ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( B.A.P ) Contrast ; Lodae

    ลำดับตอนที่ #4 : Contrast | 3rd ; Past

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 56


     

     

     

       

     

        

    Contrast
    | 3rd
    in the past

    pairing : Junhong x Daehyun (Lodae)

    rated : ??

    note : เราขอเตือนอย่างนึง....อย่ากินขนมปังที่มันหมดอายุสองวันแล้วเพราะมันทรมาณมากจริงๆ #มันไม่เกี่ยวกับฟิคเลยพโถ่ะ 55555555 555555

     

     

     

     

     “คุณพี่ชายไม่รู้สึกเหม็นเน่าบ้างเลยหรอครับ?”

     

     คำถามที่ออกมาจากปากของชเว จุนฮงทำให้แดฮยอนได้แต่นั่งกัดริมฝีปากตัวเองที่แห้งผากอย่างเงียบๆ ไม่ต้องบอก ไม่ต้อง
    เอ่ยชื่อ แดฮยอนก็สามารถรับรู้ได้ว่าคนที่จุนฮงนั้นหมายถึงใคร จุนฮงไม่เคยเกลียดใครจนไม่ให้เกียรติกันขนาดนี้หรอก ถ้า
    ไม่ใช่ตัวแดฮยอนเอง

     

     

     “จุนฮง แดฮยอนเป็นพี่นายนะ ให้เกียรติเขาบ้าง”


     ฮิมชานเอ่ยเสียงเรียบมองเจ้าน้องชายตัวดีที่เดินเข้ามาใกล้ขึ้นทุกๆขณะ ถึงแม้ประโยคเมื่อครู่จุนฮงจะใช้พูดสื่อสารสนทนา
    กับเขาก็ตาม หากแต่ทว่าสายตาของจุนฮงนั่นกลับจ้องมองแดฮยอนราวกับต้องการให้อีกฝ่ายหายไปจากที่ตรงนั้นทันที เขา
    เองก็ยอมรับว่าจุนฮงเป็นเด็กที่มีความน่ารักตลอดเวลา สดใส ยิ้มง่าย และขี้เล่น หากแต่เมื่อไหร่ที่มีแดฮยอนอยู่ในสายตาแล้ว
    ชเว จุนฮงก็เปรียบเสมือนยมทูตที่รอพรากชีวิตแดฮยอนไปได้ดีๆโดยทำเพียงรอแค่วันเวลา  

     

     

    ก็ถึงได้บอกว่าการอ่านสายตาของชเวจุนฮงมันไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลยสักนิด

     

     

    “คิดว่าคนอย่างผมจะลดค่าไปให้เกียรติคนแบบนี้หรอ?”


     จุนฮงที่เดินมาถึงโต๊ะแล้วเรียบร้อย เอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำเปล่าของแดฮยอนพร้อมกับส่งรอยยิ้มเย็นเหยียดให้ ดวงตาของ
    แดฮยอนเลิ่กลั่กเมื่อเห็นว่าจุนฮงหันปลายของปากแก้วมาทางตน ก่อนจะสะบัดโดยออกแรงเพียงเล็กน้อย แต่จำนวนปริมาณ
    น้ำในแก้วลดลงไปถึงสามในสี่ น้ำเปล่าที่เต็มแก้วเนื่องจากบริกรเพิ่งนำไปเติมมาหมาดๆกระเซ็นใส่ทั้งหน้าของแดฮยอน หาก
    แต่ไม่ใช่เป็นเพียงน้ำเปล่าธรรมดาเป็นน้ำเปล่าที่มีความเย็นระดับเย็นเฉียบ ประจวบเหมาะกับทิศทางที่แอร์ปรับอากาศ
    ภายในร้านถูกปรับลงให้ลมพัดมาทางโต๊ะของฮิมชานพอดี ความรู้สึกหนาวเย็นแล่นผ่านไปทั่วทางหน้า จนแดฮยอนรู้สึกได้ว่า
    จากความหนาวเย็นกลายเป็นความชาเข้ามาแทนที่


     ถามว่าแดฮยอนโกรธหรือไม่ แดฮยอนไม่เคยโกรธ มากกว่านี้จุนฮงก็เคยทำมาแล้ว ต่อให้ทำร้ายทางกายหรือทางใจต่อหน้า
    ใครต่อใครมากมายจุนฮงก็เคยทำมาแล้ว

     

     

     

     “ชเว จุนฮง!!”

     

     

     

     คิมฮิมชานตวาดลั่นร้านอาหาร เมื่อเห็นน้องชายที่เขาคอยดูแลสั่งสอนไม่ให้รังแกคนอื่น ไม่ให้ทำร้ายคนอื่นมาตลอดชีวิต
    ทำร้ายคนตรงหน้าเขาได้ลงคอ เขาเองก็เคยเห็นจุนฮงรังแกแดฮยอนมาเยอะก็จริง แต่การกระทำต่อหน้าคนเป็นร้อยในร้าน
    อาหารชื่อดังแบบนี้มันไม่สมควร ใช่ว่าฮิมชานจะห่วงแต่ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลและจุนฮง ฮิมชานเองก็ห่วงแดฮยอนไม่น้อย
    เหมือนกัน พอเห็นจุนฮงทำท่ากำหมัดและจะปล่อยใส่หน้าแดฮยอน ฮิมชานก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วใช้แขนขวาจับข้อมือของ
    จุนฮงทันที  สายตาที่ตวัดมามองฮิมชานนั้นอ่อนลงเล็กน้อย ก่อนริมฝีปากบางเฉียบจะขยับยกขึ้นลงเป็นวลีสั้นๆ

     

    “ปล่อยผม”

     ฮิมชานจ้องน้องชายนอกสายเลือดตัวเองตาเขม็ง เขาไม่รู้หรอกว่าตลอดเวลาสามปีนี่ชเวจุนฮงจะโดนเลี้ยงมาให้ถูกตามใจ
    แค่ไหน หรือจะถูกเลี้ยงปล่อยแบบตามเวรตามกรรม แต่การที่คิดจะทำร้ายร่างกายใครก็ทำ ฮิมชานไม่ห้ามหรอกถ้าหากจะ
    ทำร้ายร่างกายใครสักคนแต่ต้องมีเหตุผลมากพอ และอารมณ์ในตอนนั้นต้องไม่ใช่อารมณ์ร้อน แต่ ในตอนนี้ ณ ขณะนี้ชเว
    จุนฮงไม่มีคุณสมบัติอะไรสักอย่างที่ฮิมชานจะปล่อยให้ทำร้ายอีกฝ่ายได้ อารมณ์ก็ฉุนจัด สติก็ไม่มี แถมจะให้แดฮยอนโดน
    รังแกคงเป็นไปไม่ได้อีกแน่นอน

     


     “ออกไปสงบสติอารมณ์ไกลๆ นายก็รู้ว่าฉันเป็นคนยังไง”

    คนเป็นพี่เอ่ยเสียงเรียบ ส่วนจุนฮงก็ได้แต่ฮึดฮัดในลำคอ สะบัดสายตาไปจ้องแดฮยอนที่ตอนนี้นั่งนิ่งเงียบ เห็นหน้าแดฮยอน
    ในตอนนี้แล้วจุนฮงอยากลองต่อยเข้าไปสักหมัด ไม่รุ้ว่าใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกและเหย่อหยิ่งในตัวเมื่อไหร่จะหายไปสักที  หาก
    จุนฮงต้องเสียค่าปรับเนื่องจากต่อยหน้าแดฮยอนเพื่อให้อีกฝ่ายเลิกทำสีหน้าที่น่ารังเกียจนั่นได้สักที จุนฮงก็คงยอม

     

    “ไม่มีสมองคิดแล้วหรือไง? ฉันบอกให้ออกไป!!

     

     ฮิมชานตะเบ็งเสียงก่อนจะใช้มือข้างซ้ายตบไปที่โต๊ะดังลั่น พนักงานบริกรรวมไปถึงพนักงานต้อนรับและลูกค้าที่นั่งทาน
    อาหารกันอยู่มองหน้ามองตากันเลิ่กลั่กแต่กลับไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมา ถึงจะเป็นคนดีแค่ไหนแต่ก็ไม่มีใครกล้าไปห้าม
    สงครามที่ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยว หรือเรียกง่ายๆก็คือไม่มีใครอยากจะรนหาที่ตายให้ตัวเองเท่าไหร่นักหรอก เปลืองแรงตัวเอง
    เผลอๆอาจจะเสียโอกาสทุกด้านในชีวิตเลยก็ได้

     

    สองพี่น้องตระกูลนี้ขึ้นชื่อด้านอำนาจมืดมาแต่ไหนแต่ไร คนเป็นพี่ก็เป็นเพลย์บอยอารมณ์ร้อนแต่ก็เป็นคนที่ไม่เคยขึ้นเสียง
    กับคนในครอบครัว ส่วนคนน้องเป็นคนสดใสยิ้มง่ายก็จริง แต่พอเวลาจริงจังอารมณ์ร้อนจนถึงขั้นลงมือลงไม้นี่ก็แทบไม่มีใคร
    เคยเห็นเหมือนกัน เพียงแค่มองจากไกลๆก็รับรู้โดยทั่วกันว่าตอนนี้อารมณ์ของทั้งสองอยู่ในระดับอันตรายมากแค่ไหน ไม่มี
    ใครกล้าเข้าไปกลางเปลวไฟที่ร้อนระอุทั้งสองเปลวนี้หรอก

     

     

     

     

     “หยุดนะ”

     ผู้ชายวัยกลางคนที่เดินเข้ามาคั่นกลางระหว่างสงครามทางสายตาของพี่น้อง เรียกความสนใจเป็นที่ฮือฮาพาสนุกปากของ
    คนในร้านอาหารหรูนี้อีกครั้ง มันเป็นสัจธรรมของมนุษย์ที่ไม่ว่าฐานะของตัวเองอยู่ในระดับไหน หากมีเรื่องให้เล่าต่อกันสนุก
    ปากก็ไม่มีทางพลาดได้เหมือนกัน

     

     คุณชายชเวจับทั้งข้อมือของจุนฮงและฮิมชานคนละข้างแยกออกทันทีที่เดินไปถึง ผู้มีศักดิ์เป็นพ่อมองหน้าพี่น้องต่างสาย
    เลือดสลับกันไปมาก่อนจะปล่อยข้อมือทั้งคู่ออกแล้วยกมือขึ้นไปตบไหลที่บ่าแทน จุนฮงเองที่ตอนนี้ดูสงบลงไปมากแล้วพอๆ
    กันกับฮิมชานที่ตอนนี้ก็ดูจะสงบสติอารมณ์ได้แล้วเหมือนกัน รอยยิ้มอบอุ่นจากคนเป็นพ่อถูกส่งมาให้ ก่อนฮิมชานจะขยับ
    เก้าอี้ที่ตนเองเคยนั่งแล้วนั่งลงไปอีกครั้ง

     

    “พ่อเคยบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทะเลาะกัน อย่าทำร้ายร่างกายกันและกัน”

     น้ำเสียงเย็นๆที่ใช้สั่งสอนพี่น้องคู่นี้ทำเอาแดฮยอนเผลอสะดุ้งจนตัวโหยง คนที่มัวแต่ก้มหน้าตั้งแต่โดนสาดน้ำก็เงยหน้าขึ้น
    มองฮิมชานที่ถึงแม้จะสงบสติอารมณ์ลงไปแล้ว หน้าตาก็ยังคงบึ้งตึงอยู่ดี

     

     

     บรรยากาศแบบนี้มันมาอีกแล้ว..

     

     

    “อ้าวแดฮยอนไปทำอะไรมาถึงเปียกขนาดนั้นล่ะลูก”

     แดฮยอนเงยหน้ามองคนถามทันทีที่ประโยคคำถามนั้นเงียบลงไป พอหันไปเจอกับสายตาที่ต้องราวกับแผดเผาของชเวจุนอง
    ก็ต้องรีบหลุบตาลงต่ำ ไม่ใช่ว่าเขาอยากเสียมารยาทกับผู้ใหญ่เท่าไหร่นักหรอก แต่สายตาของชเวจุนฮงที่ส่งมาให้ มันราวกับ
    ว่าถ้าเขาตอบคำถามของคุณชายชเวไปมีหวังได้เกิดปัญหาใหญ่อีกแน่


     หรือเรียกง่ายๆก็คือขู่จองแดฮยอนอย่าให้เอาเรื่องนี้ไปฟ้องใคร เหมือนกับตอนเด็กๆไม่มีผิด ไม่ว่าจุนฮงจะรังแกหรือทำร้าย
    แดฮยอนมากแค่ไหน เขาก็ไม่มีสิทธิ์ไปร้องไห้งอแง ไปฟ้องใครต่อใครได้เลย สิ่งที่ทำได้ก็คือบอกกับแม่ไปว่าเผลอล้มบ้าง เผลอ
    ขับจักรยานไปชนบ้าง แดฮยอนไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

     

     

    “พ่อก็ดูลูกชายคนเล็กของพ่อสิครับ ผมไม่อยู่ใครตามใจจนเคยตัวขนาดนี้ก็ไม่รู้ เอะอะก็พรวดพราดมาสาดน้ำใส่คนอื่นแบบนี้
    เผลอๆถ้าผมไม่ห้ามก็ได้ต่อยแดฮยอนจนได้แผลอีกแน่ๆ”


     ฮิมชานเอ่ยเสียงเรียบพลางจ้องมองน้องชายตัวเองกระฟัดกระเฟียดออยู่ข้างๆคนที่เขานับถือเป็นพ่อ .. ทั้งๆที่เขาเคยฝึกนิสัย
    ให้จุนฮงก่อนจะไปแล้วแท้ๆ ว่าสถานที่สาธารณะนี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะใช้ระบายอารมณ์ ยิ่งเป็นสถานที่ที่คนพลุ่กพล่านก็ยิ่งไม่ใช่
    เข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะระบายอารมณ์หรือใส่อารมณ์กับแดฮยอนแบบนี้ยิ่งไม่เหมาะสม ต่อให้ไม่ชอบใจกริยาท่าทางของแด
    ฮยอนหรือใครหน้าไหนก็ควรจะเก็บเอาไว้ ไม่ต้องมาสติแตกคอยทำร้ายชาวบ้านเขาไปทั่ว จริงๆแล้วจุนฮงก็เป็นเด็กเก็บอา
    การได้ง่ายเหมือนกัน แต่พออยู่กับแดฮยอนแล้วก็นั่นแหละ

     

     

     จุนฮงมักจะเป็นจุนฮงที่คิมฮิมชานไม่รู้จัก ควบคุมไม่ได้ สั่งสอนไม่ได้เสมอเวลามีแดฮยอนอยู่ใกล้ๆ

     

     มันไม่ผิดที่แดฮยอนหรอก เพราะแดฮยอนไม่ได้ไปคอยพูดจาหาเรื่องหรือไปทำอะไรจุนฮงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มีแต่จุนฮงนั่น
    แหละที่คอยพูดจาหาเรื่องแดฮยอนตลอดเวลา ถ้าหากฮิมชานไม่ได้รู้จักจุนฮงมาก่อนคงได้สร้างสงครามทำร้ายร่างกายกันไป
    หลายรอบแล้วแน่ๆ

     

    “จริงหรอจุนฮง?”

     ประโยคนี้อีกแล้ว..ประโยคที่แดฮยอนเกลียดแสนเกลียดตั้งแต่เขาโดนจุนฮงทำร้าย ความในใจของเขาแทบอยากจะตะโกน
    ในหน้าคุณชายชเวชะมัดยากว่า ใครกันที่ทำผิดแล้วจะกล้ายอมรับผิดโดยเฉพาะคนอย่างชเว จุนฮง ไม่เคยมีสักครั้งหรอกที่
    จุนฮงจะยอมรับในสิ่งที่ลงมือทำร้ายแดฮยอนไป แล้วสิ่งที่แดฮยอนสามารถตอบโต้ได้ก็มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแหละ

     

     แววตา..

     


     ใช่ แดฮยอนไม่มีสิทธิ์ออกเสียงหรือเถียงว่าจุนฮงเลยแม้แต่น้อย และมันก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว แดฮยอนไม่
    ได้ขี้ขลาด แต่แค่รู้ตัวว่าเมื่อไหร่ที่พลาดไปด่าจุนฮงมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จุนฮงจะยอมรามือจากที่กำลังรังแกเขาอยู่ ซ้ำร้ายยัง
    อาจจะทำให้จุนฮงรังแกเขาหนักกว่าเดิมก็ได้ แดฮยอนถึงพบอะไรกับมากมาย การแกล้งสารพัดอย่าง ตั้งแต่รู้ว่าจะต้องวางตัว
    ในฐานะไหน แดฮยอนก็ไม่เคยออกเสียงเถียงเลยสักนิด

     

     

    “ผมไม่ได้ทำ”


    “อย่าโกหกชเวจุนฮง!”

     ฮิมชานตะโกนสวนกลับทันทีที่จุนฮงตอบคำถามคนเป็นพ่อ เขาไม่เคยสั่งไม่เคยสอนให้จุนฮงเป็นคนโกหกแบบนี้ ยิ่งในสิ่งที่
    ตัวเองทำและคนอื่นเขาเห็นอยู่เต็มตา จุนฮงเปลี่ยนไปขนาดนี้ได้ยังไงกัน

     

    สงสัยคงจะเป็นอิทธิพลของแดฮยอน..

     

     

    “กลับไปเคลียร์กันที่บ้าน”

    คุณชายชเวดันให้จุนฮงเดินนำไปก่อน แล้วค่อยจับแขนฮิมชานให้ลุกขึ้นก่อนจะดันให้เดินตามหลังจุนฮงให้ โดยไม่ลืมที่จะส่ง
    รอยยิ้มอบอุ่นให้กับแดฮยอน

     

     

     

    “ขอโทษนะแดฮยอน ขอโทษจริงๆ”

     

     

     

    แล้วจะมาขอโทษกันทำไม คิดว่าคำขอโทษมันจะทดแทนความเสียใจที่แดฮยอนได้รับมาตลอดหรอ

     

     

     ตั้งแต่พี่น้องตระกูลนั้นเดินจากไป แดฮยอนก็ยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น เสียงเซ็งแซ่นินทาเริ่มดังมาเป็นระยะ ใช่ว่าแด
    ฮยอนจะไมได้ยิน ทุกประโยคทุกคำพูดเขาได้ยินหมดนั่นแหละ แค่คิดที่จะไม่เลือกเอามาใส่ใจ แค่นี้ปัญหาในชีวิตเขาก็มาก
    พอแล้ว แค่เสียงที่เปล่งออกมาจากปากของคนที่ไม่รู้จักกันดีมันไม่ได้สำคัญเลอค่าอะไรขนาดนั้นหรอก


     แดฮยอนนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่รู้ว่านานเท่าไหร่  ใครต่อใครที่เป็นลูกค้าในร้านก็เริ่มจะเปลี่ยนกันไปเรื่อย ไม่รู้ว่าแอร์เย็นมาก
    ขนาดไหนเพราะความรู้สึกมันด้านชาไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าโทรศัพท์ที่ปิดเสียงนั่นมีใครโทรเข้ามากี่สายแล้วบ้าง จนกระทั่งแรง
    แตะที่ไหล่จากใครบางคนนั้นแหละ ทำเอาเขาที่นั่งนิ่งพะวงคิดไปเรื่องอื่นไปไกลสะดุ้งโหยง

     

     “นั่งเหม่ออะไรตรงนี้ ตัวรุมๆนะเป็นอะไรหรือเปล่า?”

    ยองแจที่ไปซื้อของอยู่นานสองนานเอ่ยทักขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิจากตัวของแดฮยอน มันไม่ถึงกับร้อนมากจนสัมผัสได้
    แค่รู้สึกว่าแดฮยอนซึมๆไปแล้วก็ตัวอุ่นขึ้นกว่าปกติหน่อยนิดนึงแค่นั้นเอง

     

    “ไม่หรอก”

    พอเห็นยองแจสะกิดให้ลุกขึ้นแดฮยอนก็รีบทำตามทันที จริงๆแล้วเขาอาจจะลืมไปทำงานพาร์ทไทม์วันนี้อีกก็ได้ถ้าขืนยังนั่ง
    รำลึกถึงความหลังอยู่แบบนี้ พอเดินออกมาจากร้านและกำลังเลี้ยวเข้ามุมเพื่อเดินไปทำงานที่ร้านมินิมาร์ท ประโยคที่ยองแจ
    ไม่คิดว่าจะได้ยินตลอดทั้งในชีวิตนี้จากปากแดฮยอนก็ถูกเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศความเงียบทันที

     

     

    “ยองแจอยากรู้เรื่องระหว่างเรากับจุนฮงใช่มั้ย?”


    “...”


    “เดี๋ยวไว้เวลาพักแล้วเราจะเล่าให้ฟังนะ”

     

     

     ยองแจไม่เคยรู้สึกอยากให้เข็มนาฬิกาเดินเร็วมากกว่านี้มาก่อนเลยในชีวิต ขนาดตอนเรียนวิชาที่ไม่ชอบก็ยังไม่เคย เขาเองก็
    สงสัยอยู่ไม่น้อยว่าทำไมเรื่องแค่เรื่องของแดฮยอนและจุนฮงจะต้องมีบทบาทในการดำเนินชีวิต ในความคิดของเขามาก
    ขนาดนี้ หรืออาจจะเป็นเพราะมันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ที่จะอยากรับรู้ในทุกๆเรื่องที่ตัวเองสงสัยหรือเคยข้องใจมาก่อน
    ถึงแม้ว่าเรื่องนั้นจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเองเลยก็ตาม

     

     ส่วนแดฮยอนที่เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานคิดเงินให้ลูกค้าที่เข้าร้านมา ถึงแม้สมองส่วนหนึ่งจะถูกใช้ไปกับการคิดเงิน แต่ถ้ามี
    เวลาว่างเมื่อไหร่เขาก็มักจะถามตัวเองว่าคิดดีมากแค่ไหนที่จะให้ยองแจรับรู้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกันที่จะเปิดเผยเรื่อง
    ราวในวัยเด็กให้ยองแจรับรู้ ..

     

     

     แต่ก็นะ เป็นตายร้ายดียังไงเขาก็จะไม่เล่าความลับให้ยองแจฟังเด็ดขาด

     

     

     

     “เล่ามาเลยแดฮยอน ขอแบบละเอียด”

     

    พอนาฬิกาแจ้งเตือนว่าถึงเวลาพัก ยองแจก็รีบเข้าไปลากเพื่อนสนิทให้มานั่งริมฟุตบาทข้างหลังร้านทันที เขาไม่รีรอให้อีกคน
    ได้โวยวายอะไร ประเด็นที่ถูกค้างคาในใจก็รีบถูกยกออกมาถามทันที

     

    “เอาแบบละเอียดเลยหรอ.. ละเอียดยังไงดีล่ะ?”


    “ก็เอาแบบอะไรเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้จุนฮงต้องพูดกับนายแบบนั้น”

     

     แดฮยอนมองหน้าเพื่อนตัวเองอย่างชั่งใจสักพัก เขาถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเศษหินแถวนี้มาขูดพื้นถนนเล่นๆ เขา
    เองก็ไม่รู้หรอกว่าจุนฮงเกลียดเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วจะให้เริ่มเล่าเรื่องยังไงก็ยังไม่รู้เลย สาเหตุที่จุนฮงเกลียดขี้หน้าเขาขนาด
    นี้เขาเองก็ไม่รู้หรอก แต่ถ้าสาเหตุที่แดฮยอนอยากให้จุนฮงเกลียดก็เพราะความลับนี่แหละ

     

     

     “ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมจุนฮงถึงเกลียดมากขนาดนั้น แต่ก็คงเพราะเป็นเด็กที่อยากได้รับความรักจากใครๆนี่แหละ.. ตอนเด็ก
    เราสามคนสนิทกันมากๆ ฮิมชาน จุนฮง แดฮยอน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เป็นเสมือนแก็งค์เลยล่ะ ชาวบ้านเรียกแก็งค์
    ฮิมแดฮง”

     

    “....”

     

    “จนกระทั่งวันนึง เราไม่ได้เล่นไม่ได้คุยกันเหมือนแต่ก่อนเพราะแยกโรงเรียน จุนฮงก็เหมือนจะมาติดฉันเข้า แต่ฉันก็ไม่ยอม
    เพราะฉันโตแล้วไง ฉันก็แค่ต้องการอิสระ ฉันไม่ได้อยากได้น้องชายเลยบอกให้จุนฮงเลิกยุ่งด้วย รำคาญ”

     

    “....”

     

    “ก็คงเพราะเป็นเด็กนี่แหละ จุนฮงก็เลยอารมณ์ขึ้น มองว่าฉันไม่อยากคบกันแล้ว ฉันไปรังเกียจเขาก่อน เลยพาลเกลียดขี้หน้า
    ฉันเพราะฉันไปพูดแค่คำว่ารำคาญหน่ะ”

     

    “....”

     

    “ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ลงมือแกล้งฉันตลอด จนกระทั่งวันนึงพี่ฮิมชานมารู้เข้า เขาก็เลยบอกให้จุนฮงเลิกแกล้งฉันสักที จุนฮงก็เลย
    ยอมปล่อยฉันให้รอดไปไง”

     

    “....”

     

    “ตอนแรกฉันก็กลัวแล้วว่าคงหลบอะไรจุนฮงไม่ได้นักหรอก จนกระทั่งพี่ฮิมชานบอกว่าอาจจะไม่อยู่ที่นี่สักพัก ถ้าจุนฮงยังไม่
    เลิกยุ่งกับฉัน พี่ฮิมชานเขาจะจัดการขั้นเด็ดขาด เจ้าเด็กนั่นก็เลยกลัวจนหัวหดเนี่ยแหละ”

     

    “....”

     

    “แต่เมื่อวานพี่ฮิมชานก็กลับมาแล้วนะ วันนี้ฉันเลยไปนัดเจอมา”

     

    “นายก็เลยโดนจุนฮงรังแกใช่มั้ย?”

     

    คำถามสั้นๆง่ายๆที่ออกมาจากปากยองแจทำเอาแดฮยอนสะอึก ไม่สิ เขาไม่คิดว่ายองแจจะสามารถเดาสถานการณ์ได้เก่ง
    พอตัวขนาดนี้ แดฮยอนแสร้งทำเป็นลุกขึ้นก่อนจะปัดเศษดินตามตัวออก

     

    “เอ่อ เข้าร้านกันเถอะหมดเวลาพักแล้วนะ”

     

    ถือว่าเป็นโชคช่วยของแดฮยอนที่นาฬิกาดันเดินมาเวลาหมดพักเบรกพอดี คำถามของยองแจจึงดูเหมือนจะไม่ได้คำตอบ
    เขารีบหันหลังกลับแล้วสาวเท้าเดินเข้ามาในร้านตามเดิม ก่อนจะทำเหมือนไม่เคยได้ยินคำถามของยองแจ

     

     

    บางที..การโกหกเรื่องทั้งหมดเพื่อนเพื่อให้เพื่อนสบายใจก็คงไม่เป็นอะไร..

     

    แดฮยอนคิดอย่างนั้น แต่ไม่ใช่กับยองแจ .. ชายหนุ่มหยิบกระป๋องโค้กขางๆตัวและเปิดดื่ม ก่อนจะคิดไปถึงเรื่องอะไรบาง
    อย่างที่วนเวียนอยู่ในหัวตลอดตั้งแต่แดฮยอนเล่าเรื่อง

     

     

    แดฮยอนไม่รู้หรอกว่ายองแจรู้ตั้งแต่แรกว่าแดฮยอนโกหก

     

     

    ... แล้วแดฮยอนก็ยังไม่รู้ด้วยอีกว่า ยองแจนั้นซื้อของเสร็จตั้งแต่ยี่สิบนาทีแรก เหตุการณ์ที่จุนฮงรังแกแดฮยอนทั้งหมดอยู่ใน
    สายตาของเขาตั้งแต่แรก เขายืนรออยู่หน้าร้านจนกระทั่งถึงเวลาที่เขาไปสะกิดเรียกแดฮยอนนั่นแหละ

     

     

     

     

    จะโกหกกันไปถึงไหนนะ ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้เรื่อยๆแล้วเมื่อไหร่จะไว้ใจกันได้สักที

     

     

     

     

     

    มีปัญหาอะไรอย่าเก็บไว้คนเดียว.. แล้วอย่างนี้เพื่อนสนิทจะมีไว้ทำไมกัน?

     

     

     

     

     

     

     

     

    T B C
    -----------------------------------------


     
    เรากลับมาแล้ว เฮ้ เฮ้ \=_=/
    เราขอโทษที่ปล่อยให้ค้าง พโถ่ เราไม่ได้ตั้งใจ.. แต่เราจงใจ /โดนถีบ
    จริงๆแล้วสารภาพเลยว่าวันนี้เจอมรสุมหลายอย่างมากเรื่องเอพิงค์ TT TT
    พอเอามาเขียนมันเลยกลายเป็นดราม่าละครหลังข่าวสะงั้น ถถถถ เราขอโทษ ;_;)
    สุดท้ายนี้ แวะมาคุยกับเราในทวิตเตอร์เรื่องฟิคก็ได้น้าเราไม่กัดอ่ะ แง
    เราแค่อยากได้คนมาคอยเตือนให้เราไม่ดอง... เลิฟค่ะ 
    @jun9chop ♥
    ขอบคุณทุกๆคนมากเลยนะคะที่บอกว่าเราใช้ภาษาสวย คืออาจจจะเป็นเพราะ..
    เราเป็นคนขี้คุยขี้โม้เลยมีศัพท์ในตัวเยอะ พโถ่ะ 5555555555 55.
    สุดท้ายนี้...บางทีความลับอาจจะอยู่ใกล้ตัวกว่าที่เราคิดนะคะ ิ________ิ

            
     

    △ C R A Z E  ˊ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×