู้ตัวอีกทีว่าดันเผลอพูดเหมือนกำลัง
    จะจีบอีกฝ่ายก็เล่นเอาสะแก้ไขคำพูดไม่ทัน ไม่รู้ว่าในตอนนี้ในสายตาอีกฝ่ายเขาจะดูเป็นตาแก่ลามกขี้เต๊าะลามปามไปทั่วหรือ
    เปล่า แต่เพราะจงแดทำให้ความรู้สึกหวั่นไหวตรงช่วงท้องและใจเต้นไม่เป็นจังหวะกลับมาอีกครั้ง


      พวกเราเดินกันมาเรื่อยๆจนใกล้มาถึงหน้าประตูที่คุ้นเคย เสียงตะกุกตะกักที่ดังขึ้นทำให้จงแดหยุดชะงัก เขาหันไปมองอีก
    ฝ่ายอย่างงงๆเมื่อเจ้าตัวอยู่ดีๆก็มีอาการสั่นจนน่าตกใจ ครั้นพอเขาจะหันไปถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าตัวต้นเหตุที่ดูเหมือน
    จะทำให้จงแดหวาดกลัวก็โผล่ขึ้นอยู่ตรงมุมรั้ว เขาแทบจะกลั้นขำไม่อยู่เมื่อเจ้าแมวต้วจ้อยแสดงอาการขู่ฟ่อๆ ขนที่พองพร้อม
    จะกระโจนใส่ตลอดเวลาพร้อมเสียงที่ผ่านจากปากนั่นอีก แต่ดูเหมือนก็เหตุเพราะแค่นั้นแหละคิมจงแดถึงได้กลัวจนสั่นเป็น
    เจ้าเข้า ไม่กล้าเดินใกล้แม้แต่ก้าวเดียวคงกลัวว่าเจ้าส้มจะโผล่มาประทุษร้ายเนื่องจากกลับมาให้อาหารไม่ตรงเวลา


      จางอี้ชิงที่ดูเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์อันเลวร้ายของทั้งคู่ได้ดีก็ยอมเป็นฝ่ายไปตกลงเจรจากับเจ้าส้มด้วยการยื่นลูกบอล
    ไหมพรมที่แวะซื้อก่อนเข้ามากับจงแดให้ด้วยท่าทางเป็นมิตร เจ้าแมวน้อยเลิกส่งเสียงขู่เมื่อเห็นเขาเดินมาพร้อมกับของเล่น
    โปรดในมือ คุณชายจางที่รู้ตัว่าเป็นฝ่ายกำลังได้เปรียบก็เปลี่ยนเป็นการโยนของเล่นนั้นเข้าไปในอาณาเขตบริเวณตัวบ้าน เจ้า
    ส้มผู้ซึ่งสนใจแต่เพียงกลุ่มไหมพรมก็เดินเต๊าะแตะตามก้อนกลมๆนั่นไปเรื่อย เขาหันไปยิ้มให้กับเจ้าของบ้านที่ตอนนี้ถอน
    หายใจทิ้งหนักๆไปเรียบร้อยแล้ว

     


      “งั้นฉันไปก่อนนะ ล็อคบ้านให้ดีๆ อย่าให้ใครเข้าบ้านได้ง่ายๆเหมือนวันนั้นอีกนะ”

     


      เขากำชับกับอีกฝ่ายเมื่อกำลังจะส่งให้อีกฝ่ายเดินเข้าไปพักผ่อนในบ้าน ใบหน้าของคนอายุน้อยกว่าขึ้นสีเลือดฝาดเต็มไป
    หมดจนน่าเอ็นดูก็พยักหน้าขึ้นลงช้าๆเป็นเชิงว่าเข้าใจแล้วโบกมือลาให้กับคุณจาง ก่อนจะจับแขนอีกฝ่ายไว้เป็นการขัดไม่ให้
    เดินจากไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมให้เสื้อกับคุณจางดั่งที่เคยพูดเอาไว้ เขายกมือขึ้นบอกเป็นเชิงให้หยุดรออยู่ก่อนสักครู่ก่อนจะรีบ
    วิ่งเข้ามาในบ้านหยิบเอาชุดของคุณอี้ชิงที่ซํกรีดเรียบร้อยมาแนบไว้กับอกพร้อมกับหยิบโพสต์อิทที่เขียนเอาไว้ตั้งแต่วันที่ซักรีด
    เสร็จแล้วติดมาด้วย เขายื่นให้อีกฝ่ายท้งเสื้อผ้าที่พับแล้วเรียบร้อยกับโพสต์อิทใบเล็กๆที่เป็นการเขียนขอบคุณเล็กๆน้อยๆให้ไป
    ด้วย

      

      จางอี้ชิงที่รับมาแบบงงๆโดยไม่ทันได้ตั้งตัวพอเริ่มจะจำได้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ถึงกับร้องอ๋อแล้วยิ้มกว้างเสียจนขึ้นรอยลักยิ้มที่
    ข้างแก้ม จงแดที่มัวแตก้มหน้างุดเพราะความเขินอายเมื่อเงยหน้ามาพบกับรอยยิ้มนั่นหัวใจก็เต้นรัวไม่เป็นจังหวะ คุณจางมี
    รอยยิ้มที่สดใสเสียเหลือเกิน

     



     “ไว้วันหลังเราไปเที่ยว .. ไม่สิ”

     


     “??”

     



     “ไว้วันหลังเราไปเดทด้วยกันใหม่นะ สำหรับวันนี้ฉันสนุกมากๆ ขอบคุณนะ”

     

     



    แล้วคิมจงแดก็พบว่าเขายืนนิ่งหน้าแดงอยู่ตรงหน้าประตูอยู่อย่างนั้นจนอีกฝ่ายหายลับจากระยะสายตาไปแล้ว

     


     คุณอี้ชิงก็ไปแล้วตั้งนาน .. แต่ทำไมหัวใจของเขายังไม่หยุดเต้นอีกนะ?

     

     















    แล้วมันก้มาถึงตอนที่ห้าจนได้ ... เย้ 
    เปลี่ยน genre เป็น fluff แทน angst เถอะค่ะคนดี ..
    จางอี้ชิงเป็นสิ่งมีชิวิตที่จีบชาวบ้านได้หน้าตายมาก .. คิดจะจีบก็รุกเอารุกเอา .. 
    นี่สาบานว่าพยายามให้มันมุ้งมิ้งแล้วนะคะ แต่มันไม่เลยง่า ;_____________; 
    หายไปนานเลยยี่สิบกว่าวัน กลัววา่คนจะเบื่อ ถถถถถถ แต่ว่าเราคิดถึงทุกคนนะคะ <3
    ขอบคุณที่ทุกคนสนับสนุนให้จงแดได้กับพี่อี้(?) ในตอนที่แล้วมากมาย ... #ตอนที่หนึ่งทุกคนยังบ่นว่าน้องใจง่าย
    เอาเป็นว่าเราจะพยายามมาอัพให้ไวๆล่ะกันนะคะ เพราะรู้สึกไม่ค่อยดีเลยที่ทิ้งุทุกคนไปนาน . _ .
    ซารังเงย์ *ทำท่าหัวใจส่งให้ทุกคน* หวังว่าความน่ารักของคิมจงแดจะช่วยลบล้างความผิดได้นะคะ . _ .
    #wims1

     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×