คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ☂- third talk
.third talk.
ช็อกโกแลตแบบบาร์ถูกแบ่งออกเป็นชิ้นขนาดเล็กใส่ในหม้อที่กำลังมีนมร้อนถูกอุ่นอยู่ ชิ้นแล้วชิ้นเล่าของขนมหวานสี
น้ำตาลละลายหายไปกับนมสีขาวจัดที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนตามระดับความเข้มของของหวานที่ได้รับ
ช็อกโกแลตยี่ห้อดังบาร์ที่สองถูกแกะออกจากห่อก่อนจะถูกกระทำเหมือนเดิมกับบาร์ที่แล้ว เด็กหนุ่มคนเจ้าของเหลวที่เริ่มเป็น
สีน้ำตาลเข้มไปมาสักพักจนเริ่มเห็นว่าส่วนผสมเริ่มเข้ากันได้ที่ ก่อนจะปิดเตาแก็สแล้วยกหม้อเทเครื่องดื่มอุ่นร่างกายใส่ใน
แก้วเซรามิคใบใหญ่สีฟ้าอ่อนที่ถูกจัดเตรียมรอไว้ก่อนหน้านี้ ขนมหวานแสนนุ่มหนึบหนับถูกวางลงบนหน้าเครื่องดื่มร้อน มือ
เล็กๆตกแต่งผิวหน้าของเครื่องดื่มอยู่สักพักก่อนที่จะยิ้มชอบใจให้กับผลงานของตนเอง คิมจงแดปรบมือชอบใจราวกับเด็ก
น้อยผู้ภูมิใจในของขวัญของตน
ใบหูของแก้วเซรามิคถูกเด็กหนุ่มยกไปยังห้องนั่งเล่นอย่างระมัดระวัง มือข้างซ้ายที่ว่างก็คอยประคองป้องกันยามเผื่อว่า
เครื่องดื่มที่แสนภูมิใจของตนจะกระเด็นออกจากแก้ว เด็กน้อยยกยิ้มกว้างใหญ่เมื่อเห็นว่าร่างของคุณจางผู้ใจดีหลับลงอย่าง
เหนื่อยอ่อนบนโซฟาเดี่ยวเยื้องหน้าทีวี เขาสาวเท้าไปใกล้ๆแล้ววางเครื่องดื่มร้อนไว้กับโต๊ะกาแฟตัวเล็กที่อยู่ข้างหน้าของคุณ
จาง จงแดยืนชั่งใจสักพักก่อนจะใช้นิ้วเรียวสะกิดเขาที่ไหล่ของอีกฝ่ายเพื่อหวังจะให้ตื่นเพื่อเติมความอบอุ่นให้ร่างกายของ
ตนเองจากเครื่องดื่มสูตรเฉพาะของคิม จงแด
กลิ่นหอมของช็อกโกแลตปนกลิ่นไอเย็นเปปเปอร์มิ้นท์เนื่องจากรสชาติของช็อกโกแลตที่ถูกต้มลอยเข้ามาแตะจมูกของคนผิว
ขาวจัด คนไร้พลังงานทำจมูกฟุดฟิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะลืมตาตื่นขึ้นแล้วชันตัวเองตั้งฉากกับพนักพิงหลังของ
โซฟา จาง อี้ชิงมองแก้วเซรามิคที่เต็มไปด้วยของเหลวสีเข้มและขนมหวานนุ่มที่เป็นที่มาของกลิ่นหอมรัญจวนใจตรงหน้า
ของตนนิ่ง แล้วค่อยๆเบนหน้าไปมองเจ้าของบ้านที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ข้างๆโซฟาที่เขาเผลอหลับไป มือเรียวของอีกฝ่ายถูกทำท่า
เหมือนกำอะไรไว้หลวมๆก่อนจะยกขึ้นจรดริมฝีปากเป็นเชิงพูดแบบไม่มีเสียงว่า
‘ดื่มเลยครับ’
บุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแขกของบ้านหันกลับมามองเซรามิคอันใหญ่ตรงหน้าอีกครั้งด้วยความรู้สึกซึ้งใจปนเกรงใจ ชายหนุ่ม
พินิจมองเพียงครู่ก่อนจะจับที่ปลายหูของแก้วแล้วยกแก้วใบนั้นจรดริมฝีปากเพื่อให้ดื่มด่ำกับรสชาติหอมหวานของเครื่องดื่ม
นี่ได้อย่างเต็มที่ เพียงแค่ได้สัมผัสกับของเหลวแค่ปลายลิ้น ริมฝีปากสีแดงสดก็ยกยิ้มกว้างจนเห็นรอยบุ๋มที่ข้างแก้มอย่างเห็น
ได้ชัด
มันเป็นรสชาติช็อกโกแลตร้อนที่เขาแสนจะคุ้นเคย ยามเมื่อเป็นเด็กๆและถูกส่งมาใช้ชีวิตช่วงซัมเมอร์ที่ประเทศเกาหลีกับ
คุณน้าสาวสุดสวย เด็กน้อยอี้ชิงก็ได้คุณแม่คนเก่งที่สอนเปียโนเขาคอยทำช็อกโกแลตร้อนให้ทานรอระหว่างที่คุณน้าติด
ภารกิจอยู่ที่สำนักงานจนเป็นเหตุให้ต้องมารับตัวของเขาดึก เขายังจำได้ดีถึงรอยยิ้มที่อีกฝ่ายมอบให้ตอนเขาทำท่ากล้าๆ
กลัวๆเอื้อมมือไปจับแก้วใบเล็ก ใบหน้าที่แสนอ่อนโยนจนทำให้บางครั้งเขาดันไปเผลอนึกถึงคุณแม่ตัวจริงที่อยู่ห่างไกลกัน
คนละประเทศเสียอย่างนั้น เด็กน้อยในชุดไปรเวททำท่าโค้งคำนับสามครั้งก่อนจะพูดภาษาเกาหลีสำเนียงแปร่งๆแบบช้าๆ
ตามประสาเด็กเพิ่งหัดภาษาว่า ‘ขอบคุณนะครับ’ จนเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากคุณแม่ผู้สอนเปียโนได้เป็นชุดใหญ่ ช้อนชาส
แตนเลสตักขนมมาร์ชเมลโลวสีขาวขึ้นมา ปากอิ่มสีเชอร์รี่งับเข้าไปเต็มคำ ก่อนจะหันไปยกนิ้วโป้งให้เจ้าของสูตรทั้งๆที่ขนม
หวานสีขาวยังคงอยู่เต็มปากและฟันซี่เล็กก็เคี้ยวตุ้ยๆ
และรสชาติของช็อกโกแลตร้อนในวันนี้ก็ดันคุ้นเคยกับช็อกโกแลตเมื่อสิบปีก่อนอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ถึงแม้จะแปลกใจกับ
รสชาติของมันมากแค่ไหน แต่อี้ชิงก็ขอยอมรับเลยว่าคิมจงแดเองก็มีความสามารถไม่น้อยเลยในการทักษะการทำอาหาร
“อร่อยมากเลยนะ ผมไม่ได้กินอะไรแบบนี้มานานแล้ว”
คนทำอย่างจงแดก็ได้แต่ยิ้มเขินให้กับคำชม เด็กหนุ่มยกมือข้างขวาเกาท้ายท้ออย่างเก้อๆ ก่อนจะสะดุ้งจนตัวโยนเมื่อโดน
เล็บแหลมๆของเจ้าส้มข่วนขาข้างขวาเสียเต็มแรงโดยไม่ทันได้ตั้งตัว รอยข่วนมีเลือดซิบเป็นทางยาวจนเด็กหนุ่มรู้สึกแสบ
เบาๆ ดวงตากลมโตหันไปถลึงตาให้สัตว์เลี้ยงจอมซนที่เรียกร้องความสนใจจากเขาด้วยวิธีการที่ผิดๆ
แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะเข้าใจผิดไป หากทว่าอาการข่วนหน้าขาของจงแดจนเป็นแผลรอยทางเล็กๆนั่นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะ
แมวน้อยต้องการเรียกร้องความสนใจจากเขา แต่เป็นเพียงอาการหวงของเจ้าแมวเสียตั้งหาก กว่าจะมาสำคัญตัวเองถูกก็
ตอนเห็นสัตว์เลี้ยงจอมกบฏเดินทอดน่องเตาะแตะปีนขึ้นโซฟาไปนั่งบนตักของแขกผู้ไม่ได้รับเชิญอย่างสบายใจเฉิบ ใบหน้า
เล็กๆนั่นวางลงบนหน้าขาก่อนที่จะหลับดวงตาเรียวลงทั้งสองขา ทำให้เจ้าของตัวจริงอย่างจงแดได้แต่กัดฟันกรอดๆ พร้อม
กับดวงตาที่แทบจะถลนออกจากเบ้าเมื่อเห็นอากัปกริยาที่น้องส้มทำกับแขกของบ้าน มือเล็กๆนั่นหมายจะเอื้อมไปคว้าเด็กดื้อ
ขึ้นมาแนบอกแล้วยกขึ้นไปขังบนห้อง แต่ก็ดันโดนห้ามไว้เสียก่อนด้วยเสียงนุ่มๆที่จงแดยังคงจำได้ไม่ลืม
“ฮ่าๆไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเป็นคนชอบเล่นกับแมวอยู่แล้วหน่ะ”
จงแดได้แต่เพียงทำหน้าคล้ายกับคนจะร้องไห้ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะยืนยันอย่างนั้นก็ตาม เด็กหนุ่มคว้ากระดาษจดที่วางอยู่บน
โต๊ะกาแฟมาเขียนประโยคที่ต้องการจะสื่อด้วยขนาดตัวอักษรที่ไม่ใช่น้อยๆ ก่อนจะยกขึ้นให้อีกฝ่ายดูเพื่อเป็นการขอโทษจาก
ใจ
‘ขอโทษสำหรับเจ้าแมวด้วยนะครับ มันชอบหยิ่งแล้วก็ดันเลี้ยงไม่เชื่องด้วย T______T’
อี้ชิงที่อ่านตัวอักษรบนกระดาษจบก็ได้แต่ส่ายหัวพรืดพร้อมโบกปัดไปมา แขกของบ้านที่ตอนนี้ได้อยู่ในชุดเสื้อยืดสีเทากับ
กางเกงวอร์มที่ถูกเปลี่ยนกับเสื่อเมื่อตอนกลางวันเรียบร้อยเหตุเพราะเปียกมากจนเจ้าของบ้านต้องรีบวิ่งแจ้นไปหามาเปลี่ยน
ให้ยกยิ้มเรียกกำลังใจจงแดอีกครั้ง
“ไม่เห็นต้องทำหน้าตาขนาดนั้นเลยครับ เรื่องนี้สบายมาก บ้านผมเลี้ยงแมวเยอะมากเลย ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ”
เพื่อเป็นการยืนยันในสิ่งที่ตนเองพูด มือขาวจัดก็ลูบไล้กับขนนุ่มสีส้มสลับขาวข้างลำตัวของสัตว์ขี้อ้อนอย่างชำนาญ คนขี้
เกรงใจอย่างจงแดทำได้เพียงแค่แอบถอนหายใจก่อนจะยิ้มบางๆ
“ฝนยังตกแรงอยู่เลย ... เพื่อเป็นการฆ่าเวลา เรามาเล่นถามคำถามกันดีไหม?”
ไม่รู้ว่าทำไม .. แค่อี้ชิงเอ่ยประโยคนั่น จงแดก็รีบพยักหน้าตกลงทันทีโดยไม่รีรอ
“กติกาก็มีอยู่แค่ว่า เราจะผลัดกันถามคำถามที่อยากรู้จากอีกฝ่าย โอเคนะ?”
“...”
“ถ้าผมถาม จงแดก็แค่ตอบลงบนกระดาน ถ้าจงแดถาม จงแดก็แค่เขียนลงบนกระดานแค่นั้นเอง”
จงแดพยักหน้าขึ้นลงเป็นเชิงเข้าใจ มือบางหยิบกระดานไวท์บอร์ดแบบพกพาที่วางอยู่บนโต๊ะมาวางลงบนหน้าตักของ
ตนเอง ตอนนี้เขานั่งอยู่ตรงโซฟาเดี่ยวที่อยู่ตรงข้ามกับแขกผู้มาเยือน ส่วนอี้ชิงก็นั่งลูบขนเจ้าส้มที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่บนต้นขา
ของชายหนุ่ม ถึงอี้ชิงจะยืนยันมากแค่ไหนว่าเขาไม่ถือ แต่จงแดก็ยังอดเกรงใจมากไม่ได้อยู่ดี
“เริ่มที่ผม.. ทำไมจงแดถึงยอมให้ผมเข้ามาในบ้านได้ง่ายๆโดยไม่ถามอะไรหน่อยล่ะ?”
เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากเน้นราวกับใช้ความคิด ก่อนจะก้มหน้าลงเขียนคำตอบลงบนพื้นผิวพลาสติกส่ง ปลายปากกาตวัดไป
ตวัดมาส่งเสียงเอี้ยดอ้าดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหยุดเงียบไปพร้อมกับหน้ากระดานไวท์บอร์ดที่ถูกหันมาทางอี้ชิงพอดี
‘ผมเห็นว่าฝนมันตกแรงมาก คุณจางก็ตากฝนจนตัวเปียก ที่ห้องสมุดคุณจางก็ไม่แสดงท่าทีว่ารังเกียจผมเหมือนที่คนอื่นๆ
ทำ แถมยังหน้าซีดเสียจนผมกลัว ผมก็เลยให้คุณจางเข้ามาได้ง่ายๆไงครับ’
แขกของบ้านอ่านตัวอักษรที่อยู่บนกระดานซ้ำสองรอบก่อนจะร้องพึมพำในลำคอตัวเองเมื่อได้พบกับคำตอบที่ไม่ค่อยจะ
ถูกใจเสียเท่าไหร่ เขาหยักหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะมองอีกฝ่ายเชิงบอกว่ามีอะไรที่สงสัยก็ถามมาได้เลย เจ้าของบ้านที่เห็นอย่าง
นั้นก็ลบประโยคเดิมบนกระดานออก ก่อนจะก้มลงเขียนประโยคคำถามที่ว่าจะถามตั้งแต่แรกแต่ทว่าดันลืมไปเสียก่อน
‘แล้วคุณจางล่ะครับ ทำไมถึงกล้าที่จะขอขเมา? ทั้งๆที่ถ้าเป็นบ้านคนอื่นเขาอาจจะเอาไม้ไล่ฟาดคุณด้วยซ้ำไป’
คนถูกถามกระพริบตาปริบๆให้สักพัก ก่อนจะครางอืมในลำคอเพื่อเรียบเรียงคำพูดให้ฟังดูน่าเชื่อถือได้ง่ายขึ้น
“ผมก็แค่เห็นคุณจากหน้าต่างของห้องครัว ก็เลยลองเสี่ยงดู เผื่อจะเจอคนใจดี”
เด็กหนุ่มในชุดเดิมที่ยังไม่เปลี่ยนจากตอนอยู่ห้องสมุดก็ได้แค่ยู่หน้าใส่คำตอบของอี้ชิงจนเจ้าตัวต้องหัวเราะออกมาเบาๆ เขา
ไม่ใช่คนใจร้ายนะที่จะยอมให้คนอื่นป่วยต่อหน้าต่อตาไปได้ง่ายๆ ทำไมคุณจางถึงต้องพูดต้องจาเหมือนเขาใจง่ายก็ไม่รู้
“งั้นผมถามล่ะ .. จงแดไม่กลัวว่าผมจะเป็นสิบแปดมงกุฎบ้างหรอ?”
พอถามคำถามนั้นจบ คนถูกถามก็ได้แต่นั่งนิ่งจนเบ้าแทบจะถลนออกมา ริมฝีปากเล็กๆอ้าปากค้างเติ่งในอากาศ นี่เขาลืม
ส่วนที่สำคัญที่สุดตรงนี้ไปได้ยังไงเนี่ย! น่าจับมาตีอีกรอบนะจงแด!
‘ผมไม่ใช่คนใจง่ายนะ! แต่เพราะว่าคุณจางไม่รังเกียจผม และคุณจางก็ยิ้มให้ผมไม่เหมือนที่คนอื่นๆทำ หน้าตาคุณจางก็
ดูใจดีไม่น่าจะใจร้ายกับผมได้ลงคอ แถมผมยังรู้อีกด้วยว่าหัวขโมยฉลาดๆคงไม่เลือกที่จะมาขอเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้หรอก’
คำตอบซื่อๆที่แอบจิกกัดตอนท้ายทำให้จาง อี้ชิงต้องแสร้งทำท่านิ่วหน้าใส่อีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้ แค่คำพูดมาเป็นตัวอักษร
ยังแอบจุกขนาดนี้ เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าได้ยินเป็นเสียงมันจะจุกอกมากแค่ไหนกัน
นั่นสินะ...ถ้าได้ยินเป็นเสียงก็คงจะดี
เพราะจางอี้ชิงก็คงอุ่นใจกว่าเดิมจากนี้สักสองเปอร์เซ็นต์ล่ะนะ
“จงแดอายุเท่าไหร่หรอ?”
’22 ปีนี้ครับ’
“งั้นก็เด็กกว่าฉันสองปีหน่ะสิ.. งั้นเรียกฉันพี่อี้ชิงก็ได้นะ”
‘ผมเรียกคุณจางดีกว่าครับ คุณจางทำอาชีพอะไรหรอครับ?’
“ฉันหรอ? ฉันยังเป็นนักศึกษาอยู่เลย จริงๆฉันเป็นคนจีนนะแค่มาเรียนที่นี่เท่านั้นอ่ะ แล้วนีจงแดอยู่บ้านคนเดียวหรอ?”
‘ไม่หรอกครับ ผมอยู่กับเจ้าส้มสองคน คุณจางเป็นคนจีนแท้ๆเลยหรือเปล่าครับ?’
คนผิวขาวผิวปากหวือเบาๆก่อนจะก้มมองสัตว์เลี้ยงตัวเล็กที่ดูเหมือนจะกลายเป็นลูกบุญธรรมของเขาไปเรียบร้อย คำถาม
คำแล้วคำเล่าถูกผลักกันถามไปมาจนมารู้ตัวอีกทีก็ชั่วโมงนึงเข้าให้แล้ว อี้ชิงที่แต่ก่อนมีศักดิ์เป็นเพียงแขกผู้ไม่ได้รับเชิญก็ได้
เลื่อนยศเป็นแขกคนสนิทไปโดยปริยาย
“ใช่ ฉันหน่ะจีนแท้ๆเลยล่ะ ... อ่อเจ้านี่อ่ะหรอเจ้าส้ม? นี่ไม่นับว่าเป็นคนหรอกนะ”
จงแดที่ได้ยินคำตอบของคุณจางผู้ใจดีก็เบะปากพร้อมกับก้มเขียนลงบนกระดานไวท์บอร์ดอย่างเด็กน้อยผุ้โดนขัดใจ ความ
น่ารักเพราะเริ่มไม่เกร็งเมื่ออยู่ต่อหน้าอี้ชิงถูกเผยออกมาทีละนิดจนเขาอดยกยิ้มกว้างตามไม่ได้ นี่บอกแบบผู้ชายขี้สังเกตเลยนะว่านิสัยของจงแดชักจะเหมือนเจ้าส้มไม่มีผิด เหมือนกับที่เคยมีคนบอกเขาไว้ว่า เวลาสัตว์เลี้ยงอยู่กับเจ้าของมากๆ ถ้า
อยากรู้ว่าเจ้าของเป็นยังไงก็ให้ดูนิสัยของสัตว์เลี้ยง
อี้ชิงไม่ขอปฏิเสธนะว่า..เจ้าส้มกับจงแดน่ารักเหมือนกันไม่มีผิด
‘แต่ผมกับเจ้าส้มเราเป็นเพื่อนกันนะ!’
อีโมติคอนญี่ปุ่นสุดน่ารักถูกงัดมาใช้เป็นรอบที่สองของวันเพื่อประกอบการบรรยายอารมณ์ของคนเขียน คนผิวขาวก็ได้แต่
หัวเราะในความน่ารักอย่างเอ็นดู ก่อนจะทำท่าอ้าปากเลียนแบบวิธีการพูดของจงแดพร้อมแสดงท่าทีน่ารักๆโดยไม่ออกเสียง
ใดๆ ฝ่ายคนโดนล้อก็ได้แต่หน้าแดงก่ำไปจนถึงใบหูก่อนจะท้าวสะเอวเบะปากเป็ดใส่คนอายุมากกว่า
เหมือนอี้ชิงจะเห็นคำว่า ’ผมโกรธคุณจางล่ะนะ!’ ลอยเข้ามาแปะหน้าผากเข้าอย่างจัง
ตอนนี้เจ้าส้มตื่นเรียบร้อยแล้ว .. เจ้าแมวขี้เซาที่ไม่ทำอะไรนอกจากเหยียดกายให้เขาลูบก็ตะปบมือขาวของเขาเลียเขาที่นิ้ว
แต่ละนิ้ว จงแดที่กลับมาจาห้องครัวหลังจากไปเก็บแก้วเซรามิคที่เคยบรรจุช็อกโกแลตร้อนก็ได้แต่ทำหน้าทำตาขัดใจระคน
ปนตกใจก็รีบวิ่งเข้ามาจะแยกตัวเขาออกจากเจ้าส้ม ตัวเขาก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาเชิงว่าไม่เป็นไรนั่นแหละ เจ้าตัวถึงได้ยอมลง
แล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิมดีๆ
ครืด.........ครืด
เสียงสั่นของสมาร์ทโฟนเครื่องหรูของคนอายุมากกว่าบนโต๊ะกาแฟเรียกความสนใจของทั้งคู่ อี้ชิงที่เอื้อมมือหมายจะไปรับ
โทรศัพท์พอเห็นชื่อคนโทรมาริมฝีปากสีแดงสดก็เม้มแน่นยึกยักอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจคว้าแล้วกดรับมาในที่สุด
“มีอะไรหรือเปล่าจื่อเทา?”
“......”
“ฉันไม่ได้หนีสักหน่อย! ฉันบอกแล้วไงว่าฉันติดงาน”
“......”
“ช่างแม่ฉันเหอะ ... ว่าแต่ที่เขาคุยกันอ่ะเป็นยังไงบ้าง?”
“.......”
“ไม่! บอกพวกเขาเลยว่าหยุดความคิดพิเรนทร์ๆแบบนั้นเลยนะ!”
“........”
“งั้นนายมารับฉันที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต A เดี๋ยวฉันจะไปรอที่นั่น”
“........”
“บอกแม่ฉันไว้เลยนะว่า ไม่ว่ายังไงฉันก็จะไม่หมั้นกับนายเด็ดขาด ฮวังจื่อเทา!”
จงแดที่ทำได้เพียงแค่มองแขกของบ้านคุยโทรศัพท์ด้วยใบหน้าที่แปรเปลี่ยนอารมณ์จากอ่อนโยนกลายเป็นบูดบึ้งภายใน
เวลาอันรวดเร็วอย่างหวาดๆ น้ำเสียงนุ่มๆนั้นกระโชกโฮกฮากจนจงแดรู้สึกกลัว เขานั่งฟังอีกฝ่ายคุยโทรศัพท์ จนรู้ตัวอีกทีก็
เผลอทำตัวเสียมารยาทเข้าให้ ฝ่ายอี้ชิงที่เพิ่งวางโทรศัพท์ไปก็ได้แต่ทำฮึดฮัดในลำคอแล้วก็บ่นกระปอดกระแปดกับตนเอง
ด้วยเสียงที่ไม่แรงนัก ทำให้จงแดที่นั่งอยู่ฝ่ายตรงข้ามได้ยินอยู่เพียงเล็กน้อยแต่ก็พอจับใจความได้ประมาณว่า
‘ฉันไม่หมั้นกับคนที่แม่หามาให้หรอก ฉันก็มีหัวจิตหัวใจเหมือนกันนะ! อายุก็เพิ่งจะยี่สิบสี่เองแท้ๆ’
คงจะเป็นหัวข้อเรื่องที่จงแดฟังแล้วก็แอบจุกอยู่ไม่หยอก
จงแดฉกโอกาสอุ้มเจ้าส้มที่อยู่บนตักของอีกฝ่ายมาไว้ในอ้อมอกก่อนจะปล่อยให้อีกคนเก็บสัมภาระที่พกมาเข้ากระเป๋า
สะพายข้างที่จงแดเห็นตั้งแต่เมื่อบ่าย เจ้าของบ้านที่เพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ก็รีบฉีกกระดาษสมุดแถวนั้นมาเขียนประโยคที่ลืมบอก
ไปตั้งแต่แรกกับประโยคอะไรอีกหลายๆประโยค ก่อนจะพับกระดาษแผ่นนั้นเป็นชิ้นเล็กๆขนาดพอดีมือ แล้วอุ้มเจ้าส้มขึ้น
แนบอกเดินตามอีกฝ่ายที่ลุกขึ้นเดินตรงไปที่ประตูหน้าบ้านเรียบร้อย แขกของบ้านที่ดูเหมือนเพิ่งจะนึกอะไรออกก็หันหลัง
กลับมาก่อนจะยกยิ้มโชว์รอยบุ๋มที่ข้างแก้มแล้วยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยแก้เก้อ
“ขอโทษทีนะที่เสียมารยาท เผอิญว่าแม่ฉันดันไปก่อเรื่องไว้ ฉันเลยต้องไปตามแก้น่ะ”
จงแดที่ส่ายหัวไปมาเชิงบอกว่าไม่เป็นไรก็ยกยิ้มกว้างโชว์ความบริสุทธิ์ใจอีกหนึ่งสเต็ป จาง อี้ชิงที่เห็นอย่างนั้นก็เก้อหนัก
เข้าไปใหญ่เลยทำได้แค่หัวเราะแหะๆในลำคอ ก่นที่จะยืนตัวตรงแนบลำตัวแล้วโค้งขอบคุณพร้อมเอ่ยลาอีกฝ่าย
“ขอบคุณมากๆนะครับสำหรับช็อกโกแลตร้อนๆ กับมิตรภาพใหม่ๆ ไว้ผมจะมาเยี่ยมใหม่นะครับ”
“....”
“อ้อ! ไม่ต้องไปส่งหรอกนะ แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่ ไว้คราวหน้าฉันจะเลี้ยงข้าวจงแดเองนะ ขอบคุณมากๆ”
“....”
“แล้วส่วนเรื่องเสื้อผ้าที่เปียก ต้องขอบคุณมากๆเลย ไว้วันหลังฉันจะมาเอานะ”
“....”
“ไปล่ะบ๊ายบาย~ เจ้าส้ม บ๊ายบาย~ ไว้เจอกันนะ..”
จงแดที่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะก้าวเท้าออกไปจากประตูบ้านก็รีบเอากระดาษที่เขียนไว้ยัดใส่มือทันที ก่อนจะโค้งลำตัว
ขอบคุณอีกฝ่ายคืนเช่นกัน เขายิ้มกว้างจนตาหยีหลังจากที่โค้งคำนับเสร็จ มือข้างขวาที่ไมได้อุ้มเจ้าส้มก็โบกมือลาอีกฝ่ายเมื่อ
เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังออกจากประตูรั้วบ้านสีขาวไปเรียบร้อยแล้ว ร่างเล็กของเด็กหนุ่มรอจนอีกฝ่ายหายไปจากระยะสายตา
ประตูไม้บานใหญ่ก็ถูกปิดลงกลอนอย่างเคยเหมือนเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว
แต่คราวนี้จงแดกลับไม่รู้สึกเหงาอย่างที่เคย .. ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
ฝ่ายอี้ชิงที่กำลังเดินทอดน่องเฉื่อยๆชมบรรยากาศหลังฝนตกหมาดๆก็กางกระดาษสมุดที่ถูกฉีกออกมาอ่าน ลายมือเป็น
ระเบียบจนคนอย่างเขายังอิจฉาของอีกฝ่ายเขียนลงบนกระดาษแผ่นนั้น จางอี้ชิงอ่านทวนมันเป็นรอบที่สองแล้ว แต่ความ
รู้สึกหุบยิ้มไม่ได้มันก็ไม่จางหายไปสักที มิหนำซ้ำเขายังรู้สึกว่ามันกำลังเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ไอ่ความรู้สึกอิ่มเอมตรงอกตั้งแต่เจอ
จงแดครั้งแรกนั่นหน่ะ..
‘คุณจางผู้ใจดีครับ! ผมต้องขอโทษจริงๆที่ยังหาเจ้าหนังสือหิมะที่อมยิ้มไม่เจอ แต่ว่าผมสัญญานะว่าผมจะหามันให้ได้
คุณจางอดทนรอหน่อยนะครับ! ส่วนชุดที่เปียกเดี๋ยวไว้ผมจะซักให้แล้วจะเอาให้คุณจางตอนที่เราเจอกันอีกครั้งนะครับ ถึง
บ้านแล้วอย่าลืมทานยาสองเม็กพร้อมน้ำแล้วพักผ่อนให้เพียงพอนะครับ เดี๋ยวจะป่วยแล้วแย่เอา ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าคุณ
จางจะต้องไปแก้ปัญหาอะไร แต่ว่า สู้ๆนะครับ! ไว้เราพบกันใหม่
ขอบคุณนะครับ
คิมจงแด ^------------^’
✉
น้องชรงแดไม่ใช่คนใจง่ายนะฮะ น้องแค่เห็นว่าพี่อี้ใจดีกับน้องแค่นั้นเองงงงงงง ; _ ;
แต่พี่อี้ล่ะสิ... มีคู่หมั้นแล้วทำไมมาอยู่กับชรงแดเลา มาเต๊าะชรงแดเลาทำไม หวงงงงงงงงงงง (me/พี่อี้ต่อย)
ใครมันบอกว่าฟิคนี่ angst ว่ะ...............นี่ไม่เห็นจะเศร้าซักแอะ.........................
ละมุนไปม้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง //////////////////////////////
เรียกได้ว่าแต่งไปหลับไปค่ะ มึนๆตอนไหนยังไงก็ขออภัย เลาสะเพร่าเอง เยิ้ป <3
#wims1 เขาเล่นแท็กคนเดียวมันเปลี่ยวหัวใจนะเตง ;___________;
ความคิดเห็น