คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 2nd Wind : (Lodae) (100%)
Wind(sequel of Camera)
Pairing : junhong/daehyun (Lodae)
Rated : pg 13
Note : ใครขอภาคต่อ สารภาพมาให้หมดเลยนะ 555555555555555+ มันคนละฟีลกับคาเมร่าจนสงสัยว่านี่คนแต่งคนเดียวกันหรือเปล่า... มีคำหยาบประปรายจ้า♥
จุนฮงมองภาพดวงอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า ดวงอาทิตย์กลมโตส่องแสงสีทองอมส้มนวลไปทั่วทุกแห่ง ลมทะเลที่ถูกพัดมาจาก
ริมฝั่ง ทำให้ได้รับกลิ่นไอของทะเลมากยิ่งขึ้น อากาศเริ่มหนาวลงจากเมื่อชั่วโมงที่แล้วบ้างเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่
อบอุ่นพอให้รู้สึกเย็นสบาย ให้ตัวเขาได้รู้สึกสัมผัสบรรยากาศของการที่ได้ขึ้นชื่อว่าพักผ่อนมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ท้องฟ้าเริ่มจะมืด
ลงบ้างแล้วก็ตาม แต่จุนฮงก็ยังนั่งมองดวงอาทิตย์จากระเบียงห้องตรงนี้ รอเวลาให้แสงสีส้มนวลนั้นหายไปจนหมด เหลือ
เพียงท้องฟ้าสีดำ แสงจากดาวดวงเล็กๆ แสงสีนวลจากดวงจันทร์ และแสงไฟจากสถานที่ต่างๆสอดส่องผ่านลงมา
ปูซาน
เมืองท่าที่สำคัญอันดับหนึ่งแห่งเกาหลี สถานที่ที่จุนฮงตัดสินใจเลือกที่จะถ่ายทำมิวสิควีดีโอส่งอาจารย์เพื่อเป็นงานชิ้น
สุดท้ายก่อนเรียนจบ ถึงแม้ในรายชื่อให้เลือกสถานที่นั้นจะมีมากมาย สุดท้ายความเห็นส่วนใหญ่ของคนในกลุ่มก็ตกลงปลงใจ
จะเลือกถ่ายทำกันที่ปูซาน สาเหตุหลักๆก็เพราะเมื่อถ่ายทำเอ็มวีจบแล้ว สามารถใช้เวลาส่วนใหญ่ที่เหลือในการท่องเที่ยว
สถานที่ต่างๆมากมายในเมืองท่าแห่งนี้
จุนฮงเองก็เลือกจะไปปูซานเหมือนกัน คงเป็นเพราะว่าเขาไมได้ไปทะเลมานานพอสมควร อยากจะหาที่ผ่อนคลายอารมณ์
หลังจากสะสมมาเกือบสีปี่บ้าง แต่อีกสาเหตุหนึ่งที่จุนฮงไม่สามารถปฏิเสธใจตัวเองได้ว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่สุดที่เขาอยากมา
เยือนที่นี่ ..บ้านเกิดของใครบางคน
จอง แดฮยอน
สบายดีหรือเปล่านะ?
ตอนนี้การถ่ายทำมิวสิควีดีโอเพื่อส่งอาจารย์นั้นสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงมีเวลาพักผ่อนส่วนตัวอีกห้าวัน
ก่อนจะต้องกลับไปเตรียมตัวสอบปลายภาคที่จะถึง ป่านนี้เพื่อนๆบางคนคงเลือกที่จะกลับไปพักผ่อนที่บ้านของตัวเองตาม
ประสาวัยรุ่นขี้เกียจ ส่วนบางส่วนก็เลือกที่จะใช้เวลาวันหยุดอันแสนคุ้มค่ากับที่ปูซานแห่งนี้ต่อไป จุนฮงเองที่ต้องเดินทางแยก
กันมากับเพื่อนๆเพราะมีแก็งค์เกรียนๆอาสาจะมาส่งอย่างพี่ยงกุกก็เลยเลือกที่จะพักผ่อนต่อ สาเหตุแรกคือยงกุกเป็นคนอาสา
มาขับรถเพื่อที่จะได้เที่ยวต่างจังหวัดไปในตัวกับเพื่อนๆอย่างพี่ฮิมชาน จงออบ และยองแจ ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งก็คือจุนฮงยัง
อยากจะลองตามหาใครคนหนึ่ง ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปอยู่ที่ไหนกันแล้ว รู้แค่เพียงว่าอีกฝ่ายยังมีตัวตนและยืนอยู่บน
ผืนแผ่นดินแผ่นเดียวกัน
“อยากเป็นไข้เลือดออกนัก มึงก็ไปนั่งอยู่ในฟาร์มเลี้ยงยุงซะเซ่”
สึด เสียบรรยากาศหมด
จุนฮงหันกลับไปมองเพื่อนสนิทตัวเองที่กำลังเดินหยิบนู่นหยิบนี่ทั่วห้องของเขา เอ่อ..จะพูดว่าห้องของเขาก็ไม่ถูกสิ ที่นี่เป็น
บ้านพักตากอากาศที่มาเช่ากันอยู่เฉยๆ ส่วนเขากับเจ้าจงออบก็เป็นรูมเมทกัน งั้นเรียกว่าข้าวของของเขาคงจะดีกว่า
“เป็นห่วงกูหรือไง”
จงออบที่หาของที่ต้องการจะหาตั้งแต่แรกได้ก็เดินมาชี้หน้าคาดโทษเพื่อนรักพร้อมส่งทิ้งประโยคสุดท้ายที่ทำเอาชเวจุนฮง
รู้สึกอบอุ่นซาบซ่านไปทั่วหัวใจ
“เปล่า กูกลัวตอนกูนอนแล้วยุงจะกัดกูตาย”
ดี ขอให้คืนนี้ยุงมาสร้างรังไว้ที่หัวนอนมึง...
ข่าวดีของเช้าวันนี้คือพี่ยงกุกอนุญาตให้ทุกคนเดินทางเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวได้ตามใจชอบ เรียกง่ายๆก็คือปล่อยตาม
ยถากรรม ใครคิดจะอยากไปไหนก็ไปถ้ามีปัญหาเดินไป หรือใครจะเสียเงินจ้างแท็กซี่ก็เชิญ ส่วนจุนฮงที่ไม่มีที่จะไปเหมือน
ใครคนอื่นเขา ก็เลยลงเอยวันทั้งวันของวันนี้ด้วยการเดินเลียบริมฝั่งชายหาดไปเรื่อยๆ เหนื่อยเมื่อไหร่ก็พัก ไม่ได้คิดจะ
วางแผนไปไหนมาไหนอยู่แล้วแค่ต้องการความสงบร่มรื่น
จุนฮง
เสียงแผ่วเบาที่ราวเหมือนกับกระซิบพัดผ่านมาพร้อมกับลมทะเลทำเอาจุนฮงรู้สึกโหวงๆตรงช่วงท้องแปลกๆ ถ้าเขาไม่ได้หู
ฝาดหรือหูแว่วไปเองเสียงที่ได้ยินเมื่อกี๊เหมือนเสียงของพี่แดฮยอน..เสียงนั้นแผ่วเบาเหมือนกับสายลม
พะพะพี่แดฮยอน!!?
จุนฮงรีบหันขวับมองซ้ายมองขวาสังเกตสิ่งรอบตัวทันทีเมื่อคิดอย่างนั้นจบ เขาสังเกตแม้กระทั่งผู้หญิงเสื้อสีแดงกางเกงดำ
กำลังกินแฮมเบอร์เกอร์ ผู้ชายใส่แว่นกำลังนั่งกดโทรศัพท์ นกที่กำลังโบยบินอยู่บนท้องฟ้า และน้องหมาที่กำลังแทะเท้าเขาอยู่
อย่างเมามันส์ น้องหมา? .. หมาใครว่ะ?
เขาเลยรีบหนีบคอเจ้าหมาน้อยที่ตอนนี้ดูทำท่ากำลังแผลงฤทธิ์ใช้อุ้งเท้าน้อยๆนั่นพร้อมกับเล็กยาวๆแหลมคมขวนแขนเขาไป
มา จริงๆแล้วจุนฮงเองก็เกือบจะคิดว่ามันเป็นหมาธรรมดานะ นี่สงสัยคงเป็นหมาสายพันธุ์แมว นิสัยไม่ได้ต่างอะไรกับแมวที่
เขาเคยเลี้ยงเมื่อตอนเด็กเลยจริงๆ
“จุนฮง!!”
ทีนี้ไม่ใช่เพียงแค่เสียงกระซิบที่พัดผ่านมากับสายลม แต่ชเวจุนฮงคนนี้สามารถสัมผัสได้ถึงความหนักแน่นในน้ำเสียงสิบแปด
หลอดนั่น แถมคราวนี้..มันเหมือนจะเป็นเสียงของพี่แดฮยอนตัวจริงเสียงจริงเสียด้วย
แล้วพี่แดฮยอนก็ยืนอยู่ตรงนั้น... กำลังเดินมาทางเขา หรือบางทีชเวจุนฮงอาจจะฝันไปเองจริงๆก็ได้ พี่แดฮยอนอาจจะไม่มี
ตัวตน สิ่งที่เขาเห็นอาจจะเป็นเพียงจินตนาการที่สร้างขึ้นโดยสายลม
“ไอ่หมาเวรจุนฮง!”
เฮือก..
จุนฮงตกใจเหมือนฟ้าผ่ากลางศีรษะ เขารีบปล่อยเจ้าน้องหมาในมือลงพื้นอย่างลืมไปว่ามันไม่ใช่ความสูงเล่นๆเลย คนที่
กำลังเดินมาทางเขาจึงรีบเอามือไปรองรับเจ้าน้องหมาที่เกือบกลายเป็นเพียงซากศพอันน่าสงสารจากการกระทำโดยไร้สติ
แต่เมื่อกี๊อะไรกันนะ ไอ่หมาเวรจุนฮงนั่นหน่ะ
“บอกแล้วไงว่าอย่าไปยุ่งกับคนอื่น! เดี๋ยวก็ปล่อยให้หิวข้าวตายแม่ง”
จองแดฮยอนที่ดูสูงขึ้นนิดหน่อยเพียงเซ็นต์นึงและผิวที่ดูคล้ำขึ้นกำลังใช้มือคู่นั้นที่จุนฮงจำได้ดีว่าเคยหลอกจับไปแล้วกี่ครั้ง
กระหน่ำตีเบาๆไปที่เจ้าหมาน้อยขนสีน้ำตาลปุกปุยที่ดูอุดมสมบูรณ์ ส่วนเจ้าหมาตัวแสบก็ได้แต่ร้องแหง่วๆประสาหมาแรก
เกิดไม่กี่เดือน แต่จุนฮงไม่สนหรอกว่าหมาตัวนั้นจะเกิดมากี่วันกี่เดือนกี่ปีกี่โมง .. ตอนนี้พี่แดฮยอนยืนอยู่ข้างหน้าเขาตรงนี้
ในที่ที่เขาสามารถเอื้อมมือไปสัมผัสได้ .. พี่แดฮยอน
“ป่ะจุนฮง ไปกินข้าวกัน”
จุนฮงที่เห็นคนที่เขาตามหามาเป็นเวลาสี่ปีกำลังจะเดินจับไปไม่ทันได้ไตร่ตรองคิดอะไร มือข้างซ้ายก็รีบคว้าหมับเข้าให้ที่ต้น
แขนของอีกฝ่าย ชิท...เดจาวูโคตรๆ พี่แดฮยอนที่ดูคล้ำกว่าเดิมไปนิดหน่อยตวัดหางตามามองหน้าเขา ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือน
เหตุการณ์วันแรกที่เราได้เจอกันไม่มีผิด แตกต่างตรงที่ว่าคราวนี้เราไม่มีประตูหน้าต่างและผนังข้างห้องเป็นแบคกราวน์ เขา
ไม่มีไอ่เจ้าจงออบมาขัดขวาง และเขากับพี่แดฮยอนก็ไมได้เจอกันครั้งแรกด้วย..
“พะ...พี่แดฮยอน”
“....”
“....”
“อะไรของนายน่ะ?”
น้ำเสียงแหลมที่แปลกกว่าผู้ชายทั่วไปทำเอาใจของจุนฮงกระตุกวูบ เขาไม่ได้ยินเสียงนี้มาจะสี่ปีอยู่แล้วตั้งแต่วันที่พี่แดฮยอน
กลับมาปูซาน ยอมรับเลยว่าเขาคิดถึงเสียงนี้มากขนาดไหนแต่เขาคิดถึงเจ้าของเสียงมากกว่าหลายเท่า
“ก็..ก็พี่ชวนผมไปกินข้าว”
จุนฮงเอ่ยอย่างตะกุกตะกักเพราะเขารู้สึกได้ถึงความประหม่า เขาเองก็แทบไม่ได้คุยกับพี่แดฮยอนมาตั้งหลายปี แถมครั้ง
สุดท้ายที่ได้คุยกันเขาก็เป็นฝ่ายพูดคนเดียวอีก ยิ่งเป็นคำพูดคำสุดท้ายที่เขาให้ก่อนที่เราจะไมได้เจอกันนั่นอีก แค่คิด..จุน
ฮงก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าหนีไปไหนจะแย่
“เห? กินข้าว? เมื่อไหร่?”
ดวงตากลมโตนั่นโพลงขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจ พี่แดฮยอนเวลาอยู่ที่นี่ดูท่าทางจะแตกต่างกับเวลาอยู่ที่โซลอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งน้ำเสียง ทั้งกริยาท่าทางก็ดูเป็นตัวเองมากขึ้น ทั้งภาษาที่ใช้ สีผิวที่คล้ำลงแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นเห็นได้เด่นชัด แต่ความสดใสในแววตาไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนี่สิ.
“ก็เมื่อกี๊พี่พูดว่าป่ะ ‘จุนฮง ไปกินข้าวกัน’ ไม่ใช่หรอ?”
จู่ๆเจ้าหมาน้อยในมือของพี่แดฮญอนก็รีบผงกหัวหยกๆแล้วส่งเสียงเห่าเบาๆส่งลิ้นเล็กๆออกมาทักทายคุณอากาศเล่นซะ
อย่างนั้น ส่วนฝ่ายเจ้าของน้องหมาที่เพิ่งรู้เรื่องก็ยืนหัวเราะไปกลั้นหัวเราะไป .. อย่าบอกนะว่า
“เจ้าหมานี้มันชื่อจุนฮงว่ะ ขอโทษทีนะ ชเว จุนฮง”
จุนฮงรู้สึกหน้าชานิดๆกับประโยคเมื่อกี๊ ถ้าสมมติว่าเขาไมได้คิดมากไปเองจริงๆ..เขาเองก็คงได้ยินเสียงเน้นย้ำหนักๆราวกับ
จงใจแกล้งของแดฮยอนว่าชเวจุนฮงกับจุนฮงหมาน้อยหน่ะไม่เหมือนกันนะ
“งั้นผมไปบ้านพี่ด้วยเหมือนกัน เจ้าหมานี่ทำผมเลือดออก”
พูดเสร็จก็ยื่นแขนอีกข้างให้คนอายุมากกว่าดู เลือดสีแดงสดไหลซิบๆออกมาตามบาดแผลแนวทางประมาณหนึ่งนิ้ว จริงๆ
เขาไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับแผลแค่นี้หรอก แต่ถ้ามีโอกาสมาแล้วการจะปล่อยให้ผ่านเลยไปคงยากน่าดู
“เออ มาก็มา อย่าหลงทางล่ะกัน ขี้เกียจเลี้ยงหมาสองตัว”
แดฮยอนทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินหนีไปอีกทาง จุนฮงที่ดูเหมือนเพิ่งได้ของเล่นใหม่ก็รีบวิ่งแจ้นตามไปทันที
หวังว่าเขากำลังไม่ได้ฝันไปนะ หรือจริงๆแล้วพี่แดฮยอนเองก็ไม่ได้มีตัวตนอยู่ตั้งแต่แรก?
“แดฮยอนพาใครมาหน่ะ?”
เสียงทักที่ดังมาจากในบ้านทำเอาจุนฮงสะดุ้ง ลมเย็นๆที่พัดผ่านตัวทำเอารู้สึกขนลุกแบบแปลกๆ จริงๆแล้วนี่ก็เพิ่งจะหกโมง
เย็นกว่าๆ บรรยากาศกลับมืดมิดน่ากลัว มีเพียงแสงไฟสลัวๆกับพี่แดฮยอนที่ยืนนำหน้าเขาอยู่เท่านั้น สิ่งของแวดล้อมรอบข้าง
แลดูน่ากลัวกว่าที่เคยเป็น ผู้คนที่จุนฮงคิดว่าน่าจะจ้อกแจ้กจอแจกลับหายเงียบ มีเพียงเสียงจักจั่นเรไรร้องระหึ่ม ถ้าเขาไมได้
ฝันก็คงอาจจะกำลังยืนอยู่ท่ามกลางกองถ่ายหนังผี ... ชิบหายแล้วไง
“พาหมามาทำแผลอ่ะแม่”
พี่แดฮยอนตะโกนกลับก่อนจะผลักประตูรั้วไม้นั่นส่งเสียงดังเอี้ยดอาดทำเอาจุนฮงขยลุกซู่.. นี่ถามจริงมองเห็นกันหรือไงบ้าน
ช่องถึงไม่เปิดไฟกันเนี่ย พอจุนฮงจะก้าวเท้าเข้าเขตรั้วบ้านเท่านั้น แรงลมที่พัดมาอย่างแรงทำเอาใบไม้ต้นไม้เสียดสีกัน
จิ้งหรีดเรไรยิ่งส่งเสียงร้องกระหึ่ม ซาวน์ดครบแบคกราวน์ครบขนาดนี้ชเวจุนฮงถ่ายหนังผีได้เลยนะ
“เข้ามาสิ หรืออยากเป็นโรคไข้เลือดออก?”
จุนฮงที่มัวแต่สนใจแต่บรรยากาศรอบข้างต้องค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาในอาณาเขตบ้านอย่างกล้าๆกลัวๆ แขนทั้งสองข้างถูกยก
ขึ้นมาลูบกันและกันโดยไม่ตั้งใจ บรรยากาศบ้านของพี่แดฮยอนช่างดูมืดมิด เสียงเมื่อยามที่เท้าเขากระทบกับพื้นไม้เอี้ยด
อ้าดก็ขนลุกซู่อีกครั้ง ข้างในบ้านมืดสนิท ไม่มีแม้แต่เสียงของอะไรสักนิด จุนฮงที่หันซ้ายหันขวาช้าๆเพื่อพยายามกวาด
สายตาเก็บรายละเอียดการใช้ชีวิตของพี่แดฮยอนให้มากที่สุด แต่แล้วหัวใจของเขาก็ต้องตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มทันทีเมื่อพบกับ
ดวงตาสีขาวโพลนเกลือกกลอกไปมาตรงกลางบ้าน!!!!
ไอ่ชิบหาย!!!!
“แม่! ทำไมไม่เปิดไฟ!”
พรึ่บ!!
ฉับพลัน แสงสว่างก็กระจายไปทั่วทั้งบ้าน หัวใจที่ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มของจุนฮงก็ย้อนกลับมาที่ตำแหน่งเดิมมทำเอาแทบ
หายใจไม่ทัน ดวงตาที่เห็นในความมืดมิดนั้นคือดวงตาของผู้หญิงสูงอายุท่านหนึ่งที่นั่งรออยู่โต๊ะทานข้าวกลางบ้าน ป้า แก่
แล้วเล่นอะไรไม่รู้เรื่องว่ะ
แต่เดี๋ยว นั่นแม่พี่แดฮยอน...จุนฮงจะไม่ว่า จุนฮงจะไม่นินทา จุนฮงจะเป็นลูกเขยที่ดีครับ
ถือว่าเป็นโชคดีของชเวจุนฮงที่ได้มานั่งทานข้าวเย็นกับว่าที่ครอบครัวในอนาคตถึงขั้นนี้ เท่าที่รู้มาคร่าวๆว่าครอบครัวของพี่
แดฮยอนยังอยู่ดีครบทุกคน แค่พ่อของพี่แดฮยอนไปอยู่ดูแลบ้านพักกับพี่ชายและลูกสะใภ้ ส่วนพี่แดฮยอนก็ได้แต่วาดภาพ
ถ่ายรูป โปรโมทบ้านพักตากอากาศผ่านทางอินเตอร์เน็ตอยู่ที่บ้านหลังนี้กับคุณมารดาอันเป็นที่รัก
นี่แหละครับครอบครัวในฝันที่จุนฮงใฝ่หา
“ยิ้มไร กินเยอะไปและแกอ่ะ”
จุนฮงที่เอาแต่ยิ้มแฉ่งมองภาพในอนาคตของตัวเองวนลอยไปมาก็มีความสุข ต้องแทบสำลักข่าวเมื่อจู่ๆช้อนที่เคยเป็นของ
แดฮยอนและมีข้าวกับแกงเผ็ดในนั้นเต็มๆถูกยัดเข้าปากโดยไม่ทันตั้งใจ
“แค่กๆ แค่กๆ เล่นอะไรเนี่ยพี่ ผม แค่กๆ กินเผ็ดไม่ได้นะ แค่กๆ”
ทั้งจะร้องไห้ทั้งสำลักข้าวทั้งเผ็ดทำเอาคนแกล้งแทบกุมท้องกลั้นหัวเราะไว้ไม่ทัน คนเป็นแม่ก็รีบยกแก้วน้ำใกล้ๆกันส่งพลาง
ลูบหลังให้จุนฮงไปที
“แกล้งอะไรน้อง นิสัยไม่ดีเลยนะเรา”
คนเป็นแม่เอ็ดลูกชายหัวแสบของตนเบาๆก่อนจะลุกขึ้นเก็บจานข้าวที่กินกันเสร็จเรียบร้อยเพื่อนำไปล้าง พอแดฮยอนอาสา
จะช่วยทำความสะอาดก็โดนไล่มาทำแผลให้เจ้าเด็กแสบที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาตั้งเกือบสี่ปี แดฮยอนยอมรับว่ารู้สึกตกใจอย่าง
มากที่ได้เห็นหน้าเจ้าเด็กนี่ใกล้ๆ เจ้าเด็กโย่งที่แต่ก่อนก็ต้องยอมรับว่าสูงมากพอสมควร พอโตขึ้นแล้วความสูงก็เพิ่มขึ้นอีก
อย่างเห็นได้ชัด เนื้อตัวดูเปล่งปลั่งมีออร่าจนแดฮยอนแทบจะเทียบไม่ติด แต่แดฮยอนก็ต้องยอมรับล่ะนะว่าสิ่งเดียวที่ไม่เคย
เปลี่ยนไป คือแววตาขี้เล่นอันสุกใสนั่น
“นั่งนิ่งๆจะเช็ดแผลให้”
แดฮยอนที่จัดแจงให้อีกฝ่ายนั่งท่าที่สามารถทำแผลได้สบายๆแล้วก็ยกมือข้างที่ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ลหมายว่าจะลงไปป้าย
ทำความสะอาดความสกปรกที่เกาะติดอยู่ตามซอกเล็บของเจ้าจุนฮงไม่ให้แผลของชเวจุนฮงต้องติดเชื้อ ก็ต้องชะงักกลางคัน
เมื่อจู่ๆเสียงดังแหลมหูที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
“น้าแดฮยอน!!!!!!!! ทรัมซี่อยากได้แฟน!!!!!!!!!!!!”
ไอ่เด็กแฮ่ด*..
แดฮยอนจิ๊ปากอย่างขัดใจก่อนจะหันไปมองหลานสาวคนเป็นลูกของพี่ชายตัวดีที่ฝากเขาเลี้ยงเอาไว้ยามที่เจ้าตัวต้องรับแขก
วิ่งดุกดิกส่งเสียงลั่นบ้านไปทั่ว ประเด็นไมได้อยู่ที่เสียงของเจ้าเด็กนี่แสบหูมากแค่ไหน หรือเสียงที่เจ้าเด็กแสบนี่จะดังลั่นบ้าน
มากสักเท่าไหร่ ประเด็นมันอยู่ตรงที่ทิศทางการวิ่งของเด็กแฮ่ดนี่ตรงไปที่ ชเวจุนฮง
สูงยังไม่ถึงเอวเขาริอาจจะมาเป็นแฟน ขอถรุ้ย ลูกใครหลานใครเดี๋ยวพ่อจับเตะ
แดฮยอนรีบคีบแขนของเจ้าเด็กอยากสวยก่อนวัยให้อยู่ห่างๆไอ่เด็กยักษ์นี่ จริงๆไม่ได้มีเหตุผลอะไรนักหรอกก็แค่กลัวเจ้าเด็ก
นี่ล้มทับเจ้าทรัมซี่แล้วจะหายใจไม่ออก เขาเองก็ยังไม่อยากให้หลานแฮ่ดๆนี่ตายไปเหมือนกัน เดี๋ยวเหงาตายอีกอย่างเขาอาจ
จะโดนทั้งครอบครัวรุมประชาทัณฑ์ฆ่าได้ โทษฐานไม่ดูแลหลานสาวในไส้ตัวเองให้ดีๆ
แต่ดูเหมือนจุนฮงมันจะไม่คิดอย่างนั้นนะ
“หึงผมหรอ?”
คำถามที่ถูกส่งมาพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ้มทำเอาแดฮยอนรู้สึกอยากจะเทขวดแอลกอฮอล์ล้างแผลราดแผลนั่นให้รู้แล้วรู้รอด ไม่
แน่อาจจะสาดยาแดงซ้ำกลับ หรือไม่ก็ปล่อยให้บาดทะยักแดกตายแม่ง บาดทะยักจากหมาที่ชื่อจุนฮงไงเก๋ดี ติดเชื้อ
บาดทะยักจากหมาชื่อเดียวกันหน่ะ
“กลับบ้านแกไปเลยไป่”
พูดเสร็จแล้วก็วางชุดอุปกรณ์รักษาแผลไว้ข้างๆนั่นแหละ พลางดันตัวของอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นจากโซฟาก่อนจะดันให้เดินไปตรง
ประตูหน้าบ้าน กวนประสาทนักก็ปล่อยให้เป็นแผลแม่ง
“แหน่ะไม่ตอบ แสดงว่าหึงผมหล่ะสิ อีกอย่างรู้นะว่าคิดถึง ตั้งชื่อลูกหมาเหมือนผมด้วย”
แดฮยอนยิ้มเหยาะให้กับความคิดเด็กๆของเด็กที่ไม่ยอมโต เขาเขกหัวอีกฝ่ายไปแรงๆก่อนจะแอบต่อยท้องเบาๆไปทีนึง
“ทรัมซี่ตั้งชื่อตั้งหาก ยัยเด็กนั่นอยากได้แฟนชื่อจุนฮงอ่ะ”
ไอ่เชร็ค...
นินทาเรื่องผู้ชายหน่อยไม่ได้เลย เจ้าตัวพร้อมสายตาวิ้งค์ๆตามประสาเด็กผู้สดใสต่อโลกก็โผล่มาเกาะหนึบเข้าที่ขาของชเว
จุนฮง ดุท่างเจ้านั่นคงตกใจไม่น้อยเหมือนกัน ทั้งเรื่องเหตุผลของการตั้งชื่อเจ้าลูกหมาที่เก็บมาเลี้ยงตัวนั้น กับทั้งการปรากฏ
ตัวกะทันหันของเจ้าเด็กทรัมซี่
คิดหรอว่ายัยทรัมซี่จะอ่อนต่อโลก หึ.. ไม่หรอก ยัยนี่สมองปาเข้าไปสามสิบแล้วล่ะ
“น้าแดฮยอน!! ทำไมไม่บอกว่ามีรุ่นน้องหล่อแบบนี้อ่ะ!!! ทรัมซี่จะเป็นแฟน!!! พี่ชายชื่ออะไรคะ?”
พูดตะโกนใส่หน้าน้าชายตัวเองปาวๆ เสร็จแล้วก็หันไปเอาหน้าไถกับขาของเจ้าเด็กยักษ์นั่น จริงๆแล้วแดฮยอนก็อยากจะคีบ
คอเจ้าเด็กนี่ออกมาอยู่หรอกนะ พอเห็นปฏิกิริยาของชเวจุนฮงแล้วก็..ปล่อยไว้แบบนี้แหละ
“พี่ช่วยผมหน่อย....เอ่อ พี่ชื่อชเวจุนฮงจ้ะ”
พูดเสร็จแล้วก็พยายามแกะแขนปลาหมึกนั่นออกอย่างเก้ๆกังๆ คงเพราะความสูงที่ห่างกันมาก และขนาดตัวเจ้าเด็กยักษ์
ชเวจุนฮงคงไม่กล้าจะทำแรงๆเพราะกลัวเจ้าเด็กแฮ่ดนั่นเป็นอะไรไปสะก่อน ฝ่ายแดฮยอนที่ดูเหมือนจะชอบใจก็ยืนกอดอก
เอียงพิงขอบประตูหน้าบ้านมองฉากตรงหน้าอย่างนึกสนุก
“กรี้ดๆๆๆๆๆๆๆๆ กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!! ชื่อเหมือนแฟนในฝันหนูเลยค่ะ!!! พี่ค่ะเป็นแฟนกับหนูเถอะ”
กรีดร้องให้พอหนำใจแล้วก็ทำท่าจะกระโดดกอดจุนฮงที่ส่วนสูงของตัวเองยังอยู่ไม่ถึงเอวของเขา หนอย ไอ่เด็กแก่แดดนี่ เอา
จุนฮงที่เป็นลูกหมาไปเป็นแฟนก่อนมั้ยหะ?
“ไม่ได้หรอกนะ เอ่อคือ..”
“ทำไมล่ะค่ะ ทรัมซี่ไม่สวยหรอ?”
พูดไปก็ส่งสายตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาอยู่ในนั้นไปให้เล่นเอาจุนองกลืนน้ำลายดังอึ้ก นิสัยแบบนี้แหละน้า .. แดฮยอนก็มัวแต่
หัวเราะจนไม่สนใจอีกคนว่าจะตกที่นั่งตระกำลำบากมากแค่ไหน
ไม่สน ช่วงนี้แดฮยอนสะใจว่ะ โฮะๆ
“เอ่อคือ...”
“เป็นแค่แฟนกับทรัมซี่วันเดียวก็ไม่ได้เลยใช่มั้ยคะ?”
พูดไปน้ำตาก็จะไหลไป ราวกับแสดงละครหลังข่าว นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้ากับหลานนะ ได้มีตบกะโหลกกันไปข้าง..
“ก็ได้ครับ พี่เป็นแฟนกับทรัมซี่วันนึงก็ได้”
“กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด จริงหรอคะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
เจ้าเด็กน้อยที่สมองเป็นใหญ่พอได้ยินคำตอบที่ถูกใจก็รีบกระหน่ำจูบที่ขาของจุนฮงก่อนจะโดนลากตัวไปอีกทางโดยฝีมือของ
คนเป็นมารดาของแดฮยอน ท่าทางจะดีใจมากจนไม่ได้ยินคำที่พูดว่าวันนึงเลยล่ะมั้งนั่น
“อย่าลืมล่ะตั้งวันนึงแหน่ะ กลับบ้านไปได้แล้วแกหน่ะ”
ชี้หน้าคาดโทษอีกฝ่ายพลางดันตัวอีกคนออกเมื่อเห็นว่าทำท่าทางจะเดินกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง จุนฮงก็ได้แต่เดินหันหลัง
กลับคอตกเดินเตะหินเตะทรายข้างทางไปเรื่อย พอครั้นจะหันไปปิดประตูรั้วบ้านของพี่แดฮยอน โลกทั้งใบที่ดูมืดมนก็พลัน
สว่างใสทันที
“จะให้ไปส่งเป็นของขวัญปลอบใจป่ะล่ะ?”
มาขนาดนี้คิดว่าชเวจุนฮงจะปฏิเสธหรือยังไงกันครับ?
สายลมที่พัดผ่านตัวเราตลอดเวลาแค่เราไม่สังเกตเห็นมัน
จะว่าไปชเวจุนฮงก็ไมได้โกหก จองแดฮยอน อยู่ข้างๆจุนฮงตลอดเวลา
แค่จุนฮงอาจจะมองไม่เห็นจากที่ไกลๆ
“ก็พี่แดฮยอนเป็นสายลมของผมนิ”
E N D (สักทีเถ่อะ me/กราบ)
จบแล้ว เย่.. นี่แต่งกดดันตัวเองเพราะคำขอที่ว่าค้างเลยนะแง ;A;
ใครเขย่าคอเราหัวหลุด เราอุตส่าห์ให้จบแฮปปี้ๆแล้วนะ คริ
เอาเป็นว่า จินตนาการต่อกันเองดีมั้ย ..... เราบอกแล้วว่าตอนนี้มันคนละฟีลและไม่มีอะไรเลย
5555555555555555555555555555555555+
#ถ้าให้เราแต่งต่อมันคงเป็นฟิคยาวไม่ใช่ฟิคสั้นแล้วล่ะแงงงงง
สุดท้าย ขอบคุณทุกคำขอที่ให้แต่งต่อนะคะ♥ เพราะทุกคนเลยมีตอนี้ขึ้นมาค่ะ
เด็กแฮ่ดคือ .. เด็กแร_นั่นเอง ..
/ลืมคอนทราสต์กันไปแล้วล่ะสิ้ ชิ
สายลมเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ฟ่ะ ...
ปล. พี่ฝอยสวยใสไร้ไอดีคงไม่กล้าแบนเจ้าของฟิคหรอกค่ะใช่มั้ยคะ *-*
ความคิดเห็น